Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ผ่าตัดเพิ่มความสูง ทางลัดสู่ความสำเร็จหรือเจ็บปวด

ค้นในเนต แล้วไปพบบทความนี้ น่าสนใจ ( ซึ่งทางเวบนั้นได้นำมาจาก เวบผู้จัดการ แล้วผมก็นำมา อีกต่อหนึ่ง .. )

ก็ถือว่า เป็นตัวอย่างในแง่ร้าย ของการผ่าตัดยืดความสูง ... ถึงแม้ว่า มีโอกาสน้อย ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนแบบนี้ ก็ตาม ...

https://www.siam-handicrafts.com/Webboard/question.asp?QID=108


ผ่าตัดเพิ่มความสูง ทางลัดสู่ความสำเร็จหรือเจ็บปวด


นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ข่าวคราวการผ่าตัดแปลงโฉมของสาวจีน ออกมาแบบไม่ขาดสาย บางคนทำศัลยกรรมตั้งแต่หัวจรดเท้า เช่นเดียวกับก่วนอิง สาวใจถึงชาวกว่างโจว (กวางโจว) ที่ผ่านการทำศัลยกรรมความงามมาแล้วถึง 21 รายการ ล่าสุดสาวคนนี้ได้ทำ “ศัลยกรรมผ่าตัดเพิ่มความสูง” ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นด่านที่ยากที่สุดด่านหนึ่ง

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่วนอิง ซึ่งสูง 1.62 เมตร ลงทุนขึ้นเตียงให้หมอศัลยกรรม ‘ตัดกระดูก’ เพิ่มความสูง หลังการผ่าตัดนาน 2 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง เธอได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่โรงพยาบาลว่า ‘ตอนนี้ขาฉันทั้งแสบทั้งปวดไปทั่ว ที่แย่กว่านั้นคือช่วงนี้ต้องนอนอยู่แต่บนเตียง เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนไม่ได้’

ต่อข้อถามที่ว่า ความรู้สึกเมื่อต้องเข้าห้องผ่าตัดเป็นอย่างไร สาวก่วนสาธยายว่า นาทีที่ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด มองเห็นเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ลางๆ และยังนางพยาบาลที่มารุมอยู่ข้างๆเตียงอีก ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับข้าศึกอย่างนั้นเลย ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว ยิ่งตอนที่นึกว่าหมอจะกรีดเนื้อแล้วหั่นกระดูกเราแล้ว ยิ่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เธอเล่าว่า ระหว่างที่ผ่าตัดอยู่นั้น ถึงแม้จะชาเพราะฤทธิ์ยา แต่ช่วงที่หมอเปิดข้อต่อกระดูก รู้สึกปวดสะท้านไปทั่วร่างถึง 2 ครั้ง หลังผ่าตัดเสร็จ ถึงแม้จะมีเครื่องช่วยระงับอาการปวด แต่ขาก็ยังบวมปวดมาก เนื้อตัวก็ไม่สบาย

ผู้อำนวยการวัง หนึ่งในคณะแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้ก่วนอิง กล่าวว่า การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี แต่เนื่องจากเลือดเสียที่เกิดบริเวณที่ตัดกระดูกยังออกมาไม่หมด ดังนั้น จึงต้องสอดท่อถ่ายเลือดเสีย รวมถึงสายปัสสาวะด้วย 3 วันหลังจากนั้นจึงจะเอาออกได้ และก่วนยังต้องรักษาตัวบนเตียงต่ออีก 7 วัน

แพทย์เสริมว่า หลังการผ่าตัด กระดูกจะค่อยๆ งอกออกมาใหม่ตามเหล็กที่ใส่เข้าไป โดยยืนยันว่า การผ่าตัดนี้จะทำให้เธอสูงขึ้นอีก 8 เซนติเมตร

ก่วนอิงต้องทำกายภาพบำบัดภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เช่น การยืนพิงกำแพง การเดินช้าๆ เพื่อช่วยให้กระดูกค่อยๆเติบโตขึ้น และต้องอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลไปอีก 6 เดือน ทั้งนี้เธอจะไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เองตามปรกติ

นอกจากนี้ยังต้องบำรุงด้วยอาหารเสริม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตกเดือนละ 900 หยวน (ราว 4,500 บาท) ซึ่งไม่รวมค่าประกันการผ่าตัดอีก 80,000 หยวน (ราว 400,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในประเทศไทย 500,000 – 800,000 บาท)

ไม่มีตัวเลขที่แน่นอนของผู้ที่ทำการผ่าตัดเพิ่มความสูงในแต่ละปี แต่ป้ายโฆษณาผ่าตัดเพิ่มความสูง สามารถพบเห็นทั่วไปในจีน โดยเฉพาะในเมืองกว่างโจว ขณะเดียวกัน ก็มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียใจจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด…

ปลายปี 1998 ฟางเฟย บัณฑิตหมาดๆจากรั้วมหาวิทยาลัย เดินทางจากไกลจากเซินเจิ้น มาถึงปักกิ่ง เพื่อผ่าตัดเพิ่มความสูงเช่นกัน โดยได้จ่ายค่าผ่าตัดแก่โรงพยาบาลเป็นเงิน 1 หมื่นหยวน (50,000 บาท) หลังการผ่าตัดครั้งแรกผ่านไป 33 วัน ผลการวัดความยาวของขา เป็นที่น่ายินดีว่าขาของฟางเฟยยาวขึ้น 4.9 เซนติเมตร แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ขาทั้งสองข้างมีลักษณะบิดเบี้ยวผิดปกติ โรงพยาบาลยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และผ่าตัดให้ฟางเฟยใหม่ช่วงกลางปี 1999 จนถึงปลายปี 2000 ฟางเฟยจึงได้สามารถออกจากโรงพยาบาล โดยใช้ไม้ช่วยพยุง

ต่อมาต้นปี 2001 ฟางเฟยได้ยื่นฟ้องโรงพยาบาลดังกล่าวต่อศาลเขตชังผิง นครปักกิ่ง เป็นเงิน 360,000 หยวน (ราว 1,800,000 บาท) ผลการพิสูจน์ของแผนกพิสูจน์งานทางวิทยาศาสตร์ของศาล ระบุว่า “น่องทั้งสองข้างของฟางเฟย มีความสั้นยาวไม่เท่ากัน โดยน่องข้างขวายาว 44 เซนติเมตร มีลักษณะเบี้ยวออกด้านนอก ส่วนน่องข้างซ้ายยาว 45 เซนติเมตร และมีลักษณะเอียงเข้าด้านใน จัดว่ามีความพิการในระดับ 8 ” สุดท้าย ฟางเฟยได้รับเงิน 74,000 หยวน (ราว 370,000 บาท) แต่ต้องกลายเป็นคนทุกพลภาพไปตลอดชีวิต

เมื่อปลายปีที่แล้ว เสี่ยวหลิน สาวเมืองกว่างโจว วัย 24 ปี ปัจจุบันสูง 1.58 เมตร แต่ต้องการเพิ่มความสูงให้ตนเองอีก 8 เซนติเมตร จึงตัดสินเข้ารับการผ่าตัดกระดูกในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในเขตไป๋หยุน

เสี่ยวหลินเล่าว่า ก่อนที่หมอจะลงมีด ได้พูดกับเธอว่า “การผ่าตัดยืดกระดูกแบบนี้ง่ายมาก และไม่ทำให้เจ็บปวดมากมายอะไร เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็สามารถเดินได้ทันที หมอยังบอกอีกว่า 1 เดือน หลังการผ่าตัด เสี่ยวหลินจะสูงขึ้นทันที 8-10 เชนติเมตร และภายใน 3 เดือนก็จะหายเป็นปกติ ”

แต่เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เสี่ยวหลินไม่สามารถขยับหัวเข่าได้ กระดูกขาถูกตัดเป็น 3 ท่อน และถูกตรึงด้วยตะปู 17 ตัว บาดแผลเกิดการอักเสบ บวม และมีเลือดไหล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเดินได้หรือไม่ได้ แม้แต่ขยับนิดเดียวก็ยังไม่สามารถทำได้

หลังจากออกจากโรงพยาบาล 4-5 เดือน เธอนอนหลับได้แค่คืนละหนึ่งชั่วโมง ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่บาดแผลและที่กล้ามเนื้อ ทำให้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้ เสี่ยวหลินกล่าวว่า เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพราะต้องการหนีจากความทุกข์ทรมานเหล่านี้

สุดท้ายความหวังที่ตั้งไว้ว่าจะสูงขึ้น 8 เซนติเมตรก็ล้มเหลว เพราะไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดต่อไปได้ แต่หมอก็บอกว่าความทรมานที่เธอได้รับ ใช่ว่าจะสูญเปล่า เพราะเธอจะสูงขึ้นอีก 6 เซนติเมตร

ปัจจุบันเสี่ยวหลินยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องมีคนคอยช่วยตลอดเวลา จินหมิงซิน อาจารย์แพทย์และหัวหน้าศูนย์กระดูกประจำมหาวิทยาลัยแพทย์ทหารหมายเลข 1 ของโรงพยาบาลหนันฟัง ในเมืองกว่างโจวกล่าวว่า แม้ว่าเคยผ่าตัดรักษาผู้ที่มีความผิดปกติของแขนขามาหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่ไม่เคยผ่าตัดเพื่อเพิ่มความสูงเลย

“ผมคิดว่าการผ่าตัดเพิ่มความสูง ต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด เพราะโรคแทรกซ้อนของการผ่าตัดชนิดนี้ชนิดนี้มีมากทีเดียว”

มีคนไข้จำนวนมากที่ผ่าตัดล้มเหลวจากโรงพยาบาลอื่น แล้วมารักษาที่โรงพยาบาลหนันฟัง คุณหมอจิน เล่าว่า “พวกเราได้พบเห็นคนไข้ที่เกิดโรคแทรกซ้อนจำนวนมาก คาดว่าโอกาสที่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนมีมากถึง 60-70% โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงน้อยที่สุด ก็คือโรคเอ็นข้อเท้าหดตัว ลักษณะคล้ายกับเวลาที่เต้นบัลเลย์ แล้วจะเดินได้อย่างไร”

เหตุใดการผ่าตัดชนิดนี้ จึงมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้มาก หมอจินอธิบายถึงวิธีการในการผ่าตัดว่า “ก่อนอื่นต้องผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าแข้ง เพื่อเอาตะปูยาวแทงเข้าไปในถึงโพรงไขกระดูก หลังจากนั้นจึงเลื่อยกระดูกหน้าแข้งท่อนบนออกเป็นสองท่อน แล้วนำอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการยืดกระดูก กล้ามเนื้อ และเอ็น มาประกบติดกับขาของคนไข้ โดยการเจาะรูที่กระดูกเพื่อยึดอุปกรณ์กับขา หลังจากทำการผ่าตัดแล้ว 3-5 วัน กระดูกก็จะยืดขึ้นวันละประมาณ 1 มิลลิเมตรขึ้นกับสภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคน เมื่อกระดูกยืดแล้วยังต้องผ่าตัดเอาตะปูออก”

เนื่องจากต้องแทงตะปูถึง 16 ตัวเข้าไปในกระดูกของคนไข้ หากไม่ระมัดระวังอาจก่อความเสียหายแก่หลอดเลือด กล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท ทำให้การไหลเวียนของโลหิตเกิดการขัดข้อง จนถึงเป็นอัมพาต และหากตะปูไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อที่ดี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในไขกระดูก

นายแพทย์เหมาเสี่ยวหลิง หัวหน้าหน่วยงานด้านการกำกับดูแลเทคโนโลยีทางการแพทย์ของสมาคมแพทยศาสตร์แห่งมณฑลกว่างตงกล่าวว่า “โดยทั่วไป แพทย์จะไม่สนับสนุนให้ทำศัลยกรรมเพิ่มความสูง ในต่างประเทศก็เช่นเดียวกัน”

หญิงสาวที่มีความคิดเช่นเดียวกับก่วนอิง มีเป็นจำนวนไม่น้อย หญิงสาวที่ประสบเคราะห์กรรมอย่าง ฟางเฟยและเสี่ยวหลิน ก็ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก พวกเธอต่างเชื่อว่าบุคลิกภาพที่ดี ย่อมนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการงาน หรือชีวิตคู่ในอนาคต ภาพเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จของสังคมที่เริ่มจะบูชาวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ ที่กำลังอุบัติขึ้นในแผ่นดินจีน


---------------------------------------------------------------------------
ข่าว และ ภาพบางส่วน จาก ; ผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2547
ที่มา : https://www.manager.co.th/China

___________________________________________________

15 มิถุนายน 2565 
กระทู้จากห้องสวนลุม จขกท. นำมาแบ่งปันกัน ถ้าสนใจก็แวะไปอ่านและสอบถามกันได้ที่  https://pantip.com/topic/41487327

ประสบการณ์ผ่าตัดเพิ่มความสูง 12 cm ในไทย

สวัสดีครับ ผมตั้งกระทู้เพื่อตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา ยาวหน่อยนะแต่มีประโยชน์ แต่ก่อนอื่นเกริ่นว่า
ผมคือคนไทยรายที่ร้อยต้นๆ ที่ได้ผ่าตัดเพิ่มความสูงในไทย ตัวผมเองได้หาข้อมูลก่อนผ่าตัดเพิ่มความสูงมากว่า 15 ปี กว่าจะได้ผ่าตัด ทั้งศึกษางานวิจัย Publication ของต่างประเทศเกี่ยวกับการผ่าตัดรูปแบบนี้ ผมเตี้ยสูงแค่ 164 หยุดสูงตอนอายุ 13 ปี เพราะกระดูกปิด อายุกระดูกเท่ากับคนอายุ 19 ปี ดังนั้นการดูแลสุขภาพ กินนม ออกกำลังกาย นอนเร็ว ทานอาหารเสริม ฝังเข็ม ดึงตัว จัดกระดูก ที่ผมทุ่มเททำไปจนอายุ 18 5 ปี เต็มๆ ไม่ได้ทำให้ผมสูงขึ้นเลยแม้แต่ 1 มิลลิเมตร หมดค่าใช้จ่ายรวมๆประมาณ 1.5 ล้านบาท

สภาพจิตใจแย่มาก รู้สึกมีปมด้อยและโรคซึมเศร้า ต้องทานยาและทำจิตบำบัด รวมถึงบำบัดด้วยไฟ้า มากว่า 15 ปี แม้ว่าเราจะสร้างปมเด่นด้านอื่นๆมาทดแทน เช่น ทำงานไต่เต้าจนเป็นผู้อำนวนการในสถาบันการเงินแห่งหนึ่งตั้งแต่อายุ 28 หรือ สร้างปมเด่นด้านกีฬา ดนตรี การเรียนที่ได้เกรียตินิยม ในมหาวิทยาลลัย Ivy League การพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ทำให้จิตใจดีขึ้น ในทางกลับกัน กลับรู้สึกแย่ลงเนื่องจากกดดันตัวเองมากเกินไปที่จะลบล้างปมด้อยตรงนี้

วันนี้ผมได้ผ่าตัดเพิ่มความสูงมาทั้งหมด 12 cm และสูงเพิ่มขึ้นอีก 1 cm จากการประท่ายืนท่านั่งและการแก้ไขปัญหาขาโก่งจากการผ่าตัดเพิมความสูง ทำให้สูงขึ้นรวม 13 cm ทำให้ปัจจุบัน สูง 178 พอแอบใส่เสริมส้นหน่อยเดินเท่ากับคนสูง 180 สบายๆ

ขอเข้าเรื่องเลยละกัน คุณรู้ไหมในไทยมีการผ่าตัดเพิ่มความสูงมานานแล้วแต่ในพันทิพยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลเชิงลึกแบบรู้จริงรู้แจ้งเลยสักคนเดียวตลอกเวลา 15 ปี ที่ผมได้ลองเข้าเว็ปนี้ก็ไม่เจอคนเขียน มีแต่ข้อมูลขยะที่ไม่มีประโยชน์ ผมก็เลยจะมาตอบคำถามส่วนใหญ่ที่คนอยากรู้ให้มันกระจ่างไปเลย

1.การผ่าตัดทำอย่างไร
ง่ายๆมันคือการตัดกระดูกแล้วยืดออก มันเป็นการผ่าตัดใหญ่ต้องบล็อคหลังและวางยา หมอจะผ่าผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อ และใช้ค้อนทุบกระดูกให้แตกออกจากกันโดยยังคงเหลือเยื่อหุ้มกระดูกไว้ หากเพิ่มความยาวกระดูกหน้าแข้ง กระดูก 2 ชิ้นจะต้องถูกหัก นั้นคือ Tibialis กัน Fibula ถ้าเพิ่มความยาวกระดูกต้นขา Femur กระดูกท่อนเดียวจะถูกตัด จากนั้นหมอจะติดตั้งอุปกรณ์ตรึงกระดูกไว้ หลังจาก 1 สัปดาห์ เราะจะเริ่มกระบวนการยืดกระดูกโดยการยืดอุปกรณ์ เราจะสามารถยืดได้ 0.75-1 มม ต่อวัน
https://www.hmpgloballearningnetwork.com/site/podiatry/closer-look-potential-bone-lengthening-distraction-osteogenesis

2. ยืดได้ทั้งหมดกี่ซม
โดยเฉลี่ย เราสามารถยืดได้ 10--15% ของกระดูกท่อนเดิม กระดูกต้นขาจะยืดได้มากกว่าเพราะกระดูกยาวกว่า เส้นประสาทหนากว่า ขนาดยาวกว่า รวมถึงมีผลกระทบต่อการกระดกข้อเท้าน้อยกว่า รวมๆคือ 4-5 ซม สำหรับกระดูกหน้าแข้ง และ ไม่เกิน 8 ซม สำหรับ กระดูกต้นขา หากทำมากกว่านี้อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจนถึงขั้นพอกการได้ ในทางปฎิบัติ เราจะได้น้อยกว่านั้น ต้องดูอาการหลังผ่าอีกทีว่าจะได้เท่าไร ร่างกายรับไหวแค่ไหน ถ้าอยากได้มากกว่านั้นเช่นอยากได้ความสูงรวม 18 ซม สามารถทำได้หลังจากยืดกระดูกไปแล้ว 1 ปีแล้วมาผ่าตัดซ้ำอีก

3. รูปแบบการผ่าตัด
ปัจจุบันในไทยเรามีทางเลือกอยู่ 2 วิธีคือยืดจากภายนอกและยืดจากภายใน
1. ยืดจากภายนอกคือการใช้ Illizarov External Fixator รูปแบบดั้งเดิม (https://www.youtube.com/watch?v=BShrcSp0X7I) จะมีเฟรมครอบขาเราไว้แล้วเราจะใช้มือหมุนตัวอุปกรณ์ให้แกนมันยืดออก ซึ่งจำเป็นจะต้องเจาะกระดูกประมาณ 6-8 จุดเพื่อยึดอุปกรร์เอาไว้ ผลข้างเคียงคือโอกาสติดเชื้อค่อนข้างง่ายมาก เจ็บปวกมากกว่ารูปแบบใหม่ ทำกายภาพได้ค่อนข้ามจำกัด หายช้า มีโอกาสที่เส้นประสาทเสียนหายรุนแรงได้ อาจจำเป็นต้องผ่าตัดซ้ำซ้อน และยังมีความจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดเพื่อนำอุปกรณ์ออกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม สรุปคือ 700,000-1,200,000 บาท สำหรับกระดูก 1 ท่อน 2 ข้าง ส่วยใหญ่จะทำในขาท่อนล่างเนื่องจากอุปกรณ์ที่ใหญ๋ทำให้ไม่สามารถใส่ขาท่อนบนได้พร้อมกัน 2 ข้าง
2. แบบ Internal Fixator ในไทยได้ตัว Precise Nail 2.2 (https://www.youtube.com/watch?v=NBIz2_XgqU4)
หลักการยืดคล้ายๆกันแต่ไม่มีอุปกรณ์ครอบจากด้านนอก เจ็บปวดน้อยกว่ามาก ฟื้นตัวเร็ว สามารถทำในกระดูกต้นขาได้พร้อมกัน โอกาสติดเชื้อต่ำ แต่ราคาแพงมาก ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2.7 ล้าน
ผมทำ 2 ข้าง บน และล่าง ร่วมค่าหมอนัดและอาหารเสริม รวทถึงผ่าเอาอุปกรณ์ออก 4 ล้านบาทพอดี

4. ระยะเวลาในการฟื้นตัวเป็นอย่างไร
สิ่งที่ต้องรู้คือเราจะได้ได้เริ่มยืดกระดูก 7 วัน หลังผ่าตัด และหลังจากนั้นโดยส่วนมากระยะเวลาที่กระดูกแข็งตัวจะเท่ากัน 2 เท่าของเวลาที่ยืด สมมุติว่าความยาว 5 ซม ใช้เวลายืด 50 วัน ตกวันละ 1 มม จะต้องใช้เวลาอีก 100 วันกว่าจะดูกจะแข็งพอที่จะเดินได้ แต่หากมีการยืดมากๆเช่น 6 ซม 1ซม จาก 5 ไป 6 อาจใช้เวลาอีก 40 วัน เลย และ 7 ไป 8 อาจใช้เวลา 3 เดือน ต่อ 1 ซม
กรดูกต้นขาจะฟื้นเร็วกว่าเพราะใกล้เส้นเลือดใหญ่ที่ลำเลียงสารอาหารมากกว่า กระดูกมีการล้อมรอบด้วยกล้ามเนื้อ
ทั้งนี้ทั้งนั้น อายุ การสูบบุหรี่ อาหาร ความเครียด และการพักผ่อนมีผลต่อการฟื้นตัวหมด
ห้ามเด็ดขาดคือการสูบบุหรี่ ทำให้มีโอกาสเกิดการหยุดหายใจหรือการอุดตันในปอดขณะผ่าตัด ถึงชีวิตได้ แผลจะหายช้าติดเชื้อได้ และกระดูกจะสมานช้าหรือไม่สมานเลยซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดซ้ำซ้อน อันตรายมาก ควนงดอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนการผ่าตัด
สิ่งที่สรุปได้ว่าเราหายเร็วหายช้าคือฟิล์ม X-Ray
สรุปคือ 7+(จำนวน cm x 30) + ค่า Exponential หากยืดเกิน 5 cm
ผมยืด ท่อนล่าง 5.5  (180 วัน) ท่อน บน 6.5 (165 วัน) เริ่มหักเดินใหม่ กว่าจะเดินได้อีก 2 เดือน

5. ช่วยเหลือตัวเองได้ไหม ดูแลตัวเองยังไง
เข้าห้องน้ำต้องมีคนช่วยพาขึ้นรถเข้็น ถ้าเป็น Illizarov อาบน้ำไม่ได้เลย ติดเชื้อ ต้องเช็ดตัวอย่างเดียว และ Illizarov จำเป็นต้องทำแผลทุกวัน เช้าเย็น ประมาณ 2-3 เดือน เจอหมอ ทุก 2 อาทิตย์ ย้ำว่าเดินไม่ได้ ทำได้แค่นั่งข้างเตียง
แบบ Internal Fixator ไม่ต้องล้างแผล ไม่ค่อยติดเชื้อ แต่ยืนไม่ได้เช่นกัน แนะนำต้องซื้อรถเข็นและเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ที่บ้านและจ้างแม่บ้านที่จะดูแลเราตรงนี้ตลอด และที่สำคัญกายภาพโดยการยืดกล้ามเนื้ออย่างเข้มข้นแม้ว่าจะทรมาณมากก็ตาม

6. มันเจ็บแค่ไหน พอจะเปรียบเทียบอะไรได้บ้าง
มันยากที่จะอธิบายความเจ็บปวดเพราะคนเราทนต่อความเจ็บปวดไม่เท่ากัน ผมเคยถามคนที่ทำความสูงและเคยผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงและทำหน้าอก ศัลยกรรมทั้งหน้ามาแล้ว เค้าบอกว่าผ่าตัดเพิ่มความสูงเจ็บปวดกว่าผ่าตัดทั้งหมดที่เคยผ่านมารวมกัน
ส่วนตัวผม ตอนผ่าขาท่อนล่าง ขาขวาไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนอะไรจึงเจ็บไม่มาก แต่ขาซ้ายเจอภาวะแทรกซ้อน ติดเชื้อ โครงที่ยือแบบ Illizarov เบี้ยวงอกดกระดูกและเส้นประสาทขาซ้ายขาดต้องผ่าแก้ไข ทำให้ทรมานแทบขาดใจ ต้องใช้ยาแก้ปวด 5 ชนิด รวมถึง มอฟีนช่วย นานถึง 3 เดือน
ส่วนท่อนบนยืดแบบ internal lengthening แพงกว่า แต่ผลข้างเคียงน้อย เจ็บน้อยกว่า 10 เท่า แต่แพงกว่ามาก ถึงยังงั้นก็ยังปวดจนไม่สามารถนอนได้ในบางคืน

7. ทำเสร็จแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร
รู้สึกโล่งใจ มั่นใจขึ้นมาก กล้าแต่งตัว ดูแลสุขภาพดีมาก ชีวิตเปลี่ยน ลืมปมในอดีตไปเลยมีความสุขมากๆ รู้สึกว่าจะเสียดายมากถ้าไม่ได้ทำความสูง แต่ก็รู้สึกว่าผ่านความเสี่ยงมาเยอะมากจนน่ากลัว

8. การผ่าตัดนั้นปลอดภัยแค่ไหน
ตรงๆในไทยแพทย์สภาไม่ยอมรับ มีการแอบผ่ากันเอง ทำได้แค่บ้างโรงพยาบาล ดั้งนั้นคนไข้แทบจะต้องรับผิดชอบผลลัพย์ที่จะเกิดขึ้นเองทั้งหมด
การผ่าตัดใหญ่ไม่มีคำว่าปลอดภัย ปัจจัยเสี่ยคือ หมอ พยาบาล ทีมผ่าตัดทั้งหมด นักกายภาพ และตัวเราเอง ซึ่งในไทยทีมที่ดูแลมีประสบการณ์น้อยมาก กลายเป็นเราต้องสอนเค้า รวมๆคือต่างประเทศน่าจะปลอดภัยกว่า เนื่องจากหมอและทีมผ่าตัดมีประสบการณ์มากกว่ามาก ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไทย 20-30%
ที่แนะนำคือ Dr. Paley, Dr.Robert Rozbrush, Doghoon Lee, Dr Betz, และ Dr. Guichet
ส่วนผ่าตัดในไทยตอนนี้มีคนเดียวที่ยอมทำ หลังไมค์ได้เลยครับถ้าอยากรู้

9. มีวิธีอื่นไหมที่ดีกว่านี้
ในอนาคตจะมีตัว Stryde Precise Nail ซึ่งเป็นแบบ Internal สามารถรองรับน้ำหรักได้มากสุด 110 kg แต่ปัจจุบันยังไม่ผ่าน FDA ใน USA
อุปกรณ์ของ DR. Betz และ Guichet สามารถรับน้ำหนักได้ 100% แต่ Feedback ไม่ค่อยดี ต้องหาข้อมูลเพิ่ม

10. ทำออกมาแล้วขายาวผิดสัดส่วนไหม
ไม่สำหรับตัวผม ก่อนทำเพทย์จะทำการตัดต่อรูปว่าเราจะดูเป็นอย่างไรหลังผ่าตัดเสร็จสิ้น แล้วดูว่าเราพอใจหรือเปล่า
แน่นอนว่าบางคนขายาวตัวสั้น ทำเพิ่งความสูงแล้วดูไม่สวย ผู้ชายอัตราส่วนขาต่อลำตัวไม่ความเกิน 1.4 ซึ่งหาน้อยมาก แต่ถ้าผู้หญิงขายิ่งยาวอาจยิ่งดูดี

11. ความสูงเท่าไรที่ควรจะทำ
ความสูงเฉลี่ยชายไทย 171 ญ ไทย 158 ใน กทม +  2 ซม จากค่าเฉลี่ย แต่ผมที่สุดแล้วมันอยู่ที่ใจ เพื่อนผมผู้ชายสูง 158 ทำงานเก่ง รวยกว่าเพื่อน ชีวิตดูมีความสุข แต่งงานแล้ว ภรรยาสูง 170 มี ลูก แล้ว 2 คน ไม่ได้มองว่าตัวเองมีปมด้อย ขนะที่อีกคนเป็นนายแบบและนักเพาะการสูง 177 แล้ว แต่ต้องการสูง 183-184 เพื่อตัวเองจะได้มีงานเพิ่ม
แล้วตัวผมอะหรอ - แค่ไม่ชอบเงยหน้ามองคน ไม่มีความมั่นใจออกเวทีเสนองาน ไม่มั่นใจจีบสาวๆตัวสูง ไม่ชอบโดนล้อเลียนเรื่องความสูง และต้องการแก้ปมในใจแค่นั้น

12. คำแนะนำคืออะไร สรุปแล้ว
สำหรับคนที่กระดูกไม่ปิดก็ยังมีโอกาสดูแลตัวเองไปจะได้สูงต่อ ถ้ากระดูกปิดแล้วทำใจยอมรับความจริงอย่าเป็นเหยื่อการตลาดที่มาหลอกลวงต่างๆ
ถ้าทำให้ตัวเองดูดีได้ หรือสร้างปมเด่นมาทดแทนได้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ายังทุกข์ใจมากก็ปรึกษาจิตแพทย์ให้ดูแลแต่เนิ่นๆ
ถ้าสุดท้ายๆแล้ววิธีสุดท้ายที่ทำให้คุณมีความสุขไม่ได้จริงๆ การผ่าตัดก็เป็นทางเลือกสุดท้าย และแน่นอนมันจำเป็นต้องมีเงิน+เวลา+คนดูแล
คนที่จะตัดสินว่าแพงหรือไม่คือคุณ
คนที่ตัดสินว่าสำคัญหรือไม่คือคุณ
และคนที่จะตัดสินว่า จะทำหรือไม่ทำก็คือคุณ
ยินดีตอบคำถามทั้งหมดครับ

แถมๆ
เคยมีการผ่าตัดแบบนี้มานานยัง?
มีการผ่าตัดแบบนี้ในโรงพยาบาลรัฐทั่วไป โดยมีเคสผ่าตัดอย่างปกติตลอดเวลา และมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก มีหมอ ทีมแพทย์เก่งๆก็มาก แต่การผ่าตัดแบบนี้ถูกสงวนสิทธิ์สำหรับผู้พิการขาสั้นยาว ไม่เท่ากัน หรือ โรคแคระ แพทย์จะไม่ผ่าให้คนที่สูงปกติ (145 cm+) พราะมองว่าไม่จำเป็นกับการใช้ชีวิต บวกกับแพทย์ที่ผ่าได้มีน้อย การผ่าตัดเพิ่มความสูงจึงถูกกดลำดับความสำคัญลงไป


สมาชิกหมายเลข 7073099
15 มิถุนายน 2565 เวลา 17:00 น.






""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ทำอย่างไร ถึงจะตัวสูง ???สูง ไม่สูง เกิดจากอะไร ??? https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-08-2008&group=4&gblog=56

ทำอย่างไร ถึงจะตัวสูง อาหารเสริมความสูง ? เวบดร่าม่าแอดดิก https://drama-addict.com/?p=9106

นมเพิ่มความสูง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคลอสตรุ้ม(Colostrum)เพิ่มความสูงได้ ไม่จริง! อย่าหลงเชื่อ! https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=29-08-2017&group=4&gblog=131

ผ่าตัดเพิ่มความสูงทางลัดสู่ความสำเร็จหรือเจ็บปวด https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-08-2008&group=4&gblog=58

ผ่าตัดยืดกระดูก ให้สูงขึ้น ดีจริงหรือ ??? https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-08-2008&group=4&gblog=57

สารพัด " นม " ที่ควรรู้ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-12-2008&group=4&gblog=65




Create Date : 26 สิงหาคม 2551
Last Update : 16 มกราคม 2566 15:16:38 น. 2 comments
Counter : 27482 Pageviews.  

 
น่ากลัวจัง


โดย: beautystone วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:22:36:29 น.  

 
อ่านไปสยองไปค่ะ T_T


โดย: kisekimeru วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:55:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]