Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
O ร่ำรสเกสรา .. O








Giovanni Marradi - Feelings



-1-
O ระหว่างสองหัวใจ .. ความนัยเดียว
ย่อมยึดเหนี่ยวดึงกันเกินกั้นขวาง
ความคิดถึงซึ้งสู่ .. ฤๅรู้จาง
ผ่านช่วงต่างขอบฟ้า .. ร่วมอาลัย
O ละครั้งความปั่นป่วนในส่วน-อก
เมื่อหวน-วกเวียนมาเข้าอาศัย
ส่งหอมหวานออดอ้อนสุมซ้อนใจ
บีบคั้นให้ไหวสั่นด้วยรัญจวน
O ด้วยศักดิ์และด้วยสิทธิ์ .. ด้วยจิตรู้-
สืบแรงชู้อาวรณ์ .. ให้ย้อนหวน
ขังวิญญาณจองจำ .. ในคร่ำครวญ-
พาอบอวลแต่ในน้ำใจเดียว
O ทุกครั้งแรงปรารถนา .. เมื่อถาโถม
จักลอบโลมแรงสวาดิขึ้นกราดเกรี้ยว
ละครั้งความรัญจวนเมื่อม้วนเกลียว
ย่อมซึมแทรกลอดเลี้ยวทุกเสี้ยวใจ
O โดยหัวใจสองใจคอยไห้หวน
และทุกส่วนเสี้ยวนั้นพลอยสั่นไหว-
กับอาวรณ์ลึกล้ำแห่งน้ำใจ
ที่ทอใยพาดสาย .. ยากคลายคลอน
O หมาย-คืนค่ำเย็นเยียบแสนเงียบเหงา
จงรุมเร้าแรงชู้ .. อย่ารู้ถอน
บทเพลงรักแผ่วเบา .. แทนเว้าวอน
จงออดอ้อนแอบออ .. แทนข้อความ
O สดับเถิดเพลงพร่ำ .. แทนคำถ้อย
แล้วร่วมร้อยจินตภาพอันวาบหวาม
ถวิลเถิดอกใจ .. แล้วไหวตาม-
สบภาพงามงดล้ำในค่ำคืน
O แว่วยินไหม .. สุ้มเสียงกระซิบสั่ง
หมายหลอมหลั่งใจพิสุทธิ์ให้สุดขืน-
สุดต้านแรงปฏิพัทธ์ที่หยัดยืน
เพื่อหัวใจตอบตื่น .. เพียง-รื่นรมย์
O แว่วยินไหม .. คำพลอดความออดอ้อน
ค่อยแทรกซ้อนกระซิบสู่ .. ให้รู้สม
แว่วยินไหมโอดอื้น .. กลางคลื่นลม
เมื่อสุดข่ม .. ขับร้อนให้ผ่อนคลาย
O งดงามเอย .. แรงถวิล-ห้วงจินตภาพ
หอมกำซาบทรวงอยู่ .. ไม่รู้หาย
ด้วยรุมร้อนเร้าอยู่ .. ไม่รู้วาย
เฝ้ารำบายเจตจินต์ .. ให้ยินยอม
O สัมผัสเถิด .. นฤมิตแห่งพิสวาดิ
แทนมวลมาศอันประทิ่น .. ด้วยกลิ่นหอม
เพียงเพื่อใจดวงนี้ .. ยากลี้-ดอม
หากรอคอยอยู่พร้อม .. จะยอมตาม
O แว่วยินไหม .. คำพลอดความออดอ้อน
จักสุมซ้อนปฏิพัทธ์ .. เข้ารัดล่าม
ให้แววตาพริ้มพรับ .. เผย-วับวาม-
จากวาบหวามโถมเทียบ .. จนเพียบเพ็ญ

-2-
O ครั้นยามดึกเข้านอน .. อาวรณ์นัก
คำนึงพักตร์เฝ้าคอยละห้อยเห็น
ทั้งหลับตื่นรุมเร้าอยู่เช้าเย็น
เกินจักเร้นโฉมร้างไปห่างทรวง
O จนหลับฝันฟุ้งอยู่ไม่รู้จบ
ในท่ามกลางรอบพลบบรรจบช่วง
โอ้ .. ว่าแรงวาดหวัง-ใจทั้งดวง
จักเลือนล่วงสิ้นได้อย่างไรกัน
O น้ำใจ .. เอ่อล้นร่วงจากทรวงหนึ่ง
ฝ่าคำนึงเพรียกสิทธิ์ .. ความคิดฝัน
เพื่อโหมเร้ารุมอยู่ไม่รู้วัน
เพื่อสรวมขวัญรองถวิล .. ด้วยยินดี
O เคยหรือ .. ดวงวันพรากไปจากสรวง,
หรืออาวรณ์แหนหวง-พรากทรวงพี่
เห็นแต่-ห่วง, ละห้อยหาทุกนาที
เอ่อล้นปรี่กรากเชี่ยว .. เกินเหนี่ยวดึง
O ธารน้ำใจไหลหลั่ง .. จากฝั่งฝัน
จะฝ่ากั้นขวางขวาก .. ไหลหลากถึง
ในกระแสลึกล้ำ .. มีคำนึง
มีซาบซึ้งแฝงบท .. ทุกหยดน้ำ
O ผิวธารจึงพลิกผืนอยู่ครื้นโครม
หลังรูปโฉมเผยค่า .. กลางหล้าต่ำ
ด้วยว่าใจหนึ่งผู้ได้รู้จำ
ว่าที่-คร่ำครวญอยู่ .. คือผู้ใด
O ดวงใจเอยใช่แต่ .. เพียงแค่ฝัน
เถิด .. จะกี่ขวางกั้น .. ฤๅ-หวั่นไหว
เมื่อหวังถึงครอบครอง .. ทุกห้องใจ
ย่อมหวังให้ .. อาวรณ์ได้ย้อน, ย้ำ
O รออีกใจครวญคร่ำ .. อีกคำรบ
เมื่อพระลบเยี่ยมฟ้า .. คลุมหล้าต่ำ
จง .. อกใจนั้นตื่นด้วยคลื่นคำ
และระส่ำระทึกอยู่ .. อย่ารู้คลาย
O จง .. อีกใจรับถวิลอย่าสิ้นสุด
ชั่วเพียงหยุดขณะใด .. อย่าได้หมาย
จง .. เตรียมไว้รับคำ .. พี่-รำบาย
เตรียมเถิดสายสวาดิเรียม .. เจ้าเตรียมตัว
O ให้อาวรณ์, เสน่หาได้ปรากฎ
งามทุกบทบาทเพ็ญ .. จนเห็นทั่ว
ล้อมอาลัยแฝงเร้น, ให้เต้นรัว
เพื่อเย้ยยั่วปรารถนา .. หยาม-อารมณ์
O รอเถิดรอ .. อาลัย-จากใจที่-
สุดหลีกลี้หอมหวานคอยซ่าน-สม
เพื่อเตรียบตนให้ตื่น .. รับชื่นชม
ร่วมห้อมห่มโอบไล้, นะใจ - รอ
O รอ-ให้แรงถวิลหาทำหน้าที่
แทรกอุ่นอายโอบฤดี .. นะ-พี่ขอ
เมื่อหัวใจ-สั่นแกว่งจนแรงพอ
ค่อยแอบอออบร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O ฟังเถิด-ดวงใจพี่, เสียง-ที่กระซิบ
จากแสนสรวงไกลลิบ-กระซิบเจ้า
อุ่นอ้อมแขน-รอใจของวัยเยาว์-
แอบรูปเคล้าคลออยู่ .. อย่ารู้คลาย !



Create Date : 29 สิงหาคม 2556
Last Update : 5 พฤษภาคม 2566 21:27:25 น. 10 comments
Counter : 4399 Pageviews.

 


"ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่ หวลคิดถึงเจ็บกายฯ."

"มัทนะพาธา"




โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.206.192 วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:0:19:59 น.  

 

ดายุ...

"O ฟังเถิด-ดวงใจพี่, เสียง-ที่กระซิบ
จากแสนสรวงไกลลิบ-กระซิบเจ้า
อุ่นอ้อมแขน-รอใจของวัยเยาว์-
แอบรูปเคล้าคลออยู่ .. อย่ารู้คลาย !"

แล้วที่วัยไม่เยาว์แต่ยังเขลา อยู่เท่าเดิมนี่ จะเป็น "ดวงใจพี่" ได้ด้วยไหมเอ่ย..


โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.112.11 วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:14:45:57 น.  

 
มินตรา ..

ว่าด้วย วรรณศิลป์ ..
งานของ ร.6 ต้องยอมรับว่าโดยส่วนตัวแล้วไม่นิยม
หากเป็นเรื่องฉันท์ ผมชอบงานของนายชิต บุรทัต ผู้เขียน สามัคคีเภทคำฉันท์ และท่านผัน สาลักษณ์ผู้เขียนอิลราชคำฉันท์ ..

สมัยวัยคะนอง มีบทกลอนจากใครไม่รู้เขียนไว้ว่า ..
.. ห่างกันเพียงนิดก็คิดถึง
ไม่เห็นหน้าวันหนึ่งก็ซึมเศร้า
จะหักใจอย่างไรไม่บรรเทา
เอ๊ะ ! นี่เรารักเขาหรือเปล่านะ ? ..


มาวันนี้ ด้วยวัยที่รู้จักโลกมากขึ้น .. ต้องเขียนว่า
.. เขียนกลอนวางดักอยู่ ด้วยรู้ว่า-
บางสายตาแอบอยู่ต้องรู้เห็น
แล้วรื่นรมย์โถมเทียบ-จักเพียบเพ็ญ-
ในแววตาตอบเต้น .. ไม่เว้นวาง
.. ทั้งวัยเยาว์, วัยผ่านชำนาญโลก
ผู้ผ่านทั้งสุข-โศกแห่งโลกกว้าง
จักเสพความ, ถ้อยวรรคที่ดักวาง
แล้วยากว่างเว้นยิ้ม อันพิมพ์ใจ
.. อ่านแล้วเฝ้าแอบยิ้มเนตรพริ้มอยู่
คิดถึงผู้กรองนั้นอย่างหมั่นไส้
ว่าช่างรู้ทุกอย่างถึงข้างใน-
ของอกใจสะทกสะท้อน - อย่างซ่อนเร้น !

อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:15:58:24 น.  

 

สดายุ ..

แก่แดด !


โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.112.11 วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:17:58:14 น.  

 
มินตรา ..

ตั้งใจว่าครบ 100 pageviews แล้วจะขึ้นบทใหม่ .. แต่มันชักถึงเร็วไปหน่อยแล้ว .. เขียนไม่ทันนะขอรับ

เฮ้อ .. อ่านกันจริง
แถมแอบอ่านด้วยนะ .. 55

ฟังประชุมสภาแล้วอยากสลับเป็น นรกวาที สักบท เอาไหม ?

เมืองไทยแดดเยอะ .. ก็ต้องแก่่แดดแก่ลมเป็นธรรมดา
แล้วดันชอบสาวผิวขาวอีกแน่ะ .. ทำไงดีนี่
หายากเหมือนงมเข็ม !

เฮ้อ



โดย: สดายุ... วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:19:20:43 น.  

 


...ฤๅรักฉันจะเป็นเพียง ความฝัน
ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง

เพลงก็ไพเราะ เนอะ


โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.123.159 วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:12:25:53 น.  

 
มาวางคำตอบ ท่านมหาฯ ถามไว้..

เข้าใจว่า วุฒิสภาในอุดมคติ (ตามหลักอธิปไตยนะ ไม่ใช่ตามอุดมคติของใครคนใดคนหนึง) ควรต้องมีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และต้องไม่เป็นผู้แทนซ้อนกับ สส ที่มาจากการเลือกตั้ง (อันนี้พูดตามระบบที่ควรเป็น) เพราะทั้ง ๓ ฝ่ายการปกครองควรต้องเป็นอิสระและถ่วงดุลอำนาจกันและกัน

แต่ต้องยอมรับว่า..เพราะสภาพสังคมไทยไม่ได้ “เอื้อ” ต่อความเป็นอุดมคติเช่นนั้นมายาวนาน ด้วยเพราะรูปแบบแห่งสังคมอุปถัมภ์ ไม่ว่าสีอะไรก็ตามที – การเลือกตั้ง ระบบหัวคะแนน ยังสำแดงแสนยานุภาพทุกครั้งไป (ไม่เว้นกระทั่งใน สีเดียวกัน ก็ยังมีกะลาครอบ เป็นฝักฝ่าย) หลายๆที่ในโลก การมีสิทธิออกเสียง หรือได้เข้ามาบริหารปกครองบ้านเมือง หรือบริหารหน่วยงาน องค์กร กลุ่ม สมาคม ฯลฯ มาจาก
 การจับฉลาก การร้องขอ โดยมีความเชื่อว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า หรือ สสารหรือธาตุที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
 เป็นผู้มีบรรดาศักดิ์ ยศ หรือมีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างดี สายป่านยาว
 การเลือกตั้งจากประชาชน ตามความรู้ ความสามารถ ความเสียสละมาทำหน้าที่
-ฯลฯ-
สภาสูง เพื่อป้องกันเผด็จการของสภาผู้แทนราษฎรที่อาจใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่มาจาก รัฐฐบาลเดี่ยวหรือรัฐบาลผสม โดยคานอำนาจ และเป็นพี่เลี้ยงเพียงคอยให้คำปรึกษา {{ซึ่งก็มี loopholes อีก—เห็นไหม— ที่การให้คำปรึกษา จะกระทำไปได้อย่างไรโดยปราศจาก manipulation การครอบงำทางความคิดและการกระทำ เพราะก็ยังเห็นครอบหัวกัน จนเป็นตุ๊กตาเสียกบาลกันเกลื่อนทุกระดับสภา}}

จึงเป็นข้อรั่วไหล (เรียกคำนี้—น่าจะได้นะ) ของระบบที่มีมายาวนาน และไม่สามารถแก้ได้อย่างชะงัด/ถาวร ก็เพียงแค่ ปะผุรอยรั่วเป็นคราวๆ หากเทียบเป็นทานยา ก็เพียงพาราฯ ระงับอาการปวดเป็นครั้งคราว มีเหตุการณ์อะไรตามวาระก็ปูด ส่งกลิ่นมา ชั่วขณะระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็จะผ่านไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ -- เช่นที่เห็นและเป็นอยู่

ตราบมีการอุบัติของอัตตา
วงอุปาทานรอบล้อมกรอบ-ฝัง
โลดเล่นเต้นแสดง..ยึด,เหนี่ยว,รั้ง
แท้—ไม่มีสิ่งจีรัง..ต่าง”ขัง”ทุกข์
.
จึงยินดีต้อนรับทุกสรรพสิ่ง
ที่ผ่านมาพึ่งพิง..รู้โศก-สุข
แล้วปลดปล่อยดวงใจห่างไกลคุก
สิ้นล้มลุกในสังสาร..กาลเวลาฯ
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;

กลับไปที่-การมีอยู่ของสภาสูงในปัจจุบัน มีเพื่ออะไร?
..เพื่อถ่วงดุล คานอำนาจ
..เพื่อถ่วงเวลา หรือหน่วงไว้ไม่ให้การออกกฎหมายบางอย่างผ่านไปเร็วเกิน จนเห็นว่า มีนอก-ใน มีเอี่ยวอะไร กินอะไรในมุ้งใคร
..เหมือน ๒ แต่ในแง่บวก คือ เพื่อมีเวลาชี้แจงให้ประชาชนทราบ ให้ ปชช เห็น การทำงานของวุฒิสภา
..หรือ เป็นที่รวมคนที่ต้องการมีบทบาทแต่ไม่มีสิทธิออกเสียง ออกหน้า ..เท่านั้น

การเปลี่ยนแปลง .. ทุกอย่างในระยะเริ่มต้น .. จะถูกต่อต้านเสมอ
การล้มระบบอะไรบางอย่าง หากสวนกระแสสังคม ที่ยึดอะไรมายาวนานจนเป็นขนบ ประเพณี ยิ่งทำได้ยากอีกหลายร้อยเท่า เพราะ ความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา เป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่กอปรด้วยเหตุผล ดังนั้น ระบบอะไร ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเอาไว้ หรือต้องมีอยู่ – ((การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด หรือ You say it best .. when you say nothing at all)) เมื่อนั้น จะยื้ออย่างไร ก็อยู่ไม่ได้เอง
และ--บางสถาบัน—มิต้องออกมาพูดบ่อย แต่การกระทำส่งเสียงดังกว่าคำพูดหลายล้านเท่า

ไม่ต้องทำหน้าหล่อ เมคอัพเข้ากล้อง เข้าสภา
ไม่ต้องหล่อ-สวยแล้วไร้สมอง (สวยแต่รูปจูบไม่หอม ใช่ไหม)
ไม่ดีแต่พูดหรือเก่งแต่พูด – (อันนี้ยอมรับเลย เอือมและเบื่อมาก จนหันไปฟังอะไรๆ ฮาๆ อะไรผิดๆถูกๆ ออกสื่อ – น่ารักไปอีกแบบ)

ยอมรับ..เมื่อเสียงส่วนใหญ่เลือกท่านๆ เข้ามา
ก็..ให้ท่านๆ ทำหน้าที่ เล่นบทบาทของท่านไป อาจนอกบทบ้าง ก็คงสีสันเติม แต่ง แต้ม โลกต่ำบ้าง ก็-ดูกันไป
แต่ก็ต้องตระหนัก สำเหนียกกันไว้
แผ่นดิน มิได้เป็นของใคร .. ล้วนมาทำหน้าที่แล้วเดินจากไป..ทำหน้าที่..แล้ว..เดินจากไป
สุดท้ายเอาอะไรไปไม่ได้
จึง—ควรทบทวน บทบาท หน้าที่ ว่า ที่มาอยู่ ณ ตรงนั้น เพื่อ กลั่น กรอง อะไร ทำหน้าที่อะไร – ทุกคนในสภา ทั้งสูงทั้งล่างนั่นแล..

((ปล. อะไร ที่ใด ผิดไป แก้ไขให้ถูกต้องได้เลย หรือ ลบไปได้เลย เพราะเราไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้ สื่อก็ไม่ได้เสพมานับนานหลายปี โดยเฉพาะ นสพ ด้วยเบื่อมากมาย))


โดย: มาย IP: 110.168.85.200 วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:15:51:40 น.  

 
คุณมินตรา สวัสดีค่ะ

เพลงเพราะจริงๆ :))

รับรู้และรับทราบทุกคาบผ่าน
ลำนำหวานผ่านให้ดวงใจแก้ว
วางอาลัยวาบวับประทับแวว
เช่นดวงดาวพราวแพรวล้อประกาย
.
ฝากอ่อนหวานวีวาดทุกหยาดคำ
ผ่านคุณค่าลึกล้ำทุกคำร่าย
พร้อมวอนเว้าดวงฤดีของพี่ชาย
ทุกนัยพร่ำที่หมาย-เพียงหมายเดียว
.
หากยินแล้ว..สุ้มเสียงกระซิบซ่อน
รู้ใช่ไหม..อาวรณ์ทุกตอน,เสี้ยว
เพื่อดวงใจหลอม,บ่มจนกลมเกลียว
ร่วมธารเดียวบรรสารฝันตราบวันวาย



หน้านี้--นารีเริ่มจะไม่ปราโมชแระ..

จขบ ควรเปลี่ยนโหมดด่วน


โดย: มาย IP: 110.168.85.200 วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:15:56:53 น.  

 
มาย..

อ่านแล้ว ..
มุมมองในทางการเมืองในภาพรวมก็ไม่ได้ต่างกันนะ
.. เข้าใจโลกได้ดีตามที่เป็นจริง
.. ไม่ได้โหยหารูปแบบ วิถีชีวิตแบบบุพกาลบรรพกาล
.. ไม่ชอบโวหารภาพพจน์
.. เท่าทันพฤติกรรมของนักการเมือง
.. เข้าใจบริบทโดยรวมของสังคมไทย และ "ความเป็นไทย"ได้ดี

ในความเป็นไทยที่"เชื่อง่าย" .. ระบบหัวคะแนนจึงจะยังใช้งานได้ดีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสังคมบ้านนอก

และนี่คือ"ข้อรังเกียจ-ข้อเกี่ยงงอน"ของปัญญาชนเมืองหลวงที่มักเหมารวมเอาว่า .. ความเป็นตัวแทนที่มาจากระบบหัวคะแนนชักจูงนี้ - ไม่อาจนับว่าเป็นเสียงจากสิทธิ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง .. แต่เป็นเสียงทีได้มาจากภาวะ"ต่างตอบแทน"จากระบบอุปถัมภ์

เราจึงต้องได้ยิน ได้ฟัง การประชุมสภาแบบที่น่าเบื่อหน่าย จากความคิดงี่เง่า มากมายที่พยายามสำแดงวาทะวาทีออกมาให้ได้ยินกัน อย่างที่คงนึกว่า เข้าท่านักแล้ว !

ส่วนประเด็น "ความเสื่อม" ในความนิยมของ"บางอย่าง" หากสังเกตุให้ดีเพิ่งมีขึ้นในระยะหลัง แต่มีอัตราเร่งที่เร็วมาก .. จากการ take side ของบางพฤติที่"จุ้นจนเกินงาม-ยุ่มย่ามจนได้เรื่อง"ในหลายเรื่อง .. เมื่อกรรมการที่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับการตัดสินศึกแล้วกลับขึ้นเวทีชกเอง

ก็ช่วยไม่ได้ที่ทุกสายตาที่มีสมองย่อมมองเห็น ..
.. ความกลัวทำให้เสื่อม
.. ความจุ้นจ้านก็ทำให้เสื่อมเช่นกัน
.. การ"อวยที่มากเกินงาม" ย่อมทำให้ "เอียนในความงามจนลามเป็นอยากอาเจียน"เป็นธรรมดา

แบบที่เขียนมา .. จะให้ลบได้อย่างไร ?


โดย: สดายุ... วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:6:17:56 น.  

 
เยี่ยมครับ


โดย: Paniti IP: 125.25.234.182 วันที่: 6 กรกฎาคม 2563 เวลา:20:41:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.