ถนนสายนี้มีตะพาบ 160 : ฝนตก รถติด นิทรา
ถนนสายนี้มีตะพาบ 160 ฝนตก... รถติด... นิทรา...
โจทย์โดย : คุณฉัตร ณ ปลายฉัตร
ท้องถนนยามเย็นเต็มไปด้วยรถราแน่นขนัด ฟ้าแลบแปลบปลาบ ฝนโปรยลงมาต่อเนื่องไม่ขาดระยะ แสงไฟประดับเป็นแนวยาวบนสะพานบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปทรงชัดเจน เพราะเม็ดฝนเกาะเต็มกระจกและฝ้าเริ่มจับนอกหน้าต่างรถ ชายหนุ่มวัยเกือบสี่สิบถอนหายใจพลางเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะตามเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอในรถ เหลือบมองหนูน้อยวัยเจ็ดขวบนั่งประจำที่นั่งด้านข้างกำลังปิดปากหาวหวอดแล้วก็ถึงกับนิ่วหน้า วันนี้รถติดมากเลย หนูหิวรึยังคะ หิวมากค่ะ เด็กน้อยตอบ ตาปรือมองคุณพ่อ รถจะติดอีกนานไหมคะ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณพ่อลูบผมลูกสาวปลอบใจ กินนี่ก่อนนะจะได้คลายหิว เด็กน้อยรับซองขนมเล็กๆ มาแกะกินท่าทางเอร็ดอร่อย คุณพ่อลอบมองแล้วอมยิ้มที่ลูกสาวคนเก่งพูดง่าย ไม่ดื้อ ไม่ซน หนูหิวข้าวค่ะคุณพ่อ เสียงแหลมเล็กดังแทรกเพลงขึ้นมา เมื่อไหร่รถจะหายติดซะทีหนูอยากกินข้าวผัดปูกับไอติมกะทิหน้าปากซอย สักชั่วโมงคงถึง หนูหลับก่อนก็ได้นะคะ คุณพ่อลูบผมลูกน้อยให้กำลังใจ หนูหิว... หลับไม่ลงหรอกค่ะคุณพ่อ เพิ่งกินขนมไปเอง ไม่หายหิวสักนิดหรือคะ เด็กน้อยส่ายหน้ากอดอกพองลมเต็มแก้มตอบเสียงเบา ก็ขนมไม่ใช่ข้าวนี่คะ กินยังไงก็ไม่อิ่ม คุณพ่อหน้าเครียดทันทีเพราะรู้ว่าอาการแบบนี้แสดงว่าลูกสาวคนเดียวไม่ได้แกล้งทำ เมื่อมองดูสภาพการจราจรด้านหน้า แสงไฟท้ายรถต่อคิวกันยาวสุดลูกหูลูกตาแล้วได้แต่ถอนใจ รถราบนถนนเมืองหลวง ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผักตบชวายาวสามกิโลเมตรเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่งเป็นข่าวไม่กี่วันที่ผ่านมา ติดขัดไปไหนก็ไม่ได้ ต้องคาอยู่บนถนนวันแล้ววันเล่า ฝนตก...รถติด... ต่างคนต่างคิดไปต่างต่างนานา คุณพ่อนักเล่านิทานเหลือบมองรถประจำทางที่แล่นขนาบข้างผู้คนบนรถ ต่างอิริยาบถแต่จุดมุ่งหมายคงไม่ต่างกัน ชีวิตที่ต้องดิ้นรนช่างน่าเบื่อ โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ที่ต้องเจอทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ... ปัญหารถติด แต่คุณพ่อก็ต้องหยุดความคิดเรื่องปากท้องไว้ เมื่อเจอลูกสาวทวงคำสัญญาหน้าตาเฉย หนูอยากฟังนิทานกริมม์ค่ะ เด็กน้อยสะกิดทำตาปริบแป๋วแหววใส่คุณพ่อเล่าให้ฟังหน่อยสิคะ คุณพ่อนักเล่านิทานถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าลูกสาวตัวน้อยจะความจำดีขนาดนี้ผ่านไปก็หลายเดือนแล้วที่สัญญาเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ได้เล่าสักที ไม่ใช่เพราะไม่อยากเล่าแต่เพราะจำไม่ได้นั่นละ คือสิ่งสำคัญที่สุด นิทานกริมม์ยาวมาก คุณพ่อคิดไม่ออก คุณพ่อตอบเสียงอ่อย ยิ้มหวานจนตาหยี เอานิทานอีสปได้ไหมลูก หนูฟังนิทานอีสปจนจะจำได้อยู่แล้ว เด็กน้อยเสียงอ่อยกว่าคุณพ่อผิดสัญญากับหนู คุณพ่อได้ฟังถึงกับกุมขมับเพราะจำเรื่องราวแสนยาวแต่ละเรื่องของนิทานกริมม์ไม่ได้คงเพราะไม่ใช่แนวสดใสสั้นๆ แบบนิทานอีสป แถมแต่ละเรื่องยังโหดคงไม่เหมาะนักที่จะอ่านให้ลูกฟัง จะบอกได้อย่างไรว่าอยากให้สาวน้อยของพ่อได้ฟังนิทานที่เหมาะกับวัยของตัวเองมากกว่าเอาไว้โตอีกนิดค่อยเล่าให้ฟังก็ยังทัน งั้นฟังเพลงดีไหมลูก ฟังแล้วร้องตามจะได้ไม่เหงาคุณพ่อเสนอ หรือจะเล่นเกมในโทรศัพท์ดี ก็คุณพ่อบอกเองว่าเล่นเกมในโทรศัพท์ไม่ดี เด็กน้อยแย้งหนูก็เลยจะฟังนิทาน คำพูดสั้นๆ ของลูกน้อย ทำให้คุณพ่อถอนหายใจหนักหน่วง นี่ถ้ามีแม่คอยช่วยดูแลอีกแรงคงดีกว่านี้มากนัก บางทีเขาอาจตามใจลูกมากเกินไป งั้นเอางี้นะคะ คุณพ่อจะเล่านิทานสอนใจให้ฟัง ให้หนูคิดตามแล้วตอบพ่อว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอะไร คุณพ่อเสนออีกครั้ง พยายามพูดกับลูกอย่างใจเย็นที่สุด เย้ๆ หนูรอฟังค่ะ เด็กน้อยตบมือลั่นรถ กระตือรือร้นขึ้นมาฉับพลันคุณพ่อนักเล่านิทานแทบ อยากจะถอนคำพูดที่คิดไว้ในใจตอนแรกเรื่องความเป็นคนพูดง่ายของลูก เพราะเด็กวัยนี้เริ่มเรียนรู้มากเกินกว่าจะถูกจับตั้งไว้แล้วป้อนข้อมูลอะไรก็ได้ให้อีก งั้นพ่อเริ่มเลยนะคะ... ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น ฑีฆาวุกุมาร ยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระบิดาและพระมารดาที่สั่งสอนไว้ก่อนถูกพระเจ้าพรหมทัตสั่งประหารชีวิตว่า เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่สั้น เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ทั้งที่ฑีฆาวุกุมารมีโอกาสประหารชีวิตพระเจ้าพรหมทัตผู้กำลังบรรทมหลับบนตักของพระองค์ แต่ก็ไม่ประหารและระงับความโกรธได้พระเจ้าพรหมทัตตื่นบรรทมเห็นอาการนั้น เกิดความสะดุ้งตกพระทัยกลัวนึกหาที่พึ่งไม่มี พระโพธิสัตว์จึงกราบทูลว่า ชนเหล่าใดเข้าไปผูกเวรว่า คนนี้ได้ด่าเรา ได้ฆ่าเรา ได้ชนะเราและได้ลักสิ่งของของเราไป เวรของชนเหล่านั้นย่อมไม่สงบ ส่วนชนเหล่าใดไม่เข้าไปผูกเวรว่า คนนี้ได้ด่าเรา ได้ฆ่าเรา ได้ชนะเราและได้ลักสิ่งของของเราไป เวรของชนเหล่านั้นย่อมสงบระงับ เพราะไม่ว่ากาลไหนๆ เวรทั้งหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวร แต่ระงับด้วยการไม่จองเวร นี่เป็นธรรมเก่า พระเจ้าพรหมทัตทรงเลื่อมใส จึงได้พระราชทานพระธิดาให้และให้ปกครองทั้งแคว้นกาสีและโกศลสืบมา... หนูรู้ไหมลูก ว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอะไร คุณพ่อนักเล่านิทานถามลูกสาวตัวน้อย แต่ไม่ได้รับคำตอบ จนต้องถามซ้ำ หนู...ได้ยินพ่อไหมลูก ไม่มีเสียงตอบรับ คุณพ่อจึงเฉลยเมื่อรถเริ่มแล่นได้หลังจากติดอยู่นาน นิทานเรื่องนี้สอนว่า... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรค่ะ หนูเข้าใจไหมคะ คุณพ่อคิ้วขมวดแต่ละสายตาจากถนนไม่ได้ พอรถเริ่มหยุดอีกครั้งจึงเหลียวไปมอง ปรากฏว่าลูกสาวตัวน้อยหลับคอพับคออ่อนไปเสียแล้ว คุณพ่อได้แต่อมยิ้มขำ เมื่อเรื่องที่เล่ามาได้ผลดี ส่งลูกน้อยให้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที สงสัยว่าจะทำให้ลูกนิทราสมชื่อ...นิทราชาดก เอาเถอะ...เอาไว้ลูกโตอีกนิด อาจจะชอบฟังนิทราชาดกก็ได้ เอาไว้พ่อจะเล่าให้ฟังใหม่ก็แล้วกัน... คุณพ่อนึกในใจ ก่อนจะลูบผมลูกน้อยแล้วจัดที่ทางให้หลับอย่างสบาย รถค่อยเคลื่อนตัวคล่องขึ้นเรื่อยๆ จนหลุดจากวงโคจรของท้องถนนใหญ่ที่แสนสับสนอลหม่าน หายลับเข้าไปในซอยที่เป็นเส้นทางกลับบ้านอันแสนคุ้นเคย...
นิทานตอนนี้เป็นบางช่วงบางตอนของ ทีฆีติโกสลชาดก จากหนังสือ นิทราชาดก ดร.ประพันธ์ ศุภษร เรื่องที่ 49 เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จากอินเตอร์เน็ตค่ะ วันนี้มาดึกมาก เพิ่งปั่นหลังจากส่งการบ้านนิยายเสร็จค่ะ พรุ่งนี้ค่อยไปตามอ่านตะพาบกับบล็อกพี่ๆ เพื่อนๆ นะคะ
Create Date : 05 สิงหาคม 2559 |
Last Update : 5 สิงหาคม 2559 0:35:28 น. |
|
37 comments
|
Counter : 1332 Pageviews. |
|
|
พรุ่งนี้จะตามไปอ่านตะพาบกับบล็อกพี่ๆ เพื่อนๆ นะคะ