Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 

O กลางลมร่ำ .. O








Bella e Leon - If Came The Hour



๑๔
O ชลพินธุรินภวะละหลั่ง
นภะฝั่งก็พร่างไฟ-
ด้วยดาริกาสมะสมัย
รุจิไล้ประโลมหลัว
O ลมรื่นนะฟื้นบทะระลอก
ขณะหมอกก็หม่นมัว
พาดฟ้าวลาหกะสลัว
วตะยั่ว .. ก็เยียบเย็น
O คู่ดาวอะคร้าวรหัสะนัย
ก็ประไพประภาพเพ็ญ
เหลือบชายชม้ายพิศะก็เห็น-
รติเต้นกระจ่างตา


O เกิดแต่เมื่อเดือนฉายที่ปลายช่วง-
ดาวเลื่อนดวงหันเห .. พ้นเวหา
แทนที่ด้วยคำมั่นคำสัญญา-
ขึ้นค้ำฟ้าแทนช่วง .. ของดวงไฟ
O แต่เมื่อสองชาติภพบรรจบรูป
กลางเปลวเทียนควันธูปลอยวูบไหว
ภาพแววตาสั่นรัว .. คล้ายหัวใจ-
ต้องเลศนัยแรงชู้เข้าจู่โจม
O เสียงธรรมพระ .. จะแจ้งสำแดงสอน
เพื่อดับร้อนข่มทุกข์ที่ลุกโหม
ในอกผู้สั่นระทึกเสียงครึกโครม
ฤๅอาจโซรมให้ซบ .. เพียงสบธรรม ?
O คำพระว่า .. ตามองสบต้องรูป
แค่เพียงวูบอาจเผลอ .. ถึงเพ้อพร่ำ
ด้วยรูปการณ์หวานหอม .. ช่วยน้อมนำ-
พาเหยียบย่ำเวทนาแห่งอาวรณ์
O คำพระว่า .. อารมณ์หากข่มไหว
จงข่มไว้ด้วยธรรมท่านย้ำสอน
ตาสบรูป .. ภพชาตินั้นอาจทอน-
ให้ขาดตอนขาดช่วง .. จนล่วงรอย
O เสียงพระเทศน์ยังแว่วไม่แล้วล่วง
เพื่อคอยหน่วงเหนี่ยวโลกพ้นโศกสร้อย
หากแววตาใครหนอเหมือนรอคอย-
เหลือบ .. ชม้อยชม้ายสู่ .. ให้รู้ความ
O เปลวเทียนและควันธูปยังวูบไหว
เมื่ออกใจเสพทราบ .. รสวาบหวาม
รูปพักตร์เอย .. โลมรุกเข้าคุกคาม-
จักข่มข้ามบ่ายเบี่ยงเอาเยี่ยงไร ?
O จนสิ้นเสียงพระเทศน์, แววเนตรนั้น-
จากลอบเหลือบสบกัน .. ค่อยสั่นไหว
คล้ายเลือดซับแก้มก่ำ .. อยู่รำไร
เมื่ออาลัยอาวรณ์ สุดผ่อนลง
O เมื่อนันทิ .. ผลิเล่ห์ในเวทนา
จนอุปาทานขับ .. ขึ้นรับส่ง
สร้าง-ภพชาติเป็นกรรมขึ้นดำรง
แรงจำนงก็เผยแล้วผ่านแววตา
O อธิษฐาน .. เยี่ยงไรหนอใจนั่น
ให้-ผูกพันเฝ้าคอยละห้อยหา ?
หรือ-ชาติใดพานพบเพียงสบตา-
ให้รองรับเสน่หาทุกคราครั้ง ?
O ครั้งนั้น .. คงตั้งจิตอธิษฐาน-
จึงสืบผ่านถ้อยคำด้วยน้ำหลั่ง-
ลงให้พื้นปฐพินทร์ได้ยิน .. ฟัง-
จนรับรู้กำลัง .. ความตั้งใจ
O จึงวันนี้ .. รูปน้อยเหมือนคอยอยู่
คอย-รับรู้ .. รับรองความผ่องใส
ปรากฎขึ้นเทียบค่าความอาลัย-
กับรูปในความฝันจากวันเพรง
O เรียวรูปนิ้วจับของประคองถวาย
ก็คลับคล้ายรูปนิมิตเคยพิศเพ่ง
จันทร์เคยทอแสงปลั่งกลางวังเวง
ก็ยังเปล่งปลั่งงาม .. จนยามนี้
O จันทร์ที่ลอยกลางสรวง .. ยังดวงเดิม
ทั้งรูปเติมแต่งลงยังคงที่
เช่นรูปในแววตา .. กอปรท่าที-
แห่งใยดีอาวรณ์ .. ออดอ้อนนั้น
O จำหลักรูปผ่องแผ้วสู่แววตา
ทั้งรูปหน้า .. รูปนัยน์อันไหวสั่น
ที่เฝ้าคอยวาบสู่ .. ให้รู้ทัน-
การมอบฉันทาชู้ให้ดูแล
O มองดูเถิดแสงพร่างที่กลางสรวง
ดาวใดเล่าอาจช่วงกว่าดวงแข
แม้นลอยห้วงเวหา .. สุดตาแล-
กลับใกล้แค่เนตรพรับ .. ระยับล้อ
O จบสิ้นแล้ว .. ชอกช้ำความกำสรด
แต่เมื่องามเผยบทให้จดจ่อ
จนอาวรณ์ส่งเสียงดังเพียงพอ
ถ้วนสิ้นการร่ำ-รอ .. ย่อมทรมาน
O ยังเป็นยามเดือนฉาย .. ที่ปลายช่วง-
อ้อมแขนหน่วงเหนี่ยวล้อมความหอมหวาน
หมายกักกุมถ้วนสิ้น .. จิตวิญญาณ-
ไปจนชั่วกัปกาล .. เจ้าคราญเอย !




 

Create Date : 31 มีนาคม 2557
13 comments
Last Update : 1 มิถุนายน 2566 18:10:11 น.
Counter : 3164 Pageviews.

 


สดายุ..

"O คู่ดาวอะคร้าวรหัสะนัย
ก็ประไพประภาพเพ็ญ
เหลือบชายชม้ายพิศะก็เห็น-
รติเต้นกระจ่างตา"

ฉันท์น่ะ อ่านทีไร ก็ชอบไปซะทุกที

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 1 เมษายน 2557 3:19:05 น.  

 

มินตรา ..

ฉันท์ เป็นร้อยกรองที่เขียนยาก และคนส่วนใหญ่"กลัว"กัน .. ทั้งๆที่ทุกคำก็เป็นภาษาไทยอยู่ในพจนานุกรมเหมือนกลอน

นี่คือความ"มักง่าย"อย่างหนึ่งในสังคมไทย แปลว่า "ชอบแต่ง่ายๆ" อะไรที่ยากหน่อยก็จะหนี

เด็กรุ่นหนึ่งๆ จึงเลือกเรียน "ฟิสิกซ์" ด้วยความสมัครใจน้อยมาก .. แต่เลือกเรียน "วิทยาการจัดการ" ที่แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ หรือ อะไรก็ได้ มากมายในแต่ละปี

ที่เยอรมัน มีปัญหาภัยแล้งบ้างไหม ?

 

โดย: สดายุ... 1 เมษายน 2557 6:40:03 น.  

 

ดายุ...

ฉันท์นั้น สำหรับผู้มีความรู้จริง.. รู้บาลีสันสกฤต จึงจะเข้าใจ ความ และ คำ

สังคมไทยขยายตัวใน"ชนชั้นกลาง"มาก..ด้วยการศึกษา
คาร์ลมาร์คเคยกล่าวไว้ว่า ชนชั้นกรรมกรชาวนาจะปรับระดับสังคมของตนได้ ก็ด้วยการศึกษา
ฉะนั้น"ปริญญาหนึ่งใบ รถหนึ่งคัน บ้านหนึ่งหลัง" จึงเป็นมาตร ในการวัดสังคมชั้นกลางในปัจจุบัน

ยิ่ง อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลียมีระบบ Education Business "จ่ายครบ จบแน่"
และสังคมใช้เงินเป็นการเดินไปสู่เป้าหมาย จึง สามารถขยายชนชั้นกลางได้เร็วมาก..

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มินตรามีโอกาสประสานงานให้คณาจารย์แพทย์ไทยระดับผู้บริหารมาศึกษาเรื่องการปรับหลักสูตรการแพทย์ให้เข้ากับศตวรรษที่21 ที่ มหาวิทยาลัยแพทย์
ที่แบร์ลีน (Charité - Universitätsmedizin Berlin)
ตอนไปเยือนศูนย์ World Health Summit เห็นโพสเตอร์ของMonash University
มินตราสนใจเลยถามว่าเป็นมหาวิทยาลัยเลิศติดระดับโลกรึ

ผู้อำนวยการศูนย์ท่านตอบว่า มิทราบ แต่ทางออสเตรเลียมาติดต่อขอเข้าร่วมด้วย
ทางเยอรมันเห็นว่ายังไม่มีการทำงานร่วมกับออสเตรเลีย ก็เลยรับไว้ทดลองทำงานดู

เมื่อไปทำเรื่องหลักสูตร โพรเฟสเซอร์ที่ศูนย์หลักสูตร(the Dieter Scheffner Center for Medical Teaching and Educational Research)บอกว่า ทางออสเตรเลียมาเสนอให้รับรองหลักสูตรและแพทย์ที่จบจากที่นั่น แล้วศูนย์หลักสูตรเยอรมันจะมีรายได้มากมาย

ทางเยอรมันตอบว่า คงไม่ขอมีเงิน แต่จะขอเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิทยากรทางการแพทย์อย่างมีศักดิ์และมีศรีไป อย่างจนจน อย่างนี้แหละ...555

อย่างนี้ คนไทยเค้าจะบอกว่า เยอรมันโง่ 555

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 1 เมษายน 2557 11:03:35 น.  

 

มินตรา ..
คงต้องยอมรับว่า ความเป็นเยอรมันนั้น คุณภาพเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ .. โดยเฉพาะทางวิศวกรรมเครื่องกลที่ร่ำเรียนมา (ด้านอื่นไม่ทราบ)

ปัญหาคือภาษา ทำให้ความเป็นเยอรมันไม่กว้างขวางไปทั่วโลกเหมือนอังกฤษที่มี อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ร่วมภาษาเดียวกัน ..

อาจารย์จำนวนมากที่เทคนิคไทย-เยอรมัน (พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในปัจจุบัน) มีความรู้ทางเทคนิคดี พูดเยอรมันได้ .. แต่ไม่มีชื่อเสียงนักในเมืองไทย ที่คนส่วนใหญ่รู้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง

Ranking ระดับโลกของสถาบันการศึกษาจึงไม่ค่อยโด่งดังเท่า อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย หรือ แคนาดา จนพัฒนามาสู่ "ธุรกิจการศึกษา" ในปัจจุบันที่ในออสเตรเลียพวกผิวขาวส่วนใหญ่ไปเรียน art และเอเชียครอบครองเก้าอี้เรียนทาง science ในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก (ดินแดนพูดอังกฤษที่ใกล้ และถูกที่สุด สำหรับเอเชียตะวันออกไกลเช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ใต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลยเซีย ไทย อินเดีย ฯลฯ)

เยอรมันน่ะค่าครองชีพแพงกว่าออสเตรเลียกี่เท่า ..

ตกลงที่เยอรมันมีภัยแล้งไหม ?

 

โดย: สดายุ... 1 เมษายน 2557 12:04:34 น.  

 

กลางลมร่ำ...
โชยความไพเราะ มาในวัน April Fools Day..วันตกกะใจแห่งชาติ
ลมโชย รอ ฝนริน เป่าแล้งกลาย

วันนี้เป็นวันที่มีความสุขค่ะ
เอาความสุขมาเผื่อแผ่
เผื่อว่าจะโชยถึงประเทศไทยด้วย..

 

โดย: 555 5555... IP: 125.24.210.128 1 เมษายน 2557 13:49:40 น.  

 


สดายุ


.. ข่าวจากศูนย์วิจัย ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ( Georisiko-Forschung) ที่มิวนิค เยอรมันนี โดย ผู้อำนวยการ เพเธอร์ เฮิพเพอ( Peter Höppe)...บอกว่า
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ มี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบร้อยปี คือพายุร้อนไซโคลนYasi พัดผ่านชายฝั่ง ควีนส์แลน ด้วยความเร็ว280กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เป็นความเร็ว ที่สูงในระดับ 5 ซึ่งสูงกว่า La Niñaในปีที่นับว่า สูงแล้ว

La Niñaเป็นปรากฎการณ์ทางอากาศ ระหว่างอเมริกาใต้ และอินโดนิเซียซึ่งจะทำให้มีฝนตกมากแถบมหาสมุทรพาซิฟิก โดยเฉพาะ ลุ่มน้ำโขงซึ่งมีความยาว 4350 กิโลเมตร ตั้งแต่ที่ราบสูงธิเบต ไปจนจรดเวียตนามลงทะเลจีนใต้
ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา น้ำในลำโขงลดลงมากผิดปกติ
ทำให้ประชาชนในที่ราบลุมน้ำโขงคือ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียตนามใต้ เดือดร้อนถึง 65 ล้านคนจากความแล้งนี้

ทางใต้ของจีนเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ 21ลำเดินเรือไม่ได้
ปากน้ำเวียตนามใต้ มีผลให้น้ำทะเลแทรกเข้าในที่นาและที่เลี้ยงกุ้ง เสียหายถึง 20 000 Hektarจน
ทางการเวียตนามต้องสร้างเขื่อนยาว110กิโลเมตรกั้นมิให้น้ำทะเลเข้ามา

ในเขตป่าฝนลุ่มน้ำอเมโซน ซึ่งเป็น"ปอดของโลก" ก็แห้งแล้งมาตั้งแต่ ต้นปี2011 บนพื้นที่2,5ล้านตารางกิโลเมตร
นักสิ่งแวดล้อม Marcos Costa มหาวิทยาลัยในบราซิล ร่วมกับนักวิจัยอเมริกาบอกว่า นี่เป็นปรากฎการณ์ในรอบ109ปี ซึ่งจะมีผลให้ป่าดงดิบกลายเป็นทุ่งหญ้า (Grasland และ Savannen ) แปลว่า ป่าดงดิบที่
ทำหน้าที่ลด คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)จะหายไป ยิ่งทำให้โลกร้อนไปอีก

สถาบันวิจัยอากาศของอเมริกา NCAR (National Center for Atmospheric Research)สนใจกับปัญหาความแล้งนี้ มา30ปีแล้ว และรู้ว่า แถบเมดิเตอร์เรเนียน อเมริกา อเมริกากลางและแมกซิโก บราซิล เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน อัฟริกา และออสเตรเลียจะเกิดปัญหาภัยแล้ง...

ท่าน( NCAR)ว่า ยุโรปตอนกลาง หมายถึงเยอรมันด้วย ก็จะมีภัยแล้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2060 น่ะค่ะ

แหม..ตั้งคำถามสั้นสั้นให้มินตราไปหาคำตอบมาจนเหงื่อตก.. เพราะต้องไปหาจากแหล่งวิชาการน่ะ..
เบาเบาหน่อยนะ รักกันก็ถนอมกันบ้าง..ซิ..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 1 เมษายน 2557 15:50:12 น.  

 

5 เจ็ดตัว

April Fools Day วันมุสาวาทแห่งชาติ .. เป็นเรื่องของฝรั่งก็จริง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันทั่วโลก ..

ดังนั้นหากถือเอาคติฝรั่งผมคงต้องพูดว่า ผมเป็นพวกคลั่งเจ้านะครับ .. 55

ความสุขของคนไทยมันมาจากสาเหตุเดียว .. "ความสมหวัง" ส่วนจะหวังอะไรไว้แล้วได้ตามที่หวังมันก้มีแยกย่อยอีกไม่กี่อย่าง
เงิน
เกียรติยศ
อำนาจ
ความรัก
สุขภาพแข็งแรง

ยินดีด้วยครับที่มีความสุข





มินตรา ..
ถามนิดเดียว ตอบซะเยอะแยะ
รายละเอียดเยอะเกินจำเป็น 55

คำถามนั้นเพียงเพื่อจะถามว่า หากมีภัยแล้งเกิดขึ้น ทางเยอรมันแก้ปัญหาอย่างไร .. เขาทำ"ฝนเทียม" กันไหม ?

แค่นี้เอง
ถามแล้วยิ้มด้วยความหวังที่จะได้คำตอบ
อิๆๆ

 

โดย: สดายุ... 1 เมษายน 2557 19:23:04 น.  

 

สดายุ..

เรื่องดินฟ้าอากาศนี่ จะตอบสั้นสั้นได้ไงล่ะ ในเมื่อ "ฝนตกบ้านน้อง ฟ้าไปร้องถึงบ้านพี่" นี่นะ..เกี่ยวพันกันทั้งโลก

เรื่องฝนเทียมน่ะ มีแต่พวกอเมริกันและพวกที่เกิดอเมริกานั่นแหละสนใจ..นักวิชาการยุโรปยังงงว่าทำไมเขตที่มีมรสุมจึงขาดน้ำจนต้องทำฝนเทียม...
ประเทศที่มีหิมะ จะไม่ต้องคอยฝนเพราะ หิมะที่ตกในหน้าหนาวจนทำให้ดินฉ่ำไปเพียงพอที่จะทำการเพาะปลูกได้เลย..
เยอรมันและประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันจะมีระบบเก็บน้ำจากใต้ดิน รวมทั้งน้ำบ่อ น้ำบาดาล แล้วยังมีทะเลสาบอีกLake Constanceไงคะ ติดชายแดนสวิส อิตาลี ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่หมด..
น้ำก๊อกเยอรมันน่ะ ท่านอวดว่าสะอาดกว่าน้ำที่ขายในขวดซะอีก.
"เอาอยู่ค่ะ"(แม่จะห้ามพูดคำเหล่านี้นะ บอกว่าไม่ไพเราะ)....
การบริหารจัดการน้ำดีมากไม่ต้องประหยัดเลย..ว่ากันว่า หากมีการแห้งแล้งเกิดขึ้น ก็จะสูงสุดเพียง10%..ในปี2060

มินตรารู้จักโพเฟสเซอร์เยอรมันท่านหนึ่งที่ไปบริหารจัดการและหาน้ำให้อียิปต์ เป็นโครงการช่วยเหลือระหว่างประเทศ


ทำไมจึงเรียงลำดับความสำคัญเช่นนี้..
เงิน
เกียรติยศ
อำนาจ
ความรัก
สุขภาพแข็งแรง

สุขภาพ กายและใจ มิใช่สิ่งสำคัญที่สุดรึ..
มินตราคนหนึ่งล่ะที่ไม่ชอบนับเงิน..เหนื่อย..
เกียรติยศและอำนาจนี่แหละ ที่ทำให้เหนื่อยและเป็นภาระที่ต้องแบกอยู่ตลอดชีวิต จะวางก็วางมิได้..
คนที่มีน่ะ เหนื่อยหน่ายนะคะ..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 2 เมษายน 2557 1:15:29 น.  

 

มินตรา ..

555 - คำตอบอยู่ที่ย่อหน้าที่สองนี่เอง ..
.. "นักวิชาการยุโรปยังงงว่าทำไมเขตที่มีมรสุมจึงขาดน้ำจนต้องทำฝนเทียม" ..

อะไรที่ "ไม่มีการวิพากย์วิจารณ์ ประมวลประเมิน" โดยผู้รู้อย่างรอบด้าน มันเป็นได้เพียงการโฆษณาชวนเชื่อ

ประเด็นของฝนเทียมคือ ..
1. ต้นทุนที่จะได้น้ำต่อลูกบาศก์เมตรมันแพงมาก
2. ไม่มีความแน่นอนในผลลัพธ์ที่จะได้ แปลว่าการโปรยสารเคมีด้วยเครื่องบินในอากาศเพื่อ "กระตุ้น" เมฆ ไม่มีทางควบคุมได้
3. กระบวนการใดๆที่ ไม่คุ้มค่าทางหลักเศรษฐศาสตร์ หรือขาดความแน่นอน (ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง) ปกติเขาจะไม่ทำกัน

ส่วนเรื่องการจัดการประเทศของรัฐบาลเยอรมันผมไม่มีข้อสงสัย เพราะกว่าจะเกิดโครงการอะไรขึ้นมาเขาต้องมีการศึกษาถกเถียงกันอย่างรอบด้านก่อนอยู่แล้วในสังคมพัฒนาแล้ว คงไม่เอาแต่"เชื่อ" กันตะพึด

มีอีกคำถามหนึ่ง .. สงสัยมาตลอด
ประธานาธิบดีเยอรมันในฐานะประมุขของประเทศเชิงสัญญลักษณ์ มีโครงการพัฒนาประเทศแข่งกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Angela Dorothea Merkel บ้างไหม ?

 

โดย: สดายุ... 2 เมษายน 2557 6:47:10 น.  

 


" .. ทำไมจึงเรียงลำดับความสำคัญเช่นนี้..
เงิน
เกียรติยศ
อำนาจ
ความรัก
สุขภาพแข็งแรง ... "

เพราะ .. ปราศจากพฤติแห่งจิตของพวก"โลกสวย" ทั้งหลาย จึงมองเห็นโลกแวกล้อมตามความเป็นจริงดังนี้


เงิน - ทำให้คนมีเกียรติ โดยเฉพาะในสังคมไทย ทำให้มีคนสมัครใจเป็นข้าทาสบริวาร ยอมรับใช้ ถึงกับยอมตายแทน และหากเกียรติคือตำแหน่ง ยศ สายสะพาย ที่ได้จากการ"บริจาคปัจจัย"

เงิน - ทำให้มีอำนาจ โดยเฉพาะในสังคมไทยที่วิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งกันได้ .. เงินสร้าง"อำนาจการซื้อ"ที่เป็นอำนาจที่สำคัญยิ่งในสากลจักรวาล

เงิน - ทำให้ความรักวิ่งเข้าหา ทำให้ลูกเจ้าพ่อยาเสพติดมีนางเอกแย่งกันเป็นเมียออกนอกหน้า ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่ได้จูงสายตาแต่อย่างใด

เงิน - ทำให้สุขภาพดี ทำให้คนแก่ที่ร่างกายทรุดโทรมหมดสมรรถภาพ ได้มีชีวิตยืนยาวได้ด้วยการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อผ่านเนื้อเยื่อตัวอ่อนที่เรียกว่า "สเตมเซลล์" แม้ว่าอาจต้องใช้ทารกนับร้อยที่สังคมไม่ต้องการจากบรรดา " teen mom" ใจแตกทั้งหลาย กอปรกับแพทย์ไร้จรรยาบรรณในวิชาชีพแห่งอุษาคเณย์ ประกอบกรรมบทนี้ร่วมกัน


เพียงแต่ในสังคมอุษาคเณย์อันไม่กอปรด้วยปัญญา มักมองไม่เห็นเรื่องราวตามความเป็นจริง .. จึงมองไม่เห็นข้อมูลแบบนี้ ..

จาก"กองทุนการเงินระหว่างประเทศ - IMF" รายได้ต่อหัวของประชาชนต่อปี

International Monetary Fund (2013)

8 Singapore 52,918 US$ = 1,693,376 บาท
18 Germany 43,952 US$ = 1,406,464 บาท
21 Brunei 40,804 US$ = 1,305,728 บาท
23 Japan 39,321 US$ = 1,258,272 บาท
24 United Kingdom 39,049 US$ = 1,249,568 บาท
25 Hong Kong 38,605 US$ = 1,235,360 บาท
38 Taiwan 20,706 US$ = 662,592 บาท
66 Malaysia 10,429 US$ = 333,728 บาท
85 China 6,569 US$ = 210,208 บาท
90 Thailand 5,879 US$ = 188,128 บาท
141 India 1,414 US$ = 45,248 บาท

จากทั้งหมด 182 ประเทศ .. เราอยู่กลางๆคาบเส้น หากเป็นเกรดก็ C- เกือบ D อยู่รอมร่อ หลังจากการปกครองภายใต้ระบบ "ศักดินา-เสนา-อมาตยา-ตุลาการ" มาตั้งแต่การแยกตัวของสิงคโปร์ออกจากมาเลย์เซีย ..

ปีที่นับ 1 ของสิงคโปร์ น่าจะถูกต้องที่สุด แปลว่าจากบัดนั้นมาบัดนี้ โดยการจัดการของ ลี กวน ยู - ทำได้อย่างไร ?

(ส่วนความมั่งคั่งของประมุขประเทศลองไปอ่านในลิ้งค์นี้ดู .. ช่างน่าชื่นใจนัก - ยิ้ม .. //thairedmy.blogspot.com/2010/04/blog-post_6119.html)

มี 4 ข้อสังเกตุหลัก ..

1. จีน กับ อินเดีย ประมาณว่าประชากรพอๆกัน .. รายได้ต่างกันประมาณ 5 เท่าตัว ..
.. การจัดการสังคมที่มีคนเป็นพันล้านมันยาก ซับซ้อน ..
เผด็จการคอมมิวนิสต์ ทำได้ดีกว่า เสรีประชาธิปไตย จากระบบการศึกษาเชิงสังคมนิยมสร้าง power of unity ได้ดีกว่าแบบตัวใครตัวมันแบบเสรีนิยมของอินเดีย
.. ลักษณะทางชาติพันธุ์ที่ขยันขันแข็งกว่า
.. ความคร่ำครึของลัทธิความเชื่ออันไร้เหตุผลเป็นตัวฉุดรั้งพัฒนาการทางสังคม

2. ในความเป็นชาติพันธุ์จีน .. การย่อยลงเป็นประเทศเล็กขนาด 10-20 ล้านคน ย่อมทำให้จัดการประเทศได้ดีกว่า มีประสิทธิภาพกว่า

จึงเห็นระดับรายได้ของคน ใต้หวัน ฮ่องกง เหนือกว่าฝรั่งหลายประเทศ - และเช่นเดียวกับกรณี มาเลเซีย-สิงคโปร์ ที่หลังจากแยกประเทศออกมาเมื่อ พศ. 2508 แล้วจนบัดนี้คือ 50 ปี สิงคโปร์ขึ้น top 10 ของโลก .. ขณะที่
.. สัดส่วนทางชาติพันธุ์ของมาเลย์ คือ มาเลย์ 60 : จีน 40
.. สัดส่วนทางชาติพันะของสิงคโปร์คือ จีน 80 : มาเลย์ 15 : อินเดีย 5

.
.

 

โดย: สดายุ... 2 เมษายน 2557 10:34:32 น.  

 

สดายุ..

ไม่ค่ะ ประธานาธิบดีเยอรมัน "ต้อง"นิ่ง..จะลงมา"คลุกฝุ่น"ไม่ได้..
มิใช่ เจมส์บอนนี่คะ จะได้มาเต้นงิ้ว แล้วปัดฝุ่น ดึงเนคไท ปัดสูทให้ดูงามได้ อีก...

เคยมีประธานาธิบดีก่อนหน้าท่านปัจจุบัน มีเรื่องไม่เหมาะไม่งามทั้งสามีและภรรยา ก็อยู่ในตำแหน่งเพียงสามเดือน..มีการ"ขอร้อง"ให้ลงจากตำแหน่ง..เมื่อไม่ยอมก็มีขบวนการทางกฎหมายอีกสามเดือน..จึงอยู่ในตำแห หกเดือน..กรณีเช่นนี้ เพิ่งมีครั้งแรกในประวัติศาสตร์เยอรมัน..

เรื่องจีนและอินเดีย คงเหมือนยุโรปสมัยกลาง คือมีHoly Roman Empire(ศตวรรษที่5-15)เพียงหนึ่งเดียว ยิ่งใหญ่มากจนปกครองลำบาก จึงต้องยอมลดลงเป็น ประเทศเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน..เช่นในปัจจุบันนี้

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 2 เมษายน 2557 13:48:56 น.  

 

ดายุ..

กำลังดูละครสายโลหิต แล้วแวะไปอ่านเฟสบุ๊คคุณจักรภพ เห็นศาลจะสั่งปลดคุณยิ่งลักษณ์ กรณีสั่งย้ายข้าราชการ นายถวิล...

นี่พระเจ้าเอกทัศน์ ท่านวางแผนจะให้ชาติมลาย อีกแล้ว รึนี่...!

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 2 เมษายน 2557 13:59:16 น.  

 

มินตรา ..
ที่ที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงเพราะประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ .. ผู้นำต้องอยู่ในกรอบ .. ออกมาเพ่นพ่านนอกพื้นที่ไม่ได้ .. ในสังคมหน้าบางแบบฝรั่ง มันเป็นเรื่องน่าอาย ..

แต่สังคมไทยมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไป ..
ประชาชนถูกทำให้เข้าใจว่าเป็นเพียงผู้อาศัยแผ่นดินอยู่ .. ประมาณ ทาสติดที่ดิน

จึงมีแต่การ"ขอร้องด้วยวาจาแข็งกร้าว" ให้ไสหัวไปซะ .. นึกภาพคน 60 ล้านเดินเรียงแถวออกจากแผ่นดินเกิดไปตายเอาดาบหน้า (ถ้าอยากเป็นไทแก่ตน) ออกไหม 55

มินตราลองเล่าเรื่องที่กำลังเกิดในเมืองไทยให้คนเยอรมันรอบตัวฟังสิ .. แล้วถ่ายรูปสีหน้าคนฟังมาให้ดูหน่อย ..

สัก 10 คน .. ผมอยากรู้จริงๆว่าเขาจะทึ่ง - ตื่นเต้นกับภาพในมโนสำนึก ที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนได้แค่ไหน - 555

 

โดย: สดายุ... 2 เมษายน 2557 15:08:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.