Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

เคล็ดลับการตักบาตรให้ได้บุญ (นำมาฝาก)



เคล็ดลับการตักบาตรให้ได้บุญ!!!
.
ความเร่งรีบบวกกับความเคยชินอาจชวนให้คนส่วนใหญ่หลงลืมไปว่าในอาหารชุดสำเร็จรูปซึ่งเรานำมาใส่บาตรให้พระสงฆ์ ที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่มีโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ครบถ้วน ในขณะที่มีปริมาณน้ำตาล น้ำมัน เกลือ กะทิ หรือโซเดียมมากเกินกว่าความต้องการ
.
เมื่อพระสงฆ์ฉันอาหารลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้พระสงฆ์อาพาธ (เจ็บป่วย) ด้วยโรคต่างๆ ซึ่งหากดูจากรายงานสถานการณปัญหาโภชนาการในสงฆ์ ของโครงการสงฆ์ไทยไกลโรค ปี 2559 ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะพบว่า 5 โรคยอดฮิตของพระสงฆ์ไทยคือ

1. โรคไขมันในเลือดสูง
2. ความดันโลหิตสูง
3. เบาหวาน
4. โรคปอด
5. โรคหัวใจและหลอดเลือด
.
ซึ่งสาเหตุของการเจ็บป่วยในพระสงฆ์เกิดจากการฉันอาหารที่มีไขมันสูงและดื่มน้ำปานะที่มีรสหวาน เฉลี่ย 2 แก้ว/วัน รวมถึงออกกำลังกายน้อย เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายของพระสงฆ์อย่างการเดินรอบวัด กวาดลานวัด ยังไม่เพียงพอสำหรับการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน
.
ดังนั้นวันนี้เรามาดูเคล็ดลับการตักบาตรให้ได้บุญกันค่ะ ซึ่งนั่นก็คือ การเลือกอาหาาใส่บาตรด้วยความคำนึงและใส่ใจสุขภาพพระสงฆ์ไทย ด้วยการ ‘ใส่ใจสุขภาพ เสริมข้าวกล้อง เสริมผัก เสริมปลา เสริมนม สรร-ปานะ และ สรร-กิจนิมนต์’ ดังนี้

1. เสริมข้าวกล้อง เพิ่มใยอาหารด้วยวิตามิน : ด้วยการผสมข้าวกล้องและข้าวขาวอย่างละครึ่ง ข้าวกล้องมีประโยชน์ต่อหัวใจ ลดความเสี่ยงไขมันอุดตันเส้นเลือด ช่วยระบบขับถ่าย และอุดมไปด้วยวิตามินบี เนื่องจากในข้าวกล้องมีสารเส้นใยสูงกว่าข้าวขาวถึง 3-7 เท่า
.
2. เสริมผัก หลากชนิด : ด้วยการบริโภคผักและผลไม้ 2 ส่วน ต่อข้าว 1 ส่วน และเนื้อสัตว์หรือไข่ 1 ส่วน เพราะผักและผลไม้มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง และเบาหวานได้มากในผักและแร่ธาตุ กากใยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
.
ทั้งนี้ผักในท้องตลาดมีหลากหลายชนิดด้วยกัน ยิ่งมีผักหลากหลายชนิดในเมนูอาหารก็ยิ่งมากไปด้วยประโยชน์ แต่น่าเสียดายที่พระสงฆ์ไม่ได้ฉันในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากในอาหารตักบาตรไม่มีผลไม้ และญาติโยมไม่ได้นำมาถวาย ท่านจึงไม่ได้ฉันผักสดหรือผลไม้รสหวานน้อย อย่าง มะละกอ ฝรั่ง แอปเปิ้ล และสาลี
.
3. เสริมปลา ลาไกลมะเร็ง : ปลาเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ถือเป็นอาหารสุขภาพ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง
.
ซึ่งปลายังเป็นวัตถุดิบที่รังสรรค์อาหารได้หลากหลายเมนู อาทิ ปลาผัดขึ้นฉ่าย ปลานึ่งมะนาว ยำปลาสลิด เมี่ยงปลาทู เป็นต้น อีกทั้งยังมีกรรมวิธีการทำที่หลากหลาย ทั้งนึ่ง ต้มโคล้ง ต้มยำ แกงส้ม ผัด ทอด ย่าง หรืออ่อม
.
4. เสริมนม ผสมกะทิ กระดูกดี : ปรับให้เมนูของคาวและหวานที่มีส่วนผสมจากกะทิเป็นเมนูสุขภาพมากขึ้น ด้วยการใช้สูตรกะทิครึ่ง+นมครึ่ง ได้สุขภาพดีโดยที่ไม่เสียรสชาติอาหาร อาหารยังคงอร่อย มีคุณค่าอาหารและแคลเซียมสู
.
แต่สำหรับพระสงฆ์ที่ไม่สามารถฉันนมวัว สามารถใช้นมถั่วเหลืองแทนได้ เพราะการกินไขมันมากเกินความจำเป็นอาจทำให้อ้วนง่ายและมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
.
ที่นำนมวัวมาผสมสอดแทรกในเมนูอาหารเนื่องจากยังคงมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งมีปัญหาเรื่องกระดูกพรุน กระดูกบาง เพราะพระบางท่านไม่ดื่มนมวัวเลย ประกอบกับไม่ได้รับอาหารที่มีแคลเซียมมากนัก จึงมีความเสี่ยงมีภาวะกระดูกไม่แข็งแรงด้วย
.
5. สรรปานะ ลดน้ำตาล : น้ำปานะ หรือ เครื่องดื่มที่จะช่วยบรรเทาความหิวขณะท้องว่างได้ ควรมีปริมาณน้ำตาลน้อยและมีโปรตีนอยู่ด้วย อย่างเช่น โยเกิร์ต นมวัว-นมถั่วเหลือง ทั้งนี้ควรเลือกชนิดไขมันต่ำ รสชาติจืดหรือหวานน้อยแทน
.
6. ลดเค็ม ลดมัน รสชาติไม่จัดจ้าน : เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพพระสงฆ์ควรลดปริมาณการปรุง ทั้ง น้ำปลา เกลือ น้ำบูดู น้ำไตปลา ปลาร้า ปลาจ่อม รวมถึงควรใช้น้ำมันในปริมาณที่น้อย หรือเปลี่ยนเป็นกรรมวิธีการต้ม อบ ตุ๋น นึ่ง แทน
.
เพื่อเป็นการส่งเสริมและเอื้อให้พระสงฆ์ไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการฉันอาหารที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่าง โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต
.
อ้างอิง: ดนยา สุเวทเวทิน.โยมสะดวก แต่พระอาจไม่สบาย. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ https://bit.ly/2H4DXVe



ที่มา FB@Smart Consumer
https://www.facebook.com/smartconsumer4.0/photos/a.332188787193559/700720087007092/?type=3&theater


*******************************


Create Date : 15 สิงหาคม 2562
Last Update : 15 สิงหาคม 2562 20:56:35 น. 0 comments
Counter : 2669 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]