Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มิถุนายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
13 มิถุนายน 2557
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
ชัยภัค ภัทรจินดา - ลาวสวยรวย
-1-
O โลก-จึงปรากฏ .. ความงดงาม
เมื่อแววตาวาบวาม .. สื่อความหมาย-
ออกยั่วล้อต่อตา .. ด้วยตาชาย
จึง-อุ่นอายแดดร้อน หรือผ่อนลง ?
O เร้นแฝงนัยอ่อนหวาน .. เมื่อผ่านสู่-
ย่อมงามอยู่ .. เยี่ยงยูงผู้สูงส่ง
คล้ายเผยผ่านเงื่อนงำแห่งจำนง
ให้ดำรงร่องรอย .. อยู่คอยที
O นามธรรมแฝงเร้น .. ย่อมเป็นไป-
จากหัวใจถูกกักด้วยศักดิ์ศรี
จะเผยผ่านอาลัย .. เยื่อใยมี-
ก็เกินที่เจตจินต์จะยินยอม
O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน
จึงดั่งเกสรมาลย์ .. รสหวานหอม
สืบผ่านรูปบริบท .. คอย-อดออม-
รอรายล้อมสายใย .. รัดใจคน
O ค่อยถักทอ .. ม้วนปลายจนคล้ายบ่วง
แทนความห่วงใยวางที่กลางหน
งามก็คล้ายหวานหอมที่ยอมตน-
ลงเปลื้องปรนเปรอค่าความอาลัย
O โดยท่าทีซ่อนเร้น .. ความเป็นจริง
คือทุกสิ่งเหมาะควร .. และล้วนใช่-
ล้วนกรอบเกณฑ์ขีดสร้าง .. รอย่างไป-
ตามหัวใจกำกับ .. ปล่อย, ยับยั้ง
O ฟังเถิด .. ถ้อยคำวอน .. เจ้าอ่อนน้อย
ความละห้อย .. อาลัย, ล้วนไหลหลั่ง-
จากอารมณ์ตื่นชู้ .. ยากรู้ฟัง-
ว่าเสียงดังเสียดทรวง .. นั้น-ห่วงใคร ?
O ฟังดูเถิด .. ทุกจังหวะเสียงสะท้อน-
เผลอ -พร่ำวอนโดยถวิล .. แว่วยินไหม ?
เผยความออก .. ว่าหวง .. ว่าห่วงใย-
จากหัวใจร่ำรอ .. เฝ้าทรมา
O จากคลายตัวเคลื่อนไป สายใยนี้
จนแผ่คลี่ .. ม้วนวงที่ตรงหน้า
ก็เหลือเพียงเรียวร่าง .. ก้าวย่างมา-
หยั่งคุณค่าลงวางที่กลางวง
O แววตาแสนรุ่งเรื้อง .. บอกเรื่องราว-
ว่าถึงคราว .. พรหมลิขิตแผ่พิษสง
มองดูเถิดหวานล้ำ .. คล้าย-ดำรง-
อย่างมั่นคง .. ในอกเกินยกย้าย
O สร้อยสุมาลย์ช้อยช่อ .. ร่ำรอหอม-
กำจายล้อมภุมรินเมื่อปีนป่าย
แววตาเอยตื่นตอบ .. เฝ้าลอบชาย-
เหมือนรอผ้ายความเผย .. ออกเย้ยคน
O แววขัดเขินในตา .. น้อมมาให้-
ความอ่อนไหวเวียนประดังอีกครั้งหน
พร้อมอารมณ์อ่อนหวาน .. เผยผ่านปรน-
เปรอ-ใจคนรื่นล้ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O โอ แววตาวาบน้ำ, ความคร่ำครวญ-
ช่วยเกลื่อนส่วนอาดูร .. จนสูญเปล่า
แต่เมื่อความอ่อนไหว .. ของวัยเยาว์-
ค่อยสุมเร้างามรุกไปทุกตอน
O เกสรบนกลีบสุมาลย์ .. เชิดต้านลม
กำจายรสหวานฉม .. แอบลม-อ้อน
ฤๅ-ต่างอกครวญคร่ำ .. ถ้อยคำวอน-
แอบแฝงความอาวรณ์ .. สะท้อนสะท้าน
O นุ่มนวลรูปชาติเชื้อ .. นั้น-เหลืออ้าง
แต่หยั่งร่างลงแล้ว .. สุดแล้วผ่าน-
ไปจากห้วงเจตจินต์, เมื่อวิญญาณ-
สัมผัสคราญ, เสน่หา ฤๅ .. ฝ่าพ้น ?
O กลีบพะยอมนิ่มเนื้อ .. นั้นเหลือนุ่ม
ลมแผ่วรุมไหวระรัว .. ก็กลัวหล่น
รอ - โน้มแนบด่ำดอม .. กรุ่นหอมปรน-
เปรอใจวนว่ายหอม .. เพื่อ-น้อมรับ !
-2-
O แววระยับวามช่วง .. ในดวงเนตร
ค่อยเผยเลศนัยชู้ .. ล้อม จู่ จับ
อิริยารูปนาม .. ย่อมสำทับ
ลงกำกับพรับพริ้ม เพื่อพิมพ์ใจ
O มุขมณีน้ำระยับ .. ย่อมจับจิต-
ผู้เพ่งพิศ-อภิรมย์ฤๅข่มไหว
เห็นแต่เฝ้าจับจ้องหมายมองไป
เสพรูปนามเพ็ญพิไล .. พลอยไขว่คว้า
O เห็นงามก็ว่างามไปตามเห็น
หวัง-ตอบเต้นนัยมีด้วยทีท่า-
ของดวงแก้วเหลื่อมแสงเข้าแยงตา
ที่-ร่ำรอเสน่หาจากตาชาย
O เห็นงามก็ตามว่า .. ดั่งตาสบ
แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
ถวิลแต่คุณค่าอันพร่าพราย
ที่โชนฉายแววมณีเป็นสีเดียว
O ทุกพื้นเหลี่ยมมุมรัตน์ .. จำรัสรอย
เหลื่อมแสงพร้อยพร่างมาให้ตาเหลียว
จำรัสรูปให้เห็น .. ราวเส้นเกลียว-
สายใยแทรกรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้
O ดั่งมณีแทรกวางที่กลางทรวง
เพื่อเป็นบ่วงโอบขวัญ .. แนบฝันใฝ่
เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน-
อุ่นอาลัยเร้ารุม .. คอยสุมลน
O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
แววตาฉายโฉบกันนับพันหน
โอ้ละหนอ .. หวั่นไหว .. และใจคน
จะหลุดพ้นพรากได้เยี่ยงไรฤๅ
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับจิต
หากไม่คิดคว้าไว้จะได้หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว
O เหลื่อมแสงสีพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น
เชื่อมสองจินต์ด้วยระลอก .. นัยหยอก-ยั่ว
มณีเนตรแฝงเร้น .. ค่อยเต้น-รัว-
อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น
O เห็นโชนช่วงดวงวิเชียรที่เวียนว่าย
พร้อมแววฉายเนตรใคร .. หนอ-ไหวสั่น
ดูเถิด .. ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน-
ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักไว้
O อันมณีน้ำระยับงามจับจิต
ฤๅโดยฤทธิ์เทพส่งให้หลงใหล
พามอบสอดแทรกวางถึงกลางใจ
เป็นดวงแก้วส่องพิสัย .. รอ-ไขว่คว้า
O รับรู้คร่ำครวญคะนึง ..
รับรู้ถึงรูปนามเกินข้าม .. ฝ่า
จักยอขวัญดวงมณีด้วยปรีดา
รอคุณค่าคืนมอบ .. มา-ตอบแทน
O รับรู้ความออดอ้อน ..
ด้วยอาวรณ์โอบล้อม .. ดั่งอ้อมแขน-
เอื้อม-ปกป้องไว้เอง .. อย่าเกรงแกลน
อกนี้แสนทะนงอยู่ .. อย่างรู้ตน
O ลมเหนือที่เหน็บหนาว ..
เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน
เถิด-ทุกครั้งยอหอม .. เข้าล้อมลน
ร่วมอุ่นปรนเปรอสาวให้หนาวคลาย
O เจ้าดวงมณีเอย ..
ราวสูรย์เย้ยยั่วแหล่งด้วยแสงฉาย
แววออดอ้อนยั่วย้ำเจ้ารำบาย
เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว !
Create Date : 13 มิถุนายน 2557
Last Update : 11 เมษายน 2566 18:38:16 น.
13 comments
Counter : 3199 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
"O รับรู้ความออดอ้อน ..
ด้วยอาวรณ์โอบล้อม .. ดั่งอ้อมแขน-
เอื้อม-ปกป้องไว้เอง .. อย่าเกรงแกลน
อกนี้แสนทะนงอยู่ .. อย่างรู้ตน"
คำว่า "อย่าเกรงแกลน" นี่ แปลไม่ถูกค่ะ ไม่เข้าใจ..
"O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O นี่ ก็ แปล ไม่เป็นนะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:18:42:47 น.
มินตรา ..
เกรง [เกฺรง] ว. นึกกลัวไปเอง, นึกวิตกไปเอง, เช่น เกรงว่าเขาจะเดือดร้อน
แกลน [แกฺลน] (โบ; กลอน) ก. คร้าม, กลัว, เกรง, เช่น ฤๅแกลนกําลังศร (สรรพสิทธิ์).
ความหมายเดียวกัน คือ แต่ละตัวแยกกันก็มีความหมายในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่จับมาเข้าคู่ แบบเดียวกับ ขาดแคลน
แคลน [แคฺลน] ว. ขัดสน, อัตคัด, มักใช้ประกอบคําอื่น เช่น ขาดแคลน = ทั้งขาดทั้งแคลน หมายความว่า อัตคัด, ขัดสน ดูแคลน = ดูหมิ่น เพราะเห็นเขาขัดสน ดูหมิ่นถิ่นแคลน = ดูถูกว่ามีฐานะตํ่าต้อย.
ส่วน .. พินทุกล
พินทุ น. หยาดเช่นหยาดนํ้า, จุด, จุดที่ใส่ไว้ใต้ตัวอักษร; ลายแต้มสีที่หน้าผากระหว่างคิ้ว; รูปวงเล็ก ๆ; รูปสระ ดังนี้ ?;
กล, กล- [กน, กนละ-] น. การลวงหรือล่อลวงให้หลงหรือให้เข้าใจผิด เพื่อให้ฉงนหรือเสียเปรียบ เช่น เล่ห์กล, เล่ห์เหลี่ยม เช่น กลโกง; เรียกการเล่นที่ลวงตาให้เห็นเป็นจริงว่า เล่นกล; เครื่องกลไก, เครื่องจักร, เครื่องยนต์, เช่น ช่างกล. ว. เช่น, อย่าง, เหมือน, เช่น เหตุผลกลใด; เคลือบแฝง เช่น ถ้าจําเลยให้การเป็นกลความ. (กฎหมาย)
หยาดน้ำเพื่อการลวงให้ภู่ผึ้งบินเข้ามาหา ..
หมายถึงหยาดเรณู ที่มีกลิ่นหอมหวานของ ดอกไม้
คือ สุคนธรส
ความงามของสตรีวัยสาว ปรากฎผ่านรูปลักษณ์และจริตท่วงที เปรียบได้กับ ความงามของดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม
ภู่ผึ้งจึงจำต้องรับบทโดยลูกผู้ชายอกผายไหล่ผึ่งทั้งปวง แต่ไม่ใช่หลงสีสันกลิ่นหอม แต่หลงรูปสวยและจริตงดงาม
เป็นความหมายเดียวกับ คันธาแห่งมาลี
แค่ชื่อกลอน ยังอธิบายได้ยืดยาวปานนี้ .. 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:19:50:22 น.
ดายุ...
"แค่ชื่อกลอน ยังอธิบายได้ยืดยาวปานนี้ .. 55"
นี่ไงคะ ความเป็นอารยะ ของไทย มีหลักฐานอยู่ในภาษา
ทราบไหมว่า นักโบราณคดี และ นักภาษาศาสตร์ (linguist)โลก.. ศึกษาวัฒนธรรมของมนุษยชาติที่เก่าแก่มาจาก รามายณะ และ มหาภารตะ (ศตวรรษ ที่๔ ก่อนคริสตกาล)
คนไทยสมัยก่อนได้นำทั้งสองเรื่อง จาก วัฒนธรรมพราหมณ์ และ ฮินดู ในอินเดียมาให้เราใช้ฝึกอ่านเขียน เรียนรู้ทั้งทางภาษา ปรัชญา และความเชื่อ..
แล้วยังมี การเมืองการปกครองมาเพิ่ม ในเรื่องสามก๊ก จากจีน...
ทำไม..
เพราะสยามเป็นเส้นทางผ่าน(transit)ของการค้าระหว่างยุโรป(เปอร์เซีย) กับ เอเซีย (จีน ญี่ปุ่น)
โอกาสที่ประชาชนจะได้รับภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างประเทศ ที่มาพร้อมกับสินค้า จึงสูงมาก..
แล้วเราก็คัดเลือกสิ่งที่ดีงามไว้
ตอนตั้งรัตนโกสินทร์ใหม่ใหม่ ตำรับตำราที่หายไปในสงครามเราก็ มานั่งคัด นั่งเขียนกันใหม่ ถนอมรักษาไว้
การศึกษาเราเพิ่งจะมาเสียตรงที่ "มหาวิทยาลัยการศึกษา"
เข้ามามีอำนาจบริหารจัดการ ระบบการศึกษา
ประกอบกับ มีการทำ Education Business สอนพิเศษกันจนร่ำรวย..นี่คือที่มาแห่งความเสื่อม..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:23:43:30 น.
สงสัยสดายุ จะ ลาเสาร์อาทิตย์ ไปหา "คันธาแห่งมาลี"
หรือ มี รถฮัมวี่ มารับ...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 15 มิถุนายน 2557 เวลา:18:25:07 น.
มินตรา ..
เมื่อพูดถึงพัฒนาการของชาติ
อีกครั้งที่จำเป็นต้องชี้ให้เห็นความผิดพลาดของนโยบายหรือแนวคิดแบบ อนุรักษ์นิยม+ชาตินิยม บุพกาลบรรพกาล แบบเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ต่อเนื่องเรื่อยมา
จากจำนวนพลเมืองประมาณ 30 ล้านคนในยุคถนอม ประภาส ช่วงเดียวกับที่สิงคโปร์ประกาศตั้งประเทศนับ 1 มาจนบัดนี้ประมาณ 40 ปี กลายเป็น 65 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว .. ยังด้อยพัฒนาไม่รู้จบด้วยค่าแรงขั้นต่ำ
300 บาท ประมาณ 10 US$ ต่อ 8 ชัวโมงทำงาน
(ขณะที่สิงคโปร์ตอนแยกตัวจากมาเลย์เซียมีคน 3ล้าน และบัดนี้น่าจะประมาณ 5-6 ล้าน แต่เต็มไปด้วยคุณภาพของทั้งสถานศึกษา (สิงคโปร์ยู อันดับ 6 ของโลก) รายได้ต่อหัวของพลเมือง ความโปร่งใสของผู้ทรงอำนาจในแผ่นดิน ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตยจ๋า)
เป็นความผิดพลาดจากนโยบายที่ว่าหากมีลูกไม่ถึง 4 คนห้ามทำหมัน ! - สมองน้อยๆ รอยหยักไม่ค่อยมี ช่างคิดออกมาได้
พลเมืองที่มากไปด้วยปริมาณแต่ไร้คุณภาพจึงถูกผลิตออกมามากมาย และผลติดตามมาคือ อาชญากรรม !
ยาเสพติด !
โทษสิ่งใดไม่ได้
ต้องโทษ "ความดีที่ไม่มีจริง" ของผู้มีส่วนจัดการประเทศอย่างยาวนานตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2490 มาจนปัจจุบัน
สายตาสั้นแค่หางอึ่ง แล้วยังกอดรัดอำนาจไว้แน่น ..
หากจีนไม่ทำลายล้างระบบเก่าอันเน่าเฟะต่อเนื่องมาจากยุค ซูสีไทเฮา (จนชาวบ้านอดตายต้องลงสำเภาหนีมาตายเอาดาบหน้าสู่เมืองไทยและดินแดนโดยรอบ) ลงแล้วสถาปนาอำนาจรัฐใหม่เพื่อมวลชนขึ้นมา บัดนี้คงเป็นขี้โรคแห่งเอเชียอยู่เหมือนเดิม ไหนเลยจะพัฒนารวดเร็วจนขนาดเศรษฐกิจกำลังจะแซงหน้าอเมริกา
ปูลิตบูโร ที่ทรงอำนาจมากหากทำเพื่อสังคม ไม่ใช่พวกพ้อง ญาติพี่น้องสายโลหิต แล้ว ย่อมได้รับการยอมรับแม้ว่าจะไม่ได้มาตามวิถีเลือกตั้งแบบตะวันตกก็ตาม
ระบบราชการที่เน่าเฟะ ไร้ประสิทธิภาพ ภายใต้กฎระเบียบของศตวรรษก่อน มันไม่มีความความหวัง
สมัยก่อนหากมินตราไปถอนเงินที่ธนาคาร ต้องเขียนสาระพัดที่ไม่จำเป็น .. พอเอาคนที่คิดเป็นมานั่งพิจารณาก็เลยตัดลงหมดเหลือแค่เซ็นต์ชื่อกับกรอกตัวเลข และแสดงบัตรประชาชน ก็พอ
ทำไมต้องเขียนตัวหนังสือ กำกับตัวเลขจำนวนเงิน ?
คำถามแบบนี้สังคมไทยไม่เคยตั้ง ไม่เคยตอบ
สิ่งไหนมีโอกาสผิดมากกว่ากัน ?
สิ่งไหนอ่านง่าย เข้าใจง่าย มากกว่ากัน ?
เอกชนคือ ธนาคาร เปลี่ยนแล้ว นี่คือการทำให้ดีขึ้นง่ายขึ้นเร็วขึ้น เรียกว่า ปฏิรูป
แต่ .. ราชการยังใช้เลขไทยอยู่เลย
เป็นเลขไทยที่เด็กรุ่นใหม่อ่านไม่ออก ๕๕๕๕
แล้วบอกว่าจะปฏิรูป ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 มิถุนายน 2557 เวลา:18:45:29 น.
ดายุ..
เข้ามาก็รัวใส่เป็นM16 เลย
แต่ดีใจนะคะ ที่รถฮัมวี่ ยังไม่ให้เกียรติมารับถึงบ้าน
เยี่ยงรัฐมนตรีทั้งหลาย
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 15 มิถุนายน 2557 เวลา:19:35:04 น.
ดายุ..
"O อันมณีน้ำระยับงามจับจิต
ฤๅโดยฤทธิ์เทพส่งให้หลงใหล
พามอบสอดแทรกวางถึงกลางใจ
เป็นดวงแก้วส่องพิสัย .. รอ-ไขว่คว้า"
บทนี้ ระยิบระยับวิบวับ ในสายตา ด้วยคุณค่าแห่งความงดงาม...
"ความดี คนเรานี่ดีใด..ดีน้ำใจที่ให้แก่คนทั้งปวง"
หนึ่งในร้อย !
ขอให้ความดีงามมีเพิ่มขึ้นเรื่อยเรื่อยจนความเลวร้ายไม่มี
พื้นที่จะอยู่...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 16 มิถุนายน 2557 เวลา:11:18:17 น.
มินตรา ..
ผมพยายามมองในมุมที่ดีว่า หากหัวหน้า คสช เป็นตัวของตัวของตัวเองมากพอ ..
ไม่จำเป็นต้องไปฟังคนอายุ 93 บ้านสี่เสาที่จะอยู่อีกไม่นานและหลุดจากจอ ทัชสกรีนของสมาร์ชโฟน รวมทั้งสมาร์ชทีวีไปแล้ว 555 .. รวมทั้งพี่ใหญ่เสือตะวันออกอะไรนั่นด้วย .. แต่จัดการปัญหาที่มองเห็นมาตลอดตามวิธีที่จะเป็นผลดีต่อชาติอย่างแท้จริงด้วยตนเอง .. ก็จะชื่นชมยินดีได้เต็มปาก
ผมไม่สนใจประชาธิปไตยที่กินไม่ได้ แต่สนใจวิธีการที่จะทำให้ไทยผ่านพ้นไปสู่ความพัฒนาแล้วแบบที่ ลี กวน ยู จัดการสิงคโปร์ และด้วยความโปร่งใสที่ติด top 10 ของโลก
ประเทศนี้ หากมีอำนาจเด็ดขาดในมือแล้วตั้งใจทำ มันจัดการไม่ยาก .. แค่โละเหลือบ ที่เป็นบอร์ด วิสาหกิจออกทิ้งทุกองค์กร ก็ได้เสียงเชียร์แล้ว เพราะประหยัดเงินแผ่นดินมากมาย
รื้อมันให้หมด และเลิกระบบอุปถัมภ์ พวกด้อยความสามารถกันเสียที
เอาหางมาเป็นหัวเพราะเส้นใหญ่ ชาติไทยมันถึงไปไหนไม่รอด
คนด้อยความสามารถ อย่าพยายามปั้นแต่งขึ้นมา เพราะมันคือการทำลายชาติโดยตรง ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 มิถุนายน 2557 เวลา:21:14:04 น.
ค่ะ สดายุ
บทต่อไปฟังเพลง ทรัพย์ทรวง ของ แจ้ แล้วใช้เนื้อเพลงนั้น ลงเป็นกลอน ดีไหมคะ
"ล้นแดน ท่วมดิน
.มีทรัพย์สินเนืองนอง
.เอาทรัพย์แสน มากอง
.ร้องชวนแลก ร่างเธอ
.ฉันยัง ไม่ยอม
.นำรักน้อมบำเรอ"
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 16 มิถุนายน 2557 เวลา:22:58:16 น.
ดายุ..
หายไปไหน ใครใครเป็นห่วง..
ยิ่งระยะนี้ คนนั้นหาย คนนี้เงียบไป ยิ่งควรจะ แวบเข้ามาให้ชื่นใจบ้าง..
หรือหอบกระเป๋าไปเที่ยว สวีเดน เดนมาร์ค แล้ว
ช่วงนี้ เป็นช่วงท่องเที่ยวด้วย
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 17 มิถุนายน 2557 เวลา:15:04:31 น.
มินตรา ..
อยากไปอยู่มาก สองประเทศที่ว่า ..
อยากอยู่ในประเทศที่มี well organized ผู้คนมีระเบียบ มีความรู้ คุยอะไรก็รู้เรื่อง
เชื่อว่าจะไม่มีภาพตาสีตาสานั่งยองๆยกมือไหว้"ผู้มีบุญท่วมหัว"ผู้มาเยี่ยมตามสองข้างทางให้อุจาดสายตา 555
ผมชอบพวกติดทะเลเหนือ มากกว่า เมดิเตอรเรเนียน
และชอบเมืองหนาว มากกว่าเมืองร้อน
มินตราไปอยู่เยอรมันได้ยังไง
เรียน ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 17 มิถุนายน 2557 เวลา:20:44:28 น.
สดายุ
คนแถบสแกนดิเนเวีย หรือประเทศริมทะเลด้านนั้น รวมทั้งประเทศเยอรมันตอนเหนือ จะใช้ กฎหมายของพวกเดินเรือ ซึ่งเป็นคนละกฎหมายจากพวก ภาคพื้นยุโรป(continent)
ความเป็นระเบียบจึงไม่เหมือนกัน
ชีวิตประเทศเหล่านั้นจะ เรียบง่าย วัฒนธรรมในการ อยู่ การกิน ก็ไม่เคร่งครัด แล้วการขอเป็นพลเมืองก็ง่าย
ความหนาแน่นของประชากร ก็หลวมหลวม นอกจากตามเมืองหลวง
อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะปิดเทอมแล้ว
"สาวน้อย"จากออสเตรเลีย คงจะได้ชวนกันมาเที่ยว
แถบนั้น ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง ชีวิตก็อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
มี ป่า มีเขา อากาศดี ไม่เหมือนในภาคพื้นยุโรป
ดีใจที่ไม่หายไปเฉยเฉย ...
แม้นแต่อาจารย์ เช่นอาจารย์วรเจตน์ซึ่งทำหน้าที่รักษาทฤษฎีทางวิชาการให้ถูกต้อง ก็ยังหาความปลอดภัยในชีวิต ไม่ได้...
จึงห่วงใยนัก เกรงจะมีใครสนใจให้ "กวี "ไปรายงานตัว..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:2:04:47 น.
มินตรา ..
จริงเหรอ ..ว่ากลุ่มสแกนดิเนเวียร์ขอความเป็นพลเมืองง่าย
เห็นแต่ละประเทศพื้นที่กว้างใหญ่กว่าไทย แต่คนไม่ถึง 10 ล้าน .. โดยเฉพาะ สวีเดน นอรเวย์ แบบนั้นน่าอยู่
เพราะเวลารัฐบาลทหารของสวีเดนประกาศให้ดูหนังฟรีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จะได้ไม่แห่กันออกไปแบมือขอเข้า"โปรแกรมกล่อมให้รักชาติ รักแผ่นดิน" จนล้นหลามออกมานอกถนน .. 555
ส่วน สาวน้อย คงยังไปเที่ยวไม่ได้เพราะเทอมแรกเรียนหนักปรับตัวเยอะ ยังไม่มีโอกาสทำงานเก็บเงิน คงรอจนปีสุดท้ายค่อยไปกัน
ไว้จะไปเที่ยวเยอรมันด้วย
ผมมันพวกสาวก"อำนาจนิยม"ต้องไปคารวะปรมาจารย์ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สักหน่อย
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:5:49:09 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
"O รับรู้ความออดอ้อน ..
ด้วยอาวรณ์โอบล้อม .. ดั่งอ้อมแขน-
เอื้อม-ปกป้องไว้เอง .. อย่าเกรงแกลน
อกนี้แสนทะนงอยู่ .. อย่างรู้ตน"
คำว่า "อย่าเกรงแกลน" นี่ แปลไม่ถูกค่ะ ไม่เข้าใจ..
"O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O นี่ ก็ แปล ไม่เป็นนะ