ปุจฉา!โรคพิษสุนัขบ้า อาเพศเหตุระบาดหนัก
20 มี.ค. 2561 05:01
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
“โรคพิษสุนัขบ้า”...เค้าว่า กันมาอย่างนี้ไม่ทราบจริงไหม? ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อ โรคอุบัติใหม่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไล่เรียงสรุปข้อมูลจากข่าวตามเงื่อนเวลาไทม์ไลน์ให้เห็นภาพคร่าวๆกรณีเรื่องราวของ สตง. กับวัคซีนพิษสุนัขบ้าของ อปท.
เริ่มจาก...ปี 57 หลังรัฐประหาร สตง. ออกไล่ล่าตรวจสอบการใช้งบของ อปท. ย้อนหลังปี 56...ปลายปี 2557 สตง.ทำหนังสือเสนอแนะว่า เทศบาลตำบลสุรนารี ใช้เงินซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้า ไม่ตรงกับจุดประสงค์ของ พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า 2535 ที่ให้เป็นหน้าที่กรมปศุสัตว์ ให้เรียกเงินคืน สอบวินัยย้อนหลังเทศบาล ฯลฯ
เทศบาลตำบลสุรนารีสู้ โดยยื่นต่อกรมปศุสัตว์ ให้กรมปศุสัตว์ยื่นเรื่องตีความ โดยการเรียกเงินคืนนี้ สตง.ออกหนังสือเวียนแจ้งข้อเตือนไปยัง อปท.ทั่วประเทศ อปท.เลยระงับการซื้อวัคซีนมาฉีดให้สัตว์เลี้ยงและสัตว์จรจัด และ “กรมปศุสัตว์” ยื่นตีความต่อกฤษฎีกา ลงวันที่ 29 มกราคม 2558
กฤษฎีกา 2 คณะ ตีความว่ากรมปศุสัตว์มีอำนาจ แต่กรมปศุสัตว์ก็ยังมีอำนาจมอบให้ อปท.ซื้อวัคซีนมาฉีดให้สัตว์แทนด้วย ในต้นปี 2559 แต่โรคพิษสุนัขบ้าก็เริ่มระบาดรุนแรงในระดับหนึ่งแล้วในปี 2560
ระเบียบที่กฤษฎีกาตีความว่าทำได้ สตง.ดันไม่เผยแพร่ ไม่มีหนังสือเวียนแจ้ง อปท. เหมือนตอนห้าม และ สตง.ก็บอกไปอีกว่าจะตรวจสอบเรื่องวัคซีนที่ซื้อไม่มีคุณภาพ สต๊อกแล้วเสื่อม แทนในปี 2560 โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ตัวเองไปตรวจสอบว่า อปท.ไม่มีอำนาจตอนปี 2557 สักคำ?
กระทั่งปี 2561 พิษสุนัขบ้าระบาดหนักกว่าเดิมเกินครึ่งประเทศ และ อปท.หลายแห่งก็ยังไม่กล้าซื้อวัคซีนมาฉีด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ บอกว่า ประเด็น สตง.ห้ามพื้นที่จัดซื้อวัคซีนหมาบ้าในสัตว์และทำให้การบริหารจัดการเองในพื้นที่ไม่สามารถกระทำต่อไปได้ และสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น นอกจากนั้นกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยึดถือนโยบายทำงานได้ตามเป้าเสมอ ทั้งนี้ มีการรายงานตัวเลขสวยหรู ในการทำหมันฉีดวัคซีนสุนัขและการรายงานจำนวนหมาในประเทศ โดยที่จะเป็นจำนวนหมาที่ประเมินได้จากหมามีเจ้าของ
“ในขณะที่ “หมาชุมชน” มีเพิ่มขึ้นมากมาย...เหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นในการรายงานว่าไม่มีไข้หวัดนกในสัตว์ปีก เป็นเวลามากกว่าเก้าปี ทั้งๆที่มีการระบาดมากกว่าครึ่งประเทศแล้ว และสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงพัฒนาขึ้นเป็นรุนแรง รวมทั้งไม่ได้มีการแจ้งเตือนกระทรวงสาธารณสุขจนกระทั่งความแตกเมื่อเดือนสิงหาคม 2560”
เมื่อมีสัตว์ในสวนสัตว์ที่โคราชป่วยตาย ได้แก่ อีเห็น ชะมด เสือปลาและอื่นๆ และลามออกไปนอกสวนสัตว์ ทำให้มีไก่ตามบ้านในหมู่บ้านในพื้นที่โคราช ล้มตายเป็นจำนวนมาก ในปีที่แล้วและกระทรวงสาธารณสุขได้ทำการสอบสวน เนื่องจากมีประชาชนและเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สัมผัสกับสัตว์ป่วยตายเป็นจำนวนมาก
กระทั่งนำไปสู่การประชุมระหว่างกรมควบคุมโรคและกรมปศุสัตว์จึงได้มีการเปิดเผยความจริงว่ามี ไข้หวัดนกระบาดจริงในที่ต่างๆ และเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรง แต่ข้อมูลไม่สามารถแพร่ออกสู่สาธารณชนได้
“การปกปิดข้อมูล...เป็นผลร้าย โดยที่โรงพยาบาลต่างๆจะดูแลคนป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดาโดยไม่ได้พิจารณาถึงไข้หวัดนก และในที่สุดเชื้อไวรัสก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงระดับสุดท้ายคือสามารถแพร่ได้จากคนสู่คน”
สำหรับสถานการณ์ของโรคพิษสุนัขบ้าในหลายปีที่ผ่านมาไม่ปรากฏในรายงานว่า มีความเสี่ยงมากจนกระทั่งความแตกในช่วงสองถึงสามปีหลังที่มีคนตายมากขึ้น มีคนถูกกัดมากขึ้น มีคนต้องการใช้วัคซีนมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนหมาที่เพิ่มมากขึ้นโดยอัตโนมัติและจึงปรากฏตัวเลขที่ชัดเจนขึ้นของหัวหมาที่ต้องสงสัยและตรวจว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ในบางพื้นที่มากกว่า 10% จนกระทั่งถึงมากกว่า 30 และ 50%
สถานการณ์ของโรคพิษสุนัขบ้าที่ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา มีปัจจัยที่เกิดขึ้นหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น
ประการที่หนึ่ง...ความไม่รับผิดชอบของคนไทยเองในการเลี้ยงหมาปล่อยให้เพิ่มจำนวนและไม่ได้ให้การดูแลที่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องของการให้วัคซีนป้องกันโรค และการคุมกำเนิด ในขณะเดียวกันผลักภาระให้ทางการหรือเจ้าหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนและรวมถึงการทำการฉีด
“จำนวนประชากรหมาที่เพิ่มขึ้นมีปริมาณเกินกว่ากำลังของเจ้าหน้าที่ที่จะช่วยฉีด ซึ่งต้องการความร่วมมือจากชุมชนในการนำหมามาด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่จะทำการตามจับเอาเอง”
ประการที่สอง...แม้ว่าชุมชนในท้องถิ่นจะช่วยตัวเองถึงในระดับหมู่บ้านโดยที่ผ่านมามีความเข้มแข็งในการจัดหาซื้อวัคซีนและทำการบริหารจัดการได้เอง แต่ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา กลับไม่สามารถทำได้ เพราะเกิดมีกระบวนการตีความข้อกฎหมาย แสดงถึงความลักลั่นหรือช่องโหว่ของระบบการทำงานของรัฐ
“สตง.มีอำนาจ แต่อาจทำตามตัวหนังสือ ตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้ โดยอาจไม่ได้ประเมินถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจนเกิดปัญหารุนแรงขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบ ปรึกษาหารือเกี่ยวกับตัวบทกฎหมายน่าจะต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงให้รอบด้าน ดังนั้น พอมองแต่งานของตนเอง และสั่งการใช้อำนาจห้ามไปยัง อปท. จึงเกิดผลกระทบต่อประชาชน”
ประการที่สาม...ปัญหาการทราบถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงและการคาดการณ์ไปข้างหน้าในอนาคต โดยที่การประเมินความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ ต้องคำนึงถึงว่าจำนวนส่งตรวจมีปริมาณเพียงพอที่จะได้ข้อสรุปหรือไม่ และมิหนำซ้ำแม้เมื่อพบสุนัขบ้าตัวเดียวในพื้นที่ จะสะท้อนว่าตัวต้นตอแท้จริงอาจแพร่ไปให้ตัวอื่นๆเรียบร้อยแล้วในพื้นที่ และแต่ละตัวค่อยๆรอเวลาที่จะแสดงอาการและแพร่เชื้อต่อ ดังนั้น...ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนให้หมาทุกตัวในพื้นที่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาเป็นพื้นที่อันตรายต่ออย่างน้อย 6 เดือน
ในการพิจารณาความเสี่ยง และการรายงานพื้นที่เสี่ยงใหม่เป็นรายเดือนอาจจะทำให้เบาใจลงได้ แต่ทั้งนี้ พื้นที่เดิมก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความเสี่ยงลดลง...การประกาศพื้นที่อำเภอหรือจังหวัดว่า “เสี่ยงน้อย” มีอิทธิพลมากต่อประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้แม้เมื่อมีสัตว์ป่วยตาย ถ้าประชาชนรับทราบเป็นทางการว่าพื้นที่นั้น ดูจะปลอดภัยก็ยังนำสัตว์ที่ป่วยตายมาทำเป็นอาหารและปรากฏอยู่หลายหมู่บ้านในช่วงปีที่ผ่านมาที่มีการนำโค กระบือ หมาที่ป่วยตายและนำมากินเป็นอาหารโดยที่พื้นที่นั้นๆไม่ได้จัดเป็นพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น จึงต้องทำการประเมินคนหลายร้อยคน ในหมู่บ้านหลายแห่งว่าจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันขนาดไหน โดยอันตรายจะตกอยู่กับผู้ที่ทำการชำแหละลอกหนังและสัมผัสกับเครื่องใน โดยที่สัตว์ที่เป็นโรคและตาย เชื้อจะไปทั่วร่างกาย
ประการที่สี่...การประเมินความเสี่ยงที่อาจต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ระดับความเข้มงวดในการเฝ้าระวังลดถอยกว่าที่ควรจะเป็น และกระทบถึงจำนวนวัคซีนที่ต้องวางแผนในการใช้แต่ละปี ทั้งนี้ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา บริษัทที่ผลิตวัคซีนขนาดใหญ่อาจมีกำลังผลิตลดลงหรือรวมทั้งอาจมีปัญหาในด้านคุณภาพและทำให้พื้นที่หลายแห่งของประเทศขาดแคลนวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
“การขาดความเชื่อมโยงในความรู้ความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่การประเมินสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีปัญหาในหลายปีที่ผ่านมาในสัตว์ ทำให้เกิดโรคอุบัติซ้ำและเป็นที่น่าเสียดายที่โรคนี้ซึ่งเคยควบคุมได้ดีและเป็นต้นแบบให้หลายๆประเทศทั่วโลก กลับรุนแรงขึ้นมาใหม่”
ถึงตรงนี้ให้เข้าใจโดยทั่วกันว่า...การกำหนดตัวชี้วัดที่ให้พื้นที่หรือจังหวัดต้องไม่มีโรคอาจต้องเปลี่ยนแนวความคิดเป็นการดูที่ประสิทธิภาพของพื้นที่หรือจังหวัดในมาตรฐานของการเฝ้าระวังโรคอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐานและจังหวัดใดที่สามารถสืบค้นโรคได้หมดจด ถึงแม้จะมีจำนวนมากก็ตาม และเร่งรัดจัดการควบคุมได้เร็วและมีประสิทธิภาพให้ต่อเนื่องถึงจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ไม่ใช่...“การรายงานไม่มีโรคในพื้นที่”
“โรคพิษสุนัขบ้า”...ไม่ใช่โรคเดียวที่ความแตก ยังมีโรคอื่นๆอีกที่รอปะทุอยู่ เสมอเหมือนกวาดขยะซุกใต้พรม.
ถาม ถ้าสุนัขไม่บ้า การฉีดวัคซีนให้คนที่ถูกสัตว์กัด จะมีอันตรายหรือไม่
ตอบ ไม่มีอันตราย ถ้าฉีดวัคซีนที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง (ชนิดฉีด 5 เข็ม) เพราะวัคซีนทำมาจากเชื้อไวรัสที่ตายแล้ว ไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนั้น ยังมีภูมิคุ้มกันโรค ในกรณีที่ภายภาคหน้าได้สัมผัสกับสุนัขบ้าจริงๆ
ถาม มีอาการแพ้จากวัคซีนที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง ชนิด 5 เข็ม หรือไม่
ตอบ พบได้น้อยมาก และไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำๆ และปวดเมื่อยตัว คันแดงบริเวณที่ฉีดยา ผื่นแดงตามตัว สามารถบรรเทาได้ด้วยยาลดไข้ ยาแก้คัน ส่วนอาการแพ้ทางระบบประสาท เช่น สมองอักเสบนั้น ไม่เคยเกิดจากวัคซีนที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง
ถาม หญิงมีครรภ์ ฉีดวัคซีนชนิด 5 เข็มได้หรือไม่
ตอบ ฉีดได้ ไม่มีผลเสียต่อมารดา และทารก
ถาม เด็กเล็ก ฉีดได้หรือไม่
ตอบ ฉีดได้ไม่จำกัดอายุ และโปรแกรมการฉีดเหมือนผู้ใหญ่
ถาม มีวัคซีนป้องกัน ชนิด 1 เข็มหรือไม่
ตอบ ไม่มี ในปัจจุบันถ้าถูกสุนัขบ้ากัด ต้องฉีดวัคซีนที่ทำมาจากเซลล์เพาะเลี้ยง ชนิด 5 เข็ม
ถาม ถ้าอยากรอดูสุนัขก่อนฉีดวัคซีนจะได้หรือไม่
ตอบ ไม่ควร เพราะ
1. ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอนตายตัว ว่าควรจะดูอาการสัตว์ไปนานเท่าไร จึงจะแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ มีผู้ป่วยหลายราย เสียชีวิตด้วยพิษสุนัขบ้า ก่อนสุนัขที่กัดจะตายไปก็มี
2. สุนัข สามารถปล่อยเชื้อไวรัสออกมาในน้ำลาย ก่อนที่สุนัขจะมีอาการได้ถึง 14 วัน ระหว่างสังเกตอาการ เชื้ออาจกำลังเจริญเติบโตที่บาดแผล การฉีดล่าช้า อาจไม่ทันการ
3. จากการศึกษาแหล่งต่างๆในประเทศไทย พบว่าสุนัขจรจัด ตรวจพบมีไวรัสพิษสุนัขบ้าอยู่ในสมองได้ ถึงร้อยละ 0.25 - 6.8 โดยที่ไม่มีอาการอะไรเลย
4. จากการตรวจสมองสุนัข ของสถานเสาวภา สุนัขที่ฉีดวัคซีนครบตลอด 2 ปี ร้อยละ 8 ยังพบว่า เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
5. วัคซีนในปัจจุบัน มีความปลอดภัยสูง จำนวนครั้งที่ฉีดน้อย ไม่เหมือนวัคซีนรุ่นเก่า
ถาม คนที่ถูกสุนัขที่ฉีดวัคซีนแล้วกัด จะมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่
ตอบ มี สถานเสาวภาพบว่า สุนัขบางตัวที่ถูกฉีดวัคซีนมาก่อนแล้ว ก็อาจจะเป็นบ้าได้
ถาม ถ้าคนที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน แล้วถูกสุนัขกัดอีก จำเป็นต้องมาฉีดซ้ำหรือไม่
ตอบ ต้องฉีดวัคซีนซ้ำทุกครั้ง ส่วนจำนวนเข็มที่ฉีด จะน้อยกว่าแบบปกติ ขึ้นกับระยะเวลาห่างจากครั้งก่อน
แหล่งข้อมูล : กองวิทยาศาสตร์ (สถานเสาวภา) สภากาชาดไทย