Group Blog
All Blog
<<< "ถ้าเราไม่มีสมาธิเราสู้ความอยากไม่ได้” >>>










“ถ้าเราไม่มีสมาธิเราสู้ความอยากไม่ได้”

เวลาที่เราจะต้องฝืนความอยาก ถ้าเรามีสมาธิแล้ว

มันจะไม่รู้สึกอึดอัดไม่รู้สึกทรมานใจ

 ใจจะสงบและเย็นสบาย

 เพราะตอนนั้นมันควบคุมความอยากได้

แต่ถ้าไม่มีสมาธิมันจะอยากอยู่เรื่อยๆ

มันจะดิ้นอยู่เรื่อยๆ มันก็จะทำให้เรารู้สึกทรมานใจ

 พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าเราต้องมาสร้างสมาธิก่อน

 ถ้าเราไม่มีสมาธิเราสู้ความอยากไม่ได้

ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เราอยากนี้เป็นทุกข์

มันก็ทุกข์ก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ตอนที่มันได้มันสุขไง

 ตอนที่อยากจะดื่มสุรานี่ขอให้ได้ดื่มก่อนเถอะ

 ต่อไปจะไม่มีดื่มก็ช่างมันเถอะ

 แต่ตอนนี้มีดื่มขอให้ได้ดื่มก่อน

 มันก็จะหยุดความอยากไม่ได้ พอมันอยากมากๆ

 เราก็ต้องไปนั่งสมาธิหยุดความอยากหยุดความคิด

 พอหยุดความคิดหยุดความอยากปั๊บ

 ความทรมานใจที่เกิดจากความอยากก็หายไป

 แล้วครั้งต่อไปความอยากมันก็จะกำลังมันก็เบาลงๆ

เดี๋ยวในที่สุดก็หายไป ไม่ค่อยรู้สึกอยากได้อะไรเลย

 คนที่เลิกบุหรี่ได้ต่อไปบุหรี่ก็ไม่เดือดร้อน

 ถ้าเลิกด้วยปัญญานะ แต่ถ้าเลิกด้วยอย่างอื่นไม่แน่นะ

 ถ้าเลิกเพราะว่าไปอยู่ที่ไม่มีบุหรี่สูบอย่างนี้

พอกลับมาอยู่ที่มีบุหรี่สูบเมื่อไหร่

 พอเห็นปั๊บก็อยากขึ้นมาทันที อย่างนี้ไม่มีปัญญา

 มีเพียงแต่ว่าหยุดไปเพราะถูกบังคับให้หยุดโดยปริยาย

 เพราะไม่มีอะไรให้สูบ หยุดแบบนี้ไม่ได้หยุดแบบถาวร

 พอออกมาจากที่ไม่มีบุหรี่ พอมาเจอมีบุหรี่ขาย

นี่ซื้อทันทีเลย สุราก็เหมือนกัน

บางคนมาอยู่วัดมาบวชเนี่ย

สามเดือนเข้าพรรษานี้ไม่ได้สูบแล้ว ไม่ได้ดื่มสุราเลย

 อยู่ได้ไม่เห็นเดือดร้อน พอสึกออกไปปั๊บเห็นสุราปั๊บ

พื่อนมาชวนไปดื่ม ไปเลย อันนี้ไม่มีปัญญา

 ถ้าหยุดแบบนี้ใช้ไม่ได้ ต้องหยุดแบบมีปัญญา

ว่าดื่มแล้วมันจะเป็นทาสของสุรา

ดื่มแล้วมันจะต้องทุกข์เวลามันไม่มีดื่ม

 เวลาอยากดื่มแล้วไม่ได้ดื่มมันจะทุกข์

 ต้องเห็นอย่างนี้มันถึงจะไม่กล้าดื่ม

เพราะมันรู้ว่ามันเป็นการไปหาความทุกข์

 เพราะดื่มแล้วมันจะติด ติดแล้วจะต้องดื่มเรื่อยๆ

 แล้วเวลาที่ไม่ได้ดื่มมันจะทุกข์

 แล้วมันก็เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นสุราเป็นบุหรี่

เป็นกระเป๋าเป็นรองเท้าเป็นเสื้อผ้า

เป็นเพชรนิลจินดา เป็นแหวนเป็นสร้อย

 เป็นอะไรเหมือนกันทั้งนั้น พอซื้อแล้วมันติดนะ

พออยากได้แล้วมันก็อยากจะได้อยู่เรื่อยๆ

พอมีเงินซื้อมันก็อยากจะซื้ออยู่เรื่อยๆ

 แล้วพอไม่ได้ซื้อก็หงุดหงิด

ทั้งๆ ที่สร้อยก็ซื้อมาตั้งหลายเส้น

 แหวนเพชรก็มีตั้งหลายวงอยู่แล้ว

พอเห็นวงใหม่อยู่ในร้านก็อยากจะได้อีกแล้ว

ของทุกอย่างมันเป็นเหมือนยาเสพติดทั้งนั้นแหละ

พอเสพแล้วมันจะติด มันอยากจะได้ใหม่อยู่เรื่อยๆ

 พอไม่ได้ก็หงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา

 ไม่ว่าข้าวของเงินทอง คนก็เหมือนกัน

 แฟนยังเปลี่ยนกันอยู่ด้วยใช่ไหม

 ได้คนนี้แล้วเดี๋ยวก็อยากจะได้คนแล้ว

 นี่แหละคือ ถ้าเราอยากจะเลิกเรา

ต้องรู้จักวิธีหยุดความคิดหยุดความอยาก

รู้จักวิธีนั่งสมาธิ แล้วเรายังต้องมีต้องรู้ปัญญ

ว่าการทำตามความอยากนี้มันจะไม่มีวันสิ้นสุด

ความอยากจะไม่มีวันหมด

 วิธีที่จะทำให้มันไม่อยากก็คืออย่าไปอยากมัน

 มันอยากก็อย่าไปทำตามมัน

 ถึงแม้จะสามารถเอาได้ก็ไม่เอาเลย

 จะมีบุหรี่ให้สูบก็ไม่สูบ มีสุราให้ดื่มก็ไม่ดื่ม

 เพราะเห็นว่ามันเป็นทุกข์

 มันเป็นทุกข์เพราะมันไม่เที่ยง ตอนนี้มันอยู่กับเรา

 แต่เวลามันไม่มีมันหมดน่ะสิ เราก็สั่งมันไม่ได้

ห้ามมันไม่ได้ ห้ามมันไม่ให้หมดไม่ได้

ก็เมื่อเราดื่มอยู่เรื่อยๆ มันก็ต้องหมดสิใช่ไหม

 ถ้าเราไม่ดื่มมันก็ไม่หมด เนี่ย

เราต้องเห็นว่าทุกอย่างที่เราอยาก

เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นทุกข์

 เพราะว่ามันไม่เที่ยง อนิจจัง เป็นอนัตตา

เพราะเราควบคุมบังคับมันไม่ได้

เราเห็นด้วยปัญญาแล้ว

เราก็จะเลิกความอยากได้อย่างถาวร

 เพราะเราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่าดี

 คิดว่าเป็นสุขนี้มันเป็นทุกข์ เพราะมันจะเปลี่ยนไป

มันจะมีการจากกันไป เนี่ยถ้าเห็นอย่างนี้แล้ว

ต่อไปจะไม่มีความอยาก มีก็ไม่อยาก เห็นอะไร

 เห็นก็ไม่อยากได้ เพราะเข็ดแล้ว

ได้มาแล้วเดี๋ยวติดอีก เดี๋ยวติดก็เป็นทุกข์อีก

 นี่ก็คือวิธีหาความสุข ถ้าไม่มีความอยากแล้ว

ใจจะสุขไปตลอด แล้วก็จะไม่ต้องกลับมา

เกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป เพราะไม่มีความอยาก

ที่จะมาหาความสุขทางร่างกายอีกต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

......................................ง

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 09 มีนาคม 2561
Last Update : 9 มีนาคม 2561 9:58:41 น.
Counter : 499 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ