ถนนสายนี้มีตะพาบ 146 : ถอย
ถนนสายนี้มีตะพาบ 146
ถอย
โจทย์โดยคุณเป็ดสวรรค์
เหยี่ยวผู้ป่วยไข้
กาลครั้งหนึ่งนานมามีลูกเหยี่ยวตัวหนึ่งทนทรมานจากอาการป่วยไข้มานานปี ไม่ว่าจะได้รับการปฐมพยาบาลอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น มันจึงร้องขอให้แม่เหยี่ยวลองไปสวดอ้อนวอนนักเทศน์ตามโบสถ์ต่างๆเพื่อให้อาการบรรเทาลง แม่เหยี่ยวได้ยินดังนั้นก็รำพันกับลูกของนางอย่างเศร้าสร้อยว่า ลูกเอ๋ย แม่เองอยากทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกฟื้นไข้แต่มันไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ที่เราจะร้องขอความกรุณาจากมนุษย์ผู้อื่นและถึงแม่จะสามารถขโมยเอาแท่นบูชามาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ตามแต่วัตถุเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำให้ลูกของแม่หายจากอาการป่วยไข้ขึ้นมาได้หรอก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการร้องขอความกรุณาจากผู้อื่น ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นไปจากทุกข์ได้ เราต้องพึ่งพาอาศัยตนเองให้ได้ก่อนเท่านั้น
กวางกับม้า
กวางกับม้าถกเถียงกันว่า ผู้ใดควรจะเป็นเจ้าของทุ่งหญ้าทั้งสองใช้กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาณาเขต ที่สุดกวางได้ชัยชนะมันขับไล่ม้าผู้แพ้ออกไปอย่างไม่ไยดี ม้าจึงวิ่งไปหาชาวนาเพื่อขอคำแนะนำในการที่จะแก้แค้นกวาง ชาวนาแนะนำว่า ไม่ยากเย็นอะไรเลยเพียงแต่เจ้ายอมให้ข้าร้อยบังเหียนที่จมูก ใส่อานบนหลังแล้วให้ข้าขึ้นขี่บนหลังของเจ้า เพื่อจะตามไปฆ่ากวางตัวนั้นได้อย่างสะดวกสบาย ม้าเห็นดีด้วยกับความคิดของชาวนา จึงยอมทำตามในไม่ช้าชาวนาก็สามารถฆ่ากวางชดใช้ความแค้นให้กับม้าได้ แต่ผลสุดท้ายม้าก็ต้องตกเป็นทาสของชาวนาและถูกใช้งานหนักไปตลอดชีวิต
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่างยืมจมูกคนอื่นหายใจ ควรลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง การพึ่งพาผู้อื่นอาจจะเสียผลประโยชน์ไปมากกว่าที่ควรจะได้รับ และคนที่จะต้องเสียใจก็คือตนเอง บางส่วนจาก หนังสือชุด 100 เรื่องเแสนสนุก 100 นิทานอีสป
ประเดิมตะพาบแรกของปีล่าช้ากว่าปกติสองวันค่ะ ติดธุระด่วน แต่เนื่องในโอกาสวันเด็ก (ที่ผ่านมาแล้วหนึ่งวัน) ก็เลยหยิบยกนิทานอีสปบางเรื่องที่เล่าเรื่องราวสอนใจเกี่ยวกับสัตว์แทนพฤติกรรมมนุษย์อย่างแยบยล เมื่อได้หยิบขึ้นมาอ่าน ในวันที่ฟ้าไม่สวย แดดไม่ใส และมีอะไรที่ต้องขบคิดกับบางสิ่งบางอย่างที่เห็นเมื่อถึงเวลาก็ได้แต่ ถอย ออกมามองอยู่ห่างๆ
ทำให้คิดไปถึงศาสตร์หนึ่งของอินเดียนแดงเกี่ยวกับสัตว์ที่ดูพอจะไปกันได้กับนิทานอีสปสองเรื่องด้านบนที่หยิบยกมาเล่า ศาสตร์การมองนิสัยของคนเปรียบกับสัตว์สี่ประเภท ว่ากันว่าในโลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท ทั้งแตกต่างและมีความคล้ายคลึงกัน และสัตว์สี่ประเภทนี้มีนิสัยแบบใดบ้าง คนประเภทที่หนึ่ง หมี ธาตุดินเป็นนัก (คิด) รอบคอบต่อข้อมูลใหม่ ชอบความถูกต้อง มีหลักเกณฑ์ รักษากติกากฏเกณฑ์ชอบตรวจสอบให้ทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ คนประเภทที่สอง หนู ธาตุน้ำเป็นนักประสาน (คุย) ชอบเข้าสังคม เน้นสร้างความสัมพันธ์ พวกพ้องต้องมาก่อนเสมอ ปรับตัวง่าย คนประเภทที่สาม อินทรีธาตุลม (คลิก) เป็นนักวางแผน คิดนอกกรอบ อิสระเสรี ชอบเรื่องแปลกใหม่มองภาพรวมไปข้างหน้า กล้าคิดกล้าทำกล้าพลิกแพลง คนประเภทที่สี่ กระทิง ธาตุไฟ (คลำ) เป็นนักปฏิบัติ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบทำจนกว่าการงานจะสำเร็จ เป็นประเภทดับเครื่องชน ว่ากันว่าคนหนึ่งคนสามารถมีคุณลักษณะได้มากกว่าหนึ่งประเภทบางคนปรับตัวง่าย บางคนปรับตัวยาก บางคนรักความถูกต้อง บางคนยืดหยุ่น บางคนขยันบางคนเกียจคร้าน บางคนรับผิดชอบสูง บางคนขาดความรับผิดชอบ ในคนหนึ่งคนมีความแตกต่างกันไปทั้งจากกระบวนการคิดของตัวเอง สภาพแวดล้อม การศึกษา หรือการอบรมเลี้ยงดู การจะรับมือกับคนในแต่ละประเภทเราจึงสามารถเป็นได้ทั้งนักคิด นักประสาน นักวางแผน และนักปฏิบัติ ในคนเดียวกัน เป็นการฝึกอารมณ์ฝึกใจ ฝึกสติ ไปในตัว ใครรักษาใจได้ดีกว่าก็อยู่รอดปลอดภัยใครปล่อยให้อารมณ์พาไปย่อมได้รับผลแห่งอารมณ์ตน ในเมื่อคนทุกคนล้วนแตกต่างกัน เราก็สบายใจขึ้นและไม่เก็บมาเป็นอารมณ์
ด้านบนเป็นเรื่อง ถอย เพื่อมองคนของจขบ. เป็นการคิดหาเหตุผลเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เราต้องพบเจอกับผู้คน การสังเกตพฤติกรรมที่คนคนนั้นแสดงออก ทำให้เราพอจะรู้ได้เองโดยธรรมชาติว่าเหตุแต่ละอย่างคนแต่ละคนเป็นอย่างไร คนไหนที่ควรคบและคนไหนที่ควรถอยห่าง นอกจากการถอยเพื่อมองคนแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่อยากจะบันทึกไว้ในตะพาบแรกของปีไม่พ้นเรื่องใกล้ตัว การถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ ไม่นับรวมปัญหาปากท้องที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางเกินจะเขียนถึง แต่สิ่งใกล้ตัวและชอบมากอย่าง หนังสือ ก็ประสบปัญหาหนัก หนังสือหลายหัวมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อความอยู่รอดการลดจำนวนพิมพ์ หรือพิมพ์ออนดีมานด์อาจนับได้ว่าเป็นการถอยรอการเริ่มต้นใหม่ การขยับขยายเข้าหาตลาดอีบุ๊คของสำนักพิมพ์เจ้าใหญ่ๆเพื่อส่วนแบ่งการตลาด ทั้งปัญหาของสำนักพิมพ์ขนาดเล็ก หนังสือ และนิตยสารหลายหัวที่ปิดตัวลง หนึ่งในนั้นมีหนังสือที่ชอบมากและมีสะสมหลายเล่มพอรู้ว่าจะปิดตัวก็ได้แต่เสียดาย คือนิตยสาร WRITER
ที่ถึงเวลาต้องปิดตัวลงไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นนิตยสารอีกเล่มที่เกี่ยวกับนักเขียน นักอ่าน นักอยากเขียน กับสโลแกน โลกนักอ่าน บ้านนักเขียน ห้องเรียนนักฝัน ให้ความรู้มากมายกับคนไม่รู้อย่าง จขบ. จากคำบอกเล่าของผู้บริหารที่ว่า ลาทีมิใช่ลาก่อน ยุติการทำนิตยสารไรท์เตอร์ยุคที่ 3 ในวันแถลงข่าว หนังสือมันเกิดมาเพื่อที่จะตายอยู่แล้วแต่มันได้ทำอะไรไว้บ้าง มีคนคิดถึงมันมากขนาดไหน เป็นคำบอกเล่าเพื่อยุติการทำนิตยสารโดยเหล่าบรรณาธิการคุณอุทิศ เหมะมูล คุณบินหลา สันกาลาคีรี และคุณวรพจน์ พันธุ์พงศ์ อย่างมากก็แค่จมเรือเรา...แต่ทำอะไรเรามากกว่านั้นไม่ได้ ที่มันอยู่ไม่ได้จริงๆ ก็เพราะเงินหมุนไม่ทันเป็นปัญหาสะสมมาหลายเดือน... มันเหมือนกับนักมวยที่โดนแย็บจนกระทั่งตาปิดไม่รู้จะชกต่อยังไง ไม่ได้โดนแบบโป้งเดียวจอด ไม่มีใครมาสั่งปิดเพียงแต่ว่าตามันปิดแล้ว เราชกไม่ไหว เรามองไม่เห็นแล้ว คุณบินหลากล่าวว่ามันเป็นไปตามสภาพการณ์ปัจจุบันแต่อาจไม่ใช่จุดจบเสียทีเดียวหากวันใดวันหนึ่งมีคนรุ่นใหม่มาสานฝันรุ่นที่สี่โอกาสที่จะกลับมาก็ยังมี แม้แต่คนอ่านก็ยังเสียดายแล้วคนทำจะไม่เสียดายได้อย่างไร แต่ก็ยังดีใจที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ นิตยสาร Writer หลายเล่มในยุคที่สาม โดยเฉพาะเล่มท้ายสุดมีทีเด็ดที่คอลัมน์ซีเคร็ทไรท์เตอร์ที่จขบ.ชอบมากเหมือนได้เปิดหูเปิดตาว่าหลัง... นั้นมีอะไร จนนึกเสียดายถ้าต่อไปจะไม่ได้อ่านอะไรที่นำเสนอตรงไปตรงมาแบบนี้อีกเป็นการทิ้งทวนเล่มท้ายสุดได้อย่างน่าเสียดายและน่าจดจำจริงๆ ก็ได้แต่รอดูกันต่อไป ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรจะถอยจนสุดทาง หรือจะเดินหน้าต่อไป บางครั้งเรารู้สึกว่าปัญหาบางอย่างกับบางสถานที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิดแต่กลับเป็นปัญหาเอาชนะกัน ในขณะที่อีกหลายคนพร้อมใจกันมองข้ามไม่สนใจ แต่เรากลับเอามาเป็นอารมณ์เพราะอะไรบางครั้งคงต้องถอยกลับมาพิจารณาตัวเอง ตะพาบแรกของปีอาจจะดูจะเป็นตะพาบที่ชวนเครียดไปสักหน่อยแต่อยากจะเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยเจออะไรที่ทำให้รู้สึกว่าอยากควร หรือจำเป็นต้อง ถอย บ้าง...
++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จากอินเตอร์เน็ตค่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก www.sookjai.com / นิตยสาร WRITER ฉบับที่ 39 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ คืนนี้ค่อยตามไปอ่านตะพาบพี่ๆ นะคะ ^^
Create Date : 10 มกราคม 2559 |
Last Update : 10 มกราคม 2559 21:23:19 น. |
|
73 comments
|
Counter : 1455 Pageviews. |
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทาย
มาเจิมให้ก่อนเลยครับ ได้อ่านนิทานอีสปแล้วชอบครับ จำได้ว่าเคยอ่านเหมือนกันตอนเด็ก ๆ พอโตขึ้นแล้วไม่ได้อ่านนิทานเลยครับ
เรื่องนิตยสารไรท์เตอร์ปิดตัวลงนี้ผมก็เศร้ามากเหมือนกันครับ เหมือนว่าเวทีสำหรับนักเขียนจะหายตามไปด้วย ตอนนี้ที่เหลือก็มีไม่กี่แห่งเองครับ ส่วนฉบับสุดท้ายนี้ผมอ่านแล้วแต่ไม่ได้ซื้อครับ (อ่านในห้องสมุดนะ)
สรุปว่า ถึงว่าที่ต้อง ... ถอย แล้วครับ
โหวตให้เพื่อเป็ฯกำลังใจ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
อิอิ