โรคชิคุนกุนยา
จาก สำนักระบาด กระทรวงสาธารณสุข
ลักษณะโรค
โรคชิคุนกุนยา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค มีอาการคล้ายไข้เดงกี แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงมีการช็อก
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus) ซึ่งเป็น RNA Virus จัดอยู่ใน genus alphavirus และ family Togaviridae
มียุงลาย Aedes aegypti, Ae. albopictus เป็นพาหะนำโรค
วิธีการติดต่อ
ติดต่อกันได้โดยมียุงลาย Aedes aegypti เป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้
ระยะฟักตัว
โดยทั่วไปประมาณ 1-12 วัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 2-3 วัน
ระยะติดต่อ
ระยะไข้สูงประมาณวันที่ 2 – 4 เป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง (conjunctival injection) แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว
ส่วนใหญ่แล้วในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่
ในผู้ใหญ่อาการที่เด่นชัดคืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบได้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ (migratory polyarthritis)
อาการจะรุนแรงมากจนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีกภายใน 2-3 สัปดาห์ต่อมา และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี
ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงถึงช็อก ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก อาจพบ tourniquet test ให้ผลบวก และจุดเลือดออก (petichiae) บริเวณผิวหนังได้
ความแตกต่างระหว่างDF/DHF กับการติดเชื้อ chikungunya
ใน chikungunya มีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างฉับพลันกว่าใน DF/DHF คนไข้จึงมาโรงพยาบาลเร็วกว่า
ระยะของไข้สั้นกว่าในเดงกี ผู้ป่วยที่มีระยะไข้สั้นเพียง 2 วัน พบใน chikungunya ได้บ่อยกว่าใน DF/DHF โดยส่วนใหญ่ไข้ลงใน 4 วัน
ถึงแม้จะพบจุดเลือดได้ที่ผิวหนัง และการทดสอบทูนิเกต์ให้ผลบวกได้ แต่ส่วนใหญ่จะพบจำนวนทั้งที่เกิดเองและจากทดสอบน้อยกว่าใน DF/DHF
ไม่พบ convalescent petechial rash ที่มีลักษณะวงขาวๆใน chikungunya
พบผื่นได้แบบ maculopapular rash และ conjunctival infection ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
พบ myalgia / arthralgia ใน chikungunya ได้บ่อยกว่าในเดงกี
ใน chikungunya เนื่องจากไข้สูงฉับพลัน พบการชักร่วมกับไข้สูงได้ถึง 15% ซึ่งสูงกว่าในเดงกีถึง 3 เท่า
ระบาดวิทยาของโรค
การติดเชื้อ Chikungunya virus เดิมมีรกรากอยู่ในทวีปอาฟริกา
ในประเทศไทยมีการตรวจพบครั้งแรกพร้อมกับที่มีไข้เลือดออกระบาดและเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย เมื่อ พ.ศ. 2501 โดย Prof.W McD Hamnon แยกเชื้อชิคุนกุนยา ได้จากผู้ป่วยโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพมหานคร
ในทวีปอาฟริกามีหลายประเทศพบเชื้อชิคุนกุนยา มีการแพร่เชื้อ 2 วงจรคือ primate cycle (rural type) (คน-ยุง-ลิง)
ซึ่งมี Cercopithicus monkeys หรือ Barboon เป็น amplifyer host และอาจทำให้มีผู้ป่วยจากเชื้อนี้ประปราย หรืออาจมีการระบาดเล็กๆ (miniepidemics) ได้เป็นครั้งคราว เมื่อมีผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเข้าไปในพื้นที่ที่มีเชื้อนี้อยู่ และคนอาจนำมาสู่ชุมชนเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มียุงลายชุกชุมมาก ทำให้เกิด urban cycle (คน-ยุง) จากคนไปคน โดยยุง Aedes aegypti และ Mansonia aficanus เป็นพาหะ
ในทวีปเอเซีย การแพร่เชื้อต่างจากในอาฟริกา การเกิดโรคเป็น urban cycle จากคนไปคน โดยมี Ae. aegypti เป็นพาหะที่สำคัญ
ระบาดวิทยาของโรคมีรูปแบบคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อที่นำโดย Ae. aegypti อื่นๆ ซึ่งอุบัติการของโรคเป็นไปตามการแพร่กระจายและความชุกชุมของยุงลาย หลังจากที่ตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย ก็มีรายงานจากประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ เขมร เวียตนาม พม่า ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
โรคนี้จะพบมากในฤดูฝน เมื่อประชากรยุงเพิ่มขึ้นและมีการติดเชื้อในยุงลายมากขึ้น พบโรคนี้ได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกและหัดเยอรมันที่ส่วนมากพบในผู้อายุน้อยกว่า 15 ปี
ในประเทศไทยพบมีการระบาดของโรคชิคุนกุนยา 6 ครั้ง
ในปี พ.ศ. 2531 ที่จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. 2534 ที่จังหวัดขอนแก่นและปราจีนบุรี ในปี พ.ศ. 2536 มีการระบาด 3 ครั้งที่จังหวัดเลย นครศรีธรรมราช และหนองคาย
การรักษา
ไม่มีการรักษาที่จำเพาะเจาะจง (specific treatment)
การรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง (supportive treatment) เช่นให้ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ และการพักผ่อน
การเฝ้าระวังโรค Chikungunya
1. นิยามในการเฝ้าระวังโรค (Case Definition for Surveillance)
1.1 เกณฑ์ทางคลินิก (Clinical Criteria)
มีไข้สูง ร่วมกับ อาการอย่างน้อยหนึ่งอาการ ดังนี้
มีผื่น
ปวดกล้ามเนื้อ
ปวดกระดูกหรือข้อ
ปวดศีรษะ
ปวดกระบอกตา
มีเลือดออกตามผิวหนัง
1.2 เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการ
(Laboratory Criteria)
ทั่วไป
Complete Blood Count (CBC)
อาจมีจำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำ
เกล็ดเลือดปกติ ซึ่งสามารถแยกจากไข้เดงกีได้
จำเพาะ
ตรวจพบแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อในน้ำเหลืองคู่ (paired sera) ด้วยวิธี Haemagglutination Inhibition (HI) > 4 เท่า
หรือ ถ้าน้ำเหลืองเดี่ยวนั้น ต้องพบภูมิคุ้มกัน > 1: 1,280 หรือ
ตรวจพบภูมิคุ้มกันชนิด IgM โดยวิธี ELISA หรือ
ตรวจพบเชื้อได้จากเลือด โดยวิธี PCR หรือการแยกเชื้อ (culture)
2. ประเภทผู้ป่วย (Case Classification)
2.1 ผู้ป่วยที่สงสัย (Suspected case) หมายถึงผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก ได้แก่ ไข้ ออกผื่น ปวดข้อ
2.2 ผู้ป่วยที่เข้าข่าย (Probable case) หมายถึง ผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก และ มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
มีผลการตรวจเลือดทั่วไป
มีผลการเชื่อมโยงทางระบาดวิทยากับผู้ป่วยรายอื่นๆที่มีผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการจำเพาะ
2.3 ผู้ป่วยที่ยืนยันผล (Confirmed case) หมายถึง ผู้ที่มีอาการตามเกณฑ์ทางคลินิก และ มีผลตามเกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการจำเพาะ
3. การรายงานผู้ป่วยตามระบบเฝ้าระวังโรค รง.506 (Reporting Criteria)
4. การสอบสวนโรค (Epidemiological Investigation)
4.1 สอบสวนเฉพาะราย (Individual Case Investigation) เมื่อมีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามโรค Chikungunya ให้สอบสวนโรค ยืนยันการวินิจฉัย ค้นหาแหล่งติดเชื้อ และควบคุมโรค
4.2 สอบสวนการระบาด (Outbreak Investigation) เมื่อมีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับนิยามโรค Chikungunya โดยเกิดโรคเป็นกลุ่ม (cluster) ให้สอบสวนโรค ยืนยันการวินิจฉัย/การระบาด หาสาเหตุและระบาดวิทยาของการระบาด และควบคุมโรค
ดำเนินการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคดังนี้
เฝ้าระวังผู้ที่มีอาการไข้สูง ร่วมกับ อาการอย่างน้อยหนึ่งอาการ ดังนี้ มีผื่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มีเลือดออกตามผิวหนัง
แนะนำให้ไปรับการรักษาเพื่อได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ (อาการนำของโรค Chikungunya จะคล้ายโรคไข้เลือดออกหรือโรคหัดเยอรมัน
อาจทำให้วินิจฉัยโรคผิดพลาด และไม่ทราบว่ามีโรคนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงต้องสังเกตลักษณะทางระบาดวิทยาของโรค
ที่จะพบได้ทุกกลุ่มอายุและอาการปวดข้อที่เด่นชัด ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้เลือดออก ควรแยกโรคนี้กับโรคไข้ออกผื่นอื่น ๆ เช่น หัดเยอรมัน ซึ่งไม่เป็นทุกกลุ่มอายุ และมักจะระบาดในช่วงต้นฤดูหนาว)
รายงานผู้ป่วยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ทราบ
สอบสวนโรคเพื่อหาผู้ป่วยเพิ่ม แหล่งติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยง ป้องกันและควบคุมโรค โดย
ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม โดยใช้นิยามผู้ป่วย
ค้นหาแหล่งติดเชื้อ จากการสอบถามประวัติเดินทางหรือการอยู่อาศัย เป็นระยะเวลาเท่ากับระยะฟักตัวของโรค ก่อนวันเริ่มป่วย
สอบสวนหาปัจจัยเสี่ยงคือ ความชุกชุมยุงลาย
ป้องกันและควบคุมโรคเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก
การเก็บตัวอย่างและการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา
มีหลายวิธีดังนี้
การแยกเชื้อไวรัสจากซีรั่ม
การตรวจทางน้ำเหลืองมีการตรวจหลายวิธีเช่น ELISA, Haemagglutination–inhibition test
การแยกเชื้อไวรัส
เก็บตัวอย่างโลหิตโดยเจาะจากเส้นโลหิตดำที่แขนประมาณ 5 มิลลิลิตร ใส่ในหลอดที่ปราศจากเชื้อ ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15 – 30 นาที แช่น้ำแข็งหรือเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดา (ห้ามแช่แข็ง) นำส่งห้องปฏิบัติการภายใน 24 ชั่วโมง หรือในกรณีที่มีตู้แช่แข็ง -70 0C หรือ liquid nitrogen หรือ dry ice สามารถแยก serum จาก blood clot เก็บไว้เพื่อนำส่งห้องปฏิบัติการภายหลัง โดยนำส่งในน้ำแข็งแห้ง หรือใน liquid nitrogen ภายใน 2 – 3 วัน
การตรวจทางน้ำเหลือง
น้ำเหลืองประมาณ 1 – 2 มิลลิลิตร เก็บ 2 ครั้ง ห่างกัน 7-14 วัน ครั้งที่ 1 ในวันที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 1 ประมาณ 7-14 วัน
การเก็บตัวอย่าง
เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำโดยวิธีการปลอดเชื้อ ประมาณ 3-5 มิลลิลิตร ใส่หลอดแก้วที่ปลอดเชื้อ ปั่นแยกเฉพาะน้ำเหลืองใส่ในหลอดที่ปลอดเชื้อ ปิดจุกและพันด้วยพาราฟิล์มหรือเทปให้แน่น ปิดฉลากเขียนชื่อนามสกุลผู้ป่วย วันที่เจาะเก็บเลือด และการตรวจทางน้ำเหลืองวิทยาที่ต้องการ จากนั้นเก็บน้ำเหลืองดังกล่าวไว้ที่ 4 องศาเซลเซียส หรือในช่องแช่แข็งของตู้เย็นรอจนได้ตัวอย่างที่ 2 แล้วจึงส่งพร้อมกัน
Cr สำนักระบาด กระทรวงสาธารณสุข
รพ.จุฬาลงการณ์
Chikun รึเปล่า Chikungunya ไม่น่ารักรึเปล่า
Chikungunya ไม่ใช่แค่ไข้ ปวดข้อ ผื่นขึ้น ธรรมดาๆหรือเปล่า😱😱😱
นาทีนี้ ณ จันทบุรี คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า Chikungunya สินะ
ชาวบ้านแทบจะวินิจฉัยให้ตั้งแต่เดินเข้ามาตรวจ >> มีไข้ ปวดข้อ(มาก) อะหมอ น่าจะเป็นชิคุนกุนย่านะ คนแถวบ้านเป็นกันเกือบทุกบ้านแล้วจ้า!!!
ถึงตอนนี้ยอดที่รายงาน confirmed cases เกือบ 1300 รายเข้าไปแล้ว นับเป็น outbreak ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์จันทบุรี ซึ่ง….......... ไม่ใช่ยอดจริงจ้ะ เคสตามคลินิกและ รพ.รัฐ ที่ไม่ได้ตรวจ confirm อีกเพียบ🙄
พอเคสเยอะ ก็ย่อมต้องเจอเคสรุนแรงบ้างแหละเนอะ
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า ชิคุน ระบาดก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร supportive & symptomatic treatment กันไป ไข้เลือดออกน่ากลัวว่าเยอะ แต่…. พอได้ฟังประสบการณ์ (อาจารย์ critical care เพิ่งมารีวิวเคสให้ฟังไปวันก่อน) เจอ severe case ขึ้นมาเนี่ย บอกได้เลยว่า อืม เจอไข้เลือดออกก็ดีนะ เพราะไข้เลือดออกหนะ เพื่อนเก่า รู้จักกันดี สนิทกันมาก่อน ชิกุนเพื่อนใหม่นี้ยังไม่ค่อยสนิทเท่าไร เดาใจยังไม่ค่อยถูก
โพสต์นี้เลยตั้งใจจะมาถอดบทเรียนและแชร์องค์ความรู้ที่เราได้จากการดูคนไข้จริง
หากใครมีเคสหรือประสบการณ์ดูแลคนไข้ที่มี atypical presentation or symptoms หรือที่มีอาการรุนแรง มาแชร์กันได้จ้า จะได้เรียนรู้ร่วมกันไป
อันดับแรก เรามาทบทวนอาการทั่วๆไปกันก่อน
1️⃣ Triad of symptoms (typical presentation) :
A.ไข้สูงเฉียบพลัน (39-40 องศาเซลเซียส) ซึ่งคนไข้มักมาหาเราตั้งแต่ 1-2 วันแรกของอาการไข้ เนื่องจาก
B.ปวดข้อมาก โดยอาการปวดข้ออาจมีข้อบวมหรือไม่ก็ได้ มักเป็นตำแหน่ง peripheral joints บางคนปวดข้อนิ้วจนกำมือไม่สุด บางรายปวดข้อเท้า ปวดเอ็นข้อเท้าจนเดินกระเผลก เปเปอร์ส่วนใหญ่บอกอาการมัก symmetrical polyarthralgia or polyarthritis แต่....บ้านเรา asymmetry ก็เจอนะ แอดเคยเจอคนไข้มาวันแรก ไข้ ปวดบวมข้อเข่าข้างเดียว แต่วันถัดมาก็คือมีอาการปวดข้ออื่นๆตามมาด้วย ร่วมกับ
C. ผื่น ซึ่งมักมาพร้อมกับไข้หรืออาจพบในวันหลังๆได้ โดยลักษณะส่วนใหญ่จะเป็น erythematous MP or morbilliform rash อาจพบมีอาการคันร่วมด้วย ตำแหน่งก็พบได้ทั้ง แขน ขา ใบหน้าและลำตัว โดยไม่มี pattern การกระจายของผื่นที่แน่นอน
2️⃣ อาการไข้มักเป็น 3-5 วัน หลังจากนั้น peak ไข้จะหักลงอย่างรวดเร็ว ผื่นเป็นอยู่ 3-4 วันก็จะยุบไปเองโดยไม่ทิ้งรอย ส่วนอาการปวดข้อนั้น…. เป็นได้นานเลยแหละ มีรายงานปวดข้อเป็นๆหายๆได้ถึง 3 ปี (สงสารคนไข้เนอะ) แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะดีขึ้นหลังจาก 1 สัปดาห์ของการติดเชื้อ
3️⃣ AFI with myalgia, arthralgia เราคงต้องแยกกับไข้เลือดออกด้วย โดยข้อสังเกตที่เราใช้แยก (คร่าวๆ) ได้แก่ อาการปวด ในไข้เลือดออก คนไข้มักปวดกล้ามเนื้อและปวดกระดูก ปวดหัว ปวดกระบอกตา ส่วนไข้ชิคุนนี่ปวดข้อเด่นๆ บางคนมีปวดกล้ามเนื้อได้ ปวดหัวไม่เด่น แต่ถ้าพบมีอาการตาแดงร่วมด้วยน่าจะคิดถึงชิคุนกุนย่ามากกว่า เนื่องจากพบมี conjunctivitis, uveitis, epislceritis ได้ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่พบในไข้เลือดออก รวมถึงอาการ loss appetite ในไข้เลือดออกจะมีมากกว่าคนไข้ชิคุนกุนย่าที่ส่วนใหญ่จะยังทานอาหารได้
ก็เป็นอาการทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันดี แต่อย่าลืมว่า มันมี atypical presentation ได้ด้วย
⭐️⭐️⭐️
ซึ่งเท่าที่มีการรวบรวมรายงาน atypical manifestations
1. cardiovascular symptoms (พบบ่อยสุด) : myocarditis, cardiac arrhythmia, heart failure, DCM, cardiovascular collapse
2. Neurological symptoms : encephalopathy, encephalitis, myelopathy, GBS, ADEM, etc
3. Skin : Bullous dermatosis, hemorrhagic lesion, oral and genital ulcer
4. GI : abdominal pain, pharyngitis, vomiting, diarrhea, hepatomegaly, hepatitis
5. Renal : nephritis, albuminuria, AKI
6. Hemato : bleeding or thrombosis (rare)
⭐️⭐️⭐️ Severe Chikungunya ที่พบส่วนใหญ่เป็น cardiac failure พบมี multiple organ failure, sepsis, septic shock จนกระทั่งเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก CDC ให้ระวังกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง ในกลุ่ม neonate, elderly > 60 yr หรือมี UD DM, HT, CVD , chronic alcohol
เอาเข้าจริง severe case 3 รายที่เราเจอ --> 2 ราย อายุน้อย และไม่มีโรคประจำตัว !!!
ความ severe ที่เจอนั้น มีทั้ง cardiovascular collapse ซึ่งในสองเคส เราพบว่ามี hemoconcentration (rising Hct) ร่วมกับ hypoalbuminemia ซึ่งเข้าได้กับภาวะ Capillary leak syndrome!!! หาก resuscitate ด้วย aggressive iv fluid ที่เพียงพอ ก็ช่วย maintain BP ได้ แต่สุดท้าย คนไข้ทั้งสามรายก็มี rapidly decline ของ cardiac function เกิดมี myocarditis / cardiomyopathy ตามมาอย่างกู่ไม่กลับ
ที่น่าสนใจคือ เคสที่รุนแรงของเรานี้ มี atypical manifestation ให้เห็นคือมี Bullous dermatosis เกิดขึ้น
***** Chikungunya ก็ยังเป็น ไข้ ปวดข้อ ยุงลาย เหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออย่าลืมมองหา atypical manifestation ที่อาจบ่งชี้ถึงความรุนแรงของเคส อาจต้อง close monitor มีการติดตามคนไข้อย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญคือ มี co-infection กับ Dengue หรือ Zika ได้ด้วยนะจ๊ะ
อาการปวดข้อควบคุมได้ดีด้วย NSAIDs ก็จริง แต่ควรระวังการใช้ เนื่องจากทำให้บวม ทำให้ bleed และไตวายได้ ยิ่งหากยังไม่แน่ใจว่าคนไข้เป็นไข้เลือดออกหรือไม่ อาจเลี่ยงไปใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม opioid เช่น tramadol ก็พบว่าลดอาการปวดได้ดี
สำหรับ timing ในการส่ง investigation เพื่อการวินิจฉัย ฝากไว้ในภาพด้านล่างจ้า