O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
Giovanni Marradi - Unchained Melody
O ฝนโปรย .. เมื่อสายน้ำทอดลำ .. ไหล ความสดใสจำรูญ .. ก็สูญหาย เมฆเทาทึมหม่นคล้ำ .. ล้อมรำบาย- ให้สรวงสูงฟูมฟายเมื่อบ่ายคล้อย O พรายคลื่นน้ำเชี่ยวไหล .. ลมไหววูบ เมื่อนามรูปถึงบท .. ต้องปลดปล่อย- สู่อาวรณ์พร่ำพ้อ .. เฝ้ารอคอย- แววตาเคยปริบปรอย .. ชม้อยชม้าย O น้ำหลากสายพรายละอองเป็นฟองฝอย ล้อหัวใจเงียบหงอย .. เมื่อคล้อยบ่าย กลางห้วงใจมีคำ .. รอรำบาย- ความมุ่งหมายสำหรับให้รับรอง O ลมผ่านริ้ว .. ฟ้าหลัว .. เมื่อหัวใจ- มีรูปใครแทรกซุกไปทุกห้อง ดูเอาเถิด .. ทอดทับเข้าจับจอง- อยู่ครอบครองถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ O สายน้ำกระเพื่อมผิว .. ก่อริ้วคลื่น- ไหวตัวตื่น .. ล้อลมที่พรมผ่าน ลมโหมหวนระลอก .. หอมดอกมาลย์- ก็แผ่ซ่านรสหอมเข้าล้อมลน O รื่นเย็นสายลมร่ำแห่งค่ำนี้ ร้างราศีจันทร์ฉาย, เพียงสายฝน- ค่อยหลั่งหยาดหยดไหล .. ล้อใจคน- ให้เวียนวนถวิลชู้ .. ไม่รู้วาย O คะเนนึกแก้มก่ำ .. ในค่ำหนาว ทั้ง-แสงดาวสองดวงจักช่วงฉาย- ถวิล-ความพร่ำพลอด .. อ้อมกอดชาย พร้อมอุ่นอายอบร่ำ .. ผ่านค่ำคืน O เจ้าขดตัวอิงแอบ .. อก-แนบหน้า รับสองแขนโอบหา, แววตาตื่น- ก็เต้นแววฮือโหม, เสียงโครมครืน- ในส่วนผืนทรวงแผ่ว .. ก็แว่วดัง O เย็นรื่นหยาดฝนร่วง, แนบทรวงอุ่น- มีนิ่มเนื้อหอมกรุ่น .. เจ้าหนุนนั่ง แววนัยน์ตาเคลียคลอ .. นั้นรอฟัง- คำ..ความกระซิบสั่ง .. อย่างรั้งรอ O เผาผลาญความเย็นรื่นแห่งผืนน้ำ ด้วยแววตาดื่มด่ำ .. เสียงย้ำ .. ขอ ก่อนส่ำเสียงแผ่วเบาพะเน้าพะนอ- ผ่านเสียงคลอโสตอยู่ไม่รู้เลือน O เพียงเพื่อดับดาวช่วงสองดวงนั่น จนลมลั่นในอก .. แล้ววกเคลื่อน กระเพื่อมแผ่นผืนน้ำจักย้ำเตือน- ผืนทรวงให้สะเทื้อนเขยื้อนตาม O ร้างไร้รูปจันทร์แรม .. เพียงแก้มอิ่ม- เปลือกตาพริ้มเสพทราบรสวาบหวาม พร้อมรอบความอ่อนไหวค่อยไหลลาม ล้อมคาบยามปรารถนา .. ด้วยอาลัย O นกค่ำ .. เมื่อร่ำเสียงอยู่เคียงพฤกษ์ ความรันทึกเสียดทรวง .. ฤๅ-หน่วงไหว ? นวลเนื้อนุ่มเนียนนี้ .. จักมีใคร- อาจฝ่าได้โดยดี - ในที่นั้น ? O สายวารีอ่อยเอื่อยคงเรื่อยไหล เมื่อแววตาอ่อนไหว .. เริ่มไหวสั่น ฝนโปรยสาย .. ลมล่อง .. เนื้อผ่องพรรณ- ก็อุ่นฝันเย้ยฟ้า .. ผ่านราตรี O ฟ้ามืดหม่น, ฝนโรย, ลมโชยล้อม, และเพียงหนึ่งรูปละม่อม .. แวดล้อมที่ ปรุงปัจจัยเป็นชาติขึ้นวาดวี- ฉุดรูปการทั้งนี้ .. เริ่มลีลา O ร้างไร้รูปจันทร์เสี้ยว .. เพียงเรียวแขน- โอบรัดอย่างหวงแหนอยู่แน่นหนา พร้อมแสงดาวช่วงชู้ .. รับรู้ภา- วะ-โหยหาอาลัยที่ในดวง O วิชชุดา-วาบแสง .. ลงแฝงรอย แววตาปรอยทอดสู่ .. ก็รู้ช่วง- การส่งนัยอ้อนแอบลงแนบทรวง ก่อนแขนหน่วงเหนี่ยวเนื้อ .. โหมเชื้อไฟ O โอภาสในแววตา .. เหมือนว่ามี เพลิงอัคคีจู่โจม .. เข้าโหมไหม้ เหมือนแว่วเสียงคำกระซิบจากลิบไกล นั้น-ออดอ้อนหวามไหว .. อยู่ในคำ O ระยิบเอย .. แววตาผู้อาวรณ์ ฤๅ-อาจถอนชาติภพ .. พ้นอบร่ำ แววตื่นตอบว่าย-วน .. กลางฝนพรำ- ฤๅ-ตอกย้ำนัยชู้ .. ให้รู้นัย ? O ปริบปรอยหยดน้ำสรวงยังร่วงหล่น รูป, รส .. ปรนเปรอชู้ .. ก็-รู้ไหว- แววตาตื่นตอบค่ำ, อย่างร่ำไร- โหมเชื้อไฟลุกลาม .. เกินห้ามแล้ว O โอบกอดเสียงเต้น-ตื่น .. เกินฝืนข่ม กลางอุ่นเนื้อห้อมห่ม, สายลมแผ่ว- ก็ผ่านลูบโลมกาย .. เมื่อคล้ายแวว- ตาผ่องแผ้ววูบหวั่น .. แวว-สั่นรัว ! O ระยิบเอย .. แววตาใต้ฟ้าหม่น เปล่งแสงขวนขวายออก .. มาหยอกยั่ว ผ่านอบอุ่นโอบเอื้อ .. อบเนื้อตัว- ขวัญเจ้าเอย .. สั่นทั่ว .. แล้ว-หัวใจ O นกค่ำ .. ยังร่ำเสียงอยู่เคียงพฤกษ์ ความรันทึกทรวงนั้น .. ยิ่งสั่นไหว ฝนโหม .. สายลมหวน .. คร่ำครวญใคร- ก็หวีดแว่วเสียงให้ .. รู้ใจความ !
Create Date : 20 เมษายน 2557 |
Last Update : 30 มีนาคม 2567 18:24:31 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3867 Pageviews. |
|
|
|
ภาพของO แววตาผู้อาวรณ์ .. O
นั้น งามนัก งามจริงจริง..งามละเมียดละมัย..
ทราบใช่ไหมว่า เพลง แขกต่อยหม้อนั้น เป็นแขกเปอร์เซีย