Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มีนาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
29 มีนาคม 2557
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
Sergey Grischuk - Rain..Rain (Instrumental)
O เม็ดฝนร่วงหล่นหลั่งจากฝั่งฟ้า
พร้อมกับวาโยหวนคร่ำครวญเสียง
เหล่าพุ่มพฤกษ์บ่ายเบนต้นเอนเอียง
ก้านกิ่งเหวี่ยงวาดลม .. ที่โหมฮือ
O วิชชุแล่นเริงร่าย .. ล้อสายฝน
เม็ดน้ำหล่นปลิดปลิว .. เสียงหวิวหวือ
ก่อนขอบฟ้าเลื่อนลั่นเสียงบันลือ
กระหึ่มหือโหมเชื้อ .. ไฟเรื่อรอง
O เห็นแววตา .. อบอุ่นกลางฝุ่นฝน
เหลือบชำเลืองปลิดป่นความหม่นหมอง
พร้อมช่อน้ำฝนพรำ, ท่วงทำนอง-
ความสอดคล้องสองใจ .. ก็ไหวตัว
O งดงามวิชชุว่ายเวียนฝ่ายฟ้า
พร้อมสายตาชม้ายออก .. แววหยอกยั่ว
งดงามความแจ่มจ้า .. กลางพร่ามัว
นั้น-งามทั่วแหล่งที่ .. ทุกลีลา
O แววแห่งความปรารถนาในตานั้น
แต่คอยคั้นอบอุ่นและคุณค่า-
ให้แต่คอยรอบล้อม .. อยู่พร้อมภา-
วะออดอ้อนเสน่หา .. ทุกท่าที
O งดงามปวงช่อน้ำ .. กลางต่ำใต้
ร่วงหยดไว้หยาดรินทุกถิ่นที่
งดงามความอาวรณ์ .. ออดอ้อนมี
ฤๅอาจลี้หลบไหว .. หนอใจคน
O หล่นลงแล้วรุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า
ต่อสายตาโชนช่วง .. เมื่อห้วงหน-
นั้นเลื่อนลั่นครั่นครื้นด้วยคลื่นบน
เมื่อใจอลวนแล้ว .. ด้วยแววตา
O งดงามความสัมพันธ์ .. แห่งวันนี้
ฤๅ-อาจมีความเปรียบมาเทียบค่า
แต่เมื่อความเอียงอายนั้นชายมา-
ก็ล่มสิ้นเหว่ว้า .. ในตาคน
O โอ แววตาตื่นชู้ เหมือนอยู่รอ-
งดงามช่วงความลออ .. เม็ดช่อฝน
เพื่อเปรียบรูปแวววาม .. ที่งามจน-
พาใจอลเวงชู้ .. ให้รู้แวว
O งดงามความสัมพันธ์ .. ในวันผ่าน
จึงหอมหวานอารมณ์ .. ดั่งลมแผ่ว-
พลิ้วผ่านลูบโลมทรวงทุกช่วงแนว
ยังผ่องแผ้วลามล่วง .. ทุกห้วงลม
O ออดอ้อนความแหนหวงผ่านท่วงที-
ของใยดีหลอมหลั่งลงสั่งสม
งามรูปเยาว์สุมนัสใต้หัตถ์พรหม
ฤๅอาจล่มล้างถวิล .. ได้สิ้นรอย
O โอ งามเมื่อรุมลามลงล่ามขวัญ
สองปลายพันผูกเงื่อน .. ยากเลื่อนถอย
โอ นั่นแววตากระพริบ .. ดูปริบปรอย-
เหลือบชม้อยลอยยั่วทุกชั่วยาม
O วิชชุยังเฟื้อยเต้น .. พาดเส้นสาย
พร้อมแววฉายช่วงโชน .. ผาดโผนข้าม-
มืดมัวคาบฝุ่นฝน .. ไหลหล่นลาม
คล้าย-วาบหวามโชนช่วง .. จากห้วงใจ
O เห็นแววตาอ่อนละมุนกลางฝุ่นฝน
แฝงรอยหวานเปื้อนปน..วาบ-วนให้-
รับรู้..ความอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย-
เผยแววไว้สำหรับให้รับรอง
O วิชชุคงเฟื้อยเส้น .. อยู่เช่นนั้น
พร้อมคลื่นเสียงแห่งสวรรค์ .. เลื่อนลั่นก้อง
แววในตาตอบรับการจับจอง-
ก็เคลื่อนเข้าครอบครอง .. ทุกห้องใจ
O งดงามความผูกพันแห่งวันนี้
โดยหัตถ์พรหมขีดชี้ .. ยากหนีได้
งดงามความรุมเร้าแห่งเยาว์วัย-
ก็รายล้อมชิดใกล้ .. อยู่ในวัน
O หรือคมคำบำบวงต่อสรวงฟ้า
จักช่วงภาวะพร้อมเข้าล้อมขวัญ
จึงเผยรูปคราญละม่อมลงล้อมกัน-
ด้วยรอบฉันทาชู้ .. เข้าจู่โจม
O เม็ดฝนร่วงหล่นหลั่งจากฝั่งฟ้า
เมื่อแววตาจบจูบด้วยรูปโฉม
เสียงรื่นรมย์เหิมฮึก .. นั้น-ครึกโครม-
กลางคลื่นโสมนัสช่วง .. บนห้วงใจ
O คร่ำครวญความออดอ้อน .. เจ้าอ่อนน้อย
แววปริบปรอยตานั้น-เมื่อสั่นไหว-
ก็วาบหวามลามล่วงถึงทรวงใน
แต่งอาลัยวามช่วงที่ดวงตา
O คร่ำครวญความออดอ้อน .. เจ้าอ่อนเอย
ความ คำ เอ่ยเอื้อนออกเพื่อบอกว่า-
อุ่นอ้อมกอด, รูปคราญ, รสมารยา
รอผ่านค่าหวานหอม .. อยู่พร้อมแล้ว !
Create Date : 29 มีนาคม 2557
Last Update : 21 มิถุนายน 2566 5:32:59 น.
9 comments
Counter : 3232 Pageviews.
Share
Tweet
เพราะมากค่ะ
โดย:
เวียงแว่นฟ้า
วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:0:23:14 น.
สดายุ..
"O คร่ำครวญความออดอ้อน .. เจ้าอ่อนเอย
ความ คำ เอ่ยเอื้อนออกเพื่อบอกว่า-
อุ่นอ้อมกอด, รูปคราญ, รสมารยา
รอผ่านค่าหวานหอม .. อยู่พร้อมแล้ว !"
"รอผ่านค่าหวานหอม .. อยู่พร้อมแล้ว !" นี่เจ้าของโรงน้ำตาล!..เพราะ"หวานหอม"
หากเป็น "หวานเย็น" สดายุ น่าจะเป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งแน่เชียว..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:2:14:02 น.
สวัสดีครับ
เวียงแว่นฟ้า .. ยินดีที่แวะมาทักทายนะครับ
มินตรา ..
สตรีในวัยสาวจึงเป็นความหวานหอมอย่างแท้จริงของโลก
.. ทั้งโดยรูป (กาย)
.. ทั้งโดยนาม (บุคคลิกภาพทางอารมณ์)
ไม่ว่าจะชาติไหน .. จะเป็นเหมือนกันหมด ..
ที่หากเอามาพล๊อตกราฟแล้วจะเห็นการขึ้นลงที่โลดโผนโจนทะยานยิ่งกว่าหุ้นในคาบยามกระทิงคึกคะนองเป็นไหนๆ ..
แค่เห็นหน้าผากเนียนๆ ก็เขียนนารีปราโมชได้เป็นบทๆ แล้ว ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:11:23:19 น.
สดายุ..
"O โอ งามเมื่อรุมลามลงล่ามขวัญ
สองปลายพันผูกเงื่อน .. ยากเลื่อนถอย
โอ นั่นแววตากระพริบ .. ดูปริบปรอย-
เหลือบชม้อยลอยยั่วทุกชั่วยาม"
เห็นทีจะมิใช่เพียง"หน้าผากเนียนเนียน" แต่เพียงอย่างเดียว ผมสีทองตาสีฟ้าด้วยละกระมัง
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:12:57:17 น.
มินตรา ..
เคยคิดเล่นๆว่า หากสาวน้อยสวีดิชผมทองตาสีฟ้าผิวขาวผ่อง ใส่บุคคลิกแบบแม่หญิงดาวเรืองในเรื่องสายโลหิตลงไป .. จะน่าดูขนาดไหน ?
ที่คนส่วนใหญ่เห็นกันว่างาม ..
.. เปลือกตาสองชั้นภายในกรอบตาลึก
.. จมูกโด่งเป็นสัน
.. ริมฝีปากบางเป็นรูปกระจับ (ไม่หนา ย้อย เปิดอ้าอยู่ตลอดเวลา)
.. ผิวขาวเนียนสะอาดตา (ฝ่ามือ ฝ่าเท้ายังสีชมพูเลย)
.. ร่างสูงเพรียว
.. บุคคลิกที่เป็นตัวของตัวเอง กระฉับกระเฉง ไม่ดัดจริตปรุงแต่งกิริยาท่าที
ทั้งหมด ทำไม มอบลงไว้ให้ฝรั่งยุโรปเหนือทั้งสิ้น .. ?
นี่ยังไม่นับ ..
.. มาตรฐานชีวิต
.. การคิดค้นนวัตกรรม
.. ความเป็นระเบียบสะอาดของบ้านเมือง
.. ความเคร่งครัดต่อกฎหมาย
.. ความปราศจากอภิสิทธิ์ชน
.. พ่อแม่ไม่ต้องคอยชี้นำว่าควรเรียนอะไร หรือควรแต่งงานกับลูกชายบ้านไหน
หรือเรียกรวมๆได้ว่า ความศิวิไลซ์
นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ .. เมื่อเทียบกับ อุษาคเณย์
จริงไหม ?
หู ตา ก็ไม่ต้องประสบความยุ่งยากจนหัวคิ้วต้องขมวดเหมือนผูกโบว์ช่วงดูรายการทีวีตอน 2 ทุ่มที่ซ้ำซาก แสนเบื่อหน่าย ไม่จบไม่สิ้น .. ที่คาดว่ามีมาตั้งแต่เกิด big bang และเข้าใจว่าจะมีไปจนโลกโคจรใกล้หลุมดำเข้าไปทุกที
จริงไหม มินตรา ..
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:14:18:01 น.
สดายุ..
ราชวงศ์แบร์นาดอท(Bernadotte)ของสวีเดนน่ะผมไม่ทองตาไม่ฟ้าหรอกนะคะ เพราะเป็นราชวงศ์เชื้อสายทางเยอรมัน
ราชสกุล ชเลสวิค-โฮลชไตน์-ก๊อดทอฟ(Schleswig-Holstein-Gottorfดินแดนชายฝั่งทะเลด้านเหนือของเยอรมันไปรับนายพลฝรั่งเศสของนโปเลียนมาเป็นลูกบุญธรรมสืบสกุล แล้วส่งไปปกครองทางเขตรัสเซีย..
อีกส่วนหนึ่งยังอยู่ที่เกาะ ไมเนา(Mainau)บนทะเลสาบคอนชตันส์ (Lake Constance)ชายแดนเยอรมัน สวิส อิตาลี
ผมทองตาสีฟ้าจะเป็นชาวพื้นเมืองเหมือนคนังในเรื่องเงาะป่าคือเป็นชนในพื้นที่..มิใช่ที่ชาวยุโรป ถือว่าเป็นลักษณะเด่น..ยิ่งสตรีผมทองนี่..ผมแดงนี่..เคยมีการไม่ยกย่องกันมาก่อน..
จะไปดูว่าแม่หญิงดาวเรืองน่ะบุคคลิกอย่างไร เลยไปสะดุดที่เพลง
"ข้าคือชายชาญ ชาติทหาร
วิญญาณ แห่งนักรบไทย
ศึกนี้ หรือศึกไหน
หัวใจไม่เคยหวั่นเกรง
และความรักข้า ก็คือ
ดวงใจ เจ้าดวงนี้เอง
ใครหาญ มาข่มเหง
ข้าเอง จะหยุดมัน"
ต้องขออนุญาตไปดูละครเรื่องนี้ก่อน มิฉะนั้นจะตอบไม่ได้..
เพียงฟังเพลงก็นึกถึงภาพนักรบไทยแบบคุณจักรภพ..แล้ว...
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:15:09:52 น.
มินตรา ..
ไปหาดูเวอร์ชั่น ศรราม VS สุวนันท์ .. น่าจะดีที่สุด
เขาทำละคอนมาหลายครั้ง
โดย:
สดายุ...
วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:19:57:53 น.
สดายุ..
ตอนนี้กำลังดูละครสายโลหิตอยู่..
ทราบใช่ไหม..มินตราอ่านกลอน หรือดูละครก็จะเข้าถึงเนื้อหาลึกซึ้งมากเพราะชอบตั้งตัวเข้าบทนางเอก ประจำ..
เพียงแต่ แม่หญิงดาวเรื่อง สามตอนแรกนี่ มิ เยาว์วัยไปหน่อยรึ..
มินตราเคยมีนะ กระบุงตระกร้า หาบ จักสานแบบนี้...น่าเอ็นดูดี..ตอนเล็กเล็กแม่ซื้อจากบางกอกมาให้เล่นประจำ..เวลาแม่ไปประชุม หรืออบรมที่กรุงเทพ..
กำลังติดใจความสามารถจักสานของ ขุนไกร ทีเดียว..
กำลังตรองอยู่ว่าจะเลิกรักจักรภพเปลี่ยนมาเป็นรักขุนไกร ดีไหม..555
ติดอยู่ก็แต่ว่า คุณจักรภพ ไหล่กว้างกว่าอกขุนไกรน่ะซิ..แถมยังฉลาดกว่าเพราะเป็นนักวิชาการ..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.34 วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:13:02:44 น.
มินตรา ..
พูดตามตรงนะ ผมลองตาม จักรภพ มาหลาย feed ทาง fb แต่ข้อเขียนแกออกจะเป็นหลักการมากกว่าหลักปฏิบัติและเป็นข้อเขียนที่อ่านแล้วน่าเบื่อหน่าย ไม่เร้าใจ ไม่จูงใจผู้อ่าน เมื่อเทียบกับคุณ Pipob Udomittipong หรือ สศจ
จึงมักจะเฉยๆ หลังจากอ่าน คือมักเขียนในสิ่งที่รู้ๆกันอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ค่อยมีอะไรใหม่
สายโลหิต เขียนโดย โสภาค สุวรรณ
เป็นนักเขียนอีกคนที่ติดลีลา "นางเอกเก็บกด" มาจากทมยันตี ซึ่งจะต่างกับ พนมเทียน มาก .. พอดีผมชอบแนวที่นางเอกเป็นฝ่ายบุกมากกว่า เพราะในโลกความเป็นจริงมักเห็นแต่อย่างนั้น .. 55
(ไม่เชื่อดูกริยาหน้าเวทีคอนเสร์ตดูว่าที่ กรี๊ดกันหูแทบระเบิดน่ะ หญิงหรือชาย .. ?)
เพียงแต่ โสภาค เขียนเรื่องราวต่อเนื่องละเมียดละไม ดี
เรื่องนี้พระเอกเห็นนางเอกมาแต่เด็ก จึงเปิดเรื่องช่วงวัยเด็กของนางเอก .. (เวอรชั่น ศรราม เด็กนั่นน่าจะเป็น หยาดทิพย์ ราชปาล นะถ้าจำไม่ผิด) พอดีว่าผู้ชายอายุไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่ผู้หญิงนี่จะเป็นปัญหามากมาย 55
ขุนไกร มีบุคคลิกของ family man นะ การจักสานได้เป็นเรื่องปกติของชายสมัยโบราณ เหมือนการทำกับข้าวของหญิง เพระสมัยนั้นไม่มีงานพลาสติก หรือ โลหะอลูมิเนียมขาย จึงใช้ภาชนะจักสานเป็นส่วนใหญ่
ลองนึกถึงภาพชะลอมตาถี่แล้วยาด้วยชันยาเรือ ก็จะเป็นเหมือนถังน้ำของยุคนี้
เรื่องนี้บทตัวย่าของดาวเรืองค่อนข้างโดดเด่น .. เป็น hero ให้หลานสาวดำเนินรอยตาม
โดย:
สดายุ...
วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:15:54:21 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.