Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
ธันวาคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
8 ธันวาคม 2555
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
ทรายกับทะเล - นันทิดา แก้วบัวสาย
๑.
O ที่ขอบฟ้าลิบไกล ..
จักอยู่ดีอย่างไร .. หนอใจนั่น
จักมีไหมคำนึง .. ส่งถึงกัน
ถวิลด้วยผูกพัน .. นะขวัญน้อย
O ที่ขอบฟ้าสูงส่ง ..
ฤๅจำนงจะอาจคืบเข้าสืบสอย
ลิบไกลดาวเดือน .. ดูเลื่อนลอย
เกินจะคล้อยเคลื่อนให้ .. เอื้อม-ไขว่คว้า
O ที่ขอบฟ้าไกลพู้น ..
เหลื่อมจำรูญรอบพิไล .. รอไขว่หา
กระพริบคอยแต่งหวัง .. ทุกครั้งครา-
ที่อ่อนล้าเร้ารุมเกาะกุมใจ
O โปรดอย่าได้ลับเลือน ..
หากจงเบือนบ่ายโฉม .. เพื่อโลมให้-
ความซาบซึ้งวนว่าย ณ ภายใน-
ห้วงดวงใจแอบออ .. ร่ำรอคอย
O เมตตากันบ้างไหม ..
กับหัวใจเย็นเยียบแสนเงียบหงอย
แต่เมื่อกาลเริดร้าง .. ของร่างรอย
ให้ละห้อยถึงเงา .. ทั้งเช้า-เย็น
O ลืมเสียเถิดการเก็บงำ ..
แต่นี้คำจักพร้อง .. ให้มองเห็น-
อ่อนโยนเนื้อความนัย .. ด้วยใจเอ็น-
ดู-รูปผู้งามเพ็ญ .. รอ-เห็นใจ
O ลืมเสียเถิดความจ่อมเจียม ..
เมื่อเต็มเปี่ยมปรารถนา .. เกินกว่าให้-
เพชรมงกุฏยอดเรือน .. คล้อยเคลื่อนไป
จะยึดยื้อเอาไว้ด้วยใจทะนง
O รอเถิดรูปงามทรามสวาท ..
รอชายชาติก้าวย่างเคียงร่างหงส์
จับมือจูงก้าวนำด้วยจำนง-
ร่วมเสริมส่งสองใจ .. ด้วยนัยเดียว
O คลื่นใหญ่น้อยวนวิ่ง .. แอบอิงฝั่ง
เมื่อแก้มปลั่งผุดผ่อง .. รอข้องเกี่ยว
คลื่นต้องลมผันผวน .. ก็ม้วนเกลียว
เข้าโน้มเหนี่ยวสายตา .. ไม่ล้าเลย
๒.
O จันทร์บนสรวงดวงใหญ่ .. แจ้งใจอยู่
เมื่ออารมณ์รับรู้ .. ยากอยู่เฉย
คลื่นทะเลครวญคร่ำ .. ลมรำเพย
ราวยั่วเย้ยปรารถนา .. แห่งอาวรณ์
O ย่ำค่ำ .. ลมทะเลเริ่มเห่กล่อม
เมื่อหวานหอมรอบชู้ .. ยากรู้ถอน
คลื่นแล่นริ้ว .. ลมร่ำ .. และคำวอน-
คล้ายดั่งอ้อนแอบอยู่ .. ไม่รู้ลา
O ค่ำนี้ .. ลมทะเล คอยเห่กล่อม
อยู่แวดล้อม-ภพ .. ชาติ .. แรงปรารถนา
โคมบนสรวงทอดแสง .. ลงแจ้งตา
เมื่อห้วงอารมณ์นั้น .. เริ่มสั่นรัว
O เกลียวคลื่นน้อยยังวิ่ง .. แอบอิงฝั่ง
ความเปล่งปลั่งนวลแก้ม .. ก็แย้มยั่ว
ระลอกคลื่นลมหวน .. ก็ม้วนตัว-
เข้าโลมทั่วผืนทรายที่ปลายคืน
O จันทร์บนสรวงอำไพ .. แจ้งใจอยู่
เมื่อแรงชู้ลอดเลี้ยวล้อเกลียวคลื่น
กลางลมร่ำปฏิพัทธก็หยัดยืน-
อยู่บนการพลิกผืนของพื้นน้ำ
O ระลอกน้ำโตนตื่น .. ครึกครื้นแล่น
โยนยกแผ่นน้ำป่วน .. ก่อนม้วนคว่ำ
มีอาวรณ์ .. อาลัย .. และนัยคำ-
แข่งเสียงคร่ำครวญคลื่นทั้งคืน .. วัน
O แว่ว .. ดนตรีพากย์เพลง ..เร้า-เร่งเสียง
ผ่านสำเนียงยวนยั่ว .. เร้า-รัวขวัญ
ที่เพ่งรูปคราญอยู่ .. ฤๅรู้ทัน-
การกีดกั้นแอบออ .. ด้วยทรมา
O โลกหนอไย .. เคลื่อนผ่านเข้าหว่านล้อม
ด้วยหวานพร้อมพรั่งปวงแรงห่วงหา
แทรกลงจิตวิญญาณ .. นับนานมา
และทุกคราทุกครั้ง .. สุดรั้งลง
O ค้างรูปในนิรมิต .. ให้คิดครวญ
ทุกเสี้ยวส่วนซอกหลืบ .. คอยสืบส่ง
หยัดหยั่งอ่อนหวานล้ำ .. ให้ดำรง-
เป็นจำนงอยู่ล้อ .. ให้ต่อกร
O ค่ำนี้ .. ลมทะเลยังเห่กล่อม
ใจหวงหอมหวานอยู่ .. ฤๅรู้ถอน
เสียงคลื่นถั่ง .. ลมร่ำ .. และคำวอน-
คล้ายดั่งอ้อนคลออยู่ .. ไม่รู้ลา
O ค่ำนี้ .. ลมทะเลโลมเห่น้ำ
เมื่อใจคร่ำครวญคอยละห้อยหา
ระลอกคลื่นซาบฝั่ง .. ฟองยังคา
รูปเอย .. รูปปรารถนา .. ย่อมคาใจ
O เพลงสังคีตพ้นผ่านไปนานแล้ว
จันทร์ผ่องแผ้ว .. ล่มล่อง .. คนผ่องใส
วาบวับสองดวงตา .. เหมือนว่าใคร-
เผยอ่อนไหวอ่อนหวาน .. หันด้านมา
O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบ
เนตรตื่นตอบค่อยชม้อยชม้ายหา
โลกในกายเงียบงันลงทันตา-
เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !
Create Date : 08 ธันวาคม 2555
Last Update : 31 พฤษภาคม 2566 8:31:24 น.
12 comments
Counter : 3614 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
"O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบ
เนตรตื่นตอบค่อยชม้อยชม้ายหา
โลกในกายเงียบงันลงทันตา-
เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !"
มีคำไทยอีกคำนะคะ ที่เราจะใช้ ..
"เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !"นั้น
เราจะใช้คำว่า..แย้ม.. ยิ้มแย้ม น่ะค่ะ
สตรีนั้น ผู้ใหญ่จะสอนกิริยามารยาทว่า เป็นสาวเป็นนางน่ะ จะเดินจะเหินจะยิ้มจะแย้ม อย่าให้มันโฉ่งฉ่างนัก ..ค่อยค่อยทำ...
คือหากสาวใด" ยิ้มแฉ่ง" นี่ เรียกว่า.."เปิดประตูอ้าซ่า"ทีเดียว
ฉะนั้น หากจะ"พอใจ"ก็จะต้อง"พอใจแต่ในหน้า"
เพียง..แย้มแย้ม..ให้เห็นว่า พอใจนะ รักนะ ชอบนะ (แต่ยังไม่จัดกระเป๋า หนีตาม...) น่ะค่ะ
นี่ล่ะคือความเป็นอารยันในสายเลือดไทยที่ยังหลงเหลืออยู่..นอกเหนือไปจากสัจจะทางอารยันทั้งสี่ (อริยะสัจจสี่)..เท่าที่ทราบนี่ศาสนาพุทธจะสอน"วิธีสำรวมตน" ไว้ให้ปฎิบัติด้วย..ใช่ไหมคะ ..หลวงพี่
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.198.113 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:9:15:32 น.
ดายุ..
"อยู่เคียงข้างเธอ..
ใจไม่ไหวเอน..
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น.."
เพลง ทรายกับทะเล
ศิลปิน นันทิดา แก้วบัวสาย
(แต่ไม่ยักกะบอกว่าใครเป็นผู้ประพันธ์เพลง)
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.198.113 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:9:24:53 น.
มินตรา ..
รู้ไหมว่า ทั้งๆที่ชอบรูปหน้าคมเข้มแบบสาวละติน
อย่างในรูปลิงค์นี้ก็ตาม .. (ที่ไม่ใช่ทั้งแบบฝรั่งและแบบแขก .. แต่เป็นอเมริกากลาง - ที่เข้าใจว่ามาจาก สเปน-โปรตุเกส ยุคล่าอาณานิคม)
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=20-11-2012&group=107&gblog=478
แต่เรารู้ได้ว่า .. อิริยาบท แบบอ่อนช้อยแบบไทยผู้ดีมันไม่มีอยู่ในสาวต่างชาติพวกนี้ .. จินตนาการจึงลงกันไม่ได้ .. อาการ "ชม้อยชม้าย" สายตานี้ แม้แต่เอเชียด้วยกันอย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ไม่มี !
ขณะเดียวกัน .. หากมีแต่อาการ แต่รูปหน้า"ไม่ใช่"ก็เขียนต่อ .. บรรยายต่อไม่ไหว - 55
ความงามของรูปหน้า และ กิริยาอาการที่พึงใจ จึงจำต้องพบกันให้ได้ไม่ว่าจะในจินตนาการส่วนไหน
ส่วนในทางศาสนา .. ศีล คือ การควบคุมทั้งกายและใจ ไม่ให้ไปกระทบกระทั่งผู้อื่น โดยเจตนาเท่านั้น .. มิได้มีความหมายในการปรุงแต่งจริตให้งดงาม รอการชื่นชมแต่อย่างใด ..
คนเขียนเนื้อเพลง หาเอาใน google มินตรา ง่ายกว่าปอกกล้วย หากอยากรู้ - 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:11:58:37 น.
ไพเราะค่ะ... :'))
โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.107.40 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:17:33:24 น.
ดายุ..
"คนเขียนเนื้อเพลง หาเอาใน google มินตรา ง่ายกว่าปอกกล้วย หากอยากรู้ - 55"
โอย..ไม่มีเวลาสำหรับเปิดหาเพลง หรือ ดาราหรอกค่ะ..และการใช้google สำหรับมินตรานั้น..หากไม่มี"ความรู้พื้นฐาน"ติดตัว..ก็หาข้อมูลได้อย่างไม่ถูกต้อง เพราะ"ไม่มีแนวทฤษฎีที่จะเป็น..แนวคิด"
ฉะนั้น การปอกกล้วยเข้าปากของมินตราง่ายกว่า เร็วด้วย..ยิ่งหากเป็นกล้วยน้ำว้านี่ ต้องสองลูกติดกันทีเดียว...
ทราบไหมว่า เวลาไปเชียงใหม่ จะชอบพักที่ รอยัลพรินเซส ของท่านผู้หญิงชนัตถ์..เพราะมีกล้วยน้ำว้า งามมาก รสหวานอร่อยไว้ในเมนูผลไม้เสมอ
ทั้งที่โรงแรมเล็ก..แต่มีสิ่งที่โรงแรมดีกว่านั้น ไม่มี..
นี่คือ"รสนิยม" และ "คุณค่า"ของ life style
"อิริยาบท แบบอ่อนช้อยแบบไทยผู้ดีมันไม่มีอยู่ในสาวต่างชาติพวกนี้ .. จินตนาการจึงลงกันไม่ได้ .. อาการ "ชม้อยชม้าย" สายตานี้ แม้แต่เอเชียด้วยกันอย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ไม่มี !"
ผู้เชี่ยวชาญ นะ !..หลวงพี่..!
มินตรารู้จักอยู่ "ชายเดียว" ที่อเมริกากลาง
Che ..Che .. Che Guevara !
555
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.207.51 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:17:36:08 น.
ตัวน้อย ..
ไพเราะสิคะ .. บางคนเขาชอบเพลงนี้ และมีพี่อยู่ในบางคนนั้นด้วย .. เสียงผู้ชายอาจฟังไม่รื่นหูเหมือนนันทิดา .. แต่ไม่เป็นไรวันหลังจะร้อง"วันคอย"ให้ฟังใหม่ ค่ะ
อากาศเริ่มหนาว .. ห่มผ้า .. แล้วหลับตานึกถึงใครสักคน เพื่อจะหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม !
มินตรา ..
เครือดุสิต ปกติจะค่อนข้างแพงสำหรับคนไทยระดับกลางๆ .. เพราะคืนหนึ่ง 4-5,000 บาท ซึ่งไปหานอนเอาสัก 5-600 แล้วเอาที่เหลือ กิน เที่ยว ม่วนกว่า 555
เวลาขึ้นเหนือสมัยก่อนก็จะเอาเต้นท์ไปนอนตามลานกางเต้นท์บนยอดดอย ..
ส่วนในเมืองจะไม่เหลือบตาแลแม้สักน้อย .. เพราะจะมาเที่ยวธรรมชาติ .. มิได้เพื่อมา"เที่ยวดูตัวอำเภอเมืองของบ้านนอก" .. 55
ยังไงเสียเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่เองยังห่างชั้นจากกรุงเทพเป็นสิบเท่า ในทุกด้าน ..
คนมาจากเมืองหลวงจึงมักตะกายไป ปาย แม่ฮ่องสอน เชียงคาน .. ที่ๆจะได้สัมผัสธรรมชาติมากหน่อย
(ตามฝรั่งไปเที่ยว .. เพราะมันดูเงียบดี .. แต่พักเดียวพอคนไทยเริ่มแห่ตามมาเยอะๆ .. ฝรั่งก็จะหนีไปที่อื่นต่อไป ..
อย่างตอนนี้ ปาย เริ่มหมดเสน่ห์เพราะความแออัดของพวก .. "ไทยพูดดัง กินเคี้ยวเสียงดังจั๊บๆ..พูดจาจ๊อกแจ๊ก จอแจ งี่เง่า น่ารำคาญ" ... ฝรั่งจึงหนีไปเชียงคานกันมากแล้ว ..55)
.
.
ส่วน เช กูวาร่า นั้นมีไว้ให้พวกเทิดทูน บูชา เอกชนวีรชน ได้สูดดมอุดมการณ์เผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ(ตอนพวกนี้ท้องเสีย - 55) ..สามเวลาหลังอาหาร ..
เพราะการปฏวัติที่สำเร็จแล้วได้เจ้านายกลุ่มใหม่นั่งเมือง .. และจะนั่งจนตายคาเก้าอี้ .. หากป่วยหนักก็เอาน้องมา"สำเร็จราชการแทน" ไปก่อน .. อุดมการณ์ปฏิวัติของ เช + ฟิเดล คาสโตร จึงเหมือนผายลมดีๆนี่เอง .. 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:20:53:25 น.
.
คำว่า "น้อยๆหน่อย" มักติดปากบางคนอยู่เสมอ
จึงต้องจัดให้ "มากมากหน่อย" .. อิๆๆ
O แต่เมื่อเดินเข้ามาให้ตาเห็น
ก็บีบเค้นอารมณ์เกินข่มไหว
โลกตรงหน้าพลิกผันขึ้นทันใด
เมื่อรูปคราญสดใส..ล้อมนัยน์ตา
O หรือหัตถ์พรหมลอบเร้น..จัดเส้นทาง
ให้ยกย่างเหยียดก้าวมุ่งเข้าหา
แล้วรอการสัมผัส..รูป-ทัศนา
ก่อคุณค่าจับวางลงกลางใจ
O แต่บัดนั้น..รุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า-
ก็เหมือนว่าทอดโค้งยึดโยงให้-
ความขัดเขินอ่อนหวานที่ด้านใน-
อกทรวงใคร..กับผกายแห่งสายตา
O ยิ้มรับความสดใสแห่งวัยเยาว์
เช่นยามเช้าสุมาลย์ช้อย..ช่อ-คอยท่า-
ภุมรินผึ้งภู่..จะรู้มา-
ตฤปรสผาณิตหอม..อย่างยอมตน
O ยิ้มรับความอ่อนไหว..ของใครนั้น
กับแวววามไหวสั่นนับพันหน
เอ็นดูความขัดเขินหยอกเอินคน
หวามที่ล้นเอ่อแล้ว..ผ่านแววตา !
O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบท
ชี้..กำหนด..รูปรอยให้คอยหา
และเหมือนงามลามรุกไปทุกครา-
กับท่วงท่าเหลือบค้อน..ตาซ่อนยิ้ม
โดย:
สดายุ...
วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:21:18:52 น.
ดายุ..
"O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบท
ชี้..กำหนด..รูปรอยให้คอยหา
และเหมือนงามลามรุกไปทุกครา-
กับท่วงท่าเหลือบค้อน..ตาซ่อนยิ้ม"
"งาม"ของดายุ นี่ จริตจะก้าน นะ..
แล้วคนที่"ต้องจัดให้ "มากมากหน่อย" " น่ะ..มากไป๊..
เห็นแล้วค่ะ ตั้งแต่..
"O ลืมเสียเถิดความจ่อมเจียม ..
เมื่อเต็มเปี่ยมปรารถนา .. เกินกว่าให้-
เพชรมงกุฏยอดเรือน .. คล้อยเคลื่อนไป
จะยึดยื้อเอาไว้ด้วยใจทะนง
O รอเถิดรูปงามทรามสวาท ..
รอชายชาติก้าวย่างเคียงร่างหงส์
จับมือจูงก้าวนำด้วยจำนง-
ร่วมเสริมส่งสองใจ .. ด้วยนัยเดียว "
ว่าจะ"ก้าวย่างเคียงร่างหงส์"
แล้วมินตราจะมีโอกาส ได้อ่านโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน อีกไหมนี่...
เพิ่งทราบว่า ราคากล้วยน้ำว้า ที่ ดุสิต แพงไป
แต่โรงแรมอื่นราคาแพงกว่า ไม่มีนะ..
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.207.51 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:0:34:41 น.
มินตรา ..
ผู้หญิงบางคนอาจมองเห็นจากภายนอกว่า"เอาเรื่อง" .. แต่แท้จริงแล้ว "ความอ่อนหวาน" ภายในจิตใจมีอยู่เต็มเปี่ยม .. อยู่ที่เขาจะแสดงออกยามอยู่ลำพังกับชายคนรักเท่านั้น ..
มินตราจะได้อ่านกลอนมากขึ้นด้วยซ้ำ กับช่วงเวลาที่สายลมหนาวพัดผ่านเมืองไทย .. เช่นนี้
ระยิบเอยแววตาใต้ฟ้าต่ำ
ผ่องผกายร่ายรำในค่ำหนาว
เหมือนคอยข่มแสงช่วงของปวงดาว
ให้เหลือวาววับอยู่ .. เพียงคู่เดียว !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:5:16:44 น.
ดายุ ขา..
"ให้เหลือวาววับอยู่ .. เพียงคู่เดียว !" น่ะ
มองเห็นภาพ สดายุ ซื้อกล้วยน้ำว้าแขวนไว้ให้ทั้งเครือเลย
เห็นไหมว่า หากขึ้นด้วย "ขา" ทีไร..จะลงด้วย ตาวาววับอยู่..เพราะได้ของต้องใจ..
เอ..หรือที่" วาววับอยู่ .. เพียงคู่เดียว !"น่ะ
ตุ้มหูเพชร จากทิฟฟานี่ หนึ่งคู่..
อย่าเลยค่ะ เกรงใจ..แค่ "ต๊อกกวง" เพียงคู่เดียว!
ก็ได้ค่ะ กากีนั้ง...555 (อย่าลืมนะ ว่า ขึ้นด้วย ดายุขา ! )
โดย: บุษบามินตรา IP: 79.205.207.51 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:6:53:37 น.
สวัสดีค่ะ...
วันนี้เหงานิดนะคะ เล็กไปบ้านที่แม่ริม เอาคนไปทำความสะอาดน่ะค่ะ คุณย่าท่านจะมา...คงกลับเย็นๆค่ะ
เพลงนี้ไพเราะอยู่แล้ว ส่วนวันคอยของพ่อ ฟังตั้งแต่เกิดได้มังคะ :'))
ขอบคุณมากเจ้าค่ะ..
โดย: น้องเล็ก IP: 118.172.107.40 วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:8:15:49 น.
ตัวน้อย
ค่ะไม่เป็นไร .. ไปเถิด นานๆคุณย่ามาที
พี่รอได้
โดย:
สดายุ...
วันที่: 9 ธันวาคม 2555 เวลา:9:02:50 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สดายุ..
"O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบ
เนตรตื่นตอบค่อยชม้อยชม้ายหา
โลกในกายเงียบงันลงทันตา-
เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !"
มีคำไทยอีกคำนะคะ ที่เราจะใช้ ..
"เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !"นั้น
เราจะใช้คำว่า..แย้ม.. ยิ้มแย้ม น่ะค่ะ
สตรีนั้น ผู้ใหญ่จะสอนกิริยามารยาทว่า เป็นสาวเป็นนางน่ะ จะเดินจะเหินจะยิ้มจะแย้ม อย่าให้มันโฉ่งฉ่างนัก ..ค่อยค่อยทำ...
คือหากสาวใด" ยิ้มแฉ่ง" นี่ เรียกว่า.."เปิดประตูอ้าซ่า"ทีเดียว
ฉะนั้น หากจะ"พอใจ"ก็จะต้อง"พอใจแต่ในหน้า"
เพียง..แย้มแย้ม..ให้เห็นว่า พอใจนะ รักนะ ชอบนะ (แต่ยังไม่จัดกระเป๋า หนีตาม...) น่ะค่ะ
นี่ล่ะคือความเป็นอารยันในสายเลือดไทยที่ยังหลงเหลืออยู่..นอกเหนือไปจากสัจจะทางอารยันทั้งสี่ (อริยะสัจจสี่)..เท่าที่ทราบนี่ศาสนาพุทธจะสอน"วิธีสำรวมตน" ไว้ให้ปฎิบัติด้วย..ใช่ไหมคะ ..หลวงพี่