สุขต้นทุกข์ปลาย
เวลาที่เราอยากอะไรก็ให้เรามองให้เห็น
ว่าสิ่งที่เราอยากนี้มันไม่เที่ยง
ความไม่เที่ยงมันทำให้เราทุกข์
เพราะเวลามันหมดมันก็จะทำให้เราทุกข์
เวลามีมันก็ไม่ทุกข์ แต่พอเวลามันหมดมันทุกข์
ถ้าเราไม่ไปอยากได้ถ้าเราไม่ไปหามัน
ต่อไปความอยากมันก็จะหายไป
เหมือนคนที่จะเลิกสุรา
เลิกบุหรี่เลิกอะไรนี้เขาเลิกยังไง
เวลาอยากสูบเขาก็ไม่สูบ เวลาอยากดื่มก็ไม่ดื่ม
ทุกครั้งที่อยากจะสูบ
ทุกครั้งที่อยากจะดื่มก็ไม่ดื่มไม่สูบ
เดี๋ยวความอยากดื่มอยากสูบมันก็หายไป
พระองค์ก็เลยทรงค้นพบว่า
วิธีที่จะทำให้ใจมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเข้าสมาธิ
ก็คือต้องกำจัดความอยาก
วิธีจะกำจัดความอยากก็คือต้องเห็นว่า
สิ่งที่เราอยากมันเป็นทุกข์
ได้มาแล้วจะต้องเสียใจไม่เช้าก็เร็ว
เพราะเขาจะต้องจากเราไป
หรือเขาจะต้องเปลี่ยนไป
พอเปลี่ยนไปเราก็ทุกข์
แล้วก็จะไม่อยากอยู่กับสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใช่ไหม
เช่นแต่งงานกันใหม่ๆ ก็รักกันดี
พออยู่กันไปสักพักทะเลาะกันมีเรื่องมีราวกัน
นี่เห็นแล้วมันทุกข์ ก็อย่ากันดีกว่า
ถ้ารู้ก่อนล่วงหน้า
ก็จะได้ไม่ต้องไปแต่งให้เสียเงินเสียทอง
นี่เพราะรู้ว่าต้องหย่ากัน แต่งแล้วต้องหย่ากัน
ไปแต่งมันให้เสียเวลาเสียเงินเสียทองทำไม
เสียความรู้สึกทำไม
แล้วต้องมาเกลียดกันทีหลังอีกใช่ไหม
ก็อย่าไปแต่งกันดีกว่า อย่างน้อยยังคบกันได้
เป็นเพื่อนกันได้อยู่ ถ้าไม่ได้แต่งงานกัน
ก็เป็นเพื่อนกันได้ พอแต่งงานแล้วกลายเป็นศัตรู
เพราะเวลาอยู่ด้วยกันแล้วคนเราก็เปลี่ยน
ถ้าเจอกันใหม่ๆ ก็เอาอกเอาใจกัน
พอแต่งแล้วก็ทีนี้เอาอกเอาใจของตัวเองแล้วสิ
ไม่เอาอกเอาใจกันแล้ว พอต่างคนต่างเอาใจตัวเอง
มันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้
คนหนึ่งจะไปเที่ยวคนหนึ่งอยากจะอยู่บ้าน
อย่างนี้มันก็ไปด้วยกันไม่ได้แล้ว
นี่คือทุกครั้งที่เกิดความอยากให้เห็นว่า
จะต้องเจอความทุกข์ไม่ใช่เจอความสุข
มันเป็นแบบสุขต้น แล้วก็จะมาทุกข์ตอนปลาย
เหมือนกับยาขมเคลือบน้ำตาลเนี่ย
เวลาอมเข้าไปใหม่ๆ ก็หวาน
พอน้ำตาลละลายนี่ก็อยากจะบ้วนทิ้ง
ให้มองอย่างนี้ว่าทุกอย่างในโลกที่เราอยากได้
ไม่ว่าลาภยศสรรเสริญ ไม่ว่ารูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ
เหล่านี้ มันเป็นสุขต้นแล้วจะมาทุกข์ตอนปลาย
สุขก่อนแล้วก็จะมาทุกข์.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
...............................
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ