Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
กุมภาพันธ์ 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
9 กุมภาพันธ์ 2557
O คอย .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O คอย .. O
Vari - Valzer di pioggia-7247-DNC
O โหยแผ่วพาทย์พร่ำพร้องทำนองเสียง
ค่อยเรื่อยเรียงอ่อนหวาน .. พลิ้วผ่านหา
อ่อนละมุนรูปพิไล .. วาบไหวมา-
ราวยั่วเย้ยปรารถนา .. ในอารมณ์
O แต่ละช่วงรอบประณีตสังคีตครวญ
บางเสี้ยวส่วนความหลัง .. ที่สั่งสม
ก็ค่อยผุดภาพเผยให้เชยชม
เข้าห้อมห่มแนบชิดทั้งจิตใจ
O งามรูปรอยยิ้มแย้ม .. พวงแก้มปลั่ง
พร้อมแววเนตรคล้ายดั่งเกินหยั่งได้
ย่อมแฝงเร้นความหมายอยู่ภายใน
จึงวาบไหวปริศนาทุกคราครั้ง
O เถิด .. เก็บไว้ให้อยู่ความรู้สึก
ซ่อนไว้ในส่วนลึก .. ให้นึกหวัง-
ว่าความนัยดวงจิตที่ปิดบัง-
จะแว่วเสียงยินดัง .. ให้ฟังความ
O หวงไว้เถิดอารมณ์ .. กดข่มไว้
จงอย่าให้เสพทราบ .. รสวาบหวาม-
จากถ้อยครวญความนัยอยู่ในยาม
ที่คอยลามโลมทั่วเนื้อหัวใจ
O เพื่ออยู่รอรับรู้ .. ความรู้สึก
ด้วยสำนึกเพียงพอ .. ว่ารอไหว
เพื่ออยู่รอให้รู้ .. ว่าผู้ใด-
จะเผยนัยอาวรณ์ .. ขึ้นก่อนกัน
O เพื่อจะรอแนบน้อม .. ความหอมหวาน
ร่วมสืบสานจิตใจ .. ร่วมใฝ่ฝัน
เพื่อรับส่งนัยคำ .. ที่รำพัน-
ผูกเป็นความหมายมั่น .. ลงสัญญา
O เพื่อรองรับหวานละมุน .. อบอุ่นนั้น
ผ่านถึงกันเกื้อหนุนเป็นคุณค่า
เพื่อเปลี่ยนแปรซาบซึ้งลงตรึงตรา-
ในดวงจิตปรารถนา .. เร้าอาวรณ์
O ฝากลมร่ำคำถ้อย .. เรียงร้อยสู่
หวังรับรู้พร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
และเสพรสครวญคร่ำ .. แห่งคำวอน
พาแทรกซ้อนเหนี่ยวนำแนบคำนึง
O ในค่ำคืนแขลออ .. ขึ้นยอแสง
จะกวัดแกว่งดวงจิต .. แต่คิดถึง
ในทุกพากย์พจน์พร่ำ .. พี่รำพึง
จะซ่านซึ้งละห้อยอยู่ไม่รู้เลือน
O ในค่ำดึกลมรื่น .. แห่งคืนหนาว
และเดือนดาวพราวอยู่ .. จะดูเหมือน-
ว่าใจผู้รู้แต่จะแชเชือน
นั้นสุดเคลื่อนคล้อยฝ่า .. แรงอาลัย
O ทั้งสิ้นคือถ้อยคำ .. พี่บำบวง
สู่ทิพสรวงเพื่อว่า .. ขออาศัย-
ฤทธิ์เดชเข้าคุกคาม .. ปวงความนัย-
จากด้านในจิตขวัญ .. ลอบพันธนา
O โสตสดับบทเพลงบรรเลงสู่
เสียงยังอ้อยอิ่งอยู่เหมือนรู้ว่า-
มีใจหนึ่งเสพรส .. แห่งพจนา
อีกใจหนึ่งคอยท่า .. ทั้งราตรี
O เพื่ออ่อนหวานอ่อนไหว .. ที่ใฝ่เฝ้า
จักเร่งเร้าเสน่หา .. รูปราศี-
เติมแต่งใจแหนหวงทุกท่วงที
เยื่อใยมีส่งมอบ .. รับตอบกัน
O รื่นรื่นแรงลมร่ำ .. ในค่ำหนาว
หอบเรื่องราวหวานหอมเข้าล้อมขวัญ
อีกกี่ค่ำคืนหนอ .. เฝ้ารอวัน-
จะร่วมฝันฝากรื่น .. ทุกตื่นตา
O ยังแว่วพาทย์พร่ำพร้องทำนองเสียง
ที่เรื่อยเรียงอ่อนหวาน .. พลิ้วผ่านหา
อ่อนละมุนรูปพิไล .. ผู้ไกลตา-
คล้ายตอบรู้เสน่หา .. กลับมาแล้ว !
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 4 พฤษภาคม 2566 18:16:41 น.
14 comments
Counter : 3222 Pageviews.
Share
Tweet
ดายุ..
"O เพื่ออยู่รอรับรู้ .. ความรู้สึก
ด้วยสำนึกเพียงพอ .. ว่ารอไหว
เพื่ออยู่รอให้รู้ .. ว่าผู้ใด-
จะเผยนัยอาวรณ์ .. ขึ้นก่อนกัน"
โป้ง! 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.8.22.18 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:1:40:23 น.
มินตรา ..
ความอ่อนหวานน่ารักของหญิงสาววัยเยาว์นั้นยากที่จะบรรยายได้ด้วยคำพูด ..
ธรรมชาติบางประการที่ธรรมชาติใส่เอาไว้ในบุคคลิกภาพแห่งเพศ แห่งวัย เป็นองค์ประกอบที่ดัดแปลงเสริมแต่งไม่ได้ และเป็นองค์ประกอบที่ยากต่อต้านรับมือ
การไปดัดแปลงเสริมแต่ง หากเกิดขึ้นจะมองเห็นได้ถึงความไม่เป็นธรรมชาติ จะทำให้เสียคุณสมบัตินั้นไป
"ความไร้เดียงสา" จึงไม่สามารถสร้างใหม่ หรือ ดัดแปลงได้ตลอดกาล
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:9:36:01 น.
สดายุ
"โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานเป็นคนดีมาแต่กำเนิด แต่สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีต่าง ๆ ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไป" เม่งจื๊อ( 372 - 289 ก่อนคริสตกาล )
ฉะนั้น ผู้ใหญ่ที่ยังไม่สูญเสียจิตใจแห่งความเป็นเด็กคือผู้ที่เป็น"ธรรมชาติ"ที่สุด..
ใยเลยจะต้องเสแสร้ง เปลี่ยนแปลงให้เหนื่อยยาก ในเมื่อธรรมชาติให้มาทุกอย่างครบถ้วนอยู่แล้ว..และ"สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีต่างต่าง" ก็มิเคยเข้ามาใกล้กรายเราเลย..
สิ่งแวดล้อม คือความแตกต่าง ระหว่างบุคคลใช่ไหม.
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.8.20.97 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:16:42:31 น.
มินตรา ..
" .. สิ่งแวดล้อม คือความแตกต่าง ระหว่างบุคคลใช่ไหม .. "
คำถามนี้ต้องตอบว่าใช่ และเป็นแก่นแกนของจิตวิญญาณของบุคคลเลยทีเดียว ..
สิ่งแวดล้อมที่ดีงาม คือแบบอย่างให้เด็กประทับไว้ในความคิดและจิตวิญญาณตราบจนโตขึ้น ..
ผมเห็น "คนขาดพ่อ" บางคนไม่มี hero ที่จะดำเนินชีวิตตามอย่าง .. ก็ไปจับเอา "นักเลงในเครื่องแบบ" มาเป็นแบบอย่าง ผลก็คือจิตวิญญาณ"วัยรุ่น"ผู้นั้นผูกพัน นิยมชมชอบไปในทาง "อำนาจนิยม" จนส่งผลขัดขวางพัฒนาการของสังคมมาจนบัดนี้
เช่นเดียวกับสาวน้อยที่มีครอบครัวอบอุ่น - ย่อมไม่เหลวไหลไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆในสังคม
เมื่อเจอสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี จึงสามารถใช้วิจารณญาณจัดการได้เองว่าจะถอยห่าง หรือ เข้าหามัน ..
ผมเชื่อในความเป็นแบบอย่างที่ในบ้าน .. มากกว่าที่โฆษณาชวนเชื่อกันในสังคม กรอกหูกันเช้ายันค่ำพร่ำพรรณนากันน้ำไหลไฟดับ ..
เพราะมองที่"ผลลัพธ์" คือสัจจะเชิงประจักษ์เป็นสำคัญ .. ว่า "บ้านที่ดี" ย่อมอบรม "ลูกที่ดี" ออกสู่สังคม
ลองไปถามแม่ดูว่า จริงไหม ?
55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:8:57:31 น.
สดายุ!
"ลองไปถามแม่ดูว่า จริงไหม ?"
...เลิกรัก!โทษฐานมาล้อเลียนผู้หลักผู้ใหญ่!
"แม่บอกว่า" บางอย่างเป็นหน้าที่ของ"คนที่จะมารับหน้าที่ต่อ.."เพราะมินตราต้องเป็น"ผู้ใหญ่" 555(หลังจาก "เป็นสาวแล้ว")
ตอนนี้ เป็นผู้ใหญ่แล้ว เลยไปถามเม่งจื๊อ Mencius(372-289 ก่อนคริสตกาล)นักปรัชญาจีน สายขงจื๊อConfucius (551479 BC) แทน...
แต่เรื่องของ "คนขาดพ่อ"นี่ ซุนจื๊อ (Hsün Tzu ราวปี 312230 ก่อนคริสตกาล)สายขงจื๊ออีกท่าน บอกว่า
"ตามธรรมชาติแล้วมนุษย์ชั่วร้าย.. ซึ่งเกิดจากอารมณ์มีความต้องการอยากที่จะได้.. เพื่อที่จะขจัดความชั่วร้าย มนุษย์จะต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบแห่งข้อบังคับของสังคม.. ความดีงามและการศึกษาก็มีส่วนช่วยทำให้มนุษย์เป็นคนดีได้เช่นกัน"
แสดงว่า..คนที่ดีโดยธรรมชาตินั้น.อยู่ไปได้ตามธรรมชาติ...
แต่คนที่มี"อารมณ์อยากได้อยากมี"ก็ต้องมีกฏมีกติกาให้อยู่..."ในกรอบแห่งข้อบังคับของสังคม"
.. "บ้านที่ดี" ย่อมอบรม "ลูกที่ดี" ออกสู่สังคม...
ของดายุนี่..เป็นคำสอนของขงจื๊อเชื่อว่าการศึกษาจะสอนให้คน.. ดีได้..
ซึ่งกฎแห่งธรรมชาตินี้ก็ไปตรงกับทฤษฎีของพวกนักปรัชญาชาวกรีกรุ่นก่อนโซคราติส
"Ever-newer waters flow on those who step into the same rivers."(Heraclitus)
ท่านไม่สามารถจะก้าวลงไปในแม่น้ำเดียวกันเป็นครั้งที่สองเพราะแม่น้ำสายอื่นไหลมาสู่ตัวท่าน
สรรพสิ่งล้วนแล้วแต่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่มีสิ่งใดที่หยุดนิ่งตายตัว
"All entities move and nothing remains still"(Heraclitus)
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เดือนนี้มินตราจะ"น่ารัก"สำหรับดายุนะ แต่เดือนหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป"ตามกฎแห่งธรรมชาติ" 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.5.239.1 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:14:17:45 น.
มินตรา
ในความเป็นธรรมชาตินั้น มันมีเรื่อง"สัญชาติญาณของสัตว์" ปะปนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงต้องมี "ศีลธรรม" กำกับอีกที
ไม่อย่างนั้น ผู้เข้มแข็งจะรังแกผู้อ่อนแอ .. เหมือน สิงห์โต ขยุ้มลูกกวางน้อย .. นั่นคือธรรมชาติดั้งเดิม
ทีนี้ในคนเรา เมื่อผู้ชายตบตีผู้หญิง เราจะวางเฉยแบบที่ยืนดูสิงห์โตขย้ำลูกกวางตามสัญชาติญาณไม่ได้
จึงต้องมี "กฎหมาย" ในทางรัฐศาสตร์ นี่สำหรับห้ามและลงโทษ
จึงต้องมี "ศีลธรรม" ในทางธรรมศาสตร์ นี่สำหรับป้องกัน
ดังนั้น คนโดยธรรมชาติ อาจมีทั้งดีและไม่ดี .. ลองนึกถึงหากสังคมไหนไม่มีกฎหมาย จะเป็นอย่างไร
กฎธรรมชาติ มีไว้ให้เข้าใจและเอามาใช้ประโยชน์อันนี้เป็นกฎพื้นฐาน บิดเบือนไม่ได้ เช่น ...
.. ของตกจากที่สูงเพราะแรงโน้มถ่วง
.. การจะต้านแรงโน้มถ่วงให้ได้จึงต้องมีแรงยกตัวดันขึ้น
.. การเคลื่อนที่ของอากาศด้วยความเร็วต่างกัน และด้วยเวลาเท่ากันทำให้เกิดแรงยกตัว
.. จึงกลายเป็นปีกเครื่องบินที่โค้งบนและแบนล่าง เพื่อสร้างระยะทางที่ต่างกัน
กฎเกณฑ์ มีไว้ให้คนอยู่ร่วมกันด้วยดี เป็นเรื่องมนุษย์ประดิษฐ์ เพราะมันไม่ใช่กฎพื้นฐาน จึงบิดเบือนได้ เช่น ..
.. หนึ่งคน หนึ่งเสียง เท่ากัน ..
.. เราพิสูจน์ได้จาก เวลาคนคนหนึ่งถูกทำร้ายจนตาย คนร้ายจะถูกลงโทษโดยกฎหมายเท่ากันไม่ว่า คนตายจะจนหรือรวย จบดอกเตอร์หรือ ป.4 .. ตาสีตาสาหรือ หม่อมเจ้า .. คนร้ายก็โดนข้อหาเดียวเท่านั้นคือ ฆาตกรรม
ถามแม่ดูสิ ว่าจริงไหม ?
555
โดย: สดายุ IP: 171.100.146.55 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:22:25:32 น.
ดายุ..
ตอนนี้มินตราโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องถามแม่ก็ได้นะ..
ทราบค่ะว่า
"กฎธรรมชาติ มีไว้ให้เข้าใจและเอามาใช้ประโยชน์อันนี้เป็นกฎพื้นฐาน "..เพราะนี่คือวิทยาศาสตร์.
ส่วน"กฎเกณฑ์ มีไว้ให้คนอยู่ร่วมกันด้วยดี เป็นเรื่องมนุษย์ประดิษฐ์"
นี่นักปรัชญาทั้งหลายท่านก็ประดิษฐ์กันมาตั้งแต่ เกิดจากการต่อต้านความคิดพราหมณ์ ที่ถือว่า ต้องมีการบูชายัญและมีชนชั้นที่เหนือกว่าคนอื่นเท่านั้นจึงจะมีสิทธิที่จะเรียนหนังสือได้.
ฉะนั้น ศาสนาต่างต่าง..รวมทั้งขงจื๊อที่มีอิทธิพลต่อความคิดของคนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาก จึง ยึดเรื่องธรรมชาติซึ่ง เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และได้วาง"กฎเกณฑ์"ทั้งทางธรรมศาสตร์และรัฐศาสตร์
ในช่วงเวลานั้นไว้..ช่วงที่กำเนิดศาสนาต่างต่างทั่วโลก..
ตอนนี้ เวลานี้ ก็เป็นช่วงที่คลื่นทางความคิดทั่วโลก เด่นชัดขึ้นมาอีกแล้ว...ทุกชนชั้นทุกประเทศเลย
เคลื่อนไหวกันอีกครั้งใหญ่..นะคะ
คอย..
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.5.95.203 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:14:43:01 น.
หลวงพี่สดายุ..
หากท่านจะมัวแต่ไปวันมาฆะ กับ"อ่อนละมุนรูปพิไล .. ผู้ไกลตา-" แล้ว..
สาวแก่แม่หม้ายหรือสาวยังไม่แก่แม่ยังไม่ตายทั้งหลายจะ หากลอนวันวาเลนไทน์ อ่านได้ที่ไหนล่ะ..
สาวเสื้อแดงไปสร้างพระกับ "ป๋าตู่"
ลูกเล็กเด็กแดงไปงานแสดงความรักชาติกับ"ลุงกำนัน"
แล้ว" ในค่ำคืนแขลออ .. ขึ้นยอแสง"
มินตราจะ"จะกวัดแกว่งดวงจิต .. แต่คิดถึง
ในทุกพากย์พจน์พร่ำ .. พี่รำพึง
จะซ่านซึ้งละห้อยอยู่ไม่รู้เลือน" ได้ที่ไหนล่ะ..ฮึ..!.
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.5.91.247 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:17:37:57 น.
ดายุ
มีข่าวว่า"ลุงเหลิม"ส่งตำรวจไปจุดเทียนเวียนวน กับม๊อบกบฎลุงกำนัน ยังมิทันจะครบรอบ เทียนดับ จนต้องเผ่นกลับบ้านกันหมดเพราะเสียงประทัดโต้ตอบและเสียงฟ้าคำรณ..555
นี่ไม่รักกันจริง ไม่มาบอกหรอกนะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 178.5.91.247 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:17:47:01 น.
พันธุกรรมก็น่าจะมีส่วนด้วยนะคะ พี่กาย เพราะลูกกำพร้าบางคน ขาดทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ยังสามารถยืนหยัดได้ด้วยความดี
สบายดีนะคะ แวะเวียนมาอ่านตลอด ถึงจะไม่บ่อยนัก และไม่ได้เข้ามาทักทาย แต่ตัดใจจากบทกลอนแสนไพเราะไม่ได้สักที
โดย: ม่านแพร IP: 27.55.212.150 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:23:38:43 น.
สดายุ..
ต้องแหวนนางสีดา จนปีกหักไปแล้วรึ..จึงเงียบไป นี่
โดย: บุษบามินตรา IP: 82.82.191.34 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:13:13:16 น.
มินตรา ..
พอดีมีเหตุให้ต้องไปกรุงเทพ 3-4 วัน ส่งสาวน้อยไปเรียนที่ Monash U.
The QS World University Rankings by Subject (2013) rates Monash:
sixth in the world for Education
equal seventh in the world (and best in Australia) for
Pharmacy and Pharmacology
13th in the world for Law
18th in the world for Accounting and Finance
19th in the world for Linguistics
21st in the world for Communication and Media Studies
23rd in the world for History
23rd in the world for Geography
25th in the world for Chemical Engineering
26th in the world for Civil and Structural Engineering
26th in the world for Economics and Econometrics
27th in the world for Psychology
29th in the world for Medicine
ตรงสีเขียวนั่นแหละ .. กระเป๋าฉีกกลับมา ! ..
อีกหน่อยจะได้ทำงานกับ Hoechst AG หรือ Bayer AG จะได้ไปอยู่เยอรมันบ้าง .. 55
แต่พูดตามตรงนะ ส่วนตัวผมมองว่า เดนมาร์ก สวีเดน นอรเวย์ น่าอยู่สำหรับผู้หญิงเพราะปลอดภัยที่สุดในโลก
จริงไหม ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:18:39:39 น.
ม่าน
สบายดีนะ ..
งานยุ่งล่ะสิ พี่ไม่ค่อยเห็นเข้ามา
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:18:41:27 น.
สดายุ..
เดนมาร์ก สวีเดน นอรเวย์ประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียนี่..น่าอยู่เพราะเต็มไปด้วยป่าไม้ และสัตว์ป่าเช่น เก้ง กวาง หมูป่า และมีปลาให้เลือกมากมาย..ประชาชนก็ไม่แออัด..คนต่างชาติจึงชอบโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่..เพราะเจ้าของถิ่นก็อยู่แบบเรียบง่าย ไม่จุกจิกเรื่องวัฒนธรรมความเป็นอยู่ เหมือนประเทศในยุโรปบนผืนแผ่นดินใหญ่(continent)
ประชากรก็มีอัธยาศัยแบบนักเดินเรือ..นักผจญภัยคบคนแปลกหน้าได้ง่าย..
แล้วอย่างฟินแลนด์นี่ รายได้รัฐ สูงกว่ารายจ่าย( ในปี2006สินค้าส่งออก61,40 Mrd. ในขณะที่สั่งสินค้าเข้ามาเพียง 55,89 Mrd. . ..)คู่ค้าใหญ่คือเยอรมัน11,3 %,สวีเดน 10,5 % และรัสเซีย10,1 %
มีนักการธนาคารเยอรมัน เพิ่งเล่าให้มิินตราฟังตอนนั่งดื่มแชมเปญเมื่ออาทิตย์ที่แล้วด้วยกันว่า..พลเมืองฟินแลนด์มีเงินเก็บต่อคน หนึ่งล้านยูโร..!(ตามสถิติรายได้เหลือจ่ายของรัฐ)
ในขณะที่บ่นว่า รัฐบาลเยอรมันไปทำระบบเงินช่วยเหลือยุโรปจนหนี้สินรัฐต่อหัวของ ประชาชน2.072 Mrd. Euroนี่นับในวันที่31. Dezember 2012
อเมริกา อังกฤษและออสเตรเลีย มีระบบธุระกิจการศึกษา(education business)"จ่ายครบจบแน่"
สามล้านบาทสามปี จบด๊อกเตอร์(จากปริญญาโทนะ)
ซึ่งเยอรมันจะไม่สนใจเรื่องมีปริญญากี่ใบ แต่หากไม่มีความรู้ติดตัว จะไม่ออกใบปริญญาให้
ฉะนั้น ในระบบเยอรมันจึงไม่เคยสนใจที่จะส่งแบบฟอร์มไปแข่งเพื่อจัดระดับมหาวิทยาลัย..
เพราะการศึกษาของเยอรมันเป็นการเพิ่มคุณภาพประชาชนที่รัฐสนับสนุนให้ฟรี..
แต่ประเทศที่ทำธุระกิจ จะสนใจที่ต้องแย่งอันดับกันเพื่อหาลูกค้า....
หรือที่นับกันว่าฉลาดเพราะคิดเลขเก่งนั้น การเรียนให้รู้พื้นฐานทางทฤษฎีก็พอเพื่อที่จะไปใช้เครื่องคิดเลขให้มานับ มาคำนวน แถมยังตรวจเงินว่าปลอมหรือไม่..ได้ด้วย..มิได้ถือว่าเป็นความฉลาดเหนือผู้อื่น..
แต่ การรู้คุณค่าของความงามทางวรรณกรรม ทางประวัติศาสตร์ นี่เครื่องจักรยังมาทดแทนความ"เป็นคน"มิได้..
คุณค่าเหล่านี้ แม้นจะจ่ายให้ครบ ก็จบมิได้..หากขาดอารมณ์ทางสุนทรีย์
โดย: บุษบามินตรา IP: 82.82.191.34 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:23:49:25 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ดายุ..
"O เพื่ออยู่รอรับรู้ .. ความรู้สึก
ด้วยสำนึกเพียงพอ .. ว่ารอไหว
เพื่ออยู่รอให้รู้ .. ว่าผู้ใด-
จะเผยนัยอาวรณ์ .. ขึ้นก่อนกัน"
โป้ง! 555