Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
เมษายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
16 เมษายน 2557
O รูปในคำนึง .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O รูปในคำนึง .. O
กอไผ่ - บังใบ
1.
O ระหว่างสองหัวใจ .. ความนัยเดียว
ย่อมยึดเหนี่ยวดึงกันเกินกั้นขวาง
ความคิดถึงซึ้งสู่ .. ฤๅรู้จาง
ผ่านช่องทางเสน่หา .. แสนอาลัย
O ละครั้งความปั่นป่วนในส่วน-อก
คอยหวน-วกเวียนมาเข้าอาศัย
ส่งหอมหวานออดอ้อนสุมซ้อนใจ
บีบคั้นให้ไหวสั่นด้วยรัญจวน
O ด้วยศักดิ์และด้วยสิทธิ์ .. ด้วยจิตรู้-
สืบแรงชู้อาวรณ์ .. ให้ย้อนหวน
ขังวิญญาณจองจำ .. ในคร่ำครวญ-
พาอบอวลแต่ในน้ำใจเดียว
O ละครั้งแรงปรารถนา .. เมื่อถาโถม
จักลอบโหมแรงสวาดิขึ้นกราดเกรี้ยว
ละครั้งความรัญจวนเมื่อม้วนเกลียว
ย่อมซึมแทรกลอดเลี้ยวทุกเสี้ยวใจ
O โดยหัวใจสองใจคอยไห้หวน
และทุกส่วนเสี้ยวนั้นพลอยสั่นไหว-
กับอาวรณ์ลึกล้ำแห่งน้ำใจ
ที่ทอใยพาดสาย .. ยากคลายคลอน
O หมาย-คืนค่ำเย็นเยียบแสนเงียบเหงา
จงรุมเร้าแรงชู้ .. อย่ารู้ถอน
บทเพลงรักแผ่วเบา .. แทนเว้าวอน
จงออดอ้อนแอบออ .. แทนข้อความ
O สดับเถิดคีตะกรรม .. แห่งคำถ้อย
แล้วร่วมร้อยจินตภาพให้วาบหวาม
ถวิลเถิดอกใจ .. แล้วไหวตาม-
สบภาพงามงด .. ล้ำในค่ำคืน
O แว่วยินไหม .. สุ้มเสียงกระซิบสั่ง
หมายหลอมหลั่งใจพิสุทธิ์ให้สุดขืน-
สุดต้านแรงปฏิพัทธ์ที่หยัดยืน-
กลางหัวใจตอบตื่น .. ด้วยรื่นรมย์
O แว่วยินไหม .. คำพลอดแสนออดอ้อน
คำจักวอนเว้าสู่ .. ให้รู้สม
แว่วยินไหมโอดอื้น .. กลางคลื่นลม
คือสุดข่ม .. ขับร้อนให้ผ่อนคลาย
O งดงามเอย .. แรงถวิลและจินตภาพ
หอมกำซาบทรวงอยู่ .. ไม่รู้หาย
ด้วยรุมร้อนเร้าอยู่ .. ไม่รู้วาย
เฝ้ารำบายเจตจินต์ .. ให้ยินยอม
O สดับเถิด .. นิรมิตแห่งพิสวาดิ
แทนมวลมาศอันประทิ่น .. ด้วยกลิ่นหอม
เพียงเพื่อใจดวงนี้ .. อย่าลี้-ดอม
หากรอคอยอยู่พร้อม .. เพื่อ - ยอมใจ !
2.
O ดั่งยูงที่สูงส่งด้วยวงศา
ล้อมแววตาด้วยบท .. ความสดใส
เบิกรุ่งสางหม่นดำ ด้วยอำไพ-
แห่งดวงไฟเลื่อนชั้น .. ขึ้นบัญชา
O พอแว่วเสียงสาธุ .. บรรลุโสต
ความปราโมทย์หัวใจผู้ใฝ่หา-
ก็ซ่านความผ่องแผ้วสู่แววตา
เมื่อรูปหน้ารูปจริต .. เผย-ติดตรึง
O เกิดแต่เมื่อกรประนม .. หน้าก้มน้อม
ผมหล่นล้อมวงหน้า, แววตาหนึ่ง-
ก็คล้ายถูกกรเรียวนั้นเหนี่ยวดึง
แววหวานซึ้งมั่นหมาย .. ก็ฉายทอ
O โอ ราศีรูปงาม .. แห่งยามเช้า
คอยรุมเร้าใจอยู่, ท่านผู้ขอ-
ก็อุ้มบาตรเอ่ยธรรม .. ลงย้ำ .. ยอ-
ยกอารมณ์ทดท้อ .. พ้นทรมาน
O สบรูป .. รูปละม่อมก็ล้อมสิ้น-
แทรกจิตวิญญาณเฝ้า .. คอยเผาผลาญ
แววตารื่นรมย์อยู่ .. ก็รู้พาน-
กับอ่อนหวานอีกแวว .. กอปร-แววชู้
O จึงโลกในแวดล้อม .. พรั่งพร้อมที่-
กลับเหมือนมีความหมายรำบายสู่
ฝากแฝงแววเร้นลับ .. ให้รับรู้
คอยสบอยู่ลอบเร้น .. ไม่เว้นวาง
O โอ อำนาจเนตรพรับ .. ราวจับจูง-
สบรูปยูงอกแอ่นรำแพนหาง
เหลื่อมลายขนสีสัน .. ขึ้นกั้นกลาง
หยัดรอยขวางเพรียกถวิล ..ให้ดิ้นรน
O งามวงสีเลื่อมลาย .. ก็คล้ายว่า
เผยคุณค่าออกแล้วผ่านแววขน
พร้อมอ่อนหวานอ่อนไหวของใจคน-
เริ่มเผยตน .. ออกแล้วที่แววตา
O วาบวับ-นั้น .. แววตา .. แม้-ตาหลับ-
แววระยับ .. ก็ยังคง .. อยู่ตรงหน้า
ราวอยู่ล้อมห้อมขวัญคอยบัญชา-
ให้ตอบรับคุณค่า .. ด้วยอาวรณ์
O วาบวับแววขนยูง .. อันสูงค่า-
ก่อรูปพา .. งดงามติดตาม-อ้อน
จนงามนั้นลามรุกไปทุกตอน
สะทกสะท้อนสั่นทั่วทั้งหัวใจ
O จึงโลกในแวดล้อม .. ราวน้อมรับ-
แววอ่อนหวานพริ้มพรับ .. จนวับไหว
ความผูกพันอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย-
ก็รัดรึงเอาไว้ .. อยู่ในวัน
O งามเงื่อนหางยูงฟ้าในป่าแดด
ผ่านลงแวดล้อมช่วง .. ทาบทวง-ขวัญ
งามรูปลักษณ์ชาติภพ .. ก็ครบครัน-
แทรกลงฝันฝากรอย .. ให้คอยรอ
O เช้านั้น .. คำข้าว .. เนตรวาววาม
กอปร-คำ .. ความ .. ผ่านหูจากผู้ขอ
พร้อมอีกการรุมเร้าพะเน้าพะนอ
ของรูปลักษณ์งามลออ .. อยู่ต่อตา
O เช้านั้น .. คำข้าว .. อกผ่าวร้อน-
กับอาวรณ์รูปองค์ .. ที่ตรงหน้า
สบ-สัมผัส .. ฉับพลันก็บัญชา-
เสน่หาให้อุบัติขึ้นรัดรึง
O เช้านี้ .. แรงอาลัยผู้ใฝ่หา
คอยบัญชาดวงจิต .. แต่คิดถึง-
รูปแพงน้อยอบร่ำในคำนึง
เจ้าเอย .. พึงรับรู้นัยชู้ .. ชาย
O ส่งมาเถิด .. อบอุ่นและคุณค่า
ผ่านแววตาอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย-
แววอ่อนหวานดื่มด่ำ .. พึง-รำบาย-
ออกเปื้อนป่ายล้อมโลก .. แล้วโยกคลอน
O มอบมาเถิด .. เสน่หาความอาลัย
สุมลงให้ใจชาย .. สุดถ่ายถอน-
ทั้งจากรูป, คุณค่าความอาวรณ์
ตราบม้วยมรณ์ชีพลงเป็นผงคลี
O รูปยูงเอย .. ขาบเขียวทุกเรียวขน
เปล่งปลาบบนคุณค่า .. แห่งราศี
เพรียกละห้อยแหนหวงเป็นท่วงที-
อาวรณ์ที่ - ตราบวาย .. ยากคลายแล้ว !
Create Date : 16 เมษายน 2557
Last Update : 2 กรกฎาคม 2566 20:53:34 น.
10 comments
Counter : 3687 Pageviews.
Share
Tweet
โอย..สดายุ..
พอ"สุดหัวใจ"ตัวจริง มี รูปธรรม นี่
มินตรา อ่านกลอน ก็ไม่หวาน แล้วล่ะ..!
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 วันที่: 16 เมษายน 2557 เวลา:9:26:12 น.
ทำไมล่ะมินตรา .. รูปธรรมอะไรที่ว่า ..
ข้าพเจ้ามิอาจเข้าใจได้ว่าท่านกำลังพูดถึงสิ่งใดอยู่
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 เมษายน 2557 เวลา:9:48:09 น.
พี่ท่าน..
อันตัวข้าพเจ้านั้น บุญน้อยที่มิได้อยู่ขั้วโลกใต้ น่ะซิ ..
จึงอ่านกลอนเยี่ยงไร ก็ย่อมหาความไพเราะ "เฉพาะตัว"มิได้..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 16 เมษายน 2557 เวลา:10:03:36 น.
สดายุ...
"องค์กรระหว่างประเทศทั้งไอพียู สหประชาชาติ และนานาประเทศกำลังติดตามว่า องค์กรอิสระที่มีอำนาจเทียบเท่าศาล ป.ป.ช. ที่มีการตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปสังเกตการณ์ได้ จะอธิบายความเป็นนิติรัฐ นิติธรรมได้ยากลำบาก ดังนั้นองค์กรระหว่างประเทศที่ดูแลและคุ้มครองหลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชน จึงต้องตรวจสอบการพิจารณาคดีอย่างใก้ลชิด โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน หากเจ้าพนักงานงานยุติธรรมคนใดละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศจะถูกขึ้นบัญชีดำในระดับนานาชาติได้ " น.ส.จารุพรรณ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย
"รูปธรรม "ร้อน ร้อน จ้า...
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:16:32:41 น.
มินตรา ..
ที่น่าพิจารณาสำหรับกลุ่มหนุนทักษิณคือ ..
1. ทำไมไม่เสนอยกเลิก ม.112ตั้งแต่ชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ที่คนตาย 91 ศพ บาดเจ็บ 2000 ที่ทั้งทหาร ทั้งปชป ทั้งอำมาตย์ ทั้งถั่วทั้งถ่าง ยังไม่กล้าฮึกเหิม ?
2. ทำไมไม่ยอมลงนามอนุสนธิสัญญา ICC ?
3. ทำไม สส. เพื่อไทย ที่มีตั้งกว่า 300 คนถึงเงียบฉี่ตั้งแต่มี กปปส เป็นต้นมาไม่เคยมีบทบาทช่วยเหลือรัฐบาลเลย .. การต่อสู้ไม่มีแต่พอตั้งรัฐบาลได้เป็นรัฐมนตรี ?
4. การจัดตั้งขบวนบนถนนอักษะระดมกันมา มีการจัดการขนาดนั้นค่าจ่ายใช้มโหฬาร ได้ประโยชน์อะไร ที่เป็นรูปธรรม ?
สำหรับผมมองว่า ..
1. การตายของเสื้อแดงปี 2553 ไม่คุ้มค่า เพื่อไทยไม่ได้จริงใจในการจัดการกับคนติดคุก เพราะ 112 ..
2. แกนนำในการต่อสู้ มีแต่เรียกร้อง ไม่เคยเสียอะไร ไม่แม้แต่จะบาดเจ็บทั้งๆที่อยู่บนเวที
3. หากมีการรัฐประหารอีก คนเสียหายไม่ใช่แดงรากหญ้า แต่เป็นกลุ่มนักการเมืองเพื่อไทย ที่แดงรากหญ้าไม่ควรขายชีวิตให้อีกต่อไป อยู่ในที่ตั้ง ไม่ต้องออกไปตายเพื่อใคร ..
4. ระบบปกครองที่อำมาตย์เฒ่าคิดกันนั้นหากนำมาใช้ จักไปได้ไม่เกินปี และครั้งนี้"ผู้ที่ยังคงซาบซึ้งกับการหมอบกราบ" จะเหลือไม่เกิน 15-20%
โดย:
สดายุ...
วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:20:37:24 น.
สดายุ..
เรื่อง112นั้น เป็นความละเอียดอ่อนของ "กิจการภายใน"ซึ่ง "คนภายนอก"มายุ่งเกี่ยว มิได้..
เป็น"สัญญาประชาคม"ของคนทั้งหมดในสังคม
พรรคใดพรรคหนึ่ง หรือผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงโดยลำพังได้....
ทำไม"เจ้าตัวซึ่งประสพปัญหานี้"จึงไม่ แก้ปัญหานี้ด้วยตนเองล่ะ ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ทั้งในและนอกประเทศ ..
ใยจึงวางมือ แล้วไปนั่งคอยให้ผู้อื่นมาแก้ปัญหานี้ ให้ตน..
ใครใครที่เปิดโอกาสให้นั้น ตั้งใจจะให้คนผู้นั้น แก้ปัญหาให้ผู้อื่นที่อ่อนแอ และขาดหนทาง ด้วย....
แกนนำนั้นทำหน้าที่ จัดรวบรวมคน เรียกร้องให้ประชาชนตื่นตัวในการ รับผิดชอบชีวิตตนเอง ...
เป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงที่จะ"เรียกร้องสิทธิในความเป็นมนุษย์ "ด้วยการ ไปทำลาย ทำร้าย ผู้อื่น เช่น ปฎิวัติฝรั่งเศส หรือ รัสเซีย..นั่นน่ะ ศตวรรษที่17- 18
การที่ดร. จารุพรรณ กุลดิลก ทำหนังสือไปยัง ไอพียู(Inter-Parliamentary Union) และมีผลเป็นรูปธรรม ออกมาว่า สหพันธ์ รัฐสภาโลก สหประชาชาติ เข้ามาเรียกร้อง"สิทธิในการเลือกตั้ง และ สิทธิในการเสนอความเห็นทางการเมือง" ให้ประชาชนไทยนั้น..
นับว่า เป็นความก้าวหน้าใหญ่หลวง ของฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย..
สองทางนี้เท่านั้นที่จะเปิดหนทางประชาธิปไตย..
กลุ่มที่มาอ้างอิง อื่นอื่นนั้น ไม่มีความรู้เรื่องระบบ ระหว่าง
ประเทศเลย
อวดอ้าง ทะนงตน หลงทาง ไปเอง..
"ไป่เห็นชะเลไกล..กลางสมุทร"
หากคิดจะบิน แล้วควรจะหัดบินให้สูง...
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:13:22:08 น.
มินตรา ..
112 ย่อมมิใช่สัญญาประชาคมใด
คณะราษฎร์ได้ทำการปรับสถานภาพพระมหากษัตริย์ลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ 2475 และคำประกาศต่างๆที่ออกมานั้นได้แสดงนัยะแห่งอำนาจว่ามาจากปวงชน
และกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นอย่างเดียวกับอังกฤษและญี่ปุ่น
112 เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร 2490 โดยเผ่า ผิน และยกกษัตริย์ขึ้นไปเป็นเทพที่แตะต้องไม่ได้ใหม่ในยุค สฤษดิ์
..
ประวัติศาสตร์ไทยไม่เคยจารึกว่า 112 มาจากสัญญาประชาคมใดๆ ..
ส่วนกรณี ฝรั่งเศส รัสเซีย ก็ต้องเข้าใจหลักความจริงว่า ในยุคที่อำนาจภายนอกยังไม่ยิ่งใหญ่และสามารถมากพอจะเข้ามาจัดการอำนาจภายในดั้งเดิมที่เล็กกว่ากันมากได้แบบอาฟกานิสถาน ลิเบีย หรือ อิรัค .. ย่อมต้องอาศัยอำนาจภายในที่รวมตัวกันเองเป็นสำคัญ
และแม้ปัจจุบันหากอำนาจภายในใหญ่พอ อำนาจภายนอกก็แทรกไม่ได้ ดูกรณี รัสเซีย-ยูเครน ไครเมียส์
และอำนาจรัฐได้มาจากความกลัวหรือปากกระบอกปืน จึงเป็นสัจจธรรม .. ไม่ว่า บอลเชวิค พคจ พคว .. สันติวิธีไม่สามารถพอที่เหมาจะไล่ เจียงไคเชคให้ไปอยู่ใต้หวันได้
แต่ต้องกำลังคนถือปืนที่เหนือกว่าเท่านั้น
ผมไม่คิดว่าภายใต้ระบอบเลือกตั้งและโครงสร้างทางอำนาจที่เป็นอยู่จะทำให้ไทยเป็นประชาธิปไตยแบบเสมอภาคมาตรฐานเดียวกันได้ ..
ลองตอบตัวเองดูว่า กลุ่มอภิสิทธิ์ชน ในสังคมปัจจุบันจะเคารพกฎหมายอย่างเท่าเทียมกับตาสีตาสาได้อย่างไร ในความเป็นจริง ภายใต้ ศาล และกองทัพแบบที่เห็นอยู่ ?
มีทางเดียว .. และไม่ใช่ทางที่มินตราพูด
คือ .. ประชาชนต้องมีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเองและแสนยานุภาพเหนือกว่าอำนาจกองทัพปัจจุบัน
โดย:
สดายุ...
วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:20:12:17 น.
สดายุเอ๋ย..
"รูปธรรมในคำนึง" ของท่านนั้น ช่างเสทื้อนฟ้าสะท้านดิน เสียเหลือเกิน..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 19 เมษายน 2557 เวลา:2:00:22 น.
มินตรา
คำพูดแบบ "โลกสวย" มันไม่ทำให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วขึ้นมาได้ .. จึงต้องพูด"ความจริง"กัน
ทั้งจารีตนิยม
ทั้งประเพณีนิยม
ทั้งธรรมเนียมปฏิบัติ
หากว่าไม่สามารถพาชนในชาติก้าวข้ามพ้นขีดความยากจน และมาตรฐานชีวิตที่ต่างจากสัตว์เลี้ยงคนรวย .. บรรดาที่มีทั้งหลายข้างบนนั้นต้องถือว่าล้มเหลว และ ไม่ practical ในทุกการวัดผล .. ควรแก่การ ล้มเลิก หรือ ignore เสีย
.. หากเราไม่มี "ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ" หรือ "รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี" มาตรวัดเดียวกัน
.. หากเราไม่มี "มาตรฐานการศึกษาขั้นอุดมศึกษา" มาตรวัดเดียวกัน
.. หากเราไม่มี "ความสามารถทางการแข่งขัน" มาตรวัดเดียวกัน
.. หากเราไม่มี "ความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐ" มาตรวัดเดียวกัน
เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราอยู่ตรงไหนของโลก
เพราะเราอยู่ในทำเลเขตร้อนที่มีประเทศพัฒนาแล้วตั้งอยู่น้อยมาก คือมีสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว
แดดที่มากเกินไป อย่างไรเสียก็ไม่ทำให้คนตายเหมือนกองหิมะสูงท่วมเข่า .. ชีวิตแบบนี้ไม่ต้องคิดล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้จะเอาชีวิตรอดพ้นจากความหนาวเย็นอย่างไร
เมื่อไม่ต้องคิดมาก สมองก็ไม่ต้องทำงานมาก ไม่ต้องคิดถึงพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือ ฤดูหน้า
กล้ามเนื้อเมื่อไม่ค่อยได้ทำงานก็จะลีบเล็ก เช่นเดียวกับสมองคน ที่เส้นไยสมองจะไม่แตกตัว ..
ปรัชญาทางเศรษศาสตร์ที่เลิศภพ จบแดน แม้จะยังไม่ได้โนเบลสักที แต่ก็รองรับเส้นไยสมองข้างบนได้ดีพอสมควร
โลกรอบตัวหากกว้างใหญ่ ก็จะดูน่ากลัว
แต่หากขยับตัวนิดก็กระทบ"ขอบโลก" แล้ว มันก็ไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไร แถมดูอบอุ่นเพราะการเบียดเสียดนั้นอยู่บ้าง
แถมการแออัดเบียดเสียดนั้นทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น .. จะแปะดาวไว้บนฟ้า ติดสวรรค์ไว้ที่เพดานฟ้า รวมทั้งบรรดาเทวดาจะเอากี่องค์ก็ได้ด้วย โดยง่าย แค่เอื้อมมือถึง
โลกจึงสวยงาม ภายใต้การขยับตัวนิดก็กระทบขอบโลกนี้เอง
ไม่น่าเชื่อว่า แดดที่มากเกินไปนี้ .. จะสร้างเพดานโลกได้ตระการตาปานนี้ !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 19 เมษายน 2557 เวลา:15:44:41 น.
ดายุ...
"รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี"
.. "มาตรฐานการศึกษาขั้นอุดมศึกษา"
.. "ความสามารถทางการแข่งขัน"
.. "ความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐ"
สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ "แสลงใจ" มินตรานัก...
ทุกระบบเลย.. ที่มิกล้าแม้นแต่จะเอ่ยถึง..
เมืองไทยที่มินตรารู้จักนั้น เคยสวยงามกว่านี้..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 20 เมษายน 2557 เวลา:1:09:50 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
พอ"สุดหัวใจ"ตัวจริง มี รูปธรรม นี่
มินตรา อ่านกลอน ก็ไม่หวาน แล้วล่ะ..!