Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
กรกฏาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
24 กรกฏาคม 2554
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
Giovanni Marradi - Destiny
O คล้ายในค่ำคืนหนึ่ง..รำพึงปวง
ค่อยผ่านล่วงเจตจินต์ให้ยินเสียง
ด้วยกลกานท์ความถ้อย..กอปร-ร้อยเรียง
วาดหวังเพียงเนตรชะม้ายจะชายมา
O หอมหวานแห่งอาลัย..รินไหลเซาะ
....ศุภสารเสนาะเสน่หา
จำลองใจมาในอักขรา
ด้วยจินตนาปรารภนิรันดร
....แสนระทมกรมสวาทระยำยับ
ดั่งสุเมรุทุ่มทับทรวงสมร
เพราะหมายโลมโฉมอินทร์อรชร
จึงรั้งรอนหักจิตเป็นนิจกาล
....คะนึงน้องดั่งปองปทุเมศ
ในขอบเขตมุจลินท์สระสนาน
แสนลำบากยากที่พ้นทรมาน
เพราะไม่หาญที่จะหักมาชมชู
....เชยสร้อยเสาวคนธ์โกมลมาศ
เมื่อลมลาดเพราะลอบเลียบอยู่
แต่ไกลไกลก็จะลักแลดู
แมลงภู่ร่อนร้องแต่เวียนชาย....
O หวังถึงจะเชยสร้อยสุคนธา
ปรารถนามณีสรวงที่ช่วงฉาย
ใจเอยเมื่อหาญกล้าขึ้นท้าทาย
จะยอมพ่ายแพ้ได้อย่างไรกัน
O มณีเดียวช่วงอยู่ไม่รู้ลับ
เพื่อรองรับอาลัยผู้ใฝ่ฝัน-
และหนึ่งความแหนหวงใต้ดวงวัน
ร่วมโอบขวัญรูปเยาว์..ฟังเว้าวอน
O เรื่องราวจากเพรงกาลอันนานเนิ่น
ผ่าน..เชื้อเชิญพร่ำพลอด..ความออดอ้อน
รติรสละเมียดละมุนอันสุนทร
ก็แทรกตอนดื่มด่ำลงรำบาย
....ถ้าเหาะได้เหมือนเหรันตยักษ์
เห็นจะหักได้สะดวกโดยง่าย
นี่สุดเอื้อมที่จะเอื้อมอาจกลาย
ปิ้มจะวายชีพเพราะถวิลมัว
....ถ้าสุมาลย์ร่วงหล่นพ้นสวรรค์
บ้างเล่าเถิดถ้ากระนั้นจะยังชั่ว
ถึงมิน้อมก้านให้ก็ไม่กลัว
ขอแต่ยั่วแย้มหน่อยพอแนมนวล
....สิอยู่ในมุจลินท์สินธุล้อม
เชิญประนอมไมตรีทรามสงวน
ซึ่งสุหร่ายภิปรายเปรียบมาทั้งมวล
ก็ไม่ควรแต่ว่าร้อนนั้นสุดแรง....
O หวังถึงดวงดอกฟ้า..น้อมมาสู่
รับนัยชู้จากชาย..รำบายแฝง-
ความอาวรณ์ใฝ่เฝ้า..ด้วยเจ้าแพง
อย่าหน่ายแหนงคมคำ..ที่รำพัน
O ฤๅเปรียบได้กับงาม..ของยามที่-
เงื่อนไมตรีจากเจ้า..รุมเร้าขวัญ
กลางอุสุมร้อนแรงของแสงวัน
พารอบฉันทาตื่นด้วยรื่นเย็น
O คืองามที่จะงาม..ทุกยามที่-
กอปรจริต..ท่วงทีอย่างที่เห็น
ทั้งแรงชู้ใฝ่เฝ้า..รุมเร้า-เป็น-
ความเอื้อเอ็นดูซึ้ง..รัดรึงทรวง
O หวังถึงเหินเหาะฟ้า..เอื้อมคว้าเอา-
งามรูปเยาว์, ฝ่าแถนทั้งแสนสรวง
ฤๅเปรียบปานอานุภาพอันทาบทวง
ด้วยรัก, หวงแหนนับ..ข้ามกัปกัลป์
.....เชิญรักอารมณ์ภิรมย์รัก
เชิญสมัครหมายขวัญมาน้อมขวัญ
เชิญสมานการโดยกระบวนบรรพ์
วานอย่าฉันทาเคียดรังเกียจกาย
.....เชิญเยื้อนเถิดอย่าถือประยูรยศ
เชิญประชดมุ่งมาดให้เหมือนหมาย
ขอเชิญน้องพร้องเสน่ห์สวาทชาย
กว่าจะวายทำลายชีพปลดปลง.....
O คำตัดพ้อต่อว่าแต่ครานั้น
หมายผูกพันพิสวาทด้วยชาติหงส์
หากครานี้ลึกล้ำด้วยจำนง
รอ-เสริมส่งคันธารสลงจดใจ
O ด้วยแรงรักปรารมภ์บรรสมสร้าง
จะกี่ขวากหลุมพรางฤๅขวางได้
เมื่อถวิลปรารถนา..แรงอาลัย
รอพร้อมให้สืบสมร่วมกลมเกลียว
O ใจเอย...ฤๅเคยคิด-สักนิดว่า-
เมื่อคุณค่าแฝงฝาก..เริ่มกรากเชี่ยว
เหลือแต่ต้องเตรียบใจด้วยนัยเดียว
รับทุกเสี้ยวส่วนงามที่ลามมา
O เห่เอย...เห่กล่อมละม่อมรูป
ความจะลูบโลมให้..อาลัยหา
กลางสนิทหลับฝัน..พี่สัญญา-
จะโอบรูปปรารถนา..ข้ามราตรี
O เห่เอย...เห่ช้าพญาหงส์
เจ้าสูงส่งด้วยสง่าและราศี
คำถนอมกล่อมชาติ..จักวาดวี
ให้ภิรมย์ดวงฤดีอย่ามีคลาย
O รอคอยจะพบกัน..ในวันพรุ่ง
เมื่อวันฟุ้งฟายดวงขึ้นช่วงฉาย
ถนอมเถิดรูปพิไลทั้งใจกาย
รอ-สองปลายสายสวาท..เข้า-พาดพัน
หมายเหตุ....
กลอนที่มีจุดนำหน้าทั้งหมด....เป็นเพลงยาว
ของพระยาตรัง...กวีในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒
Create Date : 24 กรกฎาคม 2554
Last Update : 16 เมษายน 2566 11:46:38 น.
5 comments
Counter : 5041 Pageviews.
Share
Tweet
อ่านแล้วอยากปรบมือให้ดัง ๆ ไพเราะมาก ชอบค่ะ
งามนักงามหนา งามป๋านเทวา...เปิ้นลงมาปั้น
เอวองค์แค๊วดั่งเสี้ยวจั๋นทร์ อ่อนช้อยงามงัน
ยามย่างเยื่องย้ายอรชร...
โดย:
ฟ้าเวียงพิงค์
วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:48:47 น.
อ้าว!!! เหรอคะ... เป็นบทหวานๆเหรอคะ...
ทำไมอ่านแล้วเศร้าๆก็ไม่ทราบ...
ถึงอย่างไร ก็ขอขอบคุณค่ะ...
โดย: Witch IP: 118.172.97.18 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:44:16 น.
เห่ช้า เป็นประเภทหนึ่งของทำนองเพลงเก่าใช่ไหมคะ
ต้องต่างจากปี่พาทย์นางหงส์แน่แน่เลย
เคยฟังสักสมัยยังไว้จุกมีเพลง..ชะช้า..พญาหงส์ด้วย
เหมือนในบทนี้กวีจะไม่ได้สอยดอกฟ้า
แต่กำลังคิดจะเอื้อมบัวกลางบึงหรืออย่างไร?
คนสมัยก่อนคงไม่เชี่ยวชาญทางน้ำนะคะ
อ้อ..พบคำวาดวี กับวาดหวังในหลายบทกลอนเลย
วาดหวังคือความปรารถนา วาดวีคือแรงบันดาลใจได้ไหมคะ
มีเรือเร็วมาฝากกันค่ะ วาดหวังมาวาดวี..
//i946.photobucket.com/albums/ad307/dream5168/dream2011-2-25-2.swf
โดย:
Peakroong
วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:04:30 น.
ข้างบนพิมพ์ผิด พิมพ์ใหม่ค่ะวาดวีมาวาดหวังต่างหาก
.. ใจเอย...ฤๅเคยคิด-สักนิดว่า-
เมื่อคุณค่าแฝงฝาก..เริ่มกรากเชี่ยว
เหลือแต่ต้องเตรียบใจด้วยนัยเดียว
รับทุกเสี้ยวส่วนงามที่ลามมา..
เตรียบใจ คำนี้แปลกดี
คงให้หมายถึงการรวมแบบตะเกียบคู่
มาจากตาบที่แปลว่าดามหรือเฝือก
เหมือนเอาสองใจมาใส่เฝือกเข้าด้วยกัน
มั่วได้ใจเลย คิคิ
สุขกับการทำงานนะคะ ดูถ้าจะงานเย๊อะ..รักษาสุขภาพกันค่ะ
โดย:
Peakroong
วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:28:18 น.
สวัสดีครับคุณฟ้าเวียงพิงค์...
ภาษาเหนือนี่ไพเราะนะครับเวลาผู้หญิงพูดกัน...ผมชอบฟัง
พอดีว่าไปทำธุระมา 3-4 วันเลยตอบช้าไปหน่อย
ต้องขออภัยด้วยครับ
แม่มดน้อย...
อ่านแล้วเศร้าตรงไหนครับ ?
เป็นการเขียนล้อเพลงยาวของพระยาตรังที่ว่ากันว่าถนัดโคลงดั้นมากกว่ากลอนแปด...เท่านั้นเอง
บทเพลงยาวของกวีโบราณนั้น...มักดึงเอาปรากฎการณ์แวดล้อมมาเป็นตัวกระทบเปรียบเปรย...ทั้งในแง่ของคำและในแง่ของเนื้อความ...สังเกตุให้ดีจะเห็นถึงลีลาการสัมผัสอักษรในแต่ละบาทได้ชัดเจน หมายถึงว่ามีความเชี่ยวชาญการใช้ภาษาอย่างยิ่ง
กวีคนนี้ร่วมสมัยกับ สุนทรภู่ แต่มีชื่อทางโคลงมากกว่ากลอน
คุณปีกรุ้ง...
สวัสดีครับ
ความเป็นหญิงที่ต้องไขว่คว้า ยังคงเหมือนกันทั้งในสมัยรัชกาลที่ 2 ทั้งสมัยรัชกาลที่ 9
เพียงแต่การเปรียบเทียบอาจแตกต่างกันอยู่บ้าง...ซึ่งไม่ว่าดอกฟ้า หรือ บัวกลางบึง ยังคงต้องใช้ความเพียรพยายามเอื้อมสอยไม่ต่างกัน...นั่นเป็นความยากลำบากของชาย...
สมัยนั้นอาจนึกได้เพียงอยากเหาะได้เหมือนยักษ์ในรามเกียรติ หรือ นก...แต่สมัยนี้อาจถึงขั้นอยากกลายเป็นผึ้งภู่ภุมรินเที่ยวบินว่อน..เอาเลยทีเดียว...555
วาดหวัง...มาจากวาดความฝัน ความหวังไว้ในความคิด...การวาดคือการสร้างเป็นภาพขึ้นมา
วาดวี...เป็นอาการของไม้ต้องลม...ไหว วี..กวาด..ประมาณนั้น
เตรียบ คือ เตรียม...ผมใช้เพราะเสียงมันดีกว่าเตรียมในบาทนั้น
เตรียบ [เตฺรียบ] (กลอน) ก. เทียบ เช่น เตรียบจันทรสมสูริย์
สถิตย์. (สรรพสิทธิ์); จัดไว้เสร็จ, จัดไว้พร้อม, เช่น
เตรียบตั้งต่อฉาน. (ตะเลงพ่าย).
โดย:
สดายุ...
วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:49:08 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
อ่านแล้วอยากปรบมือให้ดัง ๆ ไพเราะมาก ชอบค่ะ
งามนักงามหนา งามป๋านเทวา...เปิ้นลงมาปั้น
เอวองค์แค๊วดั่งเสี้ยวจั๋นทร์ อ่อนช้อยงามงัน
ยามย่างเยื่องย้ายอรชร...