Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
ตุลาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
13 ตุลาคม 2557
O จันทร์เอย .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O จันทร์เอย .. O
Giovanni Marradi - One Last Dream
O ที่เรียงร้อยความคำ..เจ้านำสื่อ
ราวเอื้อมมือเหนี่ยวใจ..พาไห้หวน
ด้วยอ่อนหวานหยอกเอิน..คล้ายเชิญชวน-
ให้อารมณ์ทุกส่วน..คร่ำครวญคอย
O จันทร์เอย..จันทร์เจ้า-แต่เข้าสาง
จำต้องร้างเลิกบท..แล้วถดถอย-
ให้ขอบฟ้า..ดวงสูรย์จำรูญ..รอย
ผลักเจ้าคล้อยเคลื่อนยังอีกฝั่งฟ้า
O เพื่อทอดแสงอ่อนละมุน..อบอุ่นผ่าน-
ความตระการตระกลพาด..บนปรารถนา-
ของทุกห้องหัวใจผู้ไกลตา
กล่อมนิทรารูปคะนึง..ซาบซึ้งทรวง
O รอบละมุน..อุ่นล้ำแห่งค่ำหนาว
ค่อยผ่านล้อมใจสาว..พร้อมดาวสรวง
พร-ทิพแถนพรมพรำ..เช่นบำบวง-
กล่อมขวัญดวงสุดาพี่..ในที่นอน
O อ่อนไหวทั้งอ่อนหวาน..เมื่อผ่านรู้-
ก็เมื่ออาวรณ์ชู้..สุดรู้ซ่อน
อ่อนหวานด้วยวัยเยาว์..เมื่อเว้าวอน-
ย่อมสุดจรจากกันแล้ววันนี้
O กุสุมารสประทิ่น..ยอกลิ่นล้อม
ยั่วภู่ดอมด่ำกลิ่น..แล้วบินปรี่-
เข้าอบร่ำหอมหวานช่อมาลย์มี
ทรวงหนึ่งที่..เสพหวานก็ปานกัน
O รวยรินรสหวานหอมให้น้อมรับ
สืบความหมายทอดทับ..ผู้หลับ-ฝัน
หนาวไหนแทรก..หวานหอมจักล้อมกัน-
ด้วยอุ่นอ้อมแขนขวัญ...อย่าหวั่นเลย
O ขวัญเจ้าเอย..จงสนิท..ในนิทรา
เสน่หาอาลัย..ที่ใคร่เผย-
พึงส่งผ่านดวงจิต..ให้ชิดเชย-
เหมือนที่เคยส่งผ่านมานานวัน
O ใจดวงนี้จะละห้อย...เฝ้าคอยรับ-
นัยตอบกลับทั้งปวงจากทรวงขวัญ
ความหมายเจ้าร้อยแต่ง..จงแบ่งปัน-
ฝากแสงจันทร์ในดิถี..ให้พี่ชม
O แม้นว่าใคร..ทิวาวารเผยผ่าน-ต้อง
ยังยากพร้องความสู่ให้รู้สม
ถึงราตรี..ปรารถนาในอารมณ์-
จะห้อมห่มชิดเชย...ให้เผยความ
O และแม้นว่า..ทิวาวาร..นั้นหวานหอม-
ยังไม่ยอมอารมณ์..คอยข่ม-ห้าม
ถึงราตรี..อ่อนไหวจะไหลลาม-
ในช่วงยามดึกนั้น...จะกั้นฤๅ ?
O ฟังเถิดหนา..รูปละม่อมในอ้อมกอด
จะอ้อนออดความสู่..ให้รู้, หรือ-
จะให้แก้มนั้นตระกอง..ด้วยสองมือ
จากนั้นคือ..จบทราบรสซาบทรวง ?
O จันทร์เอย..ที่ใฝ่เฝ้าก็เท่านี้
จะร้อยร่วมด้วยฤดี..ราศีสรวง
ร่วมเถิดจันทร์..ผ่านคำที่บำบวง-
อวยฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวใจผู้ไกลตา
O จันทร์เอย..แววนัยน์ตาเกินกว่าซ่อน-
เมื่อเผยเลศนัยสะท้อน..ออดอ้อนหา
เช่นสายใยม้วน-วนด้วยมนตรา-
พันธนาล้อมรัด..ในบัดดล
O จันทร์เอย..แววนัยน์ตานั้นพร่า..สั่น
คล้ายแฝงรอยจำนรรจ์นับพันหน
แรงอาวรณ์ซ่อนพรางของบางคน-
คล้ายเผลอเผยเคล้าปน..อยู่บนแวว !
Create Date : 13 ตุลาคม 2557
Last Update : 1 พฤษภาคม 2566 18:15:23 น.
5 comments
Counter : 4454 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
"O จันทร์เอย..ที่ใฝ่เฝ้าก็เท่านี้
จะร้อยร่วมด้วยฤดี..ราศีสรวง
ร่วมเถิดจันทร์..ผ่านคำที่บำบวง-
อวยฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวใจผู้ไกลตา"
" ที่ใฝ่เฝ้าก็เท่านี้"...
ทำให้ คนอ่านได้ลิ้มรสหวานหวานในอารมณ์ผู้เขียน...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:12:45:21 น.
มินตรา ..
ขอพูดว่าคำร้อยกรอง .. คือถ้อยคำที่กลั่นกรองทั้งพยัญชนะและสระเป็นอย่างดีแล้ว ในรูปแบบของวรรณศิลป์ เยี่ยงเดียวกับบทเพลง แต่เหนือกว่าในแง่กฎเกณฑ์ที่กำกับ .. หมายถึงต้องใช้ฝีมือมากกว่ากัน
.
ข้อด้อยของร้อยกรองคือไม่มี ทำนอง .. melody .. และจังหวะ .. ทำให้เพลงติดหูคนมากว่า จำได้ง่ายกว่า ..
.
แต่ทั้งสองอย่างเหมือนกันที่ คนเสพต้องมีรสนิยม หรือมีภาวะของจริตที่ละเอียดอ่อน ละเมียดละไมทางอารมณ์ .. ซึ่งไม่ได้มีทุกคน ..
.
รสนิยมเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติพิเศษในตนที่อธิบายด้วยตรรกะไม่ได้ .. แต่เป็นตัววัดอารยธรรมในจิตคนคนหนึ่ง ..
ไร้รสนิยม คือ ไร้อารยธรรม .. เราอาจพูดได้ถึงขั้นนี้
.
เรามิอาจสอนหรืออบรม ผู้หญิงอย่าง บริดนีย์ สเปียร์ หรือ มาดอนนา ให้มีรสนิยมการแต่งตัว แบบ กวินเนธ พัลโทร, Diane Kruger หรือ Kate Middleton ได้ .. เพราะจริตในตนมันเป็นไปในทาง low class ที่ยากจะสอน หรือ อธิบาย
.
คนอ่านร้อยกรอง .. ชอบ .. ละเมียดละไม .. หลงใหลในสัมผัสสระ สัมผัสอักษร .. เพราะสัมผัสพวกนั้นมัน สัมผัสใจ
.
คนนิสัยหยาบกระด้าง จะไม่มีวันชอบ บทร้อยกรอง .. จะไม่มีวันชอบภาพวาดของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ถวัลย์ ดัชนี หรือ ประเทือง เอมเจริญ เด็ดขาด ..
.
ศิลปะ เป็นเรื่องของรสนิยม .. เป็นเรื่องของอารยะในจิต .. ที่ไปพ้นจากความจำเป็นขั้นพื้นฐานของชีวิตทางกาย
แต่เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตทางจิตวิญญาณ
และเป็นระดับความศิวิไลซ์ของจิตวิญญาณที่เหนือขึ้นไปจากกาย .. ที่อธิบายได้ยาก และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย ใดๆ
.
โดยเฉพาะ คำฉันท์ และ คำโคลง ที่เปรียบเสมือน ยอดบนสุดของร้อยกรอง
โดย:
สดายุ...
วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:21:04:50 น.
สดายุ..
"ข้อด้อยของร้อยกรองคือไม่มี ทำนอง .. melody .. และจังหวะ .. ทำให้เพลงติดหูคนมากว่า จำได้ง่ายกว่า .."
จำได้ว่า ในวิชาภาษาไทยที่"คุณครู"ให้สอบนั้น มีการสอบวิธีอ่าน โคลง ฉันท์ กาพย์กลอนด้วย..
ซึ่งเราเรียกว่า อ่านด้วย"ทำนองเสนาะ"
ตัวอย่างที่ต้องเรียนคือ"กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร"
ใช้"เพลงเห่": ขึ้นต้นจนจำขึ้นใจว่า...
"พระเสด็จโดยแดนชล... ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย... พายอ่อนหยับจับงามงอน"
.....................ไปจนถึง.............
"สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม"
เราก็"ท่องจำ" จนขึ้นใจและอ่านได้ด้วย"ทำนองเสนาะอย่างไพเราะเพราะพริ้ง...แบบนกแก้วนกขุนทอง..
แล้ว"คุณครู" ก็ตรลบหลัง ตั้งคำถาม"พวกนกแก้วนกขุนทอง"ว่า...
เรือพระที่นั่งที่เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร ทรงน่ะชื่อเรืออะไร... ตกค่ะ สอบตกทุกครั้ง..
จนต้องเรียนรู้ว่า ชื่อ เรือ "สุวรรณหงส์ "...
"นวลจันทร์เป็นนวลจริง....เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามา.... ไม่งามท่าเจ้าเบือนชาย"
นี่"คุณครู" ก็จะ มีอีกหนึ่งคะแนนว่า ปลาน่ะชื่อปลาอะไร..
เห็นไหมว่า คุณครูสมัยโน้นน่ะ ทั้งดักทั้งล่อ จนเราต้อง"ต่อสู้"เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน ...
กาพย์ยานี ๑๑:
"เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่...
ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย"
ทั้งต้องท่อง ทั้งต้องจำ..จนนำมาล้อเล่นเวลาพูดกัน..
แล้วทุกวันศุกร์ เดือนละหนึ่งครั้ง ..
ต้องเข้าหอประชุมใหญ่ทั้งโรงเรียน
เพื่อ "อ่านทำนองเสนาะ"
ทำนองเสนาะที่ใช้"อ่านฉันท์ " จะเป็น "ทำนองสรภัญญะ"
(สอ -ระ -พัน- ยะ ) หนึ่งคะแนนอีก...
และมีคำว่า ดร.อภิวันท์ (อะ -พิ- วัน) ที่ต้องอ่าน"เอื้อสัมผัส" ใน วสันตดิลกฉันท์ ว่า..อบ -พิ -วัน ..เพื่อไปเอื้อ ให้ สัมผัสกับ.. เคา -รบ..
อีกหนึ่งคะแนน....:
"ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์
ด้วยใจนิยมบูชา"
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:13:08:02 น.
มินตรา ..
.
ทำนองเสนาะนี่แหละเป็นตัวกำหนดเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรคของร้อยกรองไทย ..
.
ความไม่รู้ .. ทำให้ละอ่อนน้อยทางร้อยกรองทั้งหลายผู้ไม่ใฝ่รู้- เข้าใจไม่ได้ ว่า .. กาพย์ กับ ฉันท์ ที่มีที่มาจากบ้านเดียวกันไม่สามารถลงเสียงท้ายวรรคเหมือนกลอนแปดได้
.
ความไม่รู้นี้ทำให้ ลงเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรคกาพย์ยานี เหมือนกลอนแปดคือ .. ท้ายวรรคสอง ลงเสียงจัตวา !
.
ความไม่รู้ทำให้ ลงเสียงวรรณยุกต์ท้ายบทของกลอนแปดด้วยเสียงเอก เสียงโท !
.
ในความเป็นไทยที่ไม่ค่อยอ่าน .. ไม่ค่อยศึกษา .. แต่เร่าร้อนที่จะเขียนอวด .. ทำให้เขียน ซุกซน กลับหน้ากลับหลังเป็น ซนซุก เพราะต้องการลงเอกในตำแหน่ง ตัวที่สองบาทสองของโคลง 555
.
คนเหล่านี้ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ .. ไม่รู้จักแม้กระทั่ง .. ไม้ม้วน-ไม้มลาย .. แต่อยากเป็นกวี ! อุแม่เจ้า
.
เรามีระบบการเรียนรู้ภาษาไทยของเด็กรุ่นใหม่ที่อ่อนปวกเปียก .. แทบใช้งานไม่ได้ .. ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์
.
ผมกำลังมองเห็นยุคสมัยเปลี่ยนผ่านของภาษาไทยนะ ..ที่ เอาเสียงอ่านให้เหมือนเป็นใช้ได้
จึงมี .. ขรรม .. แทน .. ขำ .. ในเฟสบุ๊ค
จึงมี .. จัย .. แทน .. ใจ .. ในเฟสบุ๊ค
จึงมี .. เทอ .. แทน .. เธอ .. ในเฟสบุ๊ค
จึงมี .. ครัย .. แทน .. ใคร .. ในเฟสบุ๊ค
จึงมี .. อั้ย .. แทน .. ไอ้ .. ในเฟสบุ๊ค
ฯลฯ
.
พอมินตราอายุ 80 อาจจะอ่านภาษาไทยที่เด็กสื่อกันไม่เข้าใจแล้ว - 555
.
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:21:20:01 น.
สดายุ !
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 14 ตุลาคม 2557 เวลา:22:04:27 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
"O จันทร์เอย..ที่ใฝ่เฝ้าก็เท่านี้
จะร้อยร่วมด้วยฤดี..ราศีสรวง
ร่วมเถิดจันทร์..ผ่านคำที่บำบวง-
อวยฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวใจผู้ไกลตา"
" ที่ใฝ่เฝ้าก็เท่านี้"...
ทำให้ คนอ่านได้ลิ้มรสหวานหวานในอารมณ์ผู้เขียน...