โลกุตรทรัพย์
การที่เราจะได้โลกุตระทรัพย์ได้หลุดพ้น
จากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด
จะต้องมีพระพุทธศาสนามานำทาง
มาบอกวิธีของการปฎิบัติ ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา
เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า
เรานี้มาเวียนว่ายตายเกิดกันได้อย่างไร
ดีไม่ดีอาจจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่า
เรากำลังเวียนว่ายตายเกิดกัน
คนที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา
เขาคิดว่าเขาเกิดมาแล้วก็ตาย ตายแล้วก็สูญ
ตายแล้วก็จบ เพราะเขาดูที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว
เห็นร่างกายเพียงอย่างเดียว
เขาไม่เห็นตัวที่ผลักดันร่างกาย
ตัวที่สั่งให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ นี้เขาไม่เห็น
เขาคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน
คิดว่าเป็นตัวเดียวกับร่างกาย
ผู้รู้ผู้คิดผู้สั่งให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ นี้
เป็นคนละตัวกัน
แต่เขาไม่รู้เขาจะคิดว่าเป็นตัวเดียว
เพราะผู้รู้ผู้คิดไม่มีรูปมีร่าง
ไม่มีหน้าตาเหมือนร่างกายนั่นเอง
เขาก็เลยเหมาเอาว่าเป็นตัวเดียวกัน
เหมือนคนเมื่อก่อนก็เหมาว่าโลกนี้แบน
เพราะเขาเห็นว่ามันแบนเห็นว่าราบ
เขาก็เลยเหมาว่าโลกนี้แบน
แต่คนฉลาดนี้เขาสามารถพิจารณาตรึกตรอง
และเห็นว่ามันไม่แบน
เหมือนกับพระพุทธเจ้ากับนักบวชทั้งหลายนี้
เขาสามารถแยกผู้รู้ผู้คิดออกจากร่างกายได้
สามารถแยกใจออกจากร่างกายได้
รู้ว่าใจกับร่างกายเป็นคนละคนกัน
รู้ว่าหลังจากที่ร่างกายตายไปแล้วใจยังไปต่อ
ไปรับผลบุญผลบาปต่อ แล้วไปเกิดใหม่ต่อ
และรู้จักวิธีที่จะหยุดการให้ใจนี้ไปเกิดใหม่
เพราะรู้ต้นเหตุที่จะพาให้ไปเกิดใหม่ก็คือตัณหา
ความอยากทั้ง ๓ ประการนี้
ก็เอามาเอาเครื่องมือที่มีอยู่คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
นี้มาหยุดมันมาดับมัน พอหยุดมันได้ดับมันได้หมด
ก็จะไม่มีเหตุที่จะพาให้ใจผู้รู้ผู้คิดนี้ไปเกิดใหม่ต่อไป
ใจก็จะอยู่ที่นิพพาน อยู่ที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด
อยู่ที่มีแต่บรมมสุข อยู่ที่ไม่มีความทุกข์
นี่คือใจของพระพุทธเจ้า
และใจของพระอรหันตสาวกทั้งหลาย
และใจของพวกเราถ้าพวกเรามีศรัทธาความเชื่อ
และน้อมนำไปปฏิบัติ เราก็จะได้ไปถึงใจ
ที่เป็นพระนิพานได้เช่นเดียวกันอย่างแน่นอน
ฉะนั้น ขอให้พวกเราจงปลูกฝังความเชื่อความศรัทธา
ให้เหนียวแน่นอยู่กับพระพุทธศาสนา
และพยายามปฏิบัติตามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งเราก็จะได้บรรลุถึงธรรมขั้นต่างๆ
เหล่านี้อย่างแน่นอน.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
...............................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ