Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
เมษายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
3 เมษายน 2557
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้
1.
O เยี่ยงดาว .. แสงกระพริบอยู่ลิบพู้น
เรื้องจำรูญรุมเร้าจนเข้าสาง
เผยช่วงแสนงดงามในท่ามกลาง-
เวิ้งฟ้ากว้างรองรับ .. ความวับวาว
O รุ่งเรื้องเริงผกาย .. รำบายสู่
ให้โลกรู้รอบพิมลกลางหนหาว
เช่นน้ำใจหนุนเนื่องต่อเรื่องราว
ย่อมคู่ควรคำกล่าวทุกคราวไป
O งามผกายดาวเรื่อ .. อยู่เหนือฟ้า
ฤๅเท่างามเบื้องหน้า .. เมื่อปราศรัย
เพียงจะหลอมโลกต่ำด้วยน้ำใจ
หนุนส่งให้คุณค่า .. แนบปรารมภ์
O ระยิบเอย .. แววตาใต้ฟ้าต่ำ
คอยแต่น้ำใจหลั่ง .. เข้าสั่งสม
เพื่อเสพแสงเรื้องสล้างที่พร่างพรม-
ลงห้อมห่มจิตไว้ .. ด้วยไมตรี
O ค่ำคืนฝันยาวนาน .. แห่งกาลก่อน
เหมือนกลับย้อนแจ่มจ้า .. ด้วยราศี-
รูปนามผู้-เร้าถวิลให้ยินดี-
ต่อความ .. มี .. เป็น .. อยู่ .. อันคู่ควร
O เปล่งผกาย .. สำหรับให้นับเนื่อง
ก่อนรุ่งเรื้องดวงตะวันจะทันหวน
แว่วคล้ายเสียงนกค่ำ .. นั้นคร่ำครวญ
เมื่อคล้ายส่วนเสี้ยวใจ .. เริ่มไหวตัว
O ในคาบยามรัตติภพ .. พระลบล้อม
คล้ายเพียบพร้อมแสงระยับ .. พริ้มพรับ-ยั่ว
เมื่องดงามปลาบปน .. ด้วยหม่นมัว
งามถ้วนทั่ว .. ก็ผุดเผยให้เงยมอง
O สู่คาบยามรัตติภพ .. คำรบนี้
เช่นลมวีวาดโบก .. โลมโลกผอง
อำรุงรื่นรมย์สรรพ .. ให้จับจอง-
ความผุดผ่องเบื้องหน้า .. ต่อตาชาย
O จนดาว .. ลอยดวงในทรวงหนึ่ง
เนตรหวานซึ้งวับวามด้วยความหมาย
แผ่วผ่านด้วยศัพท์เสียงความเอียงอาย-
ค่อย-รำบายให้สดับ .. รู้-รับรอง
O ดูเถิด .. ดาวโรจน์เรื้อง ที่เบื้องหน้า-
งาม, แจ่มจ้า .. สำทับให้จับจ้อง
ชั่วพริ้มพรับรับตอบ .. ก็ครอบครอง-
ใจทุกห้อง, เสน่หา-ท่วมตาชาย !
2
O มะลิหอมเรียงร้อยประดอยประดิษฐ์
ด้วยดวงจิตอ่อนโยน .. เจ้าโชนฉาย
ส่งหวานหอมลึกล้ำลงรำบาย-
ห้วงใจหนึ่งวนว่าย .. ด้วยหมายนั้น
O มะลิขาวหอมหวน .. อบอวลกลิ่น
หอมร่ำรินกำจาย, ที่ส่ายสั่น-
คืออกชายต้องหอม .. สุดล้อมกัน-
กีดหอมรื่นลดาวัลย์ .. ในชั้นทรวง
O กรองมาลัยกรุ่นหอม .. ถนอมถือ
ด้วยอุ้งมืออ้อมแขน .. ที่แหนหวง
หวานเจ้าเอยหลอมหลั่ง .. ใจทั้งดวง
จะเลยล่วงหวานหอม .. ยากยอมใจ
O เหมือนความหมายแฝงบอก .. ในดอกมาลย์-
เมื่อกรุ่นหอมแผ่วผ่าน .. เกินต้านไหว
พึงยอหอมหยั่งล่วง .. ตรึงทรวงใน
เอื้อ-อกใครแนบประทิ่นด้วยยินดี
O และเมื่อนั้นบรรดา .. คันธารส
จะเบิกบทร่ำรินในถิ่นที่-
รายรอบด้วยสายใยแห่งไมตรี
อันสุดลี้เลือนพรากไปจากกัน
O มาลัยหอม .. ละม่อมหน้าเพ-ลานี้
ฤๅจะมีเริดร้างไปห่างขวัญ
เมื่อคำนึงเติมแต่ง .. ร่วมแบ่งปัน
ย่อมผูกพันถวิลเห็นไม่เว้นวาย
O มาลัยหอม .. รูปแพงเจ้าแต่งประดับ
จึงเพ่งพรับบรรโลมด้วยโฉม-ฉาย
อ่อนหวานรูปรอยประณีต .. ราวกรีดกราย-
ลงรำบายมธุรสเข้าทดแทน
O มาลัยหอมช่องาม .. แฝงความ-สื่อ
ยื่นด้วยมือเรียวรอ .. คล้อง-ข้อแขน
อกใจหนอ .. กรุ่นประทิ่นทั้งดินแดน
ราวจะแกลนเกรงหอม .. อย่างพร้อมใจ
O มาลัยหอมกลีบกรองเจ้าของ-หวง
แทนความห่วงใยที่ .. เจ้ามีให้
จะวางเคียงหมอนหนุน .. เพื่อกรุ่นไอ-
หวานหอมจะโลมไล้ .. แทนไมตรี
O มะลิโรยกลิ่นรื่นในคืนค่ำ
ก็ตอกย้ำให้ประจักษ์เป็นสักขี
กรุ่นสุมาลย์อวลฝ่า .. คาบราตรี-
เมื่อราศีสองดาว .. วับวาวล้อม !
Create Date : 03 เมษายน 2557
Last Update : 10 มิถุนายน 2566 18:33:08 น.
13 comments
Counter : 4511 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ
"O มะลิหอมเรียงร้อยประดอยประดิษฐ์
ด้วยดวงจิตอ่อนโยน .. เจ้าโชนฉาย
ส่งหวานหอมลึกล้ำลงรำบาย-
ห้วงใจหนึ่งวนว่าย .. ด้วยหมายนั้น"
การอบรมเรื่องงานดอกไม้ "มะลิหอมเรียงร้อยประดอยประดิษฐ์น่ะ"
ฝึกกันมาจนเป็นประเพณี..ทั้งดอกไม้ใบตอง มาลัย ตัวหนู พวงกลาง ตาข่ายหน้าช้าง..
สตรีชาติไหนก็ทำไม่เป็นนอกจาก สตรีไทย...!
เพิ่งดูละคร สายโลหิตจบ..ตามด้วยญาติกา..ยังเห็นงานประดิษฐ์ประดอยพวกนี้อยู่..
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:9:59:27 น.
มินตรา ..
ไม่แน่ใจว่าดูเวอร์ชั่นไหน
เห็นจริตแบบไทยๆ ในตัวแม่หญิงดาวเรืองไหม ?
และนั้นน่ะเป็นอาการที่สาวฝรั่งไม่มี ..
แต่หนังจีนพีเรียดที่แต่งตัวโบราณมีเหมือนกัน ของเขาอ่อนช้อยน่ารักมากเหมือนกัน
ส่วนร้อยดอกไม้สมัยนี้คงไม่จำเป็นเพราะมันยุ่งยากต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ซื้อเอา - 55
ญาติกา ค่อนข้างลดความน่าดูลงไป เพราะเป็นเรื่องราวช่วงต้นกรุงเทพซึ่งผมว่ามันขาดความน่าสนใจ .. เป็นประวัติศาสตร์แต้มสีที่ยากที่จะพูดกันได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะตะกร้อครอบปากตรา 112 บังคับไว้ .. ไม่เหมือนราชวงศ์อยุธยาที่เราวิพากย์วิจารณ์ได้หมด
รวมทั้งเป็นเพราะไม่ค่อยชอบพวก"บุนนาค"เท่าไรด้วย - 555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:10:55:02 น.
สดายุ!
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:11:29:07 น.
ทำไมล่ะ..
เรียกเสียดัง .. ตกใจหมด ! - 55
ก็ผมไม่ได้กำลังคุยกับใครจากตระกูลบุนนาคนี่นะ
พวกบุนนาคเขาเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองไทย อยู่อย่างมีเกียรติ .. ที่ไหนจะให้ลูกหลานไปตกระกำลำบากในต่างแดน กันเล่า อิๆๆ
สาวอารยันแห่งกษมีระ .. งามนัก
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:11:57:09 น.
สดายุ
มีตระกูลเดียวที่เคยเข้ารับราชการในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์...กรมขุนเสนาพิทักษ์มหาอุปราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคล..ซึ่งต่อมาเมื่อเจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ถูกลงพระราชอาญาจนสิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิจเป็นพระมหาอุปราชแทน แล้วโอนคนในปกครองให้ด้วยคือ ตระกูลพระยาจ่าแสนยากร (เสน)จางวางกรมมหาดไทยในกรมพระราชวังบวรฯ
ตำแหน่งสุดท้ายคือ
เจ้าพระยามหาเสนาที่สมุหพระกลาโหมอัครมหาเสนาบดีปักษ์ใต้
เรื่องสายโลหิต และญาติกาที่มินตารากำลังดูอยู่ เป็นเรื่องคล้ายคลึงกับเรื่องราวในตระกูลนี้มาก
จนถึงว่าตามเสด็จไปถวายงานเจ้าฟ้าอุทุมพรที่กรุงอังวะด้วยตอนถูกพม่าต้อน ...เป็นลูกสาวพระยาจ่าแสนยากร (เสน)จางวางกรมมหาดไทยในกรมพระราชวังบวรฯ ทั้งสามคน เป้า แป้น และ ทองดี
แล้วลูกหลานส่วนหนึ่งมาปลูกบ้านอยู่คลองบางหลวง..
มีนะคะ ที่สาวตระกูลบุนนาคมาแต่งงานกับจ้าวในยุโรป ราชวงศ์เล็กเล็กทางเยอรมันตอนใต้ติดชายแดนสวิส
แถบเทือกเขาแอลปส์ (Alps)
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:13:19:18 น.
มินตรา ..
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยาเป็นราชวงศ์ที่แปลกมากราชวงศ์หนึ่งที่เริ่มด้วยพระเพทราชาที่เป็นสามัญชนแล้วไม่ได้สืบสายโลหิตตนเอง .. แต่สืบทอดต่อไปยังพระเจ้าเสือสายเลือดเมียน้อยพระนารายณ์ที่ยกให้พระเพทราชาตั้งแต่เป็นขุนนาง ..
เพียงแต่บ้านเมืองมีช่วงเวลาเงียบสงบอยู่ถึงครึ่งศตวรรษเมื่อลูกพระเจ้าเสือ 2 คนครองราชย์อย่างราบรื่นคือ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ และพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คือครองราชย์คนละ 26 ปีติดต่อกัน
ตรงนี้เองที่ทำให้ไทยอ่อนแอในการรบ
แต่มีเรื่องชู้สาวระหว่างเมียเด็กของพ่อ กับลูกชายรุ่นหนุ่ม อันลื่อลั่นจนเป็นที่มาของ "สายธารแห่งกาลเวลา ภาค 2" ที่หยิบจับเอาเวลาช่วงนี้เป็นต้นเรื่องของพระนางคู่ที่สอง
ส่วนสายโลหิตเท่าที่ทราบ ..
โสภาค สุวรรณ เขียนเรื่องราวของบรรพบุรุษตัวเอง คือสายขุนไกรกับแม่หญิงดาวเรือง ไม่ใช่สายหลวงเทพ ..
และเท่าที่ทราบ โสภาค สุวรรณ น่าจะมีว่านเครือเป็นนักการทูตอยู่ในแดนยุโรปอยู่นะ
แล้วสาวบุนนาคที่เป็นสะใภ้เจ้ายุโรปชายแดนเยอรมัน-สวิสนั้น สายพุทธหรือมุสลิมล่ะ ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:15:22:51 น.
จาก สายธารแห่งกาลเวลา ภาค 2
๒๒๒. เสนาะพากย์เพลงยาว .. กลอนเจ้าฟ้า
ดั่งแว่วมา .. ให้สดับเสียงขับไข
กระซิบสื่อนงราม .. บ่งความนัย
จากพระทัยเสน่หาที่อาวรณ์
๒๒๓. รำพันความเอื้อนอ้อนเสียงอ่อนหวาน ..
.. ปางพี่มามาดสมานสุมาลย์สมร
ดั่งหมายดวงหมายเดือนดารากร
อันลอยพื้นอำพรโพยมพราย ..
.. แม้นพี่เหิรเดินได้ในเวหาศ
ถึงจะมาดก็ไม่เสียซึ่งแรงหมาย
มิได้ชมก็พอได้ดำเนิรชาย
เมียงหมายรัศมีพิมานมอง ..
.. นี่สุดหมายที่จะมาดสุมาลย์สมาน
สุดหาญที่จะเหินเวหาสห้อง
สุดคิดที่จะเข้าเคียงประคอง
สุดสนองใจสนิทเสน่ห์กัน ..
.. โอ้แต่นี้นับทวีแต่เทวศ
จะต้องนองชลเนตรกันแสงศัลย์
จะแลลับเหมือนหนึ่งดับเดือนตวัน
เมื่อเลี้ยวเหลี่ยมสัตตภัณฑ์ยุคุนธร ..
.. ยิ่งคนึงก็ยิ่งนานจะเห็นภักตร
ฉวยฉุดรักแล้วก็ทอดฤไทยถอน
ไม่เหนกำม์ว่าจะนำให้ไกลกร
ไม่เหนรักว่าจะรอนให้แรมโรย ..
.. อกเอ๋ยเมื่อได้เคยประโลมเล่น
ครั้นห่างเหนแล้วก็ตั้งแต่เตือนโหย
ยามดำเนินเดินดินอาดูรโดย
ก่นแต่โกยกอบทุกข์มาทับกาย ..
๒๒๔. ทูลกระหม่อมจอมขวัญ .. มาพลันลับ
ชีวาตม์ดับลบนามสิ้นความหมาย
ต้องถูกโบยหลังถอด .. ศักดิ์วอดวาย
พร้อมด้วยสายสวาดิชู้เคียงคู่กัน
๒๒๕. โอ้ .. แต่นี้กาพย์กรอง .. ทำนองร้อย
จักเศร้าสร้อยเคล้ารสกำสรดศัลย์
แต่สุดสิ้นบุญญา .. หน่อราชันย์
ดุจชีวันจะแล้งร่มไว้ข่มร้อน
๒๒๖. องค์หญิงดารา .. พร้อม .. ท่านหม่อมสร้อย
จักเฝ้าคอยเทวษอยู่ไม่รู้ผ่อน
เมื่อร่มโพธิ์ร่มไทรชีพไหม้มรณ์
โศกจักซ้อนสุมอก .. สุดยกย้าย
๒๒๗. เพิ่งเจ็ดขวบวัยวันพระชันษา
เมื่อกำพร้าชนกไปยิ่งใจหาย
โอ .. แต่นี้เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
จักกล้ำกรายพันผูก .. แม่ลูกแล้ว
๒๒๘. วังจักร้างอักขราภาษาศิลป์
จักไร้สิ้นเพลงกานท์เคยหวานแว่ว
มธุรสพจนีย์ .. ไร้วี่แวว
อาดูรทูลกระหม่อมแก้ว .. มาแคล้วกัน
๒๒๙. กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ชีพปลิดป่นลับล่วงพร้อมดวงขวัญ
ฟ้าสังวาลย์สิ้นชาติด้วยราชทัณฑ์
ย่อมโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง
๒๓๐. อกเมืองจึงร้อนร้าว .. ด้วยข่าวชู้
จากสองผู้มีใจอันใหญ่หลวง
ด้วยแรงรักร่วมปอง .. ใจสองดวง
ยอมชีพรักหักล่วง .. ไม่ห่วงเลย
๒๓๑. โอ้ .. กำสรดอาลัยห้วงใจนี้
จนสุดที่อัดอั้นรำพันเผย
กระซิบหนึ่งผ่านย้ำ .. ลมรำเพย
แต่ลับเลยอาลัย .. มิได้ลา ..
.. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง
ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา
เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา
ขอร่วมชีวาร่วมชีวาวาย
.. เกิดไหนขอให้ได้ถนอมภักตร
ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย
รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย
ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน
.. อันสาราบำราศบำรุงคิด
จาฤกไว้โดยสุจริตสาร
พยายามตามสัตย์ปัติญาณ
ภอแจ้งการที่กำม์ในกายเอย ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:15:23:42 น.
สดายุ..
มินตราเคยไปอ่านอ่านแล้วเก็บไว้ดังนี้...
พระชาติกำเนิดของพระเพทราชา ได้มีบันทึกของชาวต่างชาติกล่าวไว้แตกต่างกันดังนี้
1. นายแพทย์แกมเฟอร์ ชาวเยอรมัน บันทึกว่า ...พระราชมารดาของพระเพทราชาทรงเป็นพระราชธิดาองค์โตของพระเจ้าปราสาททองโดยพระเพทราชาเป็นบุตรภคินีของพระองค์และพระขนิษฐากับพระธิดาของพระเพทราชาเป็นพระสนมของพระเจ้าแผ่นดินอีกชั้นหนึ่ง... หมายความว่าพี่สาวใหญ่ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีบุตรชื่อพระเพทราชา น้องสาวและบุตรสาว (ของพระเพทราชา) ยังเป็นพระสนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอีกด้วย ดังนั้นพระเพทราชาจึงมีทั้งตาเป็นกษัตริย์ คือพระเจ้าปราสาททอง และมีน้าเป็นกษัตริย์ คือสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงถือได้ว่าเป็นเจ้าทางราชนิกูล แต่ที่ทรงเป็นสามัญชนเพราะสืบสายทางพระบิดาของพระเพทราชา ซึ่งยังไม่สามารถสืบค้นได้ว่าเป็นท่านผู้ใด2. บันทึกของตุรแปง กล่าวว่า พระเพทราชามีเชื้อสายกษัตริย์และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช3. ลาลูแบร์ บันทึกว่า พระเพทราชาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช4.บาทหลวงเยซูอิต บันทึกว่า เกิดในตระกูลสูงศักดิ์และมักมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแผ่นดินเสมอ
(ศรีรัญจวน : เรียบเรียง)
พระชาติกำเนิดของสมเด็จพระเจ้าเสือนั้น เชื่อว่าเป็นพระราชโอรสลับในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับพระสนมพระองค์หนึ่งโดยพระราชพงศาวดารฯ ฉบับพระพนรัตน์ (แก้ว) ว่า นางเป็นพระราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานพระสนมดังกล่าวให้แก่พระเพทราชา เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง (เจ้ากรมช้าง)
"แล้วเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาจากเมืองเชียงใหม่นั้น พระองค์เสด็จทรงสังวาสด้วยพระราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ และนางนั้นก็ทรงครรภ์ขึ้นมา ทรงพระกรุณาละอายพระทัย จึงพระราชทานนางนั้นให้แก่พระเพทราขา แล้วดำรัสว่านางลาวนี้มีครรภ์ขึ้นมา เราจะเอาไปเลี้ยงไว้ในพระราชวังก็คิดละอายแก่พระสนมทั้งปวง และท่านจงรับเอาไปเลี้ยงไว้ ณ บ้านเถิด และพระเพทราชาก็รับพระราชทานเอานางนั้นไปเลี้ยงไว้ ณ บ้าน"..จากพระราชพงศาวดารฯ ฉบับพระพนรัตน์ (แก้ว)
พระพนรัตน์ (แก้ว) คือ สมเด็จเจ้าฟ้าแก้ว กรมขุนเสนาบริรักษ์ พระโอรสของสมเด็จเจ้าฟ้าน้อย พระอนุชาต่างพระมารดาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยได้ประสูติกับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) ซึ่งเป็นน้องสาวของพระเพทราชา และเป็นบาทบริจาริกาเป็นพระสนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:15:41:22 น.
ดายุ..
".. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง"...
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:15:49:46 น.
มินตรา ..
ฝรั่งก็บันทึกตามที่รับรู้จากคนไทยอีกขั้นหนึ่ง ..
การพยายามโยงกลับไปดองกับเจ้าราชวงศ์เก่าของเจ้าราชวงศ์ใหม่มีอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความชอบธรรม
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ นี่ไม่อ้างใคร มาจากสุพรรณบุรีเลยยกมาตีอยุธยาเสร็จไล่วงศ์อู่ทองกลับลพบุรีเมืองขอม - แต่เอาเชื้อสายทางหญิงของละโว้อโยธยานี้เป็นสนมในตำแหน่ง "ศรีสุดาจันทน์" ..
ส่วนผู้หญิงของสุพรรณบุรีเองเป็นสนมในตำแหน่ง "อินทรสุเรนทร์"
ราชวงศ์สุโขทัย ต้นราชวงศ์คือพ่อพระนเรศวรเป็นวงศ์พระร่วง ส่วนแม่เป็นวงศ์สุพรรณภูมิ และผู้หญิงของวงศ์สุโขทัยนี้ก็ได้ตำแหน่ง "ศรีจุฬาลักษณ์"
น่าแปลกที่วงศ์นครศรีธรรมราช มีหญิงได้เป็นสนมในตำแหน่ง "อินทรเทวี" แต่วงศ์นี้ไม่เคยนั่งบัลลังก์อยุธยา
ราชวงศ์ปราสาททอง จมื่นศรีสรลักษณ์ หรือ องค์ไล ต้นราชวงศ์ อ้างว่าเป็นลูกลับๆของพระเอกาทศรถ
และหากต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวงเป็นสายเลือดปราสาททอง ก็แปลว่า ตั้งแต่ สุพรรณภูมิ->สุโขทัย->ปราสาททอง->บ้านพลูหลวง เป็นญาติกันทั้งหมด
กลอนที่มีจุดนำหน้าบทเป็นเพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง เขียนถึง เจ้าฟ้าสังวาลย์ พระสนมของพระเจ้าบรมโกศ ก่อนจะถูกเฆี่ยนจนตายทั้งคู่
ตำแหน่ง "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" คือตำแหน่งพระอุปราช หรือ วังหน้า ที่ใช้มาจนถึงรัชกาลที่ 5 ก็เปลี่ยนเป็นตำแหน่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร แทน
สมัยอยุธยา พระบัณฑูร คือ คำสั่งของพระมหาอุปราช
ทหารองครักษ์ในวังหน้า อาจเรียกว่า ทหารในพระบัณฑูรได้ ..
ไม้เมืองเดิม เขียนนิยายเรื่อง "ทหารเอกพระบัณฑูร" ก็น่าจะมีแรงบันดาลใจในยุคเสียเมืองปลายสมัยบ้านพลูหลวงนี่แหละ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:17:03:03 น.
สดายุ...
"ฝรั่งก็บันทึกตามที่รับรู้จากคนไทยอีกขั้นหนึ่ง .."
ค่ะ ถูกต้อง..เช่นวันวลิต (Jeremias Van Vliet 1602 - 1663) เมื่อเข้ามาเป็นผู้จัดการบริษัทอิสท์อินเดีย ก็บันทึกสิ่งที่คนทั้งกรุงรู้กันแล้ว..
ในขณะที่คนไทยจะไม่จดบันทึกในสิ่งที่ใครใครก็รู้แล้วไว้..
เมื่อมาถึงรุ่นเราที่ไม่รู้จักบุคคลและผ่านมาเป็นร้อยปี จึงไม่มีหลักฐานใดที่จะอ้างอิงได้..
แปลกไหมที่ พระเพทราชา พระเจ้าเสือ พระเจ้าตากนั้น จะเป็นบุตรของสามัญชน ที่ขุนนางผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน รองลงมาจากพระมหากษัตริย์ รับมาเป็นบุตรบุญธรรมทั้งนั้น
แล้ว จะเข้ามาเป็นมหาดเล็กวังหลวง...ใกล้องค์พระมหากษัตริย์หมดเลย..
ลูกขุนนางชั้นสูงยังต้องเป็นมหาดเล็กวังหน้า...
แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี เป็นเกลอกับลูกขุนนางชั้นสูง..
ทำไมจึงไม่รังเกียจเดียดฉันท์กันเลย..มิผิดนิสัย ไทยไปหน่อยรึ...555
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:19:50:51 น.
ดายุ..
เมื่อเริ่มด้วย...".. ปางพี่มามาดสมานสุมาลย์สมร
ดั่งหมายดวงหมายเดือนดารากร"
ก็ทราบแล้วล่ะว่าใครร้อยคำเรียงความไว้......
โดย: บุษบามินตรา IP: 192.99.14.36 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:19:57:04 น.
มินตรา ..
ไทยไม่ใช่ชาตินักจดบันทึกนัก .. เอกสารทางประวัติศาสตร์ชาติไทยที่น่าเชื่อถือที่สุดในความคิดของนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยคือ พงศาวดารไทยฉบับหลวงประเสริฐ ก็เขียนเหตุการณ์ไว้เหมือน short note เท่านั้น แทบไม่มีรายละเอียด .. ลองไปหาอ่านใน วิกิพีเดียได้เลย ..
ส่วนเรื่องถือยศถืออย่างของคนไทย เราไม่มีเรื่องเหยียดชาติพันธุ์เหมือนทางฝรั่ง .. ที่มองผิวดำเหมือน"สัตว์เลี้ยง" อย่างพวก Ku Klux Klan ในอเมริกาหลังเลิกทาสใหม่ๆ
เรามีแค่ชนชั้น ฐานะ วงศ์ตระกูล อาจมีลักษณะทางชาติพันธุ์อยู่บ้างแต่ไม่รุนแรงนักเช่น คำว่า เจ๊ก แขก ตาน้ำข้าว(ฝรั่ง) ไอ้มืด(นิโกร) ซึ่งความหมายไปในทางเหยียด ไม่ให้เกียรติ ดูถูก แต่ไม่รุนแรงถึงกับจับมาบูชาต่อหน้ากางเขนเผาไฟ เหมือนที่ KKK ทำ
เพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง มีข้อน่าสังเกตุอยู่ที่
ไม่เน้นสัมผัสสระ ตรงนี้ต่างกับสุนทรภู่
เน้นสัมผัสอักษร เหมือนโคลง
ปางพี่มามาดสมานสุมาลย์สมร ..
วรรคนี้ ม้า มากันเป็นฝูงเลย
คนยุคนั้นภาษาไทย บาลี สันสกฤต รู้ลึกมากเพราะเรียนกับพระ ไม่มีโรงเรียนอย่างปัจจุบัน .. การเปรียบเทียบก็จะไม่พ้นวรรณกรรมอินเดีย ทั้งสองเรื่องคือ รามายณะ มหาภารตะยุทธ รวมทั้งสวรรค์ทั้งหก นรกทุกขุม เทวัญทั้งแสนองค์ - 55
รู้หรือเปล่าว่า 5 พี่น้องปาณฑพคือ นิ้วทั้ง 5
และพระนางเทราปที คือ ฝ่ามือ ที่ยึดโยงนิ้วทั้ง 5 ไว้ด้วยกัน ..
มีเวลาลองอ่าน มหาภารตะยุทธคำฉันท์ ดูสิ
มันมีคติ ข้อคิดมากมายในนั้น ..
โดย:
สดายุ...
วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:22:10:35 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สดายุ
"O มะลิหอมเรียงร้อยประดอยประดิษฐ์
ด้วยดวงจิตอ่อนโยน .. เจ้าโชนฉาย
ส่งหวานหอมลึกล้ำลงรำบาย-
ห้วงใจหนึ่งวนว่าย .. ด้วยหมายนั้น"
การอบรมเรื่องงานดอกไม้ "มะลิหอมเรียงร้อยประดอยประดิษฐ์น่ะ"
ฝึกกันมาจนเป็นประเพณี..ทั้งดอกไม้ใบตอง มาลัย ตัวหนู พวงกลาง ตาข่ายหน้าช้าง..
สตรีชาติไหนก็ทำไม่เป็นนอกจาก สตรีไทย...!
เพิ่งดูละคร สายโลหิตจบ..ตามด้วยญาติกา..ยังเห็นงานประดิษฐ์ประดอยพวกนี้อยู่..