Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
สิงหาคม 2559
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
10 สิงหาคม 2559
O ค่ำนี้ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O ค่ำนี้ .. O
Giovanni Marradi - Land Of Dreams
O ฟังเถิดผู้ ปากยิ้ม .. ตาพริ้มหลับ
จะพร้องศัพท์ละเมอถ้อย .. ว่าคอยพี่
บรรสารความปรารถนาในวาที
ให้โสตที่เฝ้าถวิลพลอยดิ้นรน
O หวังถึงเนตรอ่อนโยน .. แววโชนฉาย
แฝงเอียงอายอ่อนละมุนกลางฝุ่นฝน
จักเผยพาดอาลัยหัวใจคน
แล้ววกวน-ล้อมขวัญ, รัด-พันธนา
O ลับรูป .. หากคะนึงยังตรึงอยู่
จากรับรู้ .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา
อบอุ่นด้วยอ่อนหวานวาบผ่านตา
ที่เหมือนว่าสื่อสู่ .. จนรู้ทัน
O ลบเลือนฤๅ .. เพียงพรับคล้ายกับว่า
เรียวรูปหน้าผุดขวางขึ้นกลางฝัน
จะฝ่าพ้นอาลัย .. เยี่ยงไรกัน
เมื่อกางกั้นทิศทาง .. ทุกย่างเดิน
O พร้อมกับที่-หมดสิ้นแรงดิ้นรน-
คือตาคนสัมผัส .. แววขัดเขิน
พ่ายแพ้ แรงอุ่นล้ำ .. ที่ก้ำเกิน
ก่อนลุกลามจำเริญ .. อยู่เนิ่นนาน
O โหดร้ายกันจริงหนอ .. ลออลักษณ์
เผยรูปพักตร์เนียนละม่อม .. เพรียกหอมหวาน-
ให้อบอวลอารมณ์จนซมซาน
จนสุดต้านทานอยู่ .. แม้น-ครู่เดียว
O สุดป้องแล้วนฤมิต .. จริต-โฉม
ดลรอบโสมนัสเคลือบ .. ทุกเหลือบเหลียว
เร้าอาวรณ์เลื่อนแล่น .. ดั่งแขนเรียว-
โอบ - รั้งเหนี่ยวคลอเคล้า .. ให้เฝ้ารอ
O ผ่านมาให้อบอุ่นและคุณค่า
เร่งฤทธาลามช่วง .. เป็นบ่วงช่อ-
สายเยื่อใยสวาดิเยาว์-พะเน้าพะนอ
ก่อนทอดทอแรงรักจำหลักลง
O จึง-ทุกห้วงคำนึง .. แม้นกึ่งคาบ
ราวเพรงสาปเคยสุม .. พาลุ่มหลง-
ตามช่วงลมหายใจ .. สั่นไหว-บง-
การ-เรื้องแรงจำนง .. ข้ามวงวัฏฏ์
O แหนหวงการพร่ำพลอด .. ความออดอ้อน-
แผ่ว-เว้าวอนเพราะพร้อง .. เกินป้อง-ปัด
กุมอารมณ์แนบน้อม .. ละม่อมลักษณ์
ผู้จำหลักแรงถวิล .. ลงจินตนา
O เอ็นดู-ความอาวรณ์แสนอ่อนไหว-
อันแฝงนัยบ่งชี้ .. ในทีท่า
แหนหวงความหอมหวานแห่งมารยา
เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. ใคร-อาวรณ์ ?
Create Date : 10 สิงหาคม 2559
Last Update : 13 เมษายน 2566 20:55:36 น.
28 comments
Counter : 3184 Pageviews.
Share
Tweet
"ค่ำนี้.." พี่จะมี ใครเคียงข้าง
หนาวน้ำค้าง เหน็บจิต ให้คิดห่วง..." 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 10 สิงหาคม 2559 เวลา:16:42:37 น.
มินตรา ..
หนุ่มสาวบนโลกนี้เป็นของคู่กัน .. ตลอดกาล
แปลกใจที่ว่า .. จริต กิริยา วัยสาว ที่เหมือนจะไม่มีใครสอน ทำไมช่างจับอกจับใจชายยิ่งนักก็ไม่รู้ 555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 สิงหาคม 2559 เวลา:19:37:41 น.
ดายุ..
เรื่อง "จริต กิริยา วัยสาว ที่เหมือนจะไม่มีใครสอน" นี่
ไปลองเปิดดูหลายทฤษฎี ไม่มีคำตอบทางวิทยาศาสตร์ ที่ จะถก ทางวิชาการได้
ไม่ทราบจะตอบได้อย่างไร ค่ะ (นี่เป็นคำตอบแบบ ที่
"แม่ สิริ"..Siri .. ตอบ ใน ไอโฟน นะคะ)
ในยุโรป เวลาไม่มีใครคุยด้วย เราก็สนทนากับ แม่สิริ นี่ล่ะค่ะ
Note:
Siri (pronounced /ˈsɪri/) is a computer program that works as an intelligent personal assistant and knowledge navigator, part of Apple Inc.'s iOS
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 11 สิงหาคม 2559 เวลา:21:17:21 น.
มินตรา ..
ผมสังเกตุมานานในหญิงไทยนี่ มันมากับวัยนะครับ
คือพอถึงวัย"สาว" ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง .. จริต ท่าทาง "ดูเหมือน"จะตั้งขึ้นมาเอง
สิ่งแวดล้อมอาจมีส่วนทำให้ "ควบคุม เก็บงำ" หรือ "ปลดปล่อย" ออกมาต่อสายตาที่มองเห็นได้บ้าง แต่ความเป็นตัวตนจะมีส่วนผสมที่มากกว่าอยู่ดี
แม้จนฝรั่งผิวขาวในยุโรป อเมริกาเหนือ หรือ อสสเตรเลีย ก็ตาม ผมก็ยังเห็นความน่ารักในจริต กิริยาที่แม้จะ"ควบคุม เก็บงำ" น้อยกว่าทางเอเชียอยู่บ้าง ก็ยังน่ารักอยู่ดี .. หมายถึงวัยช่วง 15-29 นะครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 12 สิงหาคม 2559 เวลา:8:52:32 น.
ดายุ..
เรื่องสตรีนี่ ไม่มีนารีไหน วิเคราะห์เป็นนอกจาก ..
"ผู้เชี่ยวชาญการนารี"
แต่ชายเยอรมัน โดยเฉพาะในวงการปัญญาชน
จะทึ่งในความสามารถของ "แม่สิริ" กันมาก
ชอบไปกระเซ้าเย้าแหย่ ตั้งคำถามให้ สิริ ตอบ
แล้ว เก็บมารักใคร่ ใยดีแม่สิริ มาก เล่ากันคิกคัก
ไม่เห็นแม่สิริ จะมี จริตจะก้านเลย
ตาก็ไม่ชาย
หวานก็ไม่ขาย
ใช้ข้อมูลทางสมอง อย่างเดียวนะคะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 12 สิงหาคม 2559 เวลา:13:49:30 น.
มินตรา ..
สหพันธรัฐเยอรมัน .. แต่ละแคว้นนั้นมีการปกครองเป็นอิสระจากกันแค่ไหน .. แบบเดียวกับแต่ละรัฐของอเมริกาไหมครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 12 สิงหาคม 2559 เวลา:19:14:55 น.
สดายุ..
มีคำสองคำ คือ สหพันธรัฐ & สาธารณรัฐ ที่ทำให้สับสน
1.สาธารณรัฐ ( Republic) เป็นระบอบการปกครองที่ประเทศถูกพิจารณาว่าเป็น "กิจสาธารณะ"
มิใช่ธุระหรือทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ปกครอง
และที่ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐ ได้รับเลือกตั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม หรือได้รับแต่งตั้ง มิใช่ได้รับทอด (วีคิพีเดีย)
2. สหพันธรัฐ ( federation) เป็นรัฐอธิปไตยประเภทหนึ่งซึ่งปกครองตนเองบางส่วน และ รวมเข้าด้วยกันโดยมี รัฐบาลกลาง ในสหพันธรัฐ
สถานะการปกครองตนเองของรัฐ มีรัฐธรรมนูญ เป็นของตนเอง และไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยการตัดสินใจฝ่ายเดียวของรัฐบาลกลาง (วีคิพีเดีย)
นี่เป็นการปกครองในเยอรมันทั้ง16 แคว้น อันมีรากมาจาก การปกครองในราชอาณาจักร โรมันอันศักดิ์สิทธิ์
( The Holy Roman Empire 800/9621806)
ซึ่ง มี พระเจ้าไคเซอร์ (Kaiser)ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจาก กษัตริย์ในแคว้นเหล่านี้ เป็นผู้ปกครอง
เมื่ออาณาจักรใหญ่มากเกินกว่าจะดูแลได้ทั่วถึง จึงแบ่งเป็น อาณาจักรโรมันตะวันออก (ใช้ภาษากรีก) และ อาณาจักรโรมันโรมันตะวันตก(ใช้ภาษาละติน)
แล้วย่อลงมาอีกเป็นประเทศ จากชนเผ่า ฟรั้ง(Frank) ตั้งอาณาจักร ( Reich) เป็นของตนเองเรียกว่า
อาณาจักรฟรั้ง ( Frankreich ซึ่งคือ ชื่อ ประเทศฝรั่งเศสในภาษาเยอรมัน)
ชนเผ่า อิทาลิค (Italic tribe) ก็ตั้งประเทศ อิตาลี เช่นนี้
ของเรา ก่อนที่จะมีระบบ ประเทศ ก็มี อาณาจักร มาก่อน เช่น ทางใต้ก็ อาณาจักรศรีวิชัย
ทางเหนือก็อาณาจักร ล้านนา
แล้วจึงวิวัฒนามาเป็นประเทศสยาม ตามที่ประเทศคู่ค้าขายเรียกเรา
ฉะนั้น อเมริกาซึ่งมี"ระบอบสหพันธรัฐ" จึงเหมือน แบบหลวมหลวม กับ เยอรมัน
ภาษาเยอรมันที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็เกิดจากการประกาศศาสนาคริสต์นิกาย โพรเทสทั้น(Protestant)ในศตวรรษที่ 16 ด้วย ภาษาพูดของพลเมือง
เมื่อก่อนใช้ภาษาละตินเป็นภาษาราชการ ภาษาวิชาการ
เหมือนเราใช้ บาลีเป็นภาษาวิชาการ ที่ต้องเรียน ตามวัด ตามวัง ก่อนที่จะ มีโรงให้เรียน แล้วใช้ภาษา ของพวก"ร้อยพ่อพันแม่"
(สำนวน อาจารย์สุจิตต์
ในประวัติศาสตร์ไทยฉบับร้อยพ่อพันแม่ )
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 13 สิงหาคม 2559 เวลา:1:18:35 น.
มินตรา ..
แล้วในรัฐธรรมนูญเยอรมันมีระบุไหมว่า ..
1. สหพันธรัฐเยอรมันเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียวที่มิอาจแบ่งแยกได้ ?
2. ก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า เด็กเยอรมันต้องยืนเคารพธงชาติ พร้อมกับร่วมร้องเพลงชาติเยอรมันก่อนเรียนหรือไม่ ?
3. คนเยอรมันแสดงความเคารพอย่างไร ต่อประมุขของประเทศ ทั้งคนปัจจุบันและอดีตประมุข ..
4. วันแม่ของเยอรมัน มีหรือไม่ .. หากมี เป็นวันไหนครับ ?
ขอบคุณในคำตอบล่วงหน้า
โดย:
สดายุ...
วันที่: 13 สิงหาคม 2559 เวลา:11:00:38 น.
สดายุ..
สมัยมินตรา เรียนหนังสือ มีวิชา"อ่านเอาเรื่อง"
แต่ดูว่าเมื่อสดายุเรียนนี่ จะมีวิชา"ถามเอาเรื่อง"เพิ่มมานะ
1.เยอรมันไม่มี"รัฐธรรมนูญ" (Verfassung) นะ มีแต่
"กฎหมายพื้นฐาน"(Grundgesetz=Basic Law) ซึ่งขึ้นมาตราที่๑ ว่า
"ศักดิ์ศรี ของมนุษย์ เป็นสิ่งที่แตะต้องมิได้ "
นี่คือความแตกต่างจากมาตรา ๑ ของกฎหมายไทย
2. ไม่ต้องค่ะ เพราะเยอรมันพยายามเลิก การสนับสนุนระบบทหาร จึงเลิกมีเครื่องแบบนักเรียน และเลิกระเบียบวินัยต่างต่าง
เพื่อเป็นขั้นต้นของ"ความรู้สึก"ว่า คนทุกคนมี"ศักดิ์ศรีในความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน"
แต่ ให้เป็นหน้าที่ ของ นักกิฬาเยอรมันว่า "ต้อง"ร้องเพลงชาติเป็นทุกคน
ซึ่งยังใช้แซวกันเสมอว่า ใครที่ร้องเพลงชาติได้หมดจรด คนผู้นั้นมีคุณสมบัติเป็นนักกิฬาเยอรมันได้แล้ว (โดยไม่ต้องมีความเป็นนักกิฬา 555)
3. คนเยอรมันที่เจริญแล้ว จะสุภาพอ่อนน้อม กับทุกคน และเคารพ "ผู้ที่ควรเคารพ" (นี่เป็นลักษณะ เด่นของเยอรมันที่เน้น แม้นแต่ในวงการทหารที่วินัย"จัด" ก็ เชื่อฟังในคำสั่งที่ ควรสั่ง )
เป็นพุทธ มากกว่าชาวพุทธ นะว่าไหมคะ
4. วันแม่ของเยอรมันถือตามวันที่สหประชาชาติกำหนด (ตามที่ สมาคมดอกไม้ =Floristenverbände ตกลงกัน) คือ วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม ในแต่ละปี
เพราะ"แม่"ของเยอรมัน หมายถึง ผู้ให้กำเนิด หรือผู้ที่เลี้ยงดูเรามาแต่อ้อนแต่ออก
จบ วิชา"ถามเอาเรื่อง"
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล...
ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 13 สิงหาคม 2559 เวลา:12:24:12 น.
สดายุ...
มานั่งนึกดู สมัยก่อนเราก็ปกครองเป็น "สหพันธรัฐ" นะ
ดูจากการรวมตัวกัน ของ4 ราชวงศ์ที่รวมกันเป็นอยุธยา
-ราชวงศ์อู่ทอง ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ละโว้ ลพบุรี ศรีเทพ)
-ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (สุพรรณบุรี อู่ทอง)
-ราชวงศ์พระร่วงเจ้า เหนือตอนล่าง (สุโขทับ ศรีสัชนาลัย พิษณุโลก)
-ราชวงศ์ศรีธรรมโศกราช ภาคใต้ (นครศรีธรรมราช เมืองสิบสองนักษัตริย์)
เราเพิ่งมามีระบบรวมตัวตั้งศูนย์กลางอำนาจ( Centralized System)
ตามแบบ หลุยส์ที่14ในภายหลัง
เพื่อลดอำนาจ เจ้าเมืองน้อยใหญ่
จึงเป็นเหตุให้ ยึดอำนาจได้ง่าย
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 13 สิงหาคม 2559 เวลา:18:40:55 น.
มินตรา ..
คนไทยถูกกล่อมหัวด้วย"ข่าวทางการด้านดีด้านเดียว" มายาวนานตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ .. เป็นข่าวที่ไม่สามารถรายงานเป็นอิสระได้โดยเฉพาะทางสื่อกระแสหลัก หมายถึงหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี
ในทางการเมืองจึงมีลักษณาการแบบ"เชื่องเชื่อ"ที่ไม่อาจต่อต้านหรือคิดเป็นอื่นได้ เป็นส่วนใหญ่ .. มีบ้างที่มีจริตไปในทาง "ไม่เชื่อง่าย" ที่รอดพ้นมาได้บ้าง
การใฝ่รู้ ก็มีน้อยมากในหมู่เด็กรุ่นหนึ่ง ความรู้รอบตัวต่ำกว่าทางยุโรปมาก แทบไม่รู้เรื่องการเมือง การศาสนา หรือ การต่างประเทศเลย นอกจากประเด็นที่สนใจ หรือ เป็นกระแสตามวัย ..
จึงเหมือนสังคมทารก .. คิดอะไรไม่เป็น ถูกชักจูงง่ายมาก จากมายาคติที่ถูกฝังหัวไว้ ถอนยากถอนเย็น
ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์จึงไม่เป็นที่ใส่ใจ หรือให้ความสำคัญมากนัก .. สามารถยกหัวทูนเอา"กรอบหรือครอบขัง" ไปไหนมาไหนได้อย่างไม่ยี่หระต่อสายตาคนทั้งโลก
อ่านน้อย .. แต่ฟังมาก ชอบฟัง พร้มอที่จะเชื่อโดยไม่ต้องการเหตุผล หรือ พยานหลักฐานใดๆ ..
ความรู้จึงน้อย .. แต่ความเห็นมากมาย
ที่ผมถาม ก็เพื่อให้คำตอบเป็นการวิพากย์สังคมไทยโดยเฉพาะโดยผมไม่ต้องพูดอะไร
ที่ใช้เยอรมัน เพราะผมชอบชาตินี้
และเพราะผมมีคนตอบที่รู้เรื่องเยอรมันเป็นอย่างดี
ในสมัยอยุธยา (ต้องขึ้นการ์ดไว้ก่อน .. 555)
3 ราชวงศ์ กับ 1 วงศ์ ที่มินตราเอ่ยมา เป็นวงศ์ฝ่ายหญิงนะครับ .. มีฝ่ายชายเป็นกษัตริย์แค่ 3 ราชวงศ์ ส่วนนครศรีฯ ไม่เคยเป็นกษัตริย์
การรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่กรุงเทพเกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 นะครับ ..
เหนือ อีสาน ใต้ กลาง มีอัตลักษณ์ที่แตกต่าง การใช้การปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นไปตามเผ่าพันธุ์ ภาษา และประเพณีท้องถิ่น จะสอดคล้องกับยุคสมัยมากกว่าการรวมศูนย์นะในความเห็นผม ..
เราควรรวมศูนย์แค่การทหาร และการต่างประเทศ เท่านั้น ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 13 สิงหาคม 2559 เวลา:19:40:05 น.
สดายุ..
ฝรั่งเศส วิเคราะห์ว่า หลุยส์ ที่14 ดำเนินนโยบายทางการปกครองผิดในการที่รวบอำนาจเข้ามา
แทนที่จะมีเจ้าครองแคว้น ขุนนางรอบนอกคอยสนับสนุน
ของเราก็ไปเอาอย่างเค้ามา
แล้วยังไม่มีใครกล้าวิเคราะห์ว่า "ผิดถูกกระไรอยู่ "
ส่วนคนรุ่นที่จะเปลี่ยน ..
ก็ไม่ดึงประวัติศาสตร์มาเสริมศักยภาพของตน
จนกลายเป็นเรื่องใหม่
ให้คนใจไม่กล้า หวาดผวาไปตามตาม
น่าจะคิดว่า เป็นขบวนการ " จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด" นะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:1:43:06 น.
มินตรา ..
ฝรั่งเศสนั้นเข้าใจว่าระบบขุนนางเข้มแข็งจนน่าจะเป็นภัยต่อกษัตริย์ .. จึงมีแนวคิดลิดรอนอำนาจขุนนาง
ที่แตกต่างอย่างมากกับไทยคือ นักคิดนักเขียน ของเขายืนหยัดมีหลักการ ..
ส่วนของไทยมีลักษณาการโอนเอนไปตามอำนาจการเมือง .. คือคนไทยขาดอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่มีจุดยืน เพ่งเอาเฉพาะที่จะทำให้ตัวเองสะดวกสบาย เป็นลักษณะปัจเจกชนนิยม ไม่ใช่มหาชนนิยม แบบฝรั่ง
มันน่าหัวร่อที่ .. บุคคลในคณะราษฎร์ นั้นเราต้องนับเป็นรุ่นปู่ทวดที่อายุเกินร้อยทั้งนั้น .. คนรุ่นปู่ทวดคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ทันสมัย ..
แต่คนรุ่นร้อยปีต่อมา (ภายใต้การครอบงำ) กลับเรียกร้องระบอบการปกครองสังคมแบบบุพกาลบรรพกาล ซึ่งผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง
ผมถึงมองว่า การครอบงำ ในชาติพันธุ์เชื่องเชื่อ ให้ผลดีเยี่ยม หากทำมันทุกวันไปตั้งแต่ลืมตาหายใจ .. เขาต่อต้านไม่ได้หรอก เพราะพืชพันธุ์เขาเป็นแบบนั้น
พม่าเอง หากทหารไม่ยอมปล่อยมือไปเองก็หือไม่ขึ้นนะ .. สนิมเกิดแต่เนื้อในตน คือการเปลี่ยนแปลงมาจากภายในกองทัพเองที่คงเห็นคนพม่ามาเป็นจับกังระดับต่ำในคู่ศึกเก่าอย่างไทยแล้วคงรู้สึกสมเพชชาติตัวเอง ที่ร่วมกันครองอำนาจมายาวนานตั้งแต่ยุคนายพลเนวิน .. จนกลายเป็นชาติที่จนที่สุดในโลก ..
ระบบผู้นำกลุ่มเดียวที่ควบคุมสังคมเข้มงวดไม่เคยให้ผลดีต่อชาติไหนทั้งสิ้น .. ยิ่งกรณี เกาหลีเหนือ/ใต้ นี่เห็นชัดสุด ความแตกต่างเกิดจากการเมืองอย่างเดียว .. รองลงไปก็ เยอรมันออก/ตก .. รวมทั้งลิเบีย ซีเรีย คิวบา .. สังคมที่ถูกควบคุมความคิดมันไปไม่ได้ ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:8:54:24 น.
แม้แต่ฝ่ายความมั่นคงเองเขายังพูดอย่างมั่นใจ
เป็นความมั่นใจของนายทหารคนหนึ่ง ที่พูดกับเพื่อนสนิทที่เป็นสื่อสารมวลชนฝ่ายหัวก้าวหน้า .. ว่า
"คุณสู้ไม่ได้หรอก .. เราควบคุมความคิดคนไทยไว้ได้หมด" !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:9:45:31 น.
ดายุ..
ผลจากการลงประชามติ คือ ความจริงในสังคมไทย
เมื่อขาดรถรับส่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปลงประชามติ
คนไทยก็ไม่ดิ้นรนที่จะไปแสดงความคิดเห็น
ชีวิตเราสบาย ไม่ต้องต่อสู้กับหนาวจนไม่มีอะไรจะ
รับประทานหากไม่เตรียมตัวเก็บไว้ล่วงหน้า
สิ่งแวดล้อม ทำให้ชีวิตเราสบาย ไม่ลำบากสุดสุด
อย่าไปตำหนิประชาชน
ใครใครไม่ว่าชาติไหน ก็รักความสบาย
เยอรมันจึงต้องมีกฎหมาย มิให้มีการแต่งตั้งตำแหน่ง หรือให้เหรียญตรา แก่ผู้ใด เพื่อเป็นการลดอำนาจพิเศษ
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:13:03:19 น.
มินตรา ..
ภูมิอากาศมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดครับ ผมยอมรับ .. ดูกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นประเทศในเขตหนาวทั้งสิ้น แม้แต่ทางเอเชีย คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน
อพยพไปอยู่ทางใต้อย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็พัฒนาแล้ว
อีกประการ คือ เผ่าพันธุ์นะ ..
ดูอเมริกาใต้ พอผิวขาวน้อยกว่าพันธุ์พื้นเมือง ปรากฎว่าไม่สามารถพัฒนาแล้วสักประเทศเดียว .. อาเจนตินา ทำท่าจะดีกว่าเพื่อนก็มาเหลวตอนจบ
มีเขตศูนย์สูตรชาติเดียวคือ สิงคโปร์ ซึ่งเรารู้กันอยู่ว่า ต้องทั้งหวดทั้งตีทั้งลากทั้งจูง ถึงจะเอา เจ๊ก+แขก+มาเลย์ ให้อยู่ในระบบระเบียบได้
บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า
กลุ่มมอญ-เขมร
กลุ่มไทย-ลาว
ที่รวมตัวกันเป็นสยามนี้ อาจ"พัฒนาได้ยาก"
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:19:24:09 น.
สดายุ..
"O ลับรูป .. หากคะนึงยังตรึงอยู่
จากรับรู้ .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา
อบอุ่นด้วยอ่อนหวานวาบผ่านตา
ที่เหมือนว่าสื่อสู่ .. จนรู้ทัน"
แสดงว่า เคย เจอ"รูป" แล้วใช่ไหมคะ
จึงได้ "ลับรูป .. หากคะนึงยังตรึงอยู่"
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:1:52:33 น.
มินตรา ..
รูปประกอบกลอนน่ะยังไม่เจอตัวเลยครับ
เจอแต่รูป
อิๆๆ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:6:27:26 น.
สดายุ..
ช่างมีจินตนาการ เสมือนจริง
เสมือนจะอยู่ในเหตุการณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้น
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:15:10:45 น.
ดายุ..
มาอ่านซ้ำ จึงแปลคำตอบออกว่า
ที่ยังไม่เจอตัว น่ะคือ .. .รูปประกอบกลอน...
เจอแต่ รูป..
"รูป"นี้ รึเปล่า.. ฮึ !
(รูป =คำใช้แทนตัวเอง)
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 15 สิงหาคม 2559 เวลา:22:09:41 น.
ใช่แล้วขอรับ ..
คนนี้รูปหน้าสวยแบบไทยๆดี ..
หากแต่งชุดไทย ทำผมได้เหมาะจะดูสวยมากแบบรูปเลื่อนทางขวามือครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 สิงหาคม 2559 เวลา:6:03:32 น.
ดายุ..
ว่างว่าง ไม่รู้จะทำอะไร เลยมานั่งแซวกันเองนะ !
รู้ได้ยังไงว่าไม่ผิดตัว
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 16 สิงหาคม 2559 เวลา:16:44:50 น.
มินตรา
ไม่ผิดตัวหรอกครับ .. เห็นแล้วจำได้ดี
แต่รูปสาวน้อยคนนี้มักเป็นรูปยิ้มแฉ่งเอามาประกอบกลอนไม่ได้
ผมชอบสีหน้านิ่งๆ หรือยิ้มนิดเดียว ..
คนไทยชอบยิ้มแฉ่งเวลาถ่ายรูป .. ไม่รู้เพราะอะไรสิน่า
โดย:
สดายุ...
วันที่: 17 สิงหาคม 2559 เวลา:6:45:02 น.
ดายุ...
จากคนสีหน้านิ่งนิ่ง
"O จึง-ทุกห้วงคำนึง .. แม้นกึ่งคาบ
ราวเพรงสาปเคยสุม .. พาลุ่มหลง-
ตามช่วงลมหายใจ .. สั่นไหว-บง-
การ-เรื้องแรงจำนง .. ข้ามวงวัฏฏ์"
ทั้งไทยและเทศ
จะมีสังคมหนึ่งที่อบรมให้สตรี "ไม่กระดี๊กระด๊า" มาแต่อ้อนแต่ออก จนเป็นนิสัย
ให้วางตัวสงบสงบ สีหน้าเรียบเรียบ
ผู้อื่นจะจับอารมณ์เราไม่ได้
แต่ แววตาเวลา.. โปรด ..อะไรขึ้นมา จะ วาววับ
จน..คนช่างสังเกตุ..จับได้อีกนั่นล่ะ สักแวบหนึ่ง
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 17 สิงหาคม 2559 เวลา:11:26:47 น.
มินตรา ..
ผมมองว่าสาวฝรั่งไม่ยิ้มกันพร่ำเพรื่อนะครับ
แต่สาวไทยชอบยิ้มให้กล้องถ่ายรูป ..
อาจเพราะมีคติในทางที่ต้องการทำให้"คนอื่น"รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขในชีวิต อะไรทำนองนี้
เพราะสังคมไทยมักมีคำถากถางดักรอไว้แล้วเป็นต้นว่า
หน้าไม่รับแขก
หน้าบอกบุญไม่รับ
ก็เป็นได้
โดย:
สดายุ...
วันที่: 18 สิงหาคม 2559 เวลา:6:51:02 น.
สดายุ ทราบไหม
มินตรา อยู่เยอรมันโดยไม่ต้องปรับกิริยามารยาท หรือ
กฎระเบียบในการวางตัวทางสังคมใดใดเลย
แสดงว่ามีระดับหนึ่งของสังคมไทยที่ "เป็นเนื้อเดียวกัน" กับสังคมตะวันตก
ความเป็นพุทธ กระมังคะ เพราะ พระพุทธเจ้า วางกฎระเบียบในการ อยู่ร่วมกันทางสังคมไว้ดีงาม ไปจนถึงวิธีคิด
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 18 สิงหาคม 2559 เวลา:10:02:21 น.
มินตรา ..
อาจเป็นไปได้ครับ
พุทธะเป็นความลงตัว อย่างเหมาะสม ทางระบบคิดของคนเรา
คนเยอรมันซึ่งเป็นชาติอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบชาติเดียวในยุโรป (อาจจะในโลกด้วย)
ย่อมมีความแนบแน่นกับหลักเหตุผล ในชีวิตประจำวันมากเป็นทุนอยู่แล้ว
และหลักพุทธะเองก็เป็นหลักเหตุผล หลักปัญญา อันสอดรับกับวิถีแห่งวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม
เมื่อวิทยาศาสตร์อวกาศก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ .. เรื่องของพระเจ้าจึงไปต่อไม่ได้
ขณะที่ในแวดวงคริสเตียนเอง ชาติที่ปรับเปลี่ยนแนวคิดเป็นอิสระจากการครอบงำของวาติกันก่อนใคร
ก็เป็นเยอรมันอยู่ดี โปรเตสแตนท์ ที่แปลว่า ผู้ต่อต้าน นั้นจะต่อต้านใครไปไม่ได้นอกจาก โรม
พุทธะวจนะ .. น่าจะตั้งมั่นและขยายตัวได้มากในเยอรมัน นับแต่นี้ไป
หากบวชเมื่อไร จะขอไปประจำอยู่เยอรมันครับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 18 สิงหาคม 2559 เวลา:14:45:05 น.
ดายุ...
นึกแล้วเชียว ว่าต้องหนีไปบวช !
แม่ยังเคยปวดศีรษะกับมินตรา
จนจะขอลาไปบวชหลายครั้ง
โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 18 สิงหาคม 2559 เวลา:15:32:25 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
"ค่ำนี้.." พี่จะมี ใครเคียงข้าง
หนาวน้ำค้าง เหน็บจิต ให้คิดห่วง..." 555