Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
ข้าวแช่ ตอนสุดท้าย(จริงๆค่ะ) พริกสอดไส้


ข้าวแช่ ตอนสุดท้าย(จริงๆค่ะ) พริกสอดไส้

คอลัมน์ ทำกินกันเอง
สุคนธ์ จันทรางศุ



พริกในที่นี้เราหมายถึงพริกหยวกค่ะ เพราะมีรสเผ็ดน้อยหน่อย

แต่อย่าเพิ่งดูถูกนะคะ พริกหยวกบางเม็ดเผ็ดจนน้ำตาร่วงก็ มีค่ะ

ทุกตำราคงไม่ต้องการให้เผ็ดมาก รวมทั้งที่ผู้เขียนเคยทำมา จึงทำวิธีเดียวกันคือก่อนที่จะสอดไส้ลงไป เราก็ต้องนำไปผ่าเอาเมล็ดออกเสียก่อน แต่อย่าผ่าจนขาดนะคะ ผ่าเพียงด้านเดียว และก็ต้องระวังอย่าให้ขั้วก้านหลุดไปด้วย เมื่อเอาเมล็ดออกแล้ว ก็ควรนำไปล้างน้ำให้เมล็ดออกจนเกลี้ยงเกลาด้วย แล้วก็ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ

ต่อไปนำเนื้อหมูมาบดหรือสับให้ละเอียด พักไว้

ทีนี้ก็นำกุ้งมาล้างน้ำให้สะอาดก่อนที่จะปอกเปลือก แยกหัวและมันกุ้งออกต่างหากเพราะเราใช้แค่เนื้อกุ้งล้วนๆ ค่ะ กะดูให้ปริมาณ พอๆ กันกับหมู คืออย่างละหนึ่งถ้วย

ทีนี้ให้คุณนำรากผักชี (5-6 ราก) พริกไทย (15-20 เม็ด) กระเทียม (2-3 กลีบ) มาโขลกเข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วก็ใส่กุ้งลงไปโขลกจนเหนียวดี ตักขึ้นมาผสมกับหมูบดที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาดี น้ำตาลทรายนิดหน่อย เอาลงทอดชิมเสียหน่อยกันผิดพลาดก่อนที่จะนำไปสอดไส้

ข้อสำคัญ ให้รสเข้มเข้าไว้หน่อยดีกว่า เวลารับประทานกับข้าวแช่จะได้อร่อยค่ะ

หลังจากสอดไส้แล้ว บางคนนำไปนึ่งก่อนที่จะนำมาห่อไข่ แต่ผู้เขียนเองชอบนำมาทอดไฟกลางจนสุกเหลืองจึงนำมาห่อไข่ เพราะรู้สึกว่าถ้าทอดพริกก็จะมีกลิ่นหอมมากกว่านึ่งค่ะ

ก็แล้วแต่นานาจิตตังนะคะ

แต่แม่ครัวของผู้เขียนจะไม่ยอมเป็นอันขาดที่จะให้นำไปนึ่ง ทั้งๆ ที่จะทำให้แกเหนื่อยน้อยกว่าเป็นกอง แกพูดอยู่คำเดียวค่ะว่า "ไม่หอม!" ผู้เขียนเลยต้องยอมแพ้แก

หลังจากทอดพริกเสร็จแล้ว ทีนี้ก็มาถึงตอนโรยไข่เพื่อทำร่างแหมาห่อพริก

ผู้เขียนต้องยอมรับสารภาพค่ะว่า การทำไข่ร่างแหเพื่อนำมาห่อพริกนี้เป็นข้อสอบที่ยากที่สุดสำหรับผู้เขียน ทั้งๆ ที่มันน่าจะเป็นของง่าย และสำหรับแม่บ้านบางคนก็ว่ามันแสนจะง่ายดายค่ะ แต่ผู้เขียนลองทำตามตำราก็แล้ว (ก็ให้ทำมืองุ้มๆ อย่ากางมาก แล้วก็จุ้มลงบนไข่ที่ตีใส่ไว้ในภาชนะแล้วไงคะ) ดูตามวิธีทำทางโทรทัศน์ก็แล้ว ก็หาได้ออกมาตามตำราไม่ ร่างแหของผู้เขียนที่ออกมาส่วนใหญ่...ถ้าเราจะนำไปทอดหรือเหวี่ยงหาปลา สงสัยคงจะหลุดลอดออกไปหมดค่ะ

ไข่ที่นำมาทำก็เหมือนกันค่ะ มีคนบอกมาหลายตำราเต็มทน

บางคนบอกให้ใช้ไข่เป็ดค่ะ ไข่ไก่ใช้ไม่ได้

บางคนสอนไว้ว่าให้ใช่แต่ไข่แดงนะคะ จึงจะออกมาสวย ไข่ขาวไม่ต้องใช้

ผู้เขียนฟังแล้วก็เป็นทุกข์ใจ เพราะสามีเป็นโรคเส้นเลือดที่ หัวใจตีบ หมอห้ามรับประทานเนย ห้ามรับประทานไข่แดง (ของโปรดเธอทั้งนั้น) เพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล ก็เลยไม่กล้าทำตามตำรานี้สิคะ

กำลังนั่งกลุ้มๆ ใจอยู่ ก็เกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาว่า เมื่อสมัยครั้งที่พี่สาวคนโตเธอยังมีชีวิตอยู่ ลูกสะใภ้ของเธอไปเปิดร้านขายอาหารอยู่ที่บางกระบือ เธออยู่ว่างๆ ก็เลยช่วยกันกับลูกมือที่อยู่ในบ้าน ทำข้าวแช่เป็นเมนูพิเศษช่วงฤดูร้อนส่งไปที่ร้าน ปรากฏว่า "ข้าวแช่" ของเธอขายดิบขายดีค่ะ ลูกมือของเธอคนหนึ่งจำได้ว่าห่อพริกได้สวยนัก ตอนนี้ก็ไปเป็นแม่บ้านให้กับครอบครัวลูกชายคนเล็กของเธอ

อย่ากระนั้นเลย...ผู้เขียนมือไวเท่าความคิด รีบโทรศัพท์ไปหา

พอได้ตำรามาแล้ว ผู้เขียนก็รีบไปค้นกรวยหยอดฝอยทองที่เก็บไว้หลายสิบปีเต็มทน ออกมาทำความสะอาด

ผู้เขียนยังถือสุภาษิตบทที่ว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น...สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ" อยู่ค่ะ ก็เลยคว้าไข่ไก่ที่มีอยู่ในบ้านมาฟองหนึ่ง ไม่แยกไข่ขาวไข่แดงหรอกค่ะ ใช้ทั้งใบเลย

ผู้เขียนตีไข่พอเข้ากัน ที่สำคัญก็คือพยายามไม่ให้ไข่ขาวเป็นลูก แต่ถ้าตีจนละเอียดยิบ เขาว่าจะทำให้ใยขาดออกจากกันค่ะ ก็เลยต้องเชื่อเขาเสียหน่อย

ทีนี้เราก็ตักน้ำมันใส่กระทะสักครึ่งช้อนโต๊ะนะคะ ใช้ตะหลิวไล้น้ำมันไปให้ทั่วทั้งกระทะระหว่างที่รอให้กระทะร้อน

ต่อไปตักไข่ใส่ลงไปในกรวยทองเหลืองสัก 2 ช้อนโต๊ะ ทีนี้ก็แกว่งมือไปมาปล่อยให้ไข่ไหลลงไปในกระทะ กลับไปกลับมาเป็นตารางสวย พร้อมสำหรับที่จะห่อพริกทอดได้สวย

"สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้ว!" ผู้เขียนเกือบจะร้องออกมาด้วยความดีใจ เหมือนอาคีเมดิสดีใจกับการทดลองครั้งแรกของแก

และในเมื่อประสบผลสำเร็จกับกรวยวิเศษไปเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนก็ไม่อยากเก็บความลับอันนี้ไว้เพียงคนเดียว ออกจะให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้อ่านที่สนใจทุกๆ ท่านโดยทั่วถึงกัน และอยากจะขอขอบพระคุณท่านผู้เป็นเจ้าของตำรา โดยเฉพาะพี่ที่แสนดีของผู้เขียนคนนี้

อันตำรากับข้าวโบราณชนิดนี้นั้น ท่านให้รับประทานกับผักเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนหลายชนิดด้วยกัน เป็นต้นว่า แตง กวา ซึ่งสมัยก่อนมักนิยมมาประดิษฐ์กระเช้าบรรจุพริกชี้ฟ้าแดง ทำเป็นดอกไม้และต้นหอม ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน

ส่วนสีขาว (โคนต้นตัดสั้นประมาณ 1/2 นิ้ว) มักจะจักให้เป็นฝอยด้วยปลายแล้วแช่น้ำไว้ให้บานสวย

กับส่วนสีเขียว (ที่เหลือ) ส่วนล่างใช้เข็มกรีดให้เป็นฝอยเช่นกัน แต่ส่วนที่เป็นจะใช้เข็มหรือปลายมีดกรีดไปออกเป็นสองซีก แล้วใช้หลังมีด (ด้านทื่อ) กรีดขึ้นตามไปจนสุด แล้วนำไปแช่น้ำสะอาด ใบหอมที่ว่าก็จะม้วนเป็นหลอดสวยงาม ให้นำไปแต่งในกระเช้าแตงกวาได้สวยคู่กับพริกแดง

แต่สมัยนี้มีการประดิษฐ์ผักและผลไม้ได้มากมายหลายวิธี สวยงามกว่าสมัยก่อนเสียอีก นอกจากกระเช้าแตงกวาแล้ว ก็ยังมีกระชายกับมะม่วงด้วย มะม่วงที่ใช้โดยมากจะเป็นมะม่วงมัน นำมาฝานแต่งให้เป็นใบไม้ ผู้ที่ชอบรับประทานมักจะบอกว่ากระชายจะเป็นผักที่เข้ากันกับลูกกะปิอย่างวิเศษ

บรรพบุรุษของเราได้คิดปรุงแต่งอาหารขึ้นมาหลายชนิด ล้วนมีรสเลอเลิศคุ้นเคยกับลิ้นของพวกเรามานานเนกาเลแล้ว ตอนนี้ชาวต่างประเทศเพิ่งจะเริ่มตื่นตัวและรู้รสอาหารไทยกันขึ้นมาบ้างแล้ว คุณคงจะได้ยินมาบ้างว่าเรากำลังคิดจะส่งปลาร้ากระป๋อง ต้มยำกุ้ง หรือว่าแกงกะหรี่ ส่งออกไปขายยังต่างประเทศกัน ว่าไม่ได้นะคะ ต่อไปเศรษฐกิจของประเทศไทยอาจจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ด้วยอาหารประเภทนี้ ฝรั่งกำลังสนใจสมุนไพรของเรา เป็นต้นว่า พริกแห้ง ขิง ข่า ตะไคร้ และกระชายของเราเป็นการใหญ่ รู้อย่างนี้แล้ว พวกเราจะมีใครสักคนไหมคะที่จะทำข้าวแช่กระป๋องส่งออกไปขายแข่งกับเขาที่เมืองนอก!

อ้อ! แล้วก็เกือบลืมบอกไปว่า ของหวานอย่างไทยที่มักจะเข้ากันกับข้าวของเราได้อย่างวิเศษก็คือข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ

หน้าร้อนปีนี้หากใครน้ำหนักเพิ่ม ห้าม โทษผู้เขียนนะคะ

Credit :  //www.khaosod.co.th/



Create Date : 01 เมษายน 2555
Last Update : 1 เมษายน 2555 3:26:36 น. 0 comments
Counter : 1072 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.