Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณพึงระลึกอยู่เสมอเกี่ยวกับ การลดน้ำหนัก





ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณพึงระลึกอยู่เสมอเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก



การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นเป็นสิ่ง "ผิด" สิ่งที่จะทำให้น้ำหนักลดได้ ก็คือ การลดปริมาแคลอรี่ที่ทานเข้าไป หรือ เพิ่มปริมาณการเผาผลาญแคลอรี่ให้สูงขึ้นด้วยการออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ แนะนำให้ทำทั้งสองวิธี

การทานอาหารแคลอรี่ต่ำนั้นค่อนข้างเสี่ยง และต้องอยู่ภายใต้การแนะนำ ของผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมเท่านั้น การลดน้ำหนักโดยการทานอาหารแคลอรี่ต่ำ และไม่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ จะทำให้ขาดสารอาหาร ที่จำเป็นต่อร่างกาย และมีอันตรายสูง

การอดอาหารอย่างไร้สติ มักจะก่อให้เกิดผลรุนแรง การเปลี่ยนแปลงนิสัยการกินอย่างกระทันหันและรุนแรงนั้น เป็นการยากที่จะทำได้นาน ๆ ดังนั้นจึงมักจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "โภชนาการล้มเหลว" และมักส่งผลให้ผู้อดอาหาร เข้าสู่วงจรของการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แต่ตามมาด้วย "ผลสะท้อนกลับ (โยโย่ เอฟเฟ็คต์)" ทำให้น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นอีกเมื่อกลับมารับประทานอาหารตามปกติ นอกจากนี้ยังทำให้การอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักในครั้งต่อไป ได้ผลน้อยลง

การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยนั้นต้องใช้ระยะเวลานาน ในการเปลี่ยนแปลงนิสัยการกิน และพฤติกรรมการออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก แนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก เพียง 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ การลดแคลอรี่ ลงสัก 500 แคลอรี่ต่อวัน จะทำให้ลดน้ำหนักได้ตามเป้า เพราะการลดแคลอรี่ ได้ 3,500 แคลอรี่ จะช่วยให้ลดไขมันส่วนเกินได้ 0.5 กิโลกรัม วิธีที่จะทำให้คุณ ลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายนำเข้ามาก็คือ ฝึกนิสัยการทานกินเสียใหม่


ระวังผลิตภัณฑ์ที่โน้มน้าวว่า "ลดน้ำหนักได้อย่างมหัศจรรย์":

แผ่นลดน้ำหนัก ทำให้ผิวซูบซีด ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัยและได้ผล ทาง FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ) ได้จับกุมและยึดผลิตภัณฑ์เหล่านี้ นับล้าน ๆ ชนิดจากผู้ผลิต และผู้ให้การสนับสนุน อยู่ตลอดมา

"ตัวดักจับแป้ง" ซึ่งรับรองว่าจะป้องกันและดักจับการดูดซึมแป้งของร่างกาย มันไม่เพียงไม่ได้รับการพิสูจน์เท่านั้น แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบว่า ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องร่วง และปวดท้อง

"Magnet" เป็นยาลดน้ำหนักชนิดหนึ่ง ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า "รีดไขมันออกจากร่างกาย" องค์การ FTC ได้นำกฎหมาย ต่อต้านผู้จำหน่ายยาประเภทนี้ ออกมาจัดการแล้ว

กลูโคแมนน่อน (รากพืชชนิดหนึ่ง) โฆษณาสรรพคุณว่า "ความลับของการลดน้ำหนักของทางตะวันออกมากว่า 500 ปีแล้ว" ปัจจุบัน มีรายงานสนับสนุนอยู่น้อยนิด ว่ารากของพืชชนิดนี้ มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้

สารดูดซับและเติมเต็มหลายอย่าง เช่นไฟเบอร์บางชนิด จะดูดซับน้ำและของเหลวในกระเพาะ ทำให้ลดความหิวได้ นอกจากนี้ สารเติมเต็มบางชนิด เช่น guar gum ฯลฯ ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นอันตราย กีดขวางทางเดินของลำไส้, กระเพาะ หรือหลอดอาหาร FDA ได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อต้านผู้ให้การสนับสนุนจำนวนมาก ที่นำ guar gum มาเป็นส่วนผสม
สไปรูไลน่า, พืชทะเลจำพวกเห็ดราชนิดหนึ่งที่มีสีเขียวอมฟ้า ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าลดน้ำหนักได้จริง


ระวังสิ่งประดิษฐ์และของปลอมเหล่านี้:

เครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้ออิเล็คโทรนิคส์ นำมาใช้รักษาด้านอายุรเวทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ FDA ได้ฟ้องร้อง ให้นำผลิตภัณฑ์บางตัวออกจากตลาดไป ทั้งนี้เนื่องจากได้ทำการโฆษณาว่าลดน้ำหนัก หรือเพิ่มกล้ามเนื้อได้ ถ้าใช้เครื่องมือเหล่านี้ไม่ถูกต้อง, การกระตุ้นกล้ามเนื้ออาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต และเป็นแผลไหม้พุพอง

"แว่นตาระงับความอยาก" เป็นแว่นตาธรรมดาที่มีกระจกเลนส์เป็นสี ซึ่งจะฉายภาพสู่เรตินาของตา ทำให้ต้านความอยากกินได้ระดับหนึ่ง ยังไม่มีหลักฐานว่าวิธีนี้ได้ผล

"หูฟังลดน้ำหนักมหัศจรรย์" เป็นอุปกรณ์ที่จะสวมเข้ากับหูผู้ซื้อ ซึ่งอ้างว่าสามารถ กระตุ้นตามจุดต่าง ๆ เพื่อควบคุมความหิวได้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผล

โปรแกรมอดอาหาร:
คนอเมริกันราว ๆ 8 ล้านคนต่อปี สมัครเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอดน้ำ, การควบคุมเป็นพิเศษ, การใช้ยา หรือการดูแลอื่น ๆ ศูนย์ลดน้ำหนักประมาณ 8,500 แห่งเปิดดำเนินการข้ามประเทศ ในจำนวนนี้มีอยู่หลายรายที่เป็นบริษัทร่วมทุน หรือเป็นบริษัทมีชื่อเสียงในประเทศนั้น ๆ

ก่อนที่คุณจะลงทะเบียนโปรแกรมลดน้ำหนักใด ลองถามคำถามเหล่านี้ดู:

อะไรคือความเสี่ยงต่อสุขภาพ?

มีข้อมูลที่คุณสามารถแสดงได้ว่าโปรแกรมของคุณนั้นได้ผลจริงไหม?

ลูกค้าจะยังควบคุมน้ำหนักได้ไหม หลังจากจบโปรแกรมลดน้ำหนักนี้แล้ว?

ค่าสมาชิกเท่าไร? ค่าธรรมเนียมรายสัปดาห์ล่ะ, ค่าอาหาร, ค่าบำรุง และค่าปรึกษา เป็นอย่างไร?

ตารางการชำระเงินล่ะ? ค่าใช้จ่ายใดบ้างสามารถใช้กับประกันสุขภาพได้?
คุณจะคืนเงินไหมถ้าออกจากโปรแกรมก่อน?

มีโปรแกรมรักษาหรือเปล่า?

นี่เป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนของแพ็คเกจนี้ใช่ไหม? มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า?

มีการดูแลลูกค้าแบบมืออาชีพอย่างไรบ้าง?

ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ใครเป็นคนตั้งให้ล่ะ?

โปรแกรมลดน้ำหนักของคุณต้องการอะไรบ้าง?

มีเมนูหรืออาหารพิเศษให้ไหม? การตรวจเยี่ยมล่ะ? แผนการออกกำลังเป็นยังไง?



ร่องรอยการหลอกลวง:

มันสำคัญต่อลูกค้ามากที่จะต้องระมัดระวังในสิ่งที่ "ดีเกินไปที่จะเป็นจริง"

ถ้าเป็นโปรแกรมลดน้ำหนัก ลูกค้าต้องระวังเป็นพิเศษกับคำพูดหรือวลีเหล่านี้: มหัศจรรย์, ง่าย, การค้นพบใหม่, ความลับ, ไม่ต้องใช้ความพยายาม, วิเศษ, ลึกลับ, เฉพาะ, รับประกัน, ความก้าวหน้า, ประหลาด และ เก่าแก่




Create Date : 26 เมษายน 2551
Last Update : 27 พฤษภาคม 2558 0:13:06 น. 33 comments
Counter : 21737 Pageviews.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ




โดย: CindyD วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:14:48:13 น.  

 
ขอบคุณคับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:15:32:03 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ


โดย: GaljaZZZ วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:16:43:02 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ


โดย: Your Grace วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:17:39:32 น.  

 
อยากผอม


โดย: chinging วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:21:40:45 น.  

 
ขอบคุณกับบทความดีดีค่ะ


โดย: Suessapple วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:0:57:05 น.  

 

ขอบคุณทุกท่านที่มาแจม ..

แต่ แจ้งไว้ก่อนนะครับว่า บทความเรื่องลดน้ำหนักทั้งหมด ผมไม่ได้เขียนเอง .. แต่ก็จำไม่ได้ว่า นำมาจากที่ไหน .. ใครทราบ หรือเคยเห็นที่เวบอื่น รบกวนแจ้งผมด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ


โดย: หมอหมู วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:18:24:42 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่แบ่งปันกันนะคะ..ลดมะได้ซะทีอ่ะค่ะ


โดย: lovers วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:2:10:18 น.  

 
แล้วการรับประทานน้ำลูกสำรองก่อนรับประทานอาหารมีผลเสียมั๊ยคะ น้ำสำรองนี้ต้มเองค่ะ + ออกกำลังกาย จำกัดการกินคาร์โบไฮเดรต เช่นข้าว ขนมปัง แต่ยังกินครบทั้ง 3 มื้อ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ


โดย: Ammy IP: 125.24.137.189 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:10:11:02 น.  

 
หมอเตือนอย่าเชื่อ “กาแฟ” ลดน้ำหนัก ชี้ ระวังสารอันตราย ยันไม่มีอาหารใดทำให้ผอมได้ถาวร

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2551 07:06 น.


หมอเตือนอย่าหลง เชื่อดื่มกาแฟแล้ว “ผอม” ชี้ ดื่มมากเกิดไป เจอปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้านนักโภชนาการระบุดื่มมากระวังอันตรายจากกาเฟอีน หรือส่วนผสมอื่นที่เป็นยาลดน้ำหนัก ส่งผลระยะยาวต่อร่างกาย ยันไม่มีอาหารใดลดน้ำหนักได้ถาวร

ศ.นพ.สุรัตน์ โคมินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนวิทยาคลินิกและโรคเบาหวาน อดีตหัวหน้าหน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้ประชาชนผิดว่า การดื่มกาแฟแล้วจะทำให้รูปร่างผอมเพรียว ซึ่งต้องบอกว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด แม้ว่ากาแฟจะมีส่วนต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย แต่หากดื่มเป็นปริมาณมาก โดยหวังว่าจะให้ร่างกายผอม หุ่นดีนั้นอาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ แทนที่จะผอม เพราะกาเฟอีนจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานดีขึ้น แต่หากทานมากไปจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ

“นอก จากนี้ หากดื่มกาแฟก็อาจอ้วนได้เช่นกัน เพราะหากส่วนผสมของกาแฟนั้นมีครีมเทียม น้ำตาลผสมอยู่มากก็จะมีพลังงานหลายกิโลแคลอรี ดังนั้น ทำให้อ้วน จะผอมได้อย่างไร ก็ ถ้าอยากดื่มกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลและครีม ก็ถือว่าพอมีประโยชน์ในการช่วยเผาผลาญบ้าง แต่ก็ไม่ควรดื่มหลายๆ แก้วต่อวัน”ศ.นพ.สุรัตน์ กล่าว

ด้าน นพ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หหัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า กาแฟมีส่วนช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นในระดับสัตว์ทดลองและมนุษย์ด้วย แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายดีจนทำให้ร่างกายผอมเพรียว แถมหากดื่มมากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูงและระดับไขมันในกระแสเลือดมากกว่าปกติ เหตุเพราะส่วนผสมในการดื่มกาแฟด้วย

นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการระดับ 9 กรมอนามัย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่กาแฟจะทำให้ลดน้ำหนักได้ เพราะไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์ยืนยันเช่นนั้น ทั้งนี้ ถ้าหากกินกาแฟสูตรใดสูตรหนึ่งแล้วสามารถลดน้ำหนักได้จริงคคงเป็นการเติมสาร อะไรบางอย่างทำให้มีผลต่อร่างกาย ซึ่งอาจเป็นยาลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก

“ทุกวันนี้ยังไม่มีอาหารเสริมใด รวมถึงกาแฟที่เป็นการลดน้ำหนักได้อย่างถาวรและยั่งยืน เท่ากับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ทั้งนี้ อาหารเสริมจะทำให้ลดน้ำหนักได้เฉพาะช่วงที่ทานหรือดื่มอาหารเสริมเหล่านั้น อยู่ แต่หลังจากเลิกแล้วก็จะเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ ทำให้น้ำหนักกลับมาอ้วนเหมือนเดิม ทั้ง นี้ ความเชื่อกันว่า ดื่มกาแฟกับแซนด์วิชแล้วจะทำให้น้ำหนักลดลงนั้น น้ำหนักลดลงแน่แต่ลดจากการอดอาหารอื่นๆ ทานแต่กาแฟมันก็ย่อมลด แต่ไมได้ลดจากกาแฟโดยตรง จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงกับการโหมโฆษณาที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ การทานกาแฟ” นายสง่า กล่าว

นายสง่า กล่าวว่า นอกจากนี้ อาจมีผลเสียกับร่างกายได้ หากดื่มกาแฟมากกว่าวัน 2 แก้วต่อวัน เพราะหากร่างกายได้รับปริมาณกาเฟอีนเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้ และหากมีการเติมสารหรือตัวยาสำหรับการลดน้ำหนัก ก็อาจเป็นอันตรายกับร่างกายในระยะยาวด้วยเช่นกัน

//www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000130388




ได้แต่ สงสัยว่า .... " แล้ว จะเชื่อหมอ หรือเปล่า ??? " :-D


โดย: หมอหมู วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:43:30 น.  

 
มีลูกสาวสองคนคะ คนหนึ่ง15 อีกคน12 คนโตสุง155 จะสูงได้อีกมั้ยคะ และทำไงคะให้ลูกสูง นมทานเป็นลังแล้วคะ ช่วยตอบด่วนนะคะ


โดย: ซามี่ IP: 117.47.178.161 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:11:12:38 น.  

 

//www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=419&contentID=5267


สาวฉันทนาซื้อกินเองยาลดอ้วนหัวใจวายดับคาหอพัก

วันศุกร์ ที่ 26 มิถุนายน 2552 เวลา 8:37 น


สาวฉันทนากินยาลดความอ้วน หัวใจวายตายอนาถภายในหอพัก เพื่อนแฉ เหยื่อมีน้ำหนักตัวกว่า 60 กิโลกรัม และมีโรคประจำตัวหอบหืด เลยไปซื้อยาลดความอ้วนที่คลินิกมากินเอง โดยไม่ได้ไปปรึกษาแพทย์ หลังน้ำหนักลดไป 10 กิโล จึงเลิกกินยา เบื้องต้นคาดหยุดกินยากะทันหัน และมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เลยทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน นำศพส่งนิติเวชผ่าหาสาเหตุอีกครั้ง ขณะที่เภสัชกรชี้ เป็นโรคหอบหืดกินยาลดความอ้วนมีสิทธิตาย


น.ส.อรยาให้การอีกว่า น.ส.สมจิตร นั้นมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืด และเป็นคนรูปร่างอ้วนมีน้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม ต่อมาผู้ตายอยากผอมเลยไปซื้อยาลดความอ้วน ที่คลินิกแห่งหนึ่งมากิน ผ่านไปหลายวัน น้ำหนักของ น.ส.สมจิตรลดลงไป 10 กิโลกรัม ทำให้รูปร่างดีขึ้น ผู้ตายเลยหยุดกินยามาได้ 2 สัปดาห์ กระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น.ส.สมจิตรไปซื้อยาลดความอ้วนมากินเอง โดยไม่ได้ไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พอเห็นว่าน้ำหนักลดลงจนพอใจแล้วเลยหยุดกินยากะทันหัน ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือหอบหืด จึงทำให้หัวใจวายเฉียบพลันขณะนอนอยู่คนเดียว อย่างไรก็ตามให้หน่วยกู้ภัยนำศพส่งสถาบันนิติเวช รพ. ตร.เพื่อชันสูตรสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


สำหรับภัยของยาลดความอ้วน ที่ผู้หญิงกินไปแล้วทำให้ต้องเสียชีวิตหลายรายนั้น เคยเกิดขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้วหลายครั้งหลายหน แต่ว่าหญิงสาวหลายคนยังไม่เข็ด สุดท้ายต้องจบชีวิตในที่สุด



ขณะที่นายสุชาติ ถนอมวรากรณ์ เภสัชกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาระบุว่า ยาลดความอ้วนมีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ

ประเภทออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หรือมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ยาพวกนี้ได้แก่ ยาบ้า ยาเสพติด แอมเฟตามีน เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้รู้สึกไม่อยากกินอาหาร ทำให้ร่างกายซูบผอม ถือเป็นยาอันตราย ไม่มีจำหน่ายในร้านขายยาทั่วไป

อีกประเภทหนึ่งจะมีเฉพาะคลินิกหรือ รพ. จะสั่งจ่ายตามความเห็นของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากจะมีผลทำให้บางคนมีอาการคลุ้มคลั่ง หรืออาจช็อก นอกจากนี้ยังมีผลทำให้เกิดอาการง่วงซึม นอนไม่หลับ

ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นยาที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทโดยตรง แต่จะไปมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ปกติยากลุ่มนี้จะใช้ในการรักษาโรค โดยมีการดัดแปลงไปปนในยาถ่าย ยาระบาย ยานอนหลับ ซึ่งร้านขายยาจะให้ยาเหล่านี้ด้วย เมื่อมาซื้อยาลดความอ้วน

สำหรับกรณีของ น.ส.สมจิตรนั้นไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากยาลดความอ้วนหรือไม่ เพราะยังไม่ทราบว่าเป็นยากลุ่มไหน แต่กรณีถ้าหยุดยาลดความอ้วนไป 2 สัปดาห์แล้วทำให้เสียชีวิตนั้นความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่ ถ้าหากกินเข้าไปมากเกินขนาดอาจทำให้ช็อกได้ หรือถ้าแพ้ยาอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน

ส่วนคนที่เป็นโรคไต ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับและโรคภูมิแพ้ หากกินยาลดความอ้วนอาจทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน กรณีของ น.ส.สมจิตรถือว่าอันตรายมาก เพราะเจ้าตัวหนักกว่า 60 กก. เหลือแค่ไม่ถึง 50 กก. เนื่องจากตามหลักแล้วไม่ควรเกินอาทิตย์ละ 1 กก. เท่านั้น



โดย: หมอหมู วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:19:32:18 น.  

 
มีคนถามเกี่ยวกับยา reductil [ sibutamine ] ไปค้นกระทู้ได้มาเพียบ ...

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2006/01/L3994002/L3994002.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3072326/L3072326.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3114525/L3114525.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3926101/L3926101.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L2449884/L2449884.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2008/01/L6284739/L6284739.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2008/10/L7155235/L7155235.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L2453288/L2453288.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3922406/L3922406.html

//topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3118658/L3118658.html

//www.pharmacafe.com/board/viewtopic.php?f=18&t=19997



โดย: หมอหมู วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:19:13:56 น.  

 

3241 :26 - มิ.ย.- 52

อย.เตือน*ยาชุดลดอ้วน* สุดสยอง ชี้ซื้อกินเอง เสี่ยง *ตาย*

อย. ชี้ยาชุดลดน้ำหนักสุดสยอง มีทั้งยารักษาไทรอยด์ ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ยานอนหลับ เตือนเสี่ยงอันตรายถึงตาย

ย้ำสาวอยากผอม ห้าม! ซื้อยาลดความอ้วนมากินเองเด็ดขาด กรณีสาวโรงงานเสียชีวิต ต้องรอผลตรวจพิสูจน์เหตุมาจากการใช้ยาลดความอ้วนจริงหรือไม่

นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกรณีมีสาวโรงงานเสียชีวิต ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการรับประทานยาลดความอ้วนว่า ขณะนี้ยังคงต้องรอผลพิสูจน์สาเหตุของการเสียชีวิตก่อน ซึ่ง สสจ. พระนครศรีอยุธยากำลังเร่งตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตได้รับยาดังกล่าวจากร้านขาย ยาหรือคลินิก เนื่องจากยาในกลุ่มนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาทาง สสจ. ได้ตรวจสอบร้านขายยาแต่ไม่เคยพบร้านขายยากระทำผิดกรณีดังกล่าว

สำหรับ ยาลดความอ้วนในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหาร และยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ซึ่งยาที่นิยมใช้กันคือ ยาเฟนเตอมีน ถือเป็นยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง มีข้อบ่งชี้ในการใช้เพื่อลดการอยากอาหาร แต่มีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็ว ใช้ไปนาน ๆ อาจถึงขั้นติดยาได้ หรือทำให้น้ำหนักที่ลดลงคืนกลับมาอีก รวมทั้งอาจพบอาการอื่นๆ อีก คือ ปากแห้ง อาเจียน ท้องผูก เหงื่อออก ตื่นเต้น ม่านตาขยายประสาทหลอน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะ พบว่ามีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ชัก โคม่า และทำให้เสียชีวิตได้

“ที่ สำคัญพบว่า มีการจำหน่ายยาชุด ที่มีการนำไปใช้ลดน้ำหนัก โดยจัดไว้เป็นชุดให้รับประทานเหมือนกันในแต่ละวัน ประกอบด้วยยาประมาณ 1-5 รายการ เช่น ยาลดความอยากอาหาร เช่น เฟนเตอมีนและแอมฟีพราโมน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท,ยาระบาย ,ยาขับปัสสาวะ,ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่หิว ซึ่งการที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดหลั่งเพื่อย่อยอาหาร ทำให้เกิดโรคกระเพาะ จึงต้องให้ยาเป็นชุดเพื่อรักษาผลข้างเคียง คือ ลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารด้วย” นพ.พงศ์พันธ์ กล่าว

นพ. พงศ์พันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มี

ยาไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ เป็นยาที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว แต่น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย แทนที่จะเป็นไขมัน ดังนั้น ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูงมาก และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย,

ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น โพรพราโนลอล ยากลุ่มนี้ปกติใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูง และการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ การให้ร่วมกับยาชุดเนื่องจากยาจะลดอาการใจสั่นที่เกิดจากยาลดความอยากอาหาร,

ยานอนหลับ หรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงให้ง่วงนอน เนื่องจากยาลดความอยากอาหารอาจทำให้นอนไม่หลับจึงทำให้มีการจ่ายยานี้ร่วม ด้วย ยานอนหลับที่จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น ไดอาซีแพม มีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม กดอาการหายใจ ความดันต่ำ

“จะ เห็นได้ว่ายาชุดดังกล่าว ประกอบด้วยยาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นยารักษาโรคอื่นที่นำมาใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา สุดท้ายกลับทำให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงมากมาย ที่จริงการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย พักผ่อนในสัดส่วนที่เหมาะสม และต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้วย

การใช้ยาลดความอ้วนไม่สามารถทำให้หายจากโรคอ้วน เมื่อหยุดยา น้ำหนักจะกลับขึ้นได้อีก (yo-yo effect) ควรพิจารณาว่า ยาดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาในระยะยาวของโรคอ้วน ควรชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงที่อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาและผลเสียจาก โรคอ้วน ก่อนที่จะเริ่มใช้ยาเพื่อลดความอ้วน รวมทั้งต้องคำนึงถึงการรักษาและปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดร่วมไป ด้วย”นพ. พงศ์พันธ์ กล่าว

นพ. พงศ์พันธ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม อย. ขอเตือนร้านขายยามิให้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น ยาเฟนเตอมีน เพราะอาจเกิดผลร้ายต่อผู้บริโภค หาก อย. ตรวจพบจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยมีโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท และขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อยาเพื่อลดความอ้วนมากินเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะยาชุดลดน้ำหนัก ห้ามซื้อใช้เด็ดขาด

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
สร้างเมื่อ 2009-06-29 00:00:00



โดย: หมอหมู วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:14:53:43 น.  

 


อย่าเสี่ยง....ซื้อยาลดความอ้วนมากินเองอันตรายถึงชีวิต (อ.ย.)

โดย ปภัสสร ผลโพธิ์


จากที่มีการนำเสนอข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้งว่า พบผู้เสียชีวิต ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการรับประทานยาลดความอ้วนนั้น อย. ในฐานะที่กำกับดูแลยาประเภทนี้จึงขอเตือนประชาชนผู้ที่ต้องการลดความอ้วนว่า การใช้ยาลดความอ้วนโดยซื้อยามารับประทานเองนั้นเป็นอันตรายเพราะยาลดความ อ้วนกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ มีผลข้างเคียงสูง อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้



ในปัจจุบันยาลดความอ้วนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหารและยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิด ช่วยให้น้ำหนักลดลง แต่ยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลางอาจมีผลข้างเคียงอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงทำให้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาชุดที่มีการนำไปใช้ลดน้ำหนัก โดยจัดเป็นชุดให้รับประทานเหมือนกันในแต่ละวัน ซึ่งประกอบด้วยยาประมาณ 1-5 รายการ อาทิ

(1)ยาลดความอยากอาหาร เช่น เฟนเตอมีน และแอมฟีพราโมน ซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท,

(2)ยาระบาย,

(3)ยาขับปัสสาวะ,

(4)ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่ง ยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหารทำให้ไม่หิว การที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดหลั่งเพื่อย่อยอาหาร อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะ จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร,

(5)ยาไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ เป็นยาที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย น้ำหนักจึงลดอย่างรวดเร็ว แต่น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกายแทนที่จะเป็นไขมัน ดังนั้น ยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูงมาก และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย,

(6)ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น โพรพราโนลอล ยากลุ่มนี้ปกติใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูง และการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ การให้ร่วมกับยาชุดเนื่องจากยาจะลดอาการใจสั่นที่เกิดจากยาลดความอยากอาหาร,

(7)ยานอนหลับ หรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงให้ง่วงนอน เนื่องจากยาลดความอยากอาหารอาจทำให้นอนไม่หลับจึงทำให้มีการจ่ายยานี้ร่วมด้วย ยานอนหลับที่จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น ไดอาซีแพม มีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม กดอาการหายใจ ความดันต่ำ

จะเห็นได้ว่ายาชุดดังกล่าวประกอบด้วยยาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นยารักษาโรคอื่นที่นำมาใช้มาเพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา สุดท้ายอาจทำให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงมากมาย

ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือ ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง ด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย พักผ่อนในสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะการใช้ยาลดความอ้วนไม่สามารถทำให้หายจากโรคอ้วน เมื่อหยุดยาน้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาได้อีก (yo-yo effect) ฉะนั้นก่อนการใช้ยาควรต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาดังกล่าวเป็นยารักษาโรคอ้วนในระยะยาว ซึ่งมีความเสี่ยงในการได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยา อีกทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด จะมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการใช้ยาดังกล่าวนี้มากขึ้น

ท้ายที่สุดนี้ อย. ขอเตือนร้านขายยามิให้กระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะการขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น ยาเฟนเตอมีน เพราะอาจเกิดผลร้ายต่อผู้บริโภค หาก อย. พบเห็นการกระทำดังกล่าวจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

อีกทั้งในส่วนของประชาชน อย่าซื้อยาลดความอ้วนมารับประทานเองเพราะจะเป็นอันตราย และหากพบเห็นร้านขายยาที่กระทำผิดดังกล่าว หรือต้องการปรึกษาเรื่องการใช้ยาลดความอ้วน ก็สามารถโทรมาได้ที่สายด่วน อย. 1556 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทรศัพท์บ้านครั้งละ 3 บาท ทั่วประเทศ




โดย: หมอหมู วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:14:58:37 น.  

 
ขอบคุณ หมอ หมู มาก นะค่ะ ที่ให้ คำแนะ นำ ค่ะ มัน มี โฆษณา ยาลดความอ้วนในนิตรสาร ชื่อว่า สเวลติส หรืออะไร สักอย่างบอกว่ามี สาร asa บอกสรรพคุณ ว่าสามารถ ลดได้ ถึง5-6 กิโล ต่อ สัปดา เกิน จริงมากๆๆ ค่ะ อยากให้ อย ตรวจ สอบ นะค่ะ


โดย: รัชนีกร IP: 114.128.120.235 วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:19:47:25 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดี ๆ

ขอให้คุณหมอและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ *-*


โดย: ลูกเต่าน้อย IP: 58.8.85.187 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:31:23 น.  

 
จะพยายาม ค่ะ

ด้วยความขอบคุณ


โดย: khun ya IP: 124.122.110.49 วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:52:06 น.  

 

นร.16 กิน ยาลดอ้วน ดับ ....... ( พาดหัวในข่าวสด ... จริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ??? )

อ่านพาดหัว เหมือนสรุปฟันธงว่า เสียชีวิต เพราะยาลดความอ้วน ..

แต่พออ่านเนื้อใน แพทย์ ก็ยังไม่ได้สรุปว่า เกิดจากสาเหตุอะไร ..

เอาเป็นว่า ตอนนี้ ก็อ่านไว้ เป็นข้อมูล ก่อนนะครับ ....




//www.norsorpor.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/r2039970/http%253A%252F%252Fwww.khaosod.co.th%252Fview_news.php%253Fnewsid%253DTUROd01ERXdOekF5TURZMU13PT0%253D%2526sectionid%253DTURNd01RPT0%253D%2526day%253DTWpBeE1DMHdOaTB3TWc9PQ%253D%253D


วันที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7125 ข่าวสดรายวัน


นร.16กิน ยาลดอ้วนดับ

อยากเป็นพริตตี้ อดข้าวไม่ทันใจ

สลด น.ร.สาว 16 กินยาลดความอ้วนดับคาบ้าน พ่อเผยลูกสาวฝันอยากสลดน.ร.สาว 16 กินยาลดความอ้วนดับคาบ้าน

พ่อเผยลูกสาวฝันอยากเป็นนางแบบ-พริตตี้ แต่น้ำหนักมากถึง 64 ก.ก. จึงพยายามอดอาหารลดความอ้วน แต่ไม่ได้ห้ามเพราะเห็นว่าไม่น่าอันตราย จนล่าสุดไปรับหลังเลิกฝึกงาน ลูกสาวบ่นเหนื่อย อยากรีบกลับบ้าน และขอตัวเข้านอน ก่อนหลับสิ้นใจตายในห้องนอน จนรุ่งขึ้นแม่ไปเรียกพบเป็นศพไปแล้ว

หมอ ระบุหัวใจวายเฉียบพลัน เจอยาลดความอ้วน 2 ขวด ชื่อ พีซีไวท์ PAODY Slim Capsule กับ แอลคาร์นิทีนพลัส (L-Carnitine Plus) พร้อมห่อพัสดุที่สั่งซื้อจากทางอินเตอร์เน็ต พ่อเตรียมฟ้องบริษัทยา หากผลชันสูตรระบุลูกตายเพราะยาลดอ้วน

เมื่อ เวลา 16.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี รับแจ้งจากนายพิชัย จินตนาผล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/59 หมู่บ้านเจ้าพระยา 8 ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ว่า ลูกสาวคือ น.ส.โชติมา หรือน้องจูน จินตนาผล อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนวัดราชาธิวาส เสียชีวิตเพราะกินยาลดความอ้วนที่โฆษณาทางอินเตอร์เน็ต เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ศพอยู่ที่วัดบางเลนเจริญ ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อไปถึงพบว่ามีกลุ่มนักเรียนเพื่อนของผู้ตายพากันมาร่วมรดน้ำศพ

นาย พิชัยซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก กล่าวว่า น้องจูนเป็นคนร่าเริงและมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนางแบบหรือพริตตี้ แต่มีน้ำหนักตัว 64 ก.ก. ในแต่ละวันน้องจูนจะรับประทานอาหารเพียงวันละหนึ่งมื้อเท่านั้น เพื่อเป็นการลดความอ้วน โดยน้องจูนจะรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวทุกวัน ตนไม่ได้ห้ามปรามลูกสาวในการลดน้ำหนักตัวด้วยวิธีนี้

นายพิชัยกล่าว ต่อว่า ก่อนหน้าที่น้องจูนจะเสียชีวิต ได้ไปสมัครงานที่บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และถูกส่งมาทดลองงานขายสินค้าที่ห้างโลตัส สาขารัตนาธิเบศร์ โดยเป็นพริตตี้ขายซิมโทรศัพท์มือถือ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนไปรับลูกกลับบ้าน ลูกสาวบอกว่า รู้สึกเหนื่อยมาก อยากรีบกลับไปนอน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ขอตัวขึ้นนอนทันที

กระทั่ง เช้าวันที่ 31 พ.ค. ตนออกไปทำงาน ต่อมาตอนเที่ยงมาทราบจากคนในครอบครัวว่า น้องจูนนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งร.ต.ท.อายุบ เบนอับดุลเลาะห์ ร้อยเวรสภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เดินทางมาตรวจสอบพร้อมแพทย์

ใน เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า ลูกสาวเสียชีวิตจากหัวใจวายเฉียบพลัน และจะต้องใช้เวลานาน 1 เดือนจึงจะทราบผลชันสูตรอย่างละเอียดถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

นายพิชัยกล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบในห้องนอนของลูก พบยาลดความอ้วน 2 ขวด ยี่ห้อ PAODY กับ L-LARNITINE พร้อมกับซองไปรษณีย์ที่บรรจุขวดยาดังกล่าวซึ่งจัดส่งมาให้ลูก สำหรับยาลดความอ้วนทั้งสองกระปุกคาดว่าลูกสาวจะติดต่อซื้อทางอินเตอร์เน็ต จึงทำให้ตนเชื่อว่า ลูกสาวน่าจะเสียชีวิตจากการรับประทานยาลดความอ้วนอย่างแน่นอน เพราะปกติลูกเป็นคนแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัวใดๆ มาก่อน ซึ่งหากผลตรวจออกมาว่า น้องจูนเสียชีวิตจากการรับประทานยาลดความอ้วน ตนจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ขายยาทางอินเตอร์เน็ตให้กับลูกสาว

ซึ่ง หากตนรู้ล่วงหน้าว่าลูกสาวแอบไปซื้อยาลดความอ้วนมารับประทาน ก็จะว่ากล่าวตักเตือนและห้ามอย่างเด็ดขาดแน่นอน เพราะเคยทราบข่าวมาก่อนหน้านี้ว่ายาลดความอ้วนเป็นอันตรายมาก

"ผม สังเกตเห็นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกสาวน้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่องถึง 10 กว่ากิโล จึงเตือนด้วยความเป็นห่วงว่าให้ทานอาหารบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผล วันเกิดเหตุผมได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่า เห็นรองเท้านักเรียนของลูกสาวยังวางอยู่ แสดงว่ายังไม่ไปเรียนตามปกติ ผมจึงบอกให้เข้าไปดูในห้องนอน ก็พบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ในสภาพนอนหงายเหยียดยาวบนที่นอน มือซ้ายกำแน่น ปากกัดข้อมือขวาจนเป็นรอยลึก" นายพิชัยกล่าว

ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า สำหรับขวดยาวางอยู่ 2 ขวดคือ

ขวดแรกชื่อ พีซีไวท์ PAODY Slim Capsule เป็นแคปซูลสีส้ม-เทา

ขวดที่ 2 ชื่อ แอลคาร์นิทีนพลัส (L-Carnitine Plus) เป็นแคปซูลสีเทา

ซึ่ง เมื่อตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ตพบว่ามีจำหน่ายอยู่จำนวนมาก ในราคาที่ไม่แพงมากนัก โดยระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก

(กรอบบ่าย)


โดย: หมอหมู วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:18:54:44 น.  

 

วันนี้ ก็มีข่าวความคืบหน้า .. นำมาลงไว้ จะได้ต่อเนื่อง

//www.thairath.co.th/today/view/86800

//www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/31888/%E0%B8%AA%E0%B8%98-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A718



สธ.คาด"ไซ บูทามีน"คร่าชีวิตสาวพริตตี้

02 มิถุนายน 2553 เวลา 16:15 น.


“จุ รินทร์” คาดสารไซบูทามีน แฝงยาลดอ้วนทำให้เด็กสาวอายุ 18 ปีที่ใช้ยาหัวใจวายเฉียบพลันเสียชีวิต สั่งอย.เร่งตรวจสอบตัวอย่างยา-ประสานไอซีทีปิดเว็บขาย

จากกรณี น.ส.โชติมา จินตนาผล หรือน้องจูน อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนวัดราชาธิวาสเสียชีวิต จากสาเหตุหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีสาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความอ้วน

นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิด ซึ่งอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ คือ PAODY SLIM CAPSULE กับ L-carnitine plus น่าจะมีส่วนผสมของยาลดความอ้วน ในกลุ่มไซบูทามีน ซึ่งถือเป็นยาอันตราย ทั้งนี้จะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งวิเคราะห์ต่อไป

“ส่วน มาตรการที่จะดำเนินการ นอกจากจะมอบหมายให้ อย. ติดตามตรวจสอบ และประสานไปยังกระทรวงไอซีทีเพื่อปิดเว็บไซต์ที่ผู้เสียชีวิตได้สั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดติดตามเฝ้า ระวังผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ด้วย”นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับบทลงโทษของ ผู้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หากผลวิเคราะห์พบว่าผสมไซบูทามีน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการโฆษณาที่เข้าข่ายเป็นเท็จหรือหลอกลวง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สภาทนายแนะพ่อสาวพริตตี้ฟ้องเว็บไซต์ ขายยาลดอ้วน

นาย วันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า ได้แนะนำให้พ่อของ น.ส.โชติมา จินตนาผล หรือน้องจูน อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนวัดราชาธิวาส เสียชีวิตคาห้องนอน เหตุมาจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ซึ่งพ่อเชื่อว่าเป็นผลมาจากยาลดความอ้วนที่ลูกสาวสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ แห่งหนึ่งมากิน เพราะต้องการลดน้ำหนักให้เหลือ 45 กิโลกรัม ควรรีบไปแจ้งความดำเนินคดีเว็บไซต์ดังกล่าว

ฃทั้งนี้เว็บไซต์ที่ขาย ยาลดความอ้วน ได้โฆษณาขายยาที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทั้งที่เป็นโฆษณาเกินจริง โดยหลักต้องได้รับอนุญาตจาก อย.ก่อน ซึ่งผิดกฎหมาย มีโทษทางอาญา ทั้งจำและปรับ นอกจากนี้ ยังเป็นโฆษณาที่เกินจริง ซึ่งกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ได้วางบทบัญญัติไว้ชัดเจน มีโทษจำคุกและปรับ



"ประเด็นคือ งานนี้ใครต้องรับผิดชอบ ผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้โฆษณา มีความผิดแน่นอน โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่เอาโฆษณายามาลง จะต้องตรวจสอบสินค้าก่อน ถ้ายามีผลร้ายแก่ผู้บริโภค เว็บไซต์ก็น่าจะต้องรับผิดด้วยฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ต้องระวางโทษทางอาญาด้วย เว็บไซต์จะอ้างไม่รู้เพื่อปฏิเสธความรับผิดไม่ได้" เลขาฯ สภาทนายความ กล่าว

นายวันชัย กล่าวอีกว่า งานนี้ผู้เสียหายคือเด็กที่กินยาเข้าไป แต่เมื่อตายไปแล้ว ผู้เสียหายจัดการแทนคือพ่อ แม่ ก่อนอื่นต้องไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ในท้องที่ซึ่งความผิดเกิดหรือเชื่อว่าเกิดในเขตอำนาจ โดยบอกร้อยเวรว่ามีเจตนาจะเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ไม่ใช่มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นให้ไปฟ้องแพ่ง เรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด พร้อมดอกเบี้ย คดีนี้มีความผิดทั้งแพ่งและอาญา เนื่องจากความตายเป็นผลโดยตรงจากการขายยาที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นค่าเสียหายส่วนนี้จึงฟ้องเรียกเอาค่ารักษาพยายาล ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ได้ทั้งสิ้น ถ้ามาที่สภาทนายความจะฟ้องเรียกให้สัก 50-100 ล้านบาท

นอกจากนี้ หากฟ้องแพ่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ก็มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหายเชิงลงโทษ เพื่อลงโทษแก่ผู้ประกอบธุรกรรมให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนไม่ให้เป็น เยี่ยงอย่าง เพราะเดิมไม่มีกฎหมายให้เรียกค่าเสียหายเชิงลงโทษได้ จำเลยก็ได้ใจ

"สำนักงาน อย. และ สคบ. ก็ควรมีหน่วยเฝ้าระวังทางเว็บไซต์ ถ้าพบว่ามีโฆษณาขายยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคในลักษณะเกินจริง หรือไม่ผ่านการตรวจสอบก็เรียกมาสอบสวน หรือแจ้งเตือนประชาชนให้รู้ตัว ไม่ใช่ปล่อยให้วัวหายล้อมคอก จะอ้างคนไม่พอไม่ถูก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ" นายวันชัย กล่าว



ปล. เห็นด้วยอย่างยิ่ง ... ว่า เจ้าของเวบ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ..

" ผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้โฆษณา มีความผิดแน่นอน โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่เอาโฆษณายามาลง จะต้องตรวจสอบสินค้าก่อน ถ้ายามีผลร้ายแก่ผู้บริโภค เว็บไซต์ก็น่าจะต้องรับผิดด้วยฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ต้องระวางโทษทางอาญาด้วย เว็บไซต์จะอ้างไม่รู้เพื่อปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ "


โดย: หมอหมู วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:18:56:28 น.  

 
//manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000076785

“จุรินทร์” สั่งลุยตรวจเจ้าของเว็บไซต์มหาภัย ขายอาหารเสริมลดอ้วน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2553 00:23 น.


“จุรินทร์” เอาจริงให้ อย.และตำรวจ บก.ป.เดินหน้าดำเนินคดีปิดเว็บไซต์มหาภัย ย่านหนองแขม พร้อมตรวจห้างสรรพสินค้าย่านบางใหญ่ พบผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ผิดกฎหมายเพียบเร่งสืบหาต้นตอแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร L-carnitine plus และ PAODY SLIM CAPSULE หลังพริตตี้ดับ ป้องหญิงสาวรายอื่นตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ อย.จับตาโฆษณาแฝงผ่านเคเบิลทีวีด้วย

จากกรณี น.ส.โชติมา จินตนาผล อายุ 18 ปี เสียชีวิตซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าเกิดจากจากการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริม อาหารชื่อ L-carnitine plus และ PAODY SLIM CAPSULE เพื่อต้องการลดความอ้วน โดยสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตนั้น

วันนี้ (3 มิ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า หลังจาก นายพิชัย จินตนาผล บิดาผู้ตายที่มาร้องเรียนให้ตรวจสอบเว็บไซต์ ในช่วงเย็นวานนี้ (2 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ อย.ร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ.นำหมายค้นของศาลแขวงธนบุรีที่ 23/2553 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 1023/13 หมู่บ้านศรีเพชร หมู่ 7 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม

ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ฉัตรกมล อยู่ศรี และให้การยอมรับว่าเป็นเจ้าของเว็บไซต์ //www.Becharmbeauty.weloveshopping.com จริง

โดยตรวจค้นภายในบ้านพบของกลางเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูก ต้อง มีไว้เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าผ่านเว็บไซต์

แต่ไม่พบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร L-carnitine plus และ PAODY SLIM CAPSULE นอกจากนี้ ไม่พบหลักฐานการสั่งซื้อ และใบส่งสินค้าให้แก่ น.ส.โชติมา ผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด พบเพียงการสั่งซื้อโลชั่น และครีมบำรุงผิวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งความผิดฐานจำหน่ายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า วันนี้ อย.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.เข้าสำรวจตรวจสอบร้านค้าย่อยในห้างสรรพสินค้าโลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี บริเวณบางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างลดความ อ้วน เครื่องสำอางที่ผสมสารห้ามใช้ ซึ่งผลการตรวจสอบ พบผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย ดังนี้

- ห้างโลตัส ตรวจสอบร้านค้าย่อย 12 ร้าน พบเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง จำนวน 22 รายการ 160 ชิ้น ได้แก่ แชมพู ลิปสติก สมุนไพรกระชับช่องคลอด ครีมหน้าเด้ง ครีมปรับสภาพหน้าขาว ครีมสมุนไพรว่านหางจระเข้ สมุนไพรรักษาสิวฝ้า หน้าขาว และพบอาหารผิดกฎหมาย 15 รายการ แบ่งเป็นฉลากไม่ถูกต้อง 12 รายการ 48 ชิ้น, อาหารปลอม 3 รายการ 6 ชิ้น

- ห้างคาร์ฟูร์ ตรวจสอบ 3 ร้าน พบเครื่องสำอางฉลากไม่ถูกต้อง 24 รายการ จำนวน 92 ชิ้น โดยเป็นเครื่องสำอางประเภทครีมรักษาสิวฝ้า หน้าขาว สบู่ โลชั่น, พบอาหารผิดกฎหมาย 21รายการ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารปลอม 14 รายการ, ฉลากไม่ถูกต้อง 7 รายการ และเครื่องสำอาง 1 รายการ

- ห้างบิ๊กซี ตรวจสอบ 1 ร้าน พบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง 3 รายการ จำนวน 20 ชิ้น จึงได้นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ผลิตภัณฑ์อาหารปลอมที่ตรวจพบในร้านค้าย่อยของ 3 ห้างดังกล่าว เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอล ทู เอส, แอล ทู เอส ไดเอ็ด คอฟฟี่, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากคอลลาเจน ไฮโดรไลเซท กลูตาร์ไธโอน S-srim Pink, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผิวขาว แอล-กลูตาไธโอน, LiDa WEIGHT LOSS CAPSULE, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 7 Days, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพียว ไวท์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไวท์ เพอร์เฟค

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวเพิ่มเติมว่า อย.ได้ประสานไปยังกระทรวงไอซีทีเพื่อปิดเว็บไซต์ที่ผู้เสียชีวิตได้สั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์แล้ว

อย่างไรก็ตาม อย.ยังมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสอบเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งการโฆษณาผ่านเคเบิลทีวี ที่ชวนให้ประชาชนหลงเชื่อโฆษณาอวดสรรพคุณเกินจริงของผลิตภัณฑ์อาหาร ยาเครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เพื่อดำเนินคดีปิดเว็บไซต์ และมิให้มีการแพร่ภาพโฆษณาทางสื่อเคเบิลด้วย

หากผู้บริโภคพบเห็นหรือสงสัยการลักลอบผลิต/จำหน่าย เครื่องสำอาง ยา อาหาร เครื่องมือแพทย์ ที่ผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งร้องเรียนมาที่ สายด่วน อย.1556 หรือแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่พบการกระทำความผิดนั้น


ปล. ถ้าจะให้ได้ผล มันต้องกวาดล้าง กวาดจับทุกวัน สัก ๓ เดือน ..



โดย: หมอหมู วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:13:01:25 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาแบ่งปันค่ะ

เห็นข่าวที่น้องนักเรียนเสียชีวิตแล้ว อดใจหายไม่ได้ เพราะตัวเองก็เคยทานยาลดความอ้วนค่ะ เคยเกิดอาการหน้ามืด ล้มทั้งยืน ตาตั้ง จากนั้นก็เข็ดเลยค่ะ เหมือนใจสั่งร่างกายไว้เลยว่า ยาพวกนี้ไม่ดี เพราะเคยลองทานของเพื่อน (มันบอกว่าดีกว่ายาที่หนูเคยทาน) แต่ปรากฏว่าร่างกายไม่รับ ทานแล้วอ้วก และไม่ขอเอาอีกแล้ว ไม่ว่ายาอะไรก็ตาม

ทุกวันนี้ยังอ้วนอยู่ อาศัยการลดอาหารและออกกำลังกาย ค่อยๆ เป็นไป ไม่รีบค่ะ



โดย: บราวนี่รสเสน่หา IP: 111.84.103.7 วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:16:15:28 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณหมอ
ตอนนี้หนู ก็อ้วนมากเลยค่ะ
แต่หนูไม่กล้า กินยาลดความอ้วน
และหนูก็ อดอาหารไม่ได้
แต่หนูก็อาศัย ออกกำลังกายโดยการทำงานบ้านเยอะๆ
แล้วก็ เล่นฮูลาฮูป ปั่นจักรยาน บ้าง


ขอบคุณสำหรับความรุ้ดีๆนะคะ


โดย: ช้างน่ารัก IP: 203.130.134.77 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:9:33:44 น.  

 
//www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=34270

อย. เผยขณะนี้ได้มีการถอนผลิตภัณฑ์ “ยาไซบูทรามีน” ออกจากตลาด

อย.เผย ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตผู้จำหน่ายยาไซบูทรามีนในไทยได้สมัครใจเรียกคืนยาที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีนออกจากท้องตลาด พร้อมได้ยกเลิกทะเบียนยาไซบูทรามีนแล้ว ตามคำแนะนำของ อย. และสอดคล้องกับต่างประเทศที่ได้มีการถอนยาดังกล่าวโดยสมัครใจออกจากท้องตลาด หลังพบมีความเสี่ยงต่อผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

พร้อมเตือนหญิงสาว ระวังการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กาแฟ อ้างลด ความอ้วนทุกชนิด เพราะอาจแอบใส่ไซบูทรามีน (Sibutramine)เพื่อทำให้ลดความอ้วน เกิดอันตรายได้ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาปลอมที่อาจมีการลักลอบขายทางสื่ออินเทอร์เน็ต

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า จากนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์สุขภาพของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพมีความตื่นตัวที่จะทำผลิตภัณฑ์ของตนไม่ก่อผลกระทบที่เป็นอันตรายแก่ประชาชน

โดยล่าสุดบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายยาในไทย ได้มีการเรียกคืนยาที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน (sibutramine) หรือชื่อการค้ารีดักทิล (Reductil) ออกจากท้องตลาดแล้ว พร้อมทั้งได้ยกเลิกทะเบียนตำรับยาไซบูทรามีนด้วย หลังมีข้อมูลผลการศึกษาจากทางคณะกรรมการอาหารของยุโรปถึง 6 ปี เพื่อศึกษาความปลอดภัยทางด้านหัวใจและหลอดเลือด พบว่ามีความเสี่ยงสูงขึ้นในผู้ป่วยโรคดังกล่าวที่ไม่ควรได้รับยานี้ ซึ่งตามปกติยานี้ได้มีข้อความคำเตือนห้ามใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเหล่านี้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ ยาไซบูทรามีนได้รับอนุมัติให้มีการจำหน่ายในประเทศไทยสำหรับลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน ที่ไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยอาหารและการออกกำลังกาย

ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกทะเบียนตำรับยาแล้ว และเพื่อมิให้เกิดความเสี่ยง จึงขอให้แพทย์ หรือเภสัชกร หยุดการสั่งจ่ายยาไซบูทรามีน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ในส่วนของผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาไซบูทรามีน ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ถึงทางเลือกอื่นในการลดน้ำหนัก รวมถึงการควบคุมอาหารและออกกำลังกายตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล



เลขาธิการฯ อย. กล่าว เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพบลักลอบใส่ยาไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารว่า จากการตรวจสอบและการตรวจจับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กาแฟสำเร็จรูป ที่ผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่อ้างลดความอ้วน ซึ่งผลจากการตรวจวิเคราะห์พบว่า มีการใส่ยาไซบูทรามีน เพื่อหวังผลให้ลดความอ้วน และเป็นจุดขายด้วย

จึงขอเตือนมายังประชาชน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องการลดความอ้วน อย่าได้หลงเชื่อเสียเงินเสียทองซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยาปลอมที่อาจมีการลักลอบขายทางสื่ออินเทอร์เน็ต เพราะอาจได้รับอันตรายจากสารไซบูทรามีนได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

“ หากต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักไม่จำเป็นต้องเสี่ยงบริโภคผลิตภัณฑ์เสริม อาหารต่างๆ ควรควบคุมการบริโภคอาหารร่วมกับการออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน นอกจากนี้ ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งจะทำให้ร่างการแข็งแรงและป้องกันโรคได้ด้วย เลขาธิการฯ อย. กล่าวในที่สุด ”


แหล่งข่าวโดย » กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค อย.
[ตุลาคม พฤหัสบดี 21,พ.ศ 2553 11:26:28]


โดย: หมอหมู วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:11:55:40 น.  

 
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณพึงระลึกอยู่เสมอเกี่ยวกับ การลดน้ำหนัก
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-04-2008&group=4&gblog=33

โรคอ้วน Obesity
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-04-2008&group=4&gblog=31

สาวฮ่องกง.... จำนวนมาก ถูกบริษัทลดน้ำหนัก หลอกโกงเงิน .... แล้วเมืองไทยละ ???
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=07-12-2009&group=7&gblog=42

อย. ยัน...ไม่เคยรับรอง .... ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร .... ลดอ้วนได้จริง
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=24-11-2008&group=7&gblog=8

สุดยอดการหลอกลวงด้านสุขภาพ ... จาก อเมริกา ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไร กับเมืองไทย ...
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-12-2009&group=7&gblog=40


โดย: หมอหมู วันที่: 20 มิถุนายน 2555 เวลา:13:33:42 น.  

 


อันตราย... ยาลดความอ้วน

//www.doctor.or.th/article/detail/10760



ข้อมูลสื่อ
ชื่อไฟล์: 371-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 371
เดือน/ปี: มีนาคม 2010
คอลัมน์: เรื่องเด่นจากปก
นักเขียนหมอชาวบ้าน: ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด




สารบัญเนื้อหา

ยาลดความอ้วน เป็นต้นเหตุของความเครียด... จริงหรือ?
"ถ้าหุ่นดี แต่เสียสุขภาพ" จะเอาไหม?
"โยโย่" ผลของการใช้ยาลดความอ้วน
สูตรเด็ดการลดความอ้วน คือ... "๓ อ"
การลดความอ้วน เป็นเรื่องความสวยความงามและธุรกิจ มากกว่าสุขภาวะ

"พ.ต.ท. สว.จร. .ใช้ปืนยิงภรรยา เพราะเครียดจากการกินยาลดความอ้วน"
พาดหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓
จากพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข่าวอาชญากรรมที่สามีซึ่งเป็นตำรวจระดับสารวัตรใช้ปืนยิงใส่ภรรยาของตนเอง โดยมีเหตุโยงใยกับการใช้ยาลดความอ้วน จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเครียดแล้วก่อเหตุสยอง ชักปืนขึ้นมาทำร้ายร่างกายภรรยาของตนเองได้


ยาลดความอ้วน เป็นต้นเหตุของความเครียด... จริงหรือ?

จากกรณีตัวอย่างข้างต้นนี้ ถ้ามีการใช้ยาลดความอ้วนจริงๆ ก็น่าจะใช้ "ยาลดความอ้วนชนิดที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง"๑ โดยยานี้จะไปทำให้รู้สึกไม่หิว หรือรู้สึกอิ่ม ดังนั้นเมื่อใช้ยากลุ่มนี้จึงไม่อยากกินอาหาร เมื่อหยุดกินอาหาร หรือกินอาหารลดน้อยลง น้ำหนักตัวและความอ้วนก็จะลดลงตามมา

แต่ยาลดความอ้วนชนิดที่ออกฤทธิ์ต่อสมองนี้ นอกจากทำให้รู้สึกไม่หิว หรือรู้สึกอิ่มแล้ว ยังมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง หัวใจ และส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย โดยในส่วนที่ออกฤทธิ์กระตุ้นสมองจะทำให้รู้สึกไม่ง่วงนอน ในขณะที่มีผลกระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรงและเต้นเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงปากแห้ง และคอแห้ง ทำให้ผู้ที่ใช้ยาลดความอ้วนชนิดนี้ รู้สึกไม่ง่วงนอน ขยัน อยู่เฉยไม่ได้ ตื่นตัวอยู่เสมอ นอนไม่หลับ ใจสั่น กระวนกระวาย ปากแห้ง คอแห้ง ฯลฯ

นอกจากนี้ เมื่อใช้ยากลุ่มนี้ติดต่อกันนานๆ ก็จะส่งผลต่อจิตและประสาทของผู้ใช้ยา ทำให้เหม่อลอย หลงๆ ลืมๆ ตกใจง่าย หวาดระแวงง่าย หงุดหงิดง่าย และเกิดความเครียดได้ง่าย ซึ่งสอดคล้องกับพาดหัวข่าวข้างต้นที่เกิดเหตุสยองดังกล่าวขึ้น

ที่สำคัญถ้ามีการใช้ยาติดต่อกันนานๆ ก็ส่งผลให้เกิดการติดยาได้ในลักษณะของการติดยาเสพติด ถ้าไม่ได้ยาก็จะเกิดอาการผิดปกติทางจิตและประสาท เช่น โมโหง่าย เครียด หงุดหงิด เหม่อลอย ขี้ลืม กระวนกระวาย เป็นต้น ในลักษณะเดียวกันกับการเสพติดยาบ้า ทั้งนี้เพราะยากลุ่มนี้เป็นอนุพันธ์ของยาแอมเฟทามีน (amphetamine) หรือยาบ้า ที่มีการเสพติดระบาดอยู่ทั่วไป


กลับไป ข้างบน
"ถ้าหุ่นดี แต่เสียสุขภาพ" จะเอาไหม?

คงต้องยอมรับว่านอกจากยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ที่สมองทำให้รู้สึกอิ่มหรือไม่หิวแล้ว ยังมียาลดความอ้วนกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น ยาลดความอ้วนที่ยับยั้งการย่อยไขมัน๒

ทั้งนี้เพราะในภาวะปกติไขมันที่กินเข้าไปในร่างกายจะถูกย่อยสลายให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ยากลุ่มที่ ๒ นี้จะออกฤทธิ์ลดการย่อยสลายไขมันในทางเดินอาหาร ทำให้ไขมันมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ ไขมันเหล่านี้จึงเหลือทิ้งมากับอุจจาระ ทำให้อุจจาระเป็นไขน้ำมันปะปนออกมา และอาจทำให้ท้องอืดได้ ถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินชนิดที่ละลายได้ดีในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี และเคได้


นอกจากนี้ ยากลุ่มนี้ยังมีผลลดน้ำหนักได้ไม่มาก เพราะลดการดูดซึมเฉพาะไขมันและส่งผลได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งยังไม่มีผลต่อโปรตีน แป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารที่จะไปสะสมให้เกิดความอ้วนได้เช่นเดียวกับไขมันอีกด้วย

นอกจากยาทั้ง ๒ กลุ่มนี้แล้ว ในวงการแพทย์มีการนำยาชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยาลดความอ้วนโดยตรงมาใช้ร่วมกับยาลดความอ้วน เพื่อช่วยให้ลดความอ้วนได้ดียิ่งขึ้น หรือช่วยลดผลเสียหรือผลข้างเคียงของยาลดความอ้วนทั้ง ๒ กลุ่ม ตัวอย่างยาเหล่านี้ ได้แก่

► ยาฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งใช้ในการรักษาโรคคอพอกจากการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ เมื่อนำมาใช้ในคนปกติ ยานี้จะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น และช่วยลดความอ้วนได้บ้าง แต่อาจเกิดผลข้างเคียงเรื่อง ใจสั่น เหนื่อยง่าย ขี้ร้อน หิวน้ำบ่อย และจะไปรบกวนระบบฮอร์โมนของร่างกาย ทำให้เสียสมดุล และเกิดอันตรายได้

►ยาระบาย จะช่วยให้ระบายหรือถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น แต่ไม่มีผลต่อความอ้วนโดยตรง เมื่อใช้ยานี้ไปนานๆ อาจทำให้เกิดการพึ่งหรือติดยาระบายได้ ถ้าไม่ได้ใช้ยานี้ร่างกายจะไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้เอง ต้องใช้ยาระบายถึงจะถ่ายอุจจาระได้ หรืออาจเกิดการดื้อยาระบาย เพราะร่างกายเราเคยชินกับยานี้ ถ้าใช้ในขนาดเดิมอาจไม่ได้ผล ต้องใช้ขนาดสูงขึ้นเพื่อให้ร่างกายถ่ายอุจจาระเหมือนปกติ

► ยาขับปัสสาวะ เป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เพิ่มการขับปัสสาวะหรือน้ำออกจากร่างกาย ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือดบางชนิด เมื่อใช้ร่วมกับยาลดความอ้วน จะเพิ่มการขับปัสสาวะหรือน้ำออกจากร่างกายมากขึ้น จะไปรบกวนสมดุลของน้ำและเกลือแร่ของร่างกาย และส่งผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด จนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

►ยาลดความกังวลหรือยานอนหลับ อาจใช้ร่วมกับยาลดความอ้วน เพื่อช่วยลดผลข้างเคียงของยาลดความอ้วน ซึ่งมักมีอาการเหนื่อย ใจสั่น นอนไม่หลับ เป็นต้น แต่ถ้าใช้ยาลดความกังวลหรือยานอนหลับติดต่อกันอาจทำให้ติดยานอนหลับได้

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใยอาหาร สมุนไพร วิตามิน และยาบางชนิดเพื่อช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม ลดการดูดซึมอาหาร ดักจับไขมัน กากอาหาร ช่วยให้อิ่มท้อง ช่วยระบาย หรือบำรุงร่างกาย แต่ไม่มีหลักฐานการศึกษาทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า ได้ผลดีในการลดความอ้วน ประกอบกับราคาค่อนข้างแพง และอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้

ดังนั้น การตัดสินใจเลือกใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงพิจารณาเฉพาะเท่าที่จำเป็นและที่ได้ผลดีอย่างชัดเจนเท่านั้น ไม่ควรเชื่อคำโฆษณา หรือผลการรักษาจากคำบอกเล่าของคนบางคนบางกลุ่ม ซึ่งมุ่งผลทางการค้ามากกว่าเรื่องสุขภาพ


กลับไป ข้างบน
"โยโย่" ผลของการใช้ยาลดความอ้วน

ผลอีกประการหนึ่งที่เกิดจากการใช้ยาลดความอ้วน ก็คือ "โยโย่" (Yo Yo effect) ซึ่งหมายถึง ปรากฏการณ์หลังการใช้ยาลดความอ้วนแล้วหยุดยา น้ำหนักจะกลับมาเพิ่มมากขึ้นจนเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมได้

ทั้งนี้เพราะในช่วงลดน้ำหนักจะต้องข่มใจอดอาหาร พอเลิกลดน้ำหนักจึงรู้สึกอยากอาหารเป็นอย่างมาก ก็จะกินอาหารเป็นจำนวนมาก น้ำหนักตัวก็จะกลับมาเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม เหมือนการเล่นลูกดิ่งที่ขึ้นๆ ลงๆ ได้ เช่นเดียวกับน้ำหนักที่ขึ้นๆ ลงๆ สลับกันระหว่างที่หยุดยาและใช้ยา โดยปรากฏการณ์ "โยโย่" นี้เกิดขึ้นได้กับการใช้ยาลดความอ้วนทุกชนิด


กลับไป ข้างบน
สูตรเด็ดการลดความอ้วน คือ... "๓ อ"

สูตรเด็ดหรือเคล็ดไม่ลับในการลดความอ้วน คือ อาหาร อารมณ์ และออกกำลังกาย
เริ่มต้นด้วยการเลือกชนิดของอาหารให้หลากหลาย เน้นผักและผลไม้ ไม่เน้นไขมัน ข้าว แป้ง และน้ำตาล แต่ให้มีได้บ้างไม่มากเกินไป

ตามด้วยรักษาอารมณ์ให้สดชื่น พักผ่อนให้เต็มที่ ผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด
ตบท้ายด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง ครั้งละประมาณ ๓๐ นาทีขึ้นไป

นี่คือสูตรเด็ดส่งเสริมสุขภาวะของเจ้าของร่างกาย เป็นแบบ "หุ่นดี สุขภาพดี" แถมด้วยอารมณ์ดีอีกด้วย


กลับไป ข้างบน
การลดความอ้วน เป็นเรื่องความสวยความงามและธุรกิจ มากกว่าสุขภาวะ

ในปัจจุบันการเสริมสร้างความสวยความงาม ซึ่งรวมถึงการลดความอ้วนให้หุ่นดีจัดเป็นเรื่องธุรกิจที่เฟื่องฟู เป็นที่ต้องการของคนหมู่ใหญ่ในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและ/หรือวัยทำงาน ที่ต้องการการยอมรับ พยายามเสาะแสวงหายาและ/หรือกรรมวิธีต่างๆ เพื่อมุ่งหวังให้หุ่นดีเป็นสำคัญ โดยนึกว่า เงินจะซื้อยาวิเศษที่ช่วยลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลทันตา (ซึ่งไม่มีจริง แถมยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตได้)

อีกด้านหนึ่งก็มีผู้ค้า แพทย์ ร้านเสริมสวย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากไปเสาะแสวงหายา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพร มานำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านี้ จะมุ่งเน้นแต่เรื่องผลกำไรเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียในระยะยาวที่อาจจะเกิดแก่ผู้บริโภคได้

ถึงแม้ว่ายาลดความอ้วนจะเป็นยาต้องห้ามที่ห้ามขายในร้านขายยา เพราะมีอันตรายค่อนข้างสูง ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว และทางกฎหมายจัดเป็นยาประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และจ่ายได้ด้วยแพทย์เท่านั้น แต่ก็มีการนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย หรือผลิตยาปลอม หรือผลิตยาเลียนแบบ จนทำให้สามารถหาซื้อยาเหล่านี้ได้ทั่วไป

ฉะนั้น ไม่ควรเชื่อคำโฆษณาของผู้ประกอบการต่างๆ ถึงสรรพคุณของยากลุ่มนี้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้ความกระจ่างถึงผลดีผลเสียของการใช้ยาลดความอ้วน และแนะนำขั้นตอนหรือกระบวนการลดความอ้วนที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย ตลอดจนความพร้อม ความเข้าใจ และความสมัครใจของผู้ป่วยเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างเหมาะสม มีความพอประมาณ ใช้ยาด้วยเหตุผล ไม่มากหรือน้อยเกินไป ใช้เมื่อจำเป็น จะได้เกิดสุขภาวะของประชาชนเป็นที่ตั้งและเป้าหมายสูงสุด


๑ตัวอย่างยาลดความอ้วนที่ออกฤทธิ์ที่สมองทำให้รู้สึกอิ่มหรือไม่หิว ได้แก่ phentermine, fenfluramine, dexfenfluramine, methamphetamine, phenylpropanolamine, silbutramine เป็นต้น

๒ตัวอย่างยาลดความอ้วนที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการย่อยสลายไขมันในลำไส้ ได้แก่ orlistat



โดย: หมอหมู วันที่: 11 สิงหาคม 2555 เวลา:15:27:52 น.  

 
หนูทานยาลดความอ้วได้อาทิตนึงแล้วค่ะเพื่อนแนะนำมา เพราะเพื่อนเองทานแล้วได้ผลค่ะ เป็นตัวยา ลิโซ่
- ลิโซ่ฟ้าทำให้น้ำหนักลดเร็ว เร่งเผาผลาญสุดๆ
- ลิโซ่ฟ้าสกัดจากสมุนไพรแท้ 100%
- ลิโซ่ฟ้าทำให้ทานอาหาร หรืออยากอาหารน้อยลง
- ลิโซ่ฟ้าช่วยลดไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน
- ลิโซ่ฟ้าช่วยปรับกระเพาะให้เล็กลง ทานน้อยลง
สกัดจากสมุนไพรไดไดหัว, สกัดจากอบเชย, เคนไดร์ ,สกัดจากใบเมาเบอร์รี่ (Mulberry leaf Extract),สกัดจากผลโกล่า, สกัดจากยางกัว, อัลฟาฟ่า, ฮอค์ธอร์น ,สกัดจากรากแปะตุ๊ก, สกัดจากใบบัว, สกัดจากรากแอสทรากาลัส ,สกัดจากใบด๊อกเบน, รากไวน์คัดชู, การ์ดีเนีย,เฟอร์ริลลา,ฟรุตเซนส์
หนูจะมีอาการนอนไม่หลับ ใจสั่นนิดหน่อย เพลีย ปากแห้งในช่วงสองวันแรกค่ะ ตอนนี้เหลือแค่ ปากแห้งค่ะ แล้วก็จะรู้สึกเพลีย หนูคิดว่าที่หนูเพลียน่าจะมาจากหนูเองเพราะหนู ไม่กินข้าว แล้วก็ปกติหนูก็เป็นคนนอนดึก ตื่นเช้าประจำอยู่แล้ว หนูควรทานยาต่อไหมค่ะ


โดย: faree IP: 113.53.177.31 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:51:51 น.  

 
พิษณุโลก - ทหารพล ร.4 บุกยึดโกดังผลิตภัณฑ์ OHO หลังตรวจพบมีสารต้องห้าม “ไซบูทรามีน”ที่ห้ามนำเข้าตั้งแต่ปี 53 แต่มีโผล่ในยาลดความอ้วน เสริมความงาม “โอโห้ สลิมพลัส” เผยอันตราย! ทำความดันสูง ใจสั่น คอแห้ง ผบ.พล ร.4 สั่งสรรพากร ตรวจเส้นทางการเงินตัวแทนขายในเฟซ3 -4 พันรายทั่วประเทศ เตรียมตั้งข้อหาหนักบ่ายนี้

วันนี้ (26 พ.ย.) พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.4 นำกำลังทหารชุดปฎิบัติการ พล.ร.4 จำนวน 50 นาย พร้อมนายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก สรรพากรจังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตำรวจภูธรเมือง บุกยึดโกดังผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "โฮ้โห บายปูนิ่ม มายแสลมมี่ รสมิกซ์ ฟรุ้ต" เลขที่ 918/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ก่อนขนย้ายและยึดสินค้าใส่รถบรรทุกทหาร 2 คัน

พล.ต.นพพร เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆก่อนออกปฏิบัติการตรวจยึด ว่าได้สั่งการให้ยึดสินค้าผลิตภัณฑ์อาหาร”โฮ้โห บายปูนิ่ม” และยุติเฟซบุ๊กปูนิ่ม พร้อมแจ้งหน่วยงานสาธารณสุข เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคยุติการบริโภคอาหารเป็นการด่วน นอกจากนี้ยังสั่งให้ทหารตรวจสอบเฟซบุ๊กตัวแทนจำหน่าย และลูกจ้างพนักงานบริษัท 3-4 พันคนทั่วประเทศ เพื่อให้สรรพากรตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย

เนื่องจากพบว่าผลิตภัณฑ์อาหาร"โฮ้โห" มีสารต้องห้าม คือ “ไซบูทรามีน” ซึ่งไม่ได้ใช้กันแล้วทั่วโลกตั้งแต่ปี 53 แต่กลับนำเข้าจากต่างประเทศ มาโผล่ในผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วน เสริมความงาม “โอโห้ สลิมพลัส” มีอันตรายต่อสุขภาพ สรรพคุณ ความดันโลหิตสูง ใจสั่น คอแห้ง และเตรียมให้เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน สภ.เมือง ตั้งข้อหาและเรียกให้ผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหา ในเวลาประมาณ 13.00 น. วันเดียวกันนี้

ขณะที่สสจ.พิษณุโลก ได้ออกประกาศแจ้งผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในเครือ OHO บายปูนิ่ม ว่ามีลักษณะไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด คือ 1.ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโอ้โฮ บายปูนิ่ม มายสลิมมี่ รสมิกซ์ ฟรุ้ต ที่ฉลาก อย.24-1-20555-0045พบว่าฉลากที่แสดงข้อมูลสถานที่ผลิตไม่ตรงกับที่ขออนุญาตไว้ จึงเป็นอาหารที่มีฉลากเพื่อลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิดในเรื่องสถานที่ผลิตถือว่าเป้นอาหารปลอม

2.ยู-สลิม บูเบอร์รี่ 500 mg U-Slim U Berry Per Seving ที่ฉลากระบุ อย.24-1-20555-1-0098 ตรวจสอบฉลากพบว่าไม่มีข้อความแสดงรายสะเอียดและที่ตั้งของผู้ผลิตและผู้นำเข้า จัดเป็นอาหารที่แสดงฉลกาไม่ถูกต้อง

3.OHO- U-Slim Berry Plus อย.24-1-20555-1-0098 พบว่าเลข อย.ดังกล่าวเป็นของผลิตภัณฑ์อื่น จึงเป็นอาหารที่มีฉลากเพื่อลวงผู้ซื้อให้เข้าใจผิดว่าได้รับอนุญาตและมีเลข อย.แล้วถือว่าเป็นอาหารปลอด

โดยเจ้าหน้าที่สาธารสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทั้ง 3 รายการข้างต้นส่งตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 2 พิษณุโลก ผลการตรวจวิเคราะห์พบสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือปนอยู่ จึงจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ โดยสารดังกล่าวส่งผลอาจส่งผลให้เกิดโรคความดันสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก อีกทั้งสารดังกล่าวส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยเป็นโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคไต โรคต้อหิน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

4.แผ่นพับโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไม่พบเลขที่ ในอนุญาตอาหาร จึงเป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารทางแผ่นพับเพื่อประโยชน์ในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

5.เครื่องสำอางค์ Gluta Body Lotion Berry BtOHO ที่ฉลกาไม่ระบุชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ครั้งที่ผลิต และเลขที่ใบรับแจ้ง จัดเป็นเครื่องสำอางที่มีการแสดงฉลกาไม่ถูกต้อง

6.เครื่องสำอาง Gluta Scrub Berry By OHO ที่ฉลากไม่ระบุชื่อลี่ตั้งของผู้ผลิต ,ครั้งที่ผลิต และเลขที่ใบรับแจ้ง จัดเป็นเครื่องสำอางที่มีการแสดงฉลากถูกต้อง

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก จึงได้แจ้งข้อหานายวรกร ยิ้มอยู่ และผู้เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ หกเดือน ถึง สิบปี และปรับ ตั้งแต่ ห้าพันบาท ถึง หนึ่งแสนบาท ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานโฆษณาคุณประโยชน์และคุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ฐานขายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

... มิน่า ทำไม น้ำหนัก ลงดีจัง... ตอนแรก น้องยังไม่เชื่อเลย อ้างว่า มี อย. ... ปลอดภัยชัวร์


ที่มา //www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000136234


โดย: หมอหมู วันที่: 1 ธันวาคม 2557 เวลา:22:37:05 น.  

 
Utai Sukviwatsirikul ที่ PharmaTree Villa Market Sukhumvit Soi 49

https://www.facebook.com/utai.sukviwatsirikul/posts/1081400101891137

‪#‎เภสัชกรเตือนภัย‬ ‪#‎ยาลดความอ้วนสูตรคลีนิค‬

แต่เดิมยาลดความอ้วนสูตรนี้ จะขายผ่านโรงพยาบาล (ชื่อดัง) สภาวิชาชีพ ไม่ไปทำอะไรเพราะเส้นใหญ่ ต่อมาคลีนิคก้อเอามาขาย อย. ไม่ทำอะไร

ตอนนี้ แม่ค้าใน Facebook, Line & IG ก้อเอามาขายกันเพียบ

1. ‪#‎ยาในซองมีอะไรบ้าง‬? กินแล้วเสี่ยงตายแค่ไหน?
‪#‎เภสัชกร‬ ขอมาแจกแจงให้คุณๆได้รับรู้เท่าทันถึงผลต่อการลดความอ้วนและผลข้างเคียงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างละเอียดดังต่อไปนี้ อาจแตกต่างไปบ้างแล้วแต่ที่แม่ค้าจะหามาได้ ...ตามไปดูกัน

1.1 ‪#‎ยาควบคุมความหิวในกลุ่มแอมเฟตามีน‬ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยาบ้าที่คุณๆกลัวกันอยู่แล้ว โดยยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่มทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร แต่ผลจากยาประเภทนี้ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนตามมาค่อนข้างมาก เช่น นอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกกระสับกระส่าย อารมณ์หงุดหงิด ใจสั่นเต้นเร็ว ปากแห้ง คอแห้งจนกระหายน้ำบ่อย

1.2. ‪#‎ยาในกลุ่มไทรอยด์‬ ซึ่งเราจะสั่งจ่ายสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องไทรอยด์ แต่ยาตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้เบื่ออาหารและมีการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากขึ้น เพื่อเร่งเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงาน ยาตัวนี้หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้การหลั่ง ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายผิดปกติ และมีผลกระตุ้นต่อระบบหัวใจและและตับ อีกด้วย

ใครบอกว่ากินแล้วไม่เป็นอะไร แม่ค้ามันโหดสาดดดดด เห็นไหมครับ

1.3. ยากลุ่ม ‪#‎Beta_Blockers‬ มักมีการเติมยาตัวนี้ไปเพื่อลดอาการใจสั่นที่เป็นผลข้างเคียงของยากลุ่มอนุพันธ์แอมเฟตามีนและไทรอยด์ฮอร์โมน ความจริงแล้วยากลุ่มนี้จะใช้เพื่อการรักษาความดันโลหิตสูง โดยยาไปออกฤทธิ์ยับยั้งที่หัวใจ จะลดอัตราการเต้นของหัวใจ ผลข้างเคียงโดยตรงของยาอีกอย่างเช่นหัวใจที่เต้นผิดปกติ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ ถือว่าเป็นการใช้ยาผิดประเภทอีกตัวหนึ่ง

1.4. ‪#‎ยากลุ่มยารักษาอาการซึมเศร้า‬ ที่เห็นบ่อยๆ มักอยู่ในรูปแคปซูลเขียว-ขาว น่านดิ แต่ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงคือทำให้ไม่ค่อยอยากอาหาร จึงมีการนำยาตัวนี้มาใช้ลดความอ้วน แต่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้เยอะมากได้แก่ คลื่นไส้ ง่วงซึม นอนไม่หลับ ลดแรงขับทางเพศ และอื่นๆอีกมากมาย ก่อนใช้ยาตัวนี้จึงสมควรต้องขอคำปรึกษาจากผุ้เชี่ยวชาญก่อนนะครับ

1.5. ‪#‎ยาระบาย‬ ใช่ครับเม็ดเหลืองๆเล็กน่านแหละครับ กินไปให้ขี้บ่อยๆ เนื่องจากยาตัวนี้มีฤทธฺิ์ไปกระตุ้นทางเดินอาหารเร่งการถ่ายอุจจาระออก คนไข้จะรู้สึกพอใจเพราะน้ำหนักลดได้เร็ว แต่น้ำหนักที่ลดไปจะเป็นกากอาหารและน้ำที่ร่างกายขับออกมา แต่ความจริงแล้วสารอาหารต่างๆ ถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกายก่อนที่จะระบายออกไป แล้ว หากไม่กินยาต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไปไม่เกิน 48 ชั่วโมงคุณก็จะมีน้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นเท่าเดิมได้อีก นอกจากนี้การใช้ยาระบายเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารผิดปกติ และทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุที่สำคัญไป ถ้าใช้บ่อยๆ ยาระบายจะทำให้ถ่ายบ่อยจนลำไส้ใหญ่ดื้อจนไม่ถ่ายหากไม่ได้รับยา จนกลายเป็นท้องผูกตามมาในที่สุด

1.6. ‪#‎ยาขับปัสสาวะ‬ เป็นยาที่เลือกใช้กันอย่างมาก เพราะจะได้ผลเร็วและน้ำหนักลดลงมากในระยะแรกๆ เพราะสิ่งที่ลดลงได้ไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย ผลข้างเคียงที่ตามมาของยาขับปัสสาวะจะทำให้ฉี่บ่อยจนทำให้ขาดเกลือแร่ที่สำคัญ ดังนั้นที่ลดเร็วๆ ไม่ใช่น้ำหนักนะครับ แค่ฉี่น้ำออกไปต่างหาก

1.7. ‪#‎ยาที่ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น‬ มักจะเป็นพวกเส้นใยอาหารที่ไปบวมน้ำในกระเพาะจนเต่ง หลอกให้ไม่รู้สึกหิว หรือกินอาหารได้น้อยลง แต่ผลข้างเคียงที่ตามมามักจะทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือถ่ายได้ลำบากหากดื่มน้ำน้อยเกินไป

1.8. ‪#‎คาเฟอีน‬ ตัวเดียวกับที่อยู่ในกาแฟน่านแหละครับ บางรายก้อจะใส่สารสกัดจาก green tea ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกัน คือ คาเฟอีนน่านเอง ตัวมันจะออกฤทธิ์เพิ่มการใช้พลังงานของร่างกาย แต่ต้องใช้ในปริมาณมากๆ มากกว่าการที่ไปอวดอ้างว่าในกาแฟสามารถลดความอ้วนได้ ผลข้างเคียงได้แก่ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ความดันเลือดสูง หัวใจเต้นผิดปกติเป็นต้น

1.9. ‪#‎อาหารเสริมต่างๆ‬ ล้านแปดตามสมัยนิยมที่จะนำมาอวดอ้างกัน ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้ช่วยลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก ถั่วขาว ตะบองเพชร พริกไทยดำ อีกมากมายหลายตัวเหลือเกินจนนำมาสรุปให้ไม่ไหวครับ ด้วยเชื่อกันว่าจะไปลดการดูดซึมอาหารและเร่งการเผาไขมันในร่างกาย ซึ่งความจริงแล้ว ยังไม่มีผลการวิจัยว่าจะได้ผลแต่อย่างใดเลยครับ

1.10. ‪#‎วิตามิน‬ เป็นทางเลือกที่นำมาจ่ายควบคู่มาด้วยไปด้วยกับกลุ่มยาต่างๆข้างบน เพราะเมื่อใช้ยาเหล่านั้นซึ่งมักมีผลข้างเคียงต่างๆ มากมายที่ทำให้ไม่รู้สึกหิว ทำให้กินอาหารไม่ครบหมู่เพียงพอ หรือผลจากยาขับปัสสาวะหรือยาระบายที่ขับน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามิน

1. 11. ‪#‎ยากลุ่มที่ลดการดูดซึมของไขมัน‬ ตัวนี้เวลากินแล้ว อุจจาระของคุณที่ออกมาจะมีคราบไขมันเต็มโถอึออกมาด้วย ยาตัวนี้แท้จริงแล้วออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ปกติจะใช้ช้ในการย่อยไขมัน พอไขมันไม่ย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ ก็เป็นผลให้ไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย ซึ่งจะเป็นผลให้ร่างกายไม่สะสมพลังงานในรูปแบบไขมัน แต่ผลที่ตามมาร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมันไปใช้ได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับยากลุ่มนี้มักมีอาการขาดวิตามินกลุ่มที่ละลายได้ในไขมันได้ในที่สุด

แหล่งข้อมูล
//www.oknation.net/blog/DIVING/2010/02/11/entry-1

2. ‪#‎ถามว่าจะทำอย่างไรดี‬? ไม่รู้ซิครับ!! หน่วยงานที่รับผิดชอบ จะไม่ทำอะไร จนกว่าลูกหลานของคุณไปซื้อมากิน แล้วเกิดผลข้างเคียงจนเสียชีวิต

ดังนั้น เตือนลูกสาว หลานสาว เพื่อนสาว ให้ดีๆ แล้วกัลลลลล

รูปมาจาก:
//bonitalangsamdkaz.blogspot.com/2015/09/7_5.html


โดย: หมอหมู วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:21:59:38 น.  

 
Utai Sukviwatsirikul ได้แชร์โพสต์ของ Krittiya Lomas
https://www.facebook.com/utai.sukviwatsirikul/posts/1372131142818030

#เภสัชกรเตือนภัย

1. มี case เสียชีวิตจาก #ผลิตภัณ์เสริมอาหารที่ใช้ลดความอ้วน ชื่อ #Mang_Luk เกิดขึ้นกับน้องจพ.เภสัชฯ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น

...เริ่มต้นจากน้องมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก เป็นลม หมดสติ คลำชีพจรไม่เจอ หมอ พยาบาล จนท. ช่วยกัน CPR ร่วม 2 ชั่วโมงสุดท้ายยื้อไว้ไม่ได้ เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัย MI , sudden cardiac arrest โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หลังจากสืบสาวราวเรืองและเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว พบว่าสาเหตุเกิดจากยาลดนน.ยี่ห้อแมงลัก ซึ่งผสม sibutramine

2. ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ "แมงลัก" เป็นอาหารเสริมผสมยาอันตรายที่เพิกถอนไปแล้วในไทย กำลังระบาดหนักในกลุ่มผู้บริโภคที่หวังลดน้ำหนักซึ่งพบว่าผู้ที่ขายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

3. สสจ.ขอนแก่นได้ดำเนินคดีตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ไปแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในวงการสาธารณสุขของเราเองโดยมีโทษทั้งจำและปรับ แต่ยังพบการระบาดอยู่ทั่วไปในขณะนี้ จึงขอแจ้งมาเพื่อเฝ้าระวัง

และอยากให้เป็นกรณีศึกษา...เป็นอุทาหรณ์...ก่อนที่คนใกล้ตัวจะกลายเป็น..."เหยื่อ"

ช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยนะคะ

Credit : สสจ.ขอนแก่น, เพื่อน Rx16 จังหวัดขอนแก่น

4. รายละเอียดของยาตัวนี้ ตามไปดูได้ที่นี่
https://www.facebook.com/utai.sukviwatsirikul/posts/908744455823370


โดย: หมอหมู วันที่: 25 พฤศจิกายน 2559 เวลา:13:39:47 น.  

 
Drama-addict
https://www.facebook.com/DramaAdd/photos/a.411063588290.186101.141108613290/10154863076343291/?type=3&theater

รายที่เสียชีวิตเพราะยาลดความอ้วนรายล่าสุดนี่
ท่าจะหนักว่ะ เพราะเจ้าตัวเป็น จนท ของ รพ แล้วหัวใจหยุดเต้นหลังกินยาลดความอ้วน พอหัวใจหยุดเต้น เหตุเกิดใน รพ นั่นล่ะ

หมอก็มาช่วยกันทันควัน แต่ขนาดนี้แล้วยังไม่รอดชีวิตเลย ที่น่ากลัวคือ มี จนท รายอื่นๆใน รพ กินยาลดความอ้วนตัวเดียวกันด้วย ตอนนี้เห็นว่าสั่งให้หยุดกินยาลดความอ้วนแล้วไปตรวจสุขภาพกันรัวๆเลย เห็นว่านักข่าวกำลังลงพื้นที่นะ

แต่อันนี้เป็นอุทาหรณ์ นอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว
เตือนถึงพ่อแม่พี่น้องร่วมอาชีพด้วย ไม่ว่าจะหมอ พยาบาล จนท สาธารณสุข
อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเหี้ยนี่เด็ดขาด พวกเราเป็นอาชีพบริบาล มีหน้าที่ทำให้คนสุขภาพดี ไม่ใช่ไปถีบหัวส่งเขาให้ใกล้ความตายเร็วยิ่งขึ้น

ที่พูดนี่ไม่ใช่อะไร หลังๆเห็นหมอ พยาบาล หลายคนไปเอาดีด้านขายอาหารเสริมหรือยาลดความอ้วนกัน คนก็หลงเชื่อซื้อไปใช้เพราะเห็นว่า ขนาดหมอพยาบาลยังโฆษณาขายกันเลยนี่นะ

เดบิทภาพจาก //pantip.com/topic/35399702


โดย: หมอหมู วันที่: 25 พฤศจิกายน 2559 เวลา:13:40:42 น.  

 
Yes yes
Ok


โดย: Nichada kinkun IP: 1.47.41.233 วันที่: 8 กรกฎาคม 2560 เวลา:21:32:48 น.  

 
Yes


โดย: Nichada kinkun IP: 1.47.41.233 วันที่: 8 กรกฎาคม 2560 เวลา:21:33:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]