|
|
 |
 |
|
|
|
 |
 |
|
|
 |
 |
|
- อันตรายที่ซ่อนอยู่ ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้
- นั่งสมาธิแล้วตัวหด
- ง่วงเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม ผ่านไปไม่ได้
- ไม่ใช่มองเห็นการนั่งเป็นสมาธิไป
- บีบกด VS เป็นไปเอง
- ฌาน
- ตัวอย่าง รู้ตามที่เราอยากให้มันเป็น ๒
- ตัวอย่าง รู้ตามที่เราอยากให้มันเป็น ๑
- ใกล้ตายจิตสงบง่าย
- สมถะวิปัสสนายาใจยามเจ็บ
- นั่งสมาธิวันละ 40 นาที 4 เดือนแล้ว ทำไมๆ
- นั่งสมาธิแล้วลมหายใจหายทำไงต่อ
- ภาวนา พุทธ/โธ โดยไม่ดูลมหายใจ
- อวิชชา คือความไม่รู้ตามความเป็นจริง
- เมื่อทุกข์ค้นหาเหตุกำจัดเหตุทุกข์ดับ
- นั่งสมาธิแล้วรู้สึกกลัวเหมือนกำลังจะตาย
- ถึงนิมิตแล้วจะผ่านไปได้อย่างไร ,
- ภาวนาตัวสั่น ตัวหาย ,
- โอภาส แสงสีสว่างไสว ,
- สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
- ธรรมสากัจฉา โอภาส ,
- อาจารย์สำนักหนึ่งแนะวิธีบรรลุธรรม ,
- ทำกรรมฐานแล้วหูแว่วแก้ยังไงดีคะ ,
- ตัวอย่างแนวๆนี้พึงระวัง ,
- นั่งสมาธิเกิดปรากฏการณ์ทางจิตแปลกๆ ,
- ชีวิต ,
- นั่งสมาธิเหมือนมีอะไรกดดันที่คอ ,
- การนั่งสมาธิกับความคิด ,
- ร่างกายเหมือนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ,
- ปฏิบัติโยงศัพท์ทางธรรม ,
- นั่งสมาธิมีเสียงในหัวหยุดความคิดไม่ได้ ,
- อ่านรู้สึก VS เข้าถึงรู้สึก ,
- กัดฟันสู้ VS สู้อย่างรู้เข้าใจ ,
- พื้นๆ
- ๒ แนวปฏิบัติ สมถะ กับ วิปัสสนา
- บริกรรมพุทโธเหมาะเริ่มต้น
- ทุกข์เป็นสภาวะด้านหนึ่งของชีวิต
- ธรรมชาติของชีวิต
- ทำสมาธินานๆ แล้วเห็นแสงมีจริงหรือครับ
- นั่งสมาธิตัวสั่นโยกเร็วแล้วหยุด ,
- มหัศจรรย์ ครั้งแรกในชีวิตกับการภาวนา
- ลมหายใจหาย อึดอัดทนไม่ไหว
- การนั่งสมาธิที่ถูกต้องต้องทำอย่างไร
- ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนกันไม่ได้
- จุดตายโกก้า
- ความหมาย วิปัสสนา
- คอร์สโกก้า วันที่ 1-9
- คอร์สโกก้า วันที่ 10
- ปล่อยวางความแค้นในอดีต ได้ยังไง
- ตอนทำสมาธิ เห็นสิ่งที่ไม่ใช่คน
- มือ ลูกกะตา ปาก ขา ทั้งร่างกาย เคลื่อนไหวเอง
- กำหนดรู้ตามที่มันเป็น
- วิธีแผ่เมตตาจิต
- อยากหยุดความรู้สึกที่ไม่ดี
- จิตจะพัฒนาไปเรื่อย
- นั่งสมาธิแล้วเกิดนั่นนี่โน่น กลัวค่ะ ,
- นั่งสมาธิแล้วเหมือนโดนไฟช็อต
- นั่งสมาธิจงกรมแล้วอารมณ์ยังเหวี่ยงง่าย
- ไม่ใช่ฤทธิ์ เป็นกิเลส
- นั่งสมาธิแล้วเหมือนมีแมลงไต่
- นั่งสมาธิแล้วภาพ สัตว์ แมลงลอยให้เห็น ,
- ประสบการณ์จากการฝึกสมาธิ ,
- วิปัสสนูปกิเลส
- ฝึกเป็นอริยบุคคล ,
- หลักพระอรหันต์แท้ๆ
- นั่งสมาธิมีเสียงพูดเสียงสอน
- ออกจากสมาธิแล้วคิดอะไรไม่ออก
- จิตส่งเสียงคล้ายคนสวดมนต์
- จิตบอกให้หยุดหายใจ ,
- สภาวะปีติ ๕
- ประสบไตรลักษณ์อย่างไม่รู้เท่าทัน ,
- นั่งสมาธิแล้วร่างกายสั่นจริง
- นี่ใช้พุท-โธ
- หลักสอบอารมณ์ตนเอง ,
- ลมหายใจหาย ,
- ภาวนาแล้วรู้สึกตัวเองสกปรก ,
- ธงชัยอริยบุคคล
- นั่งสมาธิแล้วมีความสุขมาก
- สวดมนต์ เจอกิเลสมารคิดชั่วร้ายกับครูอาจารย์
- ปฎิบัติธรรมเอง แล้วทุกอย่างเปลี่ยนไป ,
- มิจฉาปฏิปทา ,
- นั่งสมาธิร่างกายคล้ายๆมวลสาร
- ธัมมุทธัจจ์ ๑๐
- เหมือนตัวหาย ,
- เหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นไปตามขา
- นั่งสมาธิ ฟุ้งซ่านมาก
- นั่งสมาธิแล้วมีแสงสว่างจ้าวาบเข้ามาในตา ,
- พอจิตเริ่มนิ่งๆ แขนขยับได้เอง
- เรากับสามีไปปฏิบัติธรรม แล้วสามีมีอาการเหมือนคนบ้า
- ต่อจากวิปัสสะนึก
- วิปัสสะนึก ,
- อารมณ์สมถะ - วิปัสสนา ,
- ลมหายใจหาย ไปไม่เป็น ,
- นั่ ง ส ม า ธิ แ ล้ ว เหมือนมีแมลงไต่ ,
- ทำสมาธิแล้วเหมือนจะขาดใจ ,
- วิธีล้างเจ้ากรรมนายเวรออก
- วิบเดียว
- จิตเกิด-ดับรวดเร็ว วิบ
- นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการชาๆตึงๆ ,
- ธรรมะไม่ถูกใจคน ,
- นั่งสมาธิแล้วรู้สึกมีลมเย็นพัดผ่านหลัง ,
- ธัมมะธัมโมโฮ่กันอยู่ได้
- นั่งสมาธิเห็นเป็นคนมาล้อม, กลัว ,
- กำหนดรู้ตามที่มันเป็นเพื่อให้รู้เห็นชัด ,
- นั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงคนพูด ,
- ตัวอย่างเทียบ กท. ล่าง ,
- เห็นนิมิตเทวดาพนมมือรับบุญ ,
- ขณะโทสะเกิดคนไม่รู้ ดับแล้วจึงรู้ ,
- นั่งสมาธิ-สวดมนต์ ได้ยินเสียงนั่นนี่โน่น ,
- รู้จัก อานาปานสติ
- อ่านเข้าใจแล้วต้องไปปฏิบัติ ,
- ชาวพุทธเข้าใจคำว่าธรรม ว่าหมายถึงอะไรกันบ้างเหรอครับ ,
- ภาวนา=ทำ. ทำ=ปฏิบัติ = ปฏิปทา ,
- ไม่ต้องตามหา เดี๋ยวมาเอง ,
- แสง สี เป็นต้นจะปรากฎเมื่อจิตเริ่มสงบ ,
- นั่งสมาธิ กับ บารมี ๑๐ ,
- เห็นการเกิด-ดับ ,
- ผู้ปฏิบัติแท้จะไม่หวั่นนิมิตใดๆ ทั้งทางกาย ทางใจ ,
- เป็นอารมณ์ที่เกิดจากจิตที่เป็นสมาธิแล้ว ,
- เห็นสัจธรรมแล้วทุกข์คลายเอง ,
- หากต้องการเข้าถึงความจริง มนุษย์ต้องเข้าใจตัวเขาเอง ,
- ขณะจิตบรรลุมรรคผล
- นั่งสมาธิ แ ล้ ว เ บื่ อ ทุกอย่าง ,
- ชอบถามธรรมะระดับแก่นกัน ,
- นั่งสมาธิแล้วหายไปทั้งตัว ,
- มีใครนั่งสมาธิแล้วเพี้ยน เป็นบ้าบ้าง ,
- นั่งสมาธิได้ยินเสียงสิ่งที่มองไม่เห็น ,
- สภาวะจากนั่งสมาธิตัวหาย กายสั่น ,
- กิเลสต้องเห็นชัดด้วยปัญญา
- ใช้ พอง-ยุบ เป็นกรรมฐาน
- ประสบการณ์ชีวิตเยอะ ธรรมารมณ์ก็เยอะ
- นั่งสมาธิแล้วรู้สึกเหมือนจะตาย เกร็งๆ
- อย่าฝืน อย่าต้านสภาวธรรม
- นั่งสมาธิเหมือนมีคนจับหน้าบิดไปมา ,
- ผู้ปฏิบัติดู Blog นี้แล้ว ดู Blog ภาคปฏิบัติด้วย
- ทำสมาธิแล้วได้ยินเสียงสวดมนต์ ,
- ตัวอย่าง ใช้พองหนอ ยุบหนอ
- ตัวอย่าง ไม่ใช้คำภาวนาใดๆ ,
- คำภาวนา ไม่ใช่สาระ
- นั่งสมาธินั่งดูลม พอจิตเริ่มนิ่งๆสงบ ,
- แยก สมมุติ กับ สภาวธรรม ให้ชัด
- ตัวอย่างใช้ พุทโธ
- ความหมาย สภาวธรรม ตัวอย่าง
|
|
 |
|
มือ ลูกกะตา ปาก ขา ทั้งร่างกาย เคลื่อนไหวเอง |
|
เขาบอกเล่าท้าวความจากการปฏิบัติ 
มีอาการ มือไม้ ลูกกะตา ปาก ขา ทั้งร่างกาย เคลื่อนไหวเอง
พึ่งจะมีอาการ มือไม้ ลูกกะตา ปาก ขา ทั้งร่างกาย เคลื่อนไหวเองทั้งที่จิตไม่ได้นิ่ง และ ลืมตา แต่เรารับรู้ตลอดเวลา และเมื่อเวลานัยน์ตาจะเปิดกว้างเพ่งใดๆ เหมือนจะพยายามปั้นอากาศให้เป็นลูกแก้วแล้วมือก็จะกางเกร็ง เหมือนจะปล่อยพลังดราก้อนบอล ยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ และ ความรู้สึกมีมวลพลังในมือจริงๆค่ะ ทั้งที่ภายนอกมีสิ่งเร้าเยอะแยะค่ะ ถ้าปล่อยให้ร่างเราทำไปเรื่อยๆ มือก็จะมาวางที่หน้าขา บ้างยกมีอไหว้ที่กลางอก บ้างก็ทำมือห้าม บ้างก็ทำมือวางที่อก อีกมือประคอง แต่จะจบด้วยมือวางหน้าขาตลอดค่ะ เหมือนอารมณ์ คล้ายๆ ฝึกวิชาเลยค่ะ ไม่เคยได้นั่งสมาธิค่ะ มันคืออะไรค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านอาการต่างๆมาแล้ว คือนั่งทุกครั้งเป็นทุกครั้งค่ะ หรือไม่ต้องนั่ง แค่คิดก็ติดแล้วค่ะ น้ำตาไหล,ตัวโยก ตัวลอย ตัวใหญ่ ลูกกะตาหันเข้าหากัน อ้าปาก, รู้สึกลอย, รู้สึกอยู่อีกส่วนในห้องที่เงียบ แต่รับรู้ตลอดว่าอยู่ในห้องนอน แต่ภาพมันเบลอ หูอื้อ และรู้สึกมีมวลพลังงานเยอะมากมายค่ะ จะหยุดหรือเพ่งมองต่อค่ะ และต้องทำอย่างไรให้ไม่สติแตก และไปได้ลึกกว่านี้ค่ะ
https://pantip.com/topic/40756549
ให้ผู้ปฏิบัติสังเกต (อย่าคิดเป็นอื่น) มีสภาวะใดคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ้าง มีไหม ไม่มี ใช่ ไม่ใช่ สภาวะมันเปลี่ยนทุกขณะ นั่นแหละสภาวะที่พวกนักธรรมนักเทศน์ท่องกันคล่องปร๋อ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ท่องปร๋อ, สติปัฏฐาน ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม ก็ท่องปร๋อไม่ติดไม่ตันจำได้) แต่พอเจอะกับสภาวะนั้นเข้าจริงๆ ร้องเป็นปะเสือ. มันไม่มีอะไรแน่นอนคงที่ถาวรหรอก จะดีจะชั่วยังไงมันก็เป็นของมันอยู่ยังงั้น (เพราะอินทรีย์ ๕ ล้ำกัน สตินทรีย์ ยังไม่สมบูรณ์คือมันเบลอๆ ปีติยังแรง) แต่คนไม่ชอบอนิฏฐารมณ์ ชอบแต่อิฏฐารมณ์ ก็เลยมองข้ามสัจธรรมไป
ไม่ฝืน แต่กำหนดรู้ตามที่มันเป็น รู้แต่ไม่ฝืน กำหนดทุกครั้งที่สภาวะเกิด กำหนดบ่อยๆเข้าสภาวะเหล่านั้นจะอ่อนกำลังและระงับในที่สุดเหมือนคลื่นกระทบกับฝั่ง
ดูอาการปีติ
ธรรมุทธัจจ์ หรือวิปัสสนูปกิเลส (เกิดในขณะอุทยัพพญาณอย่างอ่อน )
๑. โอภาส เห็นแสงสีสว่างจ้าต่างๆหลากหลาย
๒. ปีติ ๕ อย่าง (จะเกิดขึ้น) ดังนี้
1. ขุททกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 1.1 เยือกเย็น ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว 1.2 ร่างกาย มึน ตึง หนัก 1.3 น้ำตาไหลพราก 1.4 ปรากฏเป็นสีขาวต่างๆ
๒. ขณิกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 2.1 เป็นประกายดังฟ้าแลบ 2.2 ร่างกายแข็ง หัวใจสั่น 2.3 แสบร้อนตามเนื้อตามตัว 2.4 คันยุบยิบ เหมือนแมลงไต่ตามตัว
๓. โอกกันติกาปีติ มีลักษณะดังนี้ 3.1 ร่างกายไหวโยก โคลงแคลง บางครั้งสั่นระรัว 3.2 สะบัดหน้า สะบัดมือ สะบัดเท้า 3.3 น้ำลายสอในปาก คลื่นไส้ อาเจียน 3.4 มีอาการคล้ายๆละลอกคลื่นซัด 3.5 ปรากฏมีสีม่วงอ่อน สีเหลืองอ่อน
๔. อุเพงคาปีติ มีลักษณะดังนี้ 4.1 มีอาการคล้ายๆกายสูงขึ้น ตัวเบา ตัวลอย 4.2 คันยุบยิบ เหมือนมีตัวไร ตอมไต่ตามหน้าตา 4.3 ท้องเสีย ลงท้อง 4.4 สัปหงกไปข้างบ้าง ข้างหลังบ้าง 4.5 หัวหมุนไปมา 4.6 กัดฟันบ้าง อ้าปากบ้าง หุบปากบ้าง 4.7 กายงุ้มไปข้างหลังบ้าง ข้างๆบ้าง 4.8 กายกระตุก ยกแขน ยกขา 4.9 ปรากฏสีไข่มุก สีนุ่น
๕. ผรณาปีติ มีลักษณะดังนี้ 5.1 ร่างกายเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว 5.2 ซึมๆไม่อยากลืมตา ไม่อยากเคลื่อนไหว 5.3 ปรากฏเป็นสีคราม สีเขียว สีบงกด
๓. ญาณ (ความรู้) ปรากฏว่า ตัวมีความรู้เปรื่องปราชญ์ หมดจด อย่างไม่เคยมีมาก่อน
๔. ปัสสัทธิ มีความรู้สึกสงบเยือกเย็น ทั้งกายและใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กระวนกระวาย สงบเงียบดังเข้าผลสมาบัติ
๕. สุข ได้แก่ วิปัสสนาสุข รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด อย่างไม่เคยพบมาก่อน ยินดี เพลิดเพลิน ไม่อยากออกจากการปฏิบัติ อยากจะพูด อยากจะบอก ผลที่ตนได้ แก่ผู้อื่น
๖. อธิโมกข์ (สัทธา) มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นต้น อย่างแรงกล้า
๗. ปัคคาหะ (ความเพียร) ขยันเกินควร ตั้งใจปฏิบัติจริง ยอมสู้ตาย ไม่ถอย จนเกินพอดี
๘. อุปัฏฐานะ (สติ) สติมากเกินไป ระลึกถึงแต่เรื่องในอดีตและอนาคต จนทิ้งอารมณ์ปัจจุบันเสีย
๙. อุเบกขา รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดี ยินร้าย ใจลอย หลงๆลืมๆ เป็นต้น อะไรมากระทบก็เฉย ขาดการกำหนด ปล่อยใจไปตามอารมณ์
๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษ เนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเองว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นฌานขั้นนั้นขั้นนี้
อ่านเอาพอนึกออกระดับหนึ่ง แต่ลึกไม่พอ จะให้แท้ให้จริง ต้องพิสูจน์ด้วยการลงมือทำ
Create Date : 02 ธันวาคม 2566 |
|
0 comments |
Last Update : 6 ธันวาคม 2566 17:07:56 น. |
Counter : 285 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|