Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 
O เจ้าเอย .. O








Secret Garden - When Darkness Falls



O น้ำค้างรุ่งเหน็บหนาว .. พร่างพราวรับ-
แสงเช้าทอดจู่จับ .. จนวับไหว
ผืนพลอยเพชร-เม็ดน้ำ .. คล้าย-ร่ำไร
รอแสงไล้โลมต้อง .. เพื่อ-ล่องลอย
O รวยรวยรสมาศไม้ที่ในสวน
กลิ่นหอมอวลอบเร้าความเหงาหงอย
รื่นรสกุสุมเช้า .. เหมือนเฝ้าคอย-
บางรูปรอย .. ผู้ถวิลแต่กลิ่นมาลย์
O คำนึงด้วยเจตจินต์ .. ที่ยินยอม-
การกักกุมรุมล้อมด้วยหอมหวาน
ที่ทั้งใจไหวสั่นแต่วันวาน
เมื่อใครผ่านความหมายขึ้นว่าย-วน
O งามจริตรูปละม่อมพรั่งพร้อมค่า
เปรียบช่อชั้นพวงผกา .. แห่งป่าฝน
ที่เสียดยอดพลอดยามให้ตามยล
ถึงดิ้นรนด้วยใจ .. พลอยไขว่คว้า
O นับการก้าวยกย่างในทางเที่ยว
ความโดดเดี่ยวก็ล้อมกักให้หักฝ่า
ถ้วนความซึ้งหอมหวานแห่งมารยา
ก็ทอดเทียบมรคาให้ฝ่าเดิน
O นับสิบร้อยพันหมื่นการตื่นหลับ
เนตรพริ้มพรับด้วยอุทธัจ .. แสนขัดเขิน-
จึงค่อยโหมหวนระลอกเข้าหยอกเอิน
พร้อมท่วงทีหวั่นสะเทิ้น .. ลอบเมิน-เมียง
O ละเมียดรส .. ผกากรองละล่องกลิ่น
หอมตรึงจินตนาการนั้น-ปานเสียง-
กระซิบแผ่วผ่านถ้อยมาร้อยเรียง-
ความซาบซึ้งให้ประเดียงประดังใจ
O กลีบเรียวบางดอกดวง .. บ้างร่วงหล่น
อยู่กับอกอึงอล .. ลมวนไหว
ละครั้งที่งดงามของความนัย
ผ่านโลมไล้ลูบอก .. พาวกย้อน
O หยาดน้ำค้างเคยเห็น .. ก็เร้นหาย
ยังแต่สายสวาดิผู้สุดรู้ผ่อน
ผุดเผยรูป, อิริยา .. เพรียกอาวรณ์-
ลงสุมซ้อนรุมเร้าพะเน้าพะนอ
O ถ้วนปวงความอ่อนโยนและอ่อนหวาน
ต่างฤๅเมื่อกุสุมาลย์ .. เบ่งบานช่อ-
ยังลามล่วงรุมเร้ายังเคล้าคลอ-
งามแอบออ .. ให้ถนอมด้วยอ้อมทรวง
O ถ้วนสิ้นความอ่อนโยนและอ่อนหวาน
จึงเปลี่ยนผ่านแปรให้ .. อาลัย-หวง-
แหนนั้น-เข้าห้อมห่มอารมณ์ปวง
แทรกความห่วงใยล้ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O น้ำค้างเร้นหยาดหยด .. ไปหมดแล้ว
ลมโผยแผ่วลอดเลี้ยวความเปลี่ยวเปล่า
ประหนึ่งเพชร-แสงปลาบ .. นั้นวาบเงา
เมื่อรูปเยาว์ .. หล่นคว้าง .. ลงกลางใจ !
O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น
ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว
ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย-
คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ
O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวสิ้น
ด้วยลมรินเอื่อยอ่อย-ที่คล้อยผ่าน
ยอดหญ้าค้อมเรียวลู่-รับรู้กาล
กุสุมาดอกมาลย์ก็บานรับ
O ขณะวันสาดส่อง .. ฟ้าผ่องแผ้ว
คือยามแววลึกล้ำ .. เนตรดำขลับ-
เหลือบชม้ายให้ทราบ .. ความวาบวับ-
ที่โหมลงจู่จับ .. ลำดับนั้น
O จู่จับห้วงจิตใจ .. เกินไหว-เบี่ยง
ด้วยชั่วเพียงสบรูป .. แล้ว-วูบสั่น
จนสบแววอ่อนหวาน .. ก็ปานทัณฑ์-
ผูกล่ามขวัญเอาไว้อยู่ในมือ
O แววเนตรไหว-วนวิ่ง, ยากยิ่งแล้ว-
จักฝ่าความผ่องแผ้ว .. จนแล้วหรือ
สบรูปแล้ววิญญาณ .. จักผ่าน ฤา
ย่อมยึดถือ-ยื้อยุด .. จนสุดตัว !
O แดดทอดทอกระทบน้ำ .. ลมร่ำผ่าน-
โลมกิ่งก้านดอกใบจนไหวทั่ว
ระลอกคลื่น .. ลมโยน-ก็โจนตัว-
กระฉอกยั่ว .. ดอกแดดที่แวดล้อม
O รอบถวิลน้อมนำลงสำทับ-
กลางดอกแดดเรื้องระยับ .. ลมขับกล่อม-
จิตวิญญาณดื่มด่ำ .. รอจำยอม-
อยู่ให้อ้อมโอบงาม .. ผูกล่ามไว้ !
O แดดสายทอเรื้องระยับ .. น้ำวับวาม-
ล้อเรื่องราว .. ถ้อยความ .. การถามไถ่
ความเอ็นดูเกลือกกลั้วกับหัวใจ
และอาลัยค่อยค่อยช่วงเยี่ยงดวงวัน
O จนแว่วเสียงเดินฝ่า .. เข้ามาใกล้
เมื่ออีกหนึ่งอกใจ .. จมในฝัน
แว่วเหมือนคนสองวัย .. รับไหว้กัน
ต่อจากนั้น .. รูปลออ ก็ล้อตา !
O เสื้อขาว .. กระโปรงดำ .. ตาดำขลับ-
คล้ายวามรับ-พิสวงที่ตรงหน้า
ก่อน-มือเรียวรูปนั้น .. ยกวันทา-
ปริศนาในทรวงก็ช่วงโชน !
O ชั่วเพียง-งามเพียบพร้อม .. เข้าล้อมกัก
ความไว้ตัวถือศักดิ์ .. ก็หักโค่น
พร้อม-ตาลอบเหลือบชม้าย .. ก็ถ่ายโอน-
ความอ่อนโยนตอบตา .. ทุก-คราครั้ง
O ขณะแรงเสน่หา .. แทรกอารมณ์
คือชั่วยามริ้วลม .. ค่อยถมถั่ง-
โลมน้ำ .. โตนเป็นคลื่น .. จนตื่น-ดัง
พร้อม-แก้มปลั่งเผยยั่ว .. ตา-หัวใจ !
O เหมือนเนตรลอบเหลือบค้อน, อย่างซ่อนเร้น-
คอยตอบเต้นเวียนวก .. ทำอกไหว-
จนอบอุ่นวาบหวาม .. กับความนัย-
ที่เผยให้สบต้องด้วยสองตา
O รู้-รับทราบรูปภพ .. บรรจบผ่าน-
ความอบอุ่นอ่อนหวานที่ปานว่า-
กี่รอบกาลหวานซึ้งเคยตรึงตรา
เหมือนสิ้นไร้คุณค่า .. ชั่วนาที !
O สบชม้อยชม้ายเมียง .. หรือเพียงว่า-
หมายหยอกยั่วเสน่หา .. ทำหน้าที่
จึง-เงื่อนงำแววตา .. เหมือนว่ามี-
แววไมตรีสื่อตอบ .. รับมอบกัน
O จะแปลความเยี่ยงไรก็ไม่พ้น-
ไปจากแววหวานล้น .. วก-วนนั่น
แก้มอิ่มเนียนเพ่งผ่านก็ปานทัณฑ์-
คอยบีบคั้นบีบเค้น .. ไม่เว้นยาม
O ชั่วเพียงเผลอพิศมองครรลองรูป
จึงเหมือนต้องจบจูบ .. จนวูบหวาม-
จากอาวรณ์อาลัยที่ไหลลาม-
เกินหักห้ามรอบชู้ .. ให้รู้รอ
O หรือนี่เป็นปรารมภ์ .. ท้าวพรหมท่าน
ดลรูปการณ์ .. รับรอง .. คำร้องขอ ?
จึงฝากงามรุมเร้าพะเน้าพะนอ-
ยั่ว-หยอกล้อ .. อกใจ .. คอยไขว่คว้า
O หรือนี่เป็นรสประณีต .. ท่านกรีดผ่าน-
ด้วยคมมีดอ่อนหวานที่หวานกว่า-
ถ้วนรสซึ้งรอยหวาน .. เคยผ่านมา
เติมคุณค่าหอมหวานแผ้วผ่านใจ
O หรือ-อบอุ่นอ่อนหวานที่ด้านหน้า
คือบัญชาท้าวพรหม .. ช่วยข่มให้-
ความว้าเหว่ในทรวง .. เลือนล่วงไป
ด้วยแววตาวูบไหว .. ของใครนั้น ?
O ราวทิพโลกชะลอลงที่ตรงหน้า
เมื่อแววหวานในตา .. คล้าย-พร่า .. สั่น
เผลอเผยความหวานหอม .. ออกล้อมกัน-
ถ้วนรอบฉันทารส .. รินรดใจ
O โอ งามหรือจะตามมาล่ามทัณฑ์-
ผูกรัดความมุ่งมั่น .. แนบฝันใฝ่
โอ นั่นเหมือนรูปลักษณ์ .. วงพักตร์ใคร-
แทรกรูปไว้ให้คะนึงทุกกึ่งยาม
O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบ
แว่ว-เหมือนหัวใจตอบ .. เสียงสอบถาม-
จากอีกใจเร้ารุก .. เข้าคุกคาม
ว่า-สุดแรงพยายาม .. ข่มห้ามแล้ว
O โอบรับนัยแห่งชู้ .. รับรู้ผ่าน-
ความอ่อนหวานซึ้งห่ม .. สายลมแผ่ว-
แต่เมื่อเลศนัยคราญ .. เผลอผ่านแวว-
ความผ่องแผ้วโชนผกาย .. ตอบสายตา
O งดงามรูป .. สัมพันธ์ในวันผ่าน
กับหนึ่งความทรมาน .. คอยผลาญพร่า
ใครกันหนอ .. นับยามถูกล่ามคา-
ด้วยโซ่ตรวนเสน่หา .. แต่ครานั้น ?
O กระโปรงดำ .. เสื้อขาว .. เนตรวาววับ-
ที่ทุกพรับพริ้มรูป .. แล้ววูบสั่น-
ที่หัวใจชายผู้ .. สุดรู้กัน
ก็ค่อยผันรูปลับ .. ไปกับตา
O น้ำค้างรุ่งหยาดพราว, อีกคราวแล้ว
วาม-ผ่องแผ้ว .. ก็ชำเลืองอยู่เบื้องหน้า
ทอดวางงามถ้วนรอย .. ที่คอยมา
ให้เอื้อมคว้าโอบรับ แนบกับใจ !



Create Date : 08 สิงหาคม 2560
Last Update : 5 เมษายน 2566 13:45:44 น. 64 comments
Counter : 5048 Pageviews.

 
บรรจงกานท์ สมงาม นามสดายุค่ะ

" แว่วเหมือนคนสองวัยรับไหว้กัน "
คาดว่า อาจจะมีข่าวดีเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ นะคะ

"เสียงไชโยโห่ร้องแซ่ซร้องเสียง
ขบวนเรียงจัดแถวเป็นแนวสวย
พร้อมผู้บ่าวถือพานยกขันกรวย
ผู้คนอวยพรให้ในวันดี"...ที่จะถึงนี้นะคุณ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:9:44:10 น.  

 


แม่เอื้อย ..

ดูคนในรูปสิครับ ..
มายืนอยู่ตรงหน้าเมื่อไร บทกลอนจะลื่นไหลหยุดไม่ทัน

อิๆๆ



โดย: สดายุ... วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:11:00:05 น.  

 
งามตามวัย.
ว่างจิบน้ำส้มยามบ่าย มาทิ้งไว้สักบทค่ะ

"เจ้าเอยสวยสมวัยฤทัยพี่
งามเทวีเกินงามจะห้ามฝัน
กระชากใจพี่ไว้ในมือพลัน
มิเหลือปันมอบใครให้ถือครอง"

ประมาณนี้หรือเปล่าค่ะคุณสดายุ อิอิ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:13:26:12 น.  

 



ครับ ประมาณนั้นแม่เอื้อย

ปากแก้มเหมือนซ่อนยิ้ม .. เนตรพริ้มพรับ-
ย้อนภาพการจ้องจับ .. ให้กลับช่วง
แล้วทั้งหวานทั้งหอม .. กว่าหอมปวง-
ก็ลามล่วงยั่วเย้า .. ให้เฝ้ารอ


โดย: สดายุ... วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:14:09:46 น.  

 
เข้ามาผ่อนคลายยามเช้าสักบทค่ะคุณสดายุ

"นี่ครับท่านนั่นค่ะนายวุ่นวายหมด
เช้าบ่ายจรดถึงค่ำหน้าคล้ำหมอง
เป็นถึงนายทำไมงานก่ายกอง
จะเรียกร้องธรรมจากใครที่ไหนดี"


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 10 สิงหาคม 2560 เวลา:9:16:01 น.  

 


แม่เอื้อย ..
เหมือนจะเข้าใจสังคมไทยได้ดีนะครับ อิๆ

มีนายจำนวนมาก ที่ทำงานเหมือน"เสมียน"
ไม่เข้าใจเรื่อง priority
ไม่เข้าใจเรื่อง conceptual core
ไม่เข้าใจ line of command

ยกชนชั้น-มือเท้า .. เป็นเจ้านาย
ความฉิบหายถ้วนสรรพ .. ก็ขับเคี่ยว
เอาหางยกขึ้นชู, แม้นครู่เดียว-
อาจล่มลาญแม้เสี้ยวส่วน .. เดียวนั้น !



โดย: สดายุ... วันที่: 10 สิงหาคม 2560 เวลา:15:18:08 น.  

 


แต่เหลือบสบแก้มก่ำ .. เนตรดำนั้น--
ก่อนไหวสั่นวับวาม เมื่อยามเหลียว
ยอดข้าวโค้งลงรอคมขอเคียว
เยี่ยงเนตรนั้นเช่นเดียว-เหลือบเหนี่ยวใจ


โดย: สดายุ... วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:13:54:40 น.  

 


แล้วงามนั้นใครจะยุดให้หยุดเล่า-
เมื่อแต่เฝ้าพริ้มพรับอยู่วับไหว
หรือแววตาโยนระลอกเพื่อบอกนัย-
อย่าหวังได้ขาดคะนึง .. แม้นกึ่งยาม


โดย: สดายุ... วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:14:45:48 น.  

 
ที่คุณพูดมาทั้งหมดก็มีส่วนถูกในเชิงระบบของการทำงาน
และศักยภาพของคนที่เป็น Boss

ตามความคิดเห็นของแม่เอื้อย เห็นว่า สิ่งที่ Boss จะขาดไม่ได้นั้น
คือภาวะ Leadership ที่ต้องอยู่บน line accuracy

แต่ถ้าหากองค์กรใดที่ได้ Boss ที่มีคุณสมบัติ Benevolent พ่วงท้าย
ติดปลายนวมมาด้วย ก็นับว่าจะเป็นบุญกับสมาชิกในองค์กรนั้น

ยิ่งปัจจุบันสังคมและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้
Boss ยิ่งต้องมี vision เพื่อที่จะขับเคลื่อนนำพาองค์กรของตัวเองให้ก้าวทันกับโลกในยุคปัจจุบันนะคะ

แม่เอื้อยเข้ามาพักอ่านกลอนในยามว่าง ก็หวังจะปลดปล่อยภาระของงาน ขอพื้นที่นิดหน่อยในการขีดเขียน หวังว่าคุณสดายุคงไม่ว่าอะไรนะคะ

"เมื่อบินสูงอย่าหวั่นมันจะหนาว
เมื่อถึงคราวรุกฆาตอย่าหวาดถอย
เมื่อพายุซัดมาจงกล้าคอย
ให้เป็นเพียงแค่รอย...แล้วผ่านไป"

แม่เอื้อยให้กำลังใจตัวเองค่ะ อิๆๆ



โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:15:16:53 น.  

 
ฝากไว้ตรวจวันหยุดค่ะคุณสดายุ

อันสำเนียงส่อภาษาท่านว่าไว้
กริยาไซร้ส่อสกุลแม่ทูนหัว
จะมารยาจริตล่อพอสมตัว
อย่าร่านยั่วโชว์ร่างหมดยางอาย

จะพูดจาคิดรู้ดูให้เหมาะ
ใช่ผีเจาะพล่ามมากปากเสียหาย
เป็นนารีสงวนคำอย่ากล้ำกราย
หยอกล้อชายคารมพอสมควร

อย่าอวดรู้ฤทธิ์แรงสำแดงเดช
จนเกินเหตุครรลองต้องสงวน
ท่าทีผู้ดีไซร้ต้องใคร่ครวญ
มิใช่ดวลหวังเด่นเช่นทุกยาม

ฝากดายุอ่านกลอนแนวสอนหญิง
เพื่อติติงนารีศรีสยาม
เชิญสำรวจตรวจเถือทุกเนื้อความ
จะเด่นทรามตามถนัดช่วยขัดเกลา


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:15:44:38 น.  

 


แม่เอื้อย ..
เรื่องมาขีดเขียนในนี้ .. ด้วยความยินดีครับ

"ระบบอุปถัมภ์" ..
ทำให้สังคมเรามักได้ "คนด้อยความสามารถ" มานั่ง
ในตำแหน่งสำคัญ

สมัยอยุธยา .. ญี่ปุ่นยากจนกว่าเรา
คนญี่ปุ่นถึงมารับจ้างเป็นทหารองครักษ์สำหรับ
ชั้นเจ้านายในรั้วในวัง

แต่ปัจจุบันนั้น คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะครับ
ระบบนี้มันลงรากลึกมาจากกำพืดศักดินา

ในแวดวงทหารจึงมีคำว่า "วงศ์เทวัญ"
สำหรับบอกระยะเวลาที่ผ่านมาของวงศ์วาน
ของคนคนหนึ่ง ที่จะมีเวลาข้างหน้ายาวไกล
ในตำแหน่งสำคัญ

ส่วนวงศ์วานแบบตรงข้ามที่มีระยะเวลาที่ผ่านมา
สั้นกุดนิดเดียวนั้นจึงเรียกประชดกึ่งล้อเลียนกันว่า
"วงศ์คำเหลา" และแม้จบ จปร มาก็อาจเกษียณอยู่แค่
พ.อ.พิเศษ หรือ พล.ต.เท่านั้น

ประการนี้ทำให้พัฒนาการแห่งชาติถดถอยหรือ อยู่กับที่

แข่งขันกับ ระบบคัดคนที่ความสามารถแบบตะวันตก
ซึ่งเรียกว่า"ระบบคุณธรรม" ได้ยาก

นานแล้วที่ไม่ค่อยเจอบทกลอนที่ "เป็นเรื่องเป็นราว" แบบที่นำมาวาง

ดีจริง


โดย: สดายุ... วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:20:06:16 น.  

 


4 บทที่นำมาวาง .. ทำให้ผมรู้ว่าเจอยอดฝีมือเข้าแล้ว

สำนวนสอนคนโบราณยังไม่เท่าไรครับ
แต่สำนวนประยุกต์ของคนร่วมสมัยนี่
บาดอกบาดใจ แหลมคม ยิ่งนัก

กลอนของนายตะหานใหญ่
คงกร่อยสนิท

อิๆๆ






โดย: สดายุ... วันที่: 11 สิงหาคม 2560 เวลา:20:14:06 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณสดายุ
กลอนเพราะหวานดีค่ะ ขออนุญาตจิ๊กกลอนคุณเอื้อยนะคะ แต่งได้ดุกระแทกแดกดันดี ชอบตรงผีเจาะปาก เหมือนคนข้างบ้านแท้ ขอสอนชายบ้างค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.57 วันที่: 14 สิงหาคม 2560 เวลา:15:39:12 น.  

 


แม่เอื้อย ..
บทใน คคห.10 งดงามทั้งความคำครับ ..

"อย่าร่านยั่วโชว์ร่างหมดยางอาย"
"โชว์" นี่ขออนุญาตเปลี่ยนเป็น "อวด" ครับ
ภาษาต่างด้าวในบทกลอนไทย ดูจะขัดแย้งกันอยู่

ต้องขอชมว่าแม่เอื้อยเขียนกลอนแนว
เหน็บแนม เสียดสีสังคม ได้ดีมากครับ
คำ ความ ครบเครื่องอย่างที่ดูออกว่าไม่ใช่
คนเพิ่งหัดเขียนกลอน




คุณทิพย์ ..
ยินดีครับ ที่แวะมาทักทาย
จะเอากลอนแม่เอื้อยไป"สอนชาย" ที่ไหนครับ
อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:7:52:29 น.  

 

คุณสดายุ

ขอบคุณสำหรับคำชมและคำแนะนำ สมกับเป็นผู้รู้โดยถ่องแท้และเข้าใจในความหมายได้ลึกซึ้งค่ะ

"ท่านรู้จริงรู้แท้ช่างแน่มาก
ไม่กระดากคำชมสมศักดิ์ศรี
ท่องกรำร่ายร่ำรสบทกวี
เทียบเซียนดีนามสลักยุทธจักรกลอน"

และขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับพื้นที่ ที่ให้แม่เอื้อยได้มาขีดเขียน อะไรเล่นๆในยามว่าง

สำหรับสกุลที่มีส่วนทำให้หน้าที่การงานรุ่งโรจน์นั้น
สงสัยแม่เอื้อยคงต้องเปลี่ยนให้ดังๆ เป็น"วง"เหมือนกัน แต่เป็น "วงโยธวาทิต" จะได้ดังพอที่จะเลื่อนเป็นผู้ว่าการกับเขาเสียที ๕๕๕

วันหยุดไปเที่ยวไหนมาบ้างค่ะคุณสดายุ


คุณทิพย์

กลอนที่เขียนมานี้ ยกให้เป็นสมบัติของ จขกท โดยปริยาย
ส่วนกลอนสอนชาย แม่เอื้อยต้องขออนุญาตใช้คำว่า "มิบังอาจ" เพราะอยู่นอกเหนือภูมิปัญญาตัวเอง

ขอบคุณที่ชอบค่ะ




โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:9:35:29 น.  

 


แม่เอื้อย ..
ผมไม่ใช่คนรู้มากอะไรหรอกครับ ..
เพียงแต่ชอบเสาะแสะอ่านโน่นนี่ไปเรื่อย
เรื่องที่สนใจ ก็จะจดจ่อมากหน่อย

ปกติจะไม่ค่อยมีกลอนแนว "สอนหญิง" ของผมหรอก
จะมีก็แต่แนว "ชื่นชมหญิงวัยสาว" เป็นส่วนมาก
เพียงแต่มักจำกัดอยู่แค่วัยแบบในรูปด้านบนนี้เท่านั้น

เพิ่งมาทราบในภายหลังว่า ..
เคยมีวัย"คุณป้าปลอมเป็นคุณหลาน"
มาแสดงตนรับรอง"ความนัย"ที่สื่อในบทกลอน
ไปพักใหญ่โดยที่คนเขียนเองก็ไม่รู้เรื่อง .. อิๆๆ

อีกแนว ที่เป็นพิษต่อจริตส่วนตัวคือ
แนว "เย้ยหยันชายใจหญิง" .. ซึ่งไม่ใช่ว่า
"ใจหญิง" จะเป็นสิ่งไม่ดี ..

เพียงแต่ใจหญิงควรต้องตั้งอยู่บนรูปกายของหญิง
ไม่ผิดฝาผิดเพศ

เป็นต้นว่า "ความริษยา" .. ที่หากมีใน ญ เราจะเห็น
เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมชาติ มากๆ

แต่พอสังเกตุเห็นในชาย .. มันไม่ใช่ธรรมดาแล้ว
อันนี้เป็นพิษต่อการรับรู้ของผมมาก

ในแวดวงราชการ .. เราอาจเห็นกระทั่ง
ชายริษยาหญิง .. ที่น่าชิงขัง
จริงไหมครับ ?



โดย: สดายุ... วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:13:25:38 น.  

 

แม่เอื้อยเข้าใจความหมายที่คุณสื่อให้ฟังค่ะ

กลอนที่แม่เอื้อยแต่งสอนหญิงนี้ มีจุดประสงค์จะปรามสาวๆรุ่นใหม่ในที่ทำงาน ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากจนเกินงามไปค่ะ

คุณป้าปลอมตัว แกคงอยากสร้างสีสรรให้มีความกระชุ่มกระชวยในชีวิต เลยกระชากวัยอาศัยจินตนาการร่วมฝันกับคุณ ถ้าไม่มีพิษภัยอะไร ก็ถือว่าสงเคราะห์คนแก่ไป ได้บุญดีค่ะ

ส่วนคนสับสนเพศตนเอง ตามความรู้สึกแม่เอื้อยแล้ว เขาเป็นคนที่น่าสงสาร ถ้าเอ็นดูเขาแล้ว เอ็นเรายังไม่ขาด
ก็อย่าไปหยันเขาเลย โลกนี้มีคนหลายประเภท เกี่ยวเนื่องกันมาด้วยกรรมทั้งนั้น

แต่ถ้าเรื่องความอิจฉา ริษยา มันเป็นธรรมชาติจริตของผู้หญิง
ถ้ามีในชายเมื่อไร คงต้องเปรียบประมาณนี้ค่ะ

"หน้าเป็นชายใจตัวเมีย(หอเอียเหียไม้โท)ที่สุด
สมควรกุดเจี๋ยนตอ( กระ .ด. ) หาย
หรือไล่ส่งนุ่งซิ่นหยามหมิ่นชาย
แล้วลงท้าย(ถอ อี บอ)ส่งเข้าดง(ตอ อี นอ)"

แม่เอื้อยเองก็ชิงชังผู้ชายประเภทนี้มาก และพวกนี้มักจะมีอยู่ทุกวงการเสียด้วย หากแม่เอื้อยไม่แกร่งจริง ก็คงถูกชายหน้าวรนุชเลื่อยขาเก้าอี้หักไปนานแล้วค่ะ



โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:14:38:29 น.  

 
สวัสดีคุณสดายุและคุณเอื้อยค่ะ

เข้ามาอ่านคุณทั้งสองคุยกัน ชอบค่ะ สนุกดีที่มีกลอนดุเดือดของคุณเอื้อย

อ่านกลอนหน้าเป็นชายแล้วโดนใจที่สุด นั่งสะกดในวงเล็บตั้งนาน. แปลออกแล้วเจ็บแทนชาย

ไหนบอกว่าไม่มีภูมิปัญญาไงคะ เล่นเอาผู้ชายท้องขึ้นจุกเสียดไปนานเลยค่ะ 55


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.57 วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:18:30:02 น.  

 
ป.ล ขอถามคุณเอื้อยอีกนิดว่า.

ชายหน้าวรนุช ใช่หมายความว่า หน้าตัวเงินตัวทองหรือเปล่าค่ะ?


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.57 วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:18:35:28 น.  

 


555
แม่เอื้อย นี่คารมสำคัญทีเดียว ..

เป็นชาย-ใจตัวเมีย-ว่า(หอเอียเหียไม้โท)แล้ว
ลิ้นผลุบแผล็วแลบเลีย-ยิ่ง(หอเอียเหียไม้โท)ใหญ่
จนริษยาโลมทั่ว-เนื้อหัวใจ
จำต้องไสหัวส่งเข้าดง(ตอ อี นอ)

สักบท พอหอมปากหอมคอ รับฝนตกรถติดเมืองหลวง
อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:18:56:43 น.  

 


คุณทิพย์

ผมขอเดาว่า ..
ในกรณีกลอนสุภาพ "หน้าวรนุช" หมายถึง หน้าสตรี ไงครับ
ส่วนในกรณีกลอนไม่สุภาพมากนัก มักจะใช้ "หน้าตัวเมีย" แทนครับ เพราะเข้าถึงใจคนอ่านได้ดีกว่าครับ

ยังไงก็รอ แม่เอื้อย มาเฉลยอีกทีนะครับ
ผมอาจเดาผิดก็ได้

555



โดย: สดายุ... วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:19:04:36 น.  

 

...
ต้องพลิกลิ้นเล่นเลศเพราะเหตุว่า-
เดชศักดากดข่มให้ก้มหัว
ศักยภาพของมนุษย์จึงทรุดตัว-
กับเพียงชั่วปลายลิ้นแดะดิ้นความ

และแล้วความตัดสินก็รินไหล
เทียนเล่นไฟต้องลมก็ล้มด้าม
ชั่ววูบเดียวแสงวับก็ดับตาม
แค่ชั่วยามมืดมิด ก็ติดตา


โดย: สดายุ... วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:20:14:21 น.  

 
555 ดุเดือดพอๆกันนะคะคุณสดายุ
อ่านแล้วนึกสนุกอยากแต่งบ้างค่ะ ลองอ่านเอานะคะ

เป็นคู่ปากกัดจมเขี้ยวฝังลึก
รู้สึกเจ็บฝังใจเลือดไหลหยดริน
ทำใจเคยชินทำเป็นไม่ได้ยิน
เหลือกินปากคนจำต้องทนเอย

พอใช้ได้หรือเปล่าค่ะ. ผิดถูกขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่หัดแต่งค่ะ

ทิพย์เดาว่าหน้าวรนุชคือหน้าผู้หญิงเหมือนกันค่ะคุณสดายุ



โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.57 วันที่: 15 สิงหาคม 2560 เวลา:20:58:17 น.  

 
พวกมีความรู้ เขาจะดูหมิ่นคนมีการศึกษาน้อยนะคะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.240.56 วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:7:16:45 น.  

 


คุณทิพย์ ..

อาจมีเป็นบางคนครับ .. ไม่ใช่ทุกคน
ทั้งเรื่องฐานะ
ท้้งเรื่องการศึกษา
ทั้งเรื่องวงศ์วาน
ทั้งเรื่องศรัทธา
ทั้งเรื่องเผ่าพันธุ์
คนเรามันดูหมิ่นกันได้ทั้งนั้น ..

ผมคิดว่าเราอย่าไปใส่ใจประเด้นพวกนี้ให้มากนัก
เพราะมันยากจะหาข้อพิสูจน์ .. ว่าเขาคิดจริงไหม
และเรามักคิด มโนไปเอง เป็นส่วนมากครับ ..



โดย: สดายุ... วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:11:38:00 น.  

 
คุณสดายุ
บทเดียวที่กระแทกซ้ำนี่...ไม่ได้หอมเพียงแค่ปากแค่คออย่างเดียว
แต่มันเย็นซาบซ่านผ่านลำไส้ไปถึงปลายทวารโน่นเลยเชียว
ถูกใจแม่เอื้อยดีแท้ค่ะ ๕๕๕

อยู่เมืองหลวงต้องทำใจ เรื่องรถติดเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเมืองไปแล้วค่ะ

คุณทิพย์
คคห 24 ดูเหมือนจะน้อยใจอะไรหรือเปล่าคะ อิๆๆๆ
คุณสดายุ ตอบได้ชัดเจนดีแล้วค่ะ

ส่วนคำว่า "วรนุช" มาจากคำว่า Varanus ที่มีคนต้องการอยากจะเปลี่ยนชื่อสัตว์ประเภทนี้ให้ฟังดูดี
แต่ชายหน้า"วรนุช" บางคนในความหมายของแม่เอื้อยนั้น หมายถึงหน้าเทียบได้กับสัตว์ประเภทนี้เลย ๕๕๕ คงกระจ่างนะคะคุณทิพย์

หากแรงไปขออภัยคุณสดายุเจ้าของพื้นที่ด้วย แม่เอื้อยเป็นคนพูดตรงๆ นุ่มนอก ห้าวในค่ะ อิๆๆ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:15:33:03 น.  

 
คุณทิพย์

ได้อ่านกลอนดูแล้ว..ความน่ารักดีค่ะ
แต่ผังสัมผัส คุณสดายุ น่าจะแนะนำในฐานะผู้รู้ได้ดีที่สุดค่ะ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:17:17:13 น.  

 

คุณทิพย์ ..
.
.
กลอนแปด ในจุดเริ่มต้น ยังไม่ต้องสนใจความงดงาม
ในรูปสัมผัสในครับ ..

มีสัมผัสบังคับที่กำหนดไว้ว่า 1 บท มี 4 บาท
บาท ก็คือ วรรค มี 8 คำ

000 00 001 - - - วรรคแรก
001 00 002 - - - วรรคสอง
000 00 002 - - - วรรคสาม
002 00 003 - - - วรรคสี่

น้ำค้างเร้น หยาดหยด ไปหมด'แล้ว'
ลมโผย'แผ่ว' ลอดเลี้ยว ความเปลี่ยว''เปล่า''
ประหนึ่งเพชร แสงปลาบ นั้นวาบ''เงา''
เมื่อรูป''เยาว์'' หล่นคว้าง ลงกลาง'''ใจ''' !

จะเห็นว่า ผมใช้เลข 1, 2, 3 แทนสัมผัสสระ
สัมผัสสระ คือ การใช้สระเดียวกัน เรา-เขา, ความ-ถาม
เลข 1-2 สัมผัสสระในบท
เลข 3 สัมผัสสระระหว่างบท เมื่อเขียนบทต่อไป

O จึงต้องพลิกเรียวลิ้นจนสิ้น'บท'
คำโค้ง'คด'แห่งโฉดก็โลด''เต้น''
ทุบสัตย์แท้ทั้งปวง .. แหลกร่วง, ''เป็น''-
ผงธุลีหล่น''เร้น''ในหลืบ'''คำ''' - - - - บท 1

O แว่ว-วาทีแห่งเธียร .. วกเวียนโสต
คำว่าโฉดว่าฉลก็บ่น'''พร่ำ'''
เปลี่ยนนรกให้งามด้วยนาม'''ธรรม'''-
แฝงมดเท็จร้อย'''คำ'''จนดำรู - - - บท 2

เมื่อเขียนจนชำนาญ ก็จะรู้เองว่า สระใด หาคำมาลงสัมผัสง่าย ..

มาดูกลอนที่เขียนกัน ..

เป็นคู่ปาก กัดจม เขี้ยวฝังลึก - - - วรรค 1
ลงท้ายด้วย ลึก
"เป็นผู้-ฝากคมคำอันล้ำลึก"

รู้สึกเจ็บ ฝังใจ เลือดไหลหยดริน - - - วรรค 2
รับด้วย สึก แม้จะลงตะแหน่งคำที่ 2 ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด แต่ไม่ค่อยนิยม

เพียงแต่ คำเกิน 8 คำทำให้อ่านสะดุด
ลงท้ายด้วยเสียงสามัญ ทำให้เสียงไม่ส่ง ไม่นิยมใช้กัน
แก้ง่ายนิดเดียว ..
เลือดไหลหยดริน .. 4 คำ
เลือดไหลหยด .. 3 คำ
เลือดไหลริน .. 3 คำ
จะเห็นได้ว่า แม้จะตัดคำออก ความหมายยังไม่เสีย ยังสื่อได้ใจความเดิม ..
คำหลักคือ เลือด
คำที่เหลือเป็นเพียงคำขยายความเท่านั้น
เลือดไหล
เลือดหยด
คำว่า ริน ลักษณะมันต้องเป็นของเหลวที่มีปริมาณมากพอควร เช่น รินน้ำจากขวด ไม่ใช่เลือดที่ปริมาณคงไม่มากขนาด ริน ได้
"เชื่อดสำนึกเฉือนให้เลือดไหลหยด"

ทำใจเคยชิน ทำเป็น ไม่ได้ยิน - - - วรรค 3
ลักษณะที่เขียนมีกลิ่นอายกลอนเปล่ามากทีเดียว
คงชอบอ่านแนวนี้ แบบที่พวก "นิ้วกลม" ชอบเขียนกัน
"แม้นคุ้นเคย ส่วนเสี้ยวความเลี้ยวลด"

เหลือกินปากคนจำต้องทนเอย - - - วรรค 4
วรรคนี้ ชัดมาก แนวกลอนเปล่าจริงๆ
"ยังปรากฎทุรกรรมให้จำทน"
.
.
รวมเล่มดู
เป็นผู้-ฝากคมคำอันล้ำลึก
เชื่อดสำนึกเฉือนให้เลือดไหลหยด
แม้นคุ้นเคย ส่วนเสี้ยวความเลี้ยวลด
ยังปรากฎทุรกรรมให้จำทน

ลองฝึกดูครับ


โดย: สดายุ... วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:19:12:38 น.  

 
ขอบคุณทั้งสองคนมากค่ะ เห็นคุณเขียนกลอนกัน
อย่างสนุก เลยอยากเขียนบ้าง แต่ความรู้ไม่กว้างขวางนัก
จะพยายามฝึกเขียนต่อไป คงใช้เวลานานกว่าจะเขียนได้เท่ากับคุณสองคนค่ะ

ขอบคุณคุณสดายุที่ช่วยอธิบายด้วยค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.12 วันที่: 17 สิงหาคม 2560 เวลา:19:39:59 น.  

 


คุณทิพย์ ..
ผมเขียนมานาน ..มากแล้ว
หากสนใจก็แวะเอาที่ลองเขียนมาวางได้ครับ

ผมไม่ใช่ผู้รู้อะไร
แค่ทำเป็นรู้ บางเรื่องเท่านั้น 55

ขอแนะนำว่า มือใหม่ ให้ฝึกเขียนทีละบท
เน้น"ความ" .. ไม่เน้น"คำ"
เนื่องจากมี 4 วรรค .. จึงขอใช้หลักการเขียนโคลง
มาประยกต์ ว่า ..

วรรค 1 - เปิดเรื่อง
วรรค 2 - ขยายเรื่อง
วรรค 3 - รวบเรื่อง
วรรค 4 - ปิดเรื่อง

ขณะวันสาดส่อง .. ฟ้าผ่องแผ้ว .... 1
คือยามแววลึกล้ำ .. เนตรดำขลับ- .... 2
เหลือบชม้ายให้ทราบ .. ความวาบวับ- .... 3
ที่โหมลงจู่จับ .. ลำดับนั้น .... 4

ยกมาเป็นตัวอย่าง - เนื่องจากกลอนผม
ส่วนมาก เขียนยาวหลายบท
บางบทไม่จบเนื้อความดี ก็ไปจบที่บทต่อไปได้

แต่เขียนทีละบท ค้างคาไม่ได้ ต้องจบเลย



โดย: สดายุ... วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:10:39:03 น.  

 

คุณทิพย์

ได้ผู้รู้ชี้แนะให้อย่างนี้แล้ว คงจะเขียนเก่งขึ้นในเร็ววันนี้
แม่เอื้อยขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

"ฝึกอีกนิดเพียรหน่อยให้บ่อยไว้
มันจะได้ชำนาญเรื่องการเขียน
ศาสตร์ทุกอย่างไม่ยากหากพากเพียร
มุ่งหมั่นเวียน..เขียนอ่านถี่..จะดีเอง"


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:11:46:55 น.  

 

สวัสดีคุณสดายุและคุณเอื้อยค่ะ

ได้รับกำลังใจจากคุณเอื้อยและได้ความรู้จากคุณสดายุ
ทำให้ทิพย์มีกำลังใจที่จะลองเขียนกลอนให้ดีขึ้นค่ะ
ขอบคุณทั้งสองท่านที่แสนดีมากนะคะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:15:32:37 น.  

 
ส่งงานสัปดาห์นี้ค่ะคุณสดายุ

มายาหัวโขน

อันหัวโขนครอบทับลงกับหัว
อย่าลืมตัวคึกคะนองทำพองขน
ถึงเวลาร่วงปลดหมดตัวตน
แม้แต่ขนสักเส้นไม่เห็นเงา

เบ่งโอหังวางท่าว่าข้าใหญ่
อยู่เหนือไพ่อหังการ์มากกว่าเขา
หลงละเมอวางท่าข้ามิเบา
แท้จริงเขาอยู่บนหัวเหมือนวัวควาย

ปัญญาชนคนดีมีสมอง
รู้จักกรองตรองจิตคิดขวนขวาย
สร้างศรัทธาดีตลอดก่อนวอดวาย
เพื่อสุดท้ายคนเซ็งแซ่แห่กราบกราน

หากยังเขลาลอยหน้าบ้าหัวโขน
จิตกระโจนบรรลัยดังไฟผลาญ
หมดเวลาสูญเปล่าคุกเข่าคลาน
ต้องซมซานคนเหยียบข่ม..ถุยถ่มเกรียน!!

"กลอนนี้ไว้เตือนสติแม่เอื้อยเองค่ะ"


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:16:11:16 น.  

 
คุณเอื้อยค่ะ. ต้องขอยกนิ้วโป้งให้กับกลอนหัวโขนนี้
ทั้งสองมือเลยค่ะ และตามด้วยการปรบมือดังๆรัวๆ

คุณเอื้อย เขียนกลอนเสียดสีได้เฉียบมาก
อ่านแล้วฟินในอารมณ์มากค่ะ

อยากทราบจังว่าคุณเอื้อยทำงานอะไร อารมณ์คนเขียนเหมือนดุดัน. แต่ก็เหมือนมีความหวานแอบซ่อนอยู่ แต่คงอยู่ลึกนะคะ อิอิ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:20:24:28 น.  

 

ทิพย์ลองแต่งต่อคุณเอื้อยดู สี่บรรทัดคิดมาสองชมเท่านั้นค่ะ แฮร่ๆๆๆ
ใช้ได้ไหมค่ะคุณทั้งสองคน

สวมหัวยักษ์หัวลิงหัวสิงโต
คิดว่าช่างโก้เสียหนักหนา
หรือว่าจะสวมหน้ากากอีกา
จะได้ตะละหลั่นลั้นล้ากล้าดี

มือใหม่เริ่มฝึก ขออภัย ถ้ายังไม่ดีนะคะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 19 สิงหาคม 2560 เวลา:6:13:38 น.  

 
ตามมาด้วยอีกบท กำลังคลั่งฝึกหนักค่ะ

ได้เวลาพระอาทิตย์โผล่มาแล้ว
ต้องไปวิ่งแจวทำครัวก่อนแล้วหนา
วิ่งไปแล้วก็ต้องวิ่งรีบมา
คอยดูเจ้าเหมียวเดี๋ยวมันแอบกินปลา

บทนี้แต่งในครัว ตามสภาพจริงกำลังจะทอดปลาทูค่ะ
แมวมันคอยจ้องจะฉกปลาทูอยู่ค่ะ อิอิ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 19 สิงหาคม 2560 เวลา:6:26:17 น.  

 


แม่เอื้อย ..

แค่ 2 วรรคแรก ก็เรียกเลือดลมไหลเวียน
ได้แล้วครับ 55

อันหัวโขนเขาครอบให้ตอบรับ
เรียงลำดับต้นสายถึงปลายหาง
ครอบแล้วหน้าทั้งใบต้องไร้ยาง
เสียงถากถางผ่านหู .. แค่ลู่-เบือน

แม้นลำตัวแขนขาไม่มีขน
อาจฝึกฝน พอง-ลู่ ให้ดูเหมือน-
ขนคอหมาตั้งพองเห่าร้องเตือน
ข่มขู่เพื่อน - เฮอะ ! อย่า ทำท้าทาย !



คุณทิพย์ ..
ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคล่องเอง และดีเองครับ


สักหลายบท ..

O ไร้สิ้นซึ่งปรารมภ์จะก้มกราบ
หน้าหมอบราบ ยกคนขึ้นบนหัว
เพียงภาพพจน์ต่อหน้า .. ที่พร่ามัว
ปรากฏตัวดำรงกลางวงกรรม
O เพียงคนผู้-ดีงาม .. และความชั่ว-
ยังเร้ารัวชาติภพให้ขบขำ
จะค้อมคอรอเขลา .. มาเคล้าคำ-
ลอยหน้าเฝ้าชี้นำอยู่ทำไม
O วัดทุกรอยขื่นคาว .. การก้าวย่าง
เหมือน, แตกต่างด้วยจริตแห่งนิสัย
เป็นคนให้เขาจูง .. รวมฝูงไป
จะต่างใดฝูงควาย .. ยักย้ายคอ
O อาหารเพื่อบำรุงบำเรอร่าง
ใช่ยอดหญ้าเขาถาง .. แล้ววางล่อ
กินข้าวและกินเนื้อ .. ควรเหลือพอ-
ครวญใคร่ต่อเหตุผลด้วยตนเอง
O จะมีหรือเทวดาในภพพื้น
จนตามตื่นชี้นำอยู่คร่ำเคร่ง
เห็นแต่เชื้อโฉดฉล .. ที่อลเวง-
การรุดเร่งบริบทให้จดจำ
O โอ่โอหนอ .. ทุพพล .. ผู้ล้นหลาก-
อารมณ์กรากเชี่ยวข่ม .. สายลมร่ำ
รอบอัตตาโบกสะบัด .. การจัดทำ-
ก็เพื่อสัมผัสเขลา .. แล้วเร้าใจ
O เพียงกระเพื่อมผ่านโสตอุโฆษศัพท์
ก็ขานรับปรารถนาแห่งปราศัย
เพียงกระเพื่อมระลอกพลิ้วเป็นริ้วไป
ก็เห็นแววหวั่นไหวแห่งนัยน์ตา
O มีใจผู้หยั่งรู้สภาพธรรม
ฤๅเกรงการเหยียบย่ำ .. ในต่ำหล้า
มีใจผู้เต็มสมรรถแห่งศรัทธา
เพียงยกย่างก้าวขา .. ก็กล้าแล้ว
O ทั้งตัดตรง, คดเคี้ยว .. ในเที่ยวทาง
ให้ยกย่างเยี่ยมมอง, ทั้งผ่องแผ้ว-
หม่นหมองใบไม้บาง-ช่วยพรางแนว-
ฤๅอาจแล้วล่วงลาจากตาคน
O มองด้วยสองตาเห็น .. ว่าเช่นไร
ย่อมด้วยใจรู้ตื่น .. พันหมื่นหน
มองด้วยสองตาเปล่า .. ให้เขลาจน-
ปัญญาพาสับสน .. ในหนทาง
O มีหรือที่เหมาะสม .. จักก้มกราบ-
บรรดาภาพอวดโอ่ .. ที่โผล่หาง
พร้อมจิตใจสับสน .. ดิ้นรนกลาง-
คำถากถางหยาบช้า .. ต่อหน้าตน
O ควรหรือที่ปรารมภ์คอยก้มค้อม
ลงนอบน้อมบรรดา .. สัตว์หน้าขน
ควรหรือจะหลบเร้นความเป็นคน
ให้ทุพพล .. อัปรีย์ .. ขึ้นขี่คอ .. ?


โดย: สดายุ... วันที่: 19 สิงหาคม 2560 เวลา:9:59:24 น.  

 
แม่เอื้อยนี่ฝีมือการเขียนไม่ธรรมดาเลย ตามมาอ่านเม้น ของนาง มันดี


โดย: เพชร IP: 124.121.124.36 วันที่: 19 สิงหาคม 2560 เวลา:14:35:42 น.  

 
ไม่มีใครสนใจวิจารณ์กลอนทิพย์บ้างเลย ไฟแห่งการเขียน
ค่อยๆมอดลงแล้วค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 21 สิงหาคม 2560 เวลา:7:06:23 น.  

 


คุณเพชร
ครับ .. แม่เอื้อยฝีมือไม่ใช่มือใหม่ ..
น่าจะเขียนกลอนการเมืองได้น่าอ่าน




คุณทิพย์
การเขียนร้อยกรองมีหลากหลายลีลา
มีทั้งแนวสนุกสนานไม่จริงจัง ..
มีทั้งแนวประณีตบรรจง เน้นคำความจริงจัง
เพื่อเขียนบอกโลกว่าคนเขียนรู้สึกอย่างไร
ต่อเรื่องใด

สังเกตุเห็นไหมครับ .. กลอนผมไม่มีแนวสนุกสาน
หรือ เล่นๆ ..

เพราะแบบนั้น เขียนด้วยเรียงความได้อรรถรสกว่า


โดย: สดายุ... วันที่: 21 สิงหาคม 2560 เวลา:9:25:13 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ

เห็นด้วยที่ว่า กลอนคุณไม่มีแนวสนุกสนาน. มีแต่แนวอ้อนๆหวานๆ

สาวใดมาอ่านก็มักจะติดกับดักคุณสดายุหมดค่ะ
พอมาอ่านของคุณเอื้อยก็เป็นอีกแนว คล้ายๆบู๊ล้างผลาญ
ได้รสชาติไปอีกแนวหนึ่ง

ถ้าแนวที่เป็นความรู้สากลก็ต้องอ่านเม้นคุณบุษบามินตรา
ทิพย์ก็ชอบค่ะ มาบล้อกนี้มีแต่ผู้มีความรู้ทั้งนั้นค่ะ

แต่ทิพย์ชอบที่จะเขียนกลอนแนวสนุกสนานแบบนิทานพื้นบ้านและนิยายปรำปรา. ไม่เครียดดีค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.245.189 วันที่: 21 สิงหาคม 2560 เวลา:18:57:52 น.  

 
.
.
.



โคลงสี ๔
๐ พิศเนื้อเห็นเนื้อเรื่อ - - - เลือดสาย
เพ่งผ่านรอบเขินอาย - - - อ่านรู้
แต่เลศผ่านเนตรฉาย - - - โชนบอก ความนา
คือบ่วงรักแรงชู้ - - - ผูกล้อมประนอมถวิล


กลอน ๘
๐ พิศเนียนเนื้อเรื่อแกมเลือดแต้มแต่ง
เมื่อสำแดงความย้อนแสนอ่อนหวาน
ตอบรับเจตจำนงแห่งนงคราญ
แล้วเผยผ่านแรงรักเข้ากักกุม


กมลฉันท์ ๑๒
๐ วรรณะเนื้อระเรื่อโล- - - - หิตะโภคะรำบาย
พิศะเขินสะเทิ้นอาย - - - ฤ จะวายนะอ่อนหวาน
๐ วรรณะเภทเศวตนวล - - - ระอุอวล ณ ดวงมาน
นิละเนตรและเลศพาล - - - ฤ จะหว่านจะให้หวัง
๐ ขณะเนตรชะม้ายเหลือบ - - - อุระเกือบจะภินท์พัง
รติบ่วงก็หน่วงขัง - - - ฤ จะยัง บ่ ยินยอม


วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๐ พิศเนื้อระเรื่อขจิตะโล- - - - หิตะโภคะรำบาย
พิศเขินสะเทิ้นระอุละอาย - - - ฤ จะวายนะอ่อนหวาน
๐ โดยเภทเศวตะวรรณะนวล - - - ระอุอวล ณ ดวงมาน
โดยเลศเพราะเนตระประสาร - - - ฤ จะหว่านจะให้หวัง
๐ เมื่อชายชะม้ายนัยนะเหลือบ - - - อุระเกือบจะภินท์พัง
บ่วงรักจำหลักกละจะขัง - - - ฤ จะยังบ่ยินยอม


อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๐ พิศเนื้อก็เรื่อโล- - - - หิตะโภคะรำบาย
พิศเขินสะเทิ้นอาย - - - ฤ จะวายนะอ่อนหวาน
๐ วรรณสาวสกาวนวล - - - ระอุอวล ณ ดวงมาน
รอยเลศะเนตรพาล - - - ฤ จะหว่านจะให้หวัง
๐ เนตรชายชะม้ายเหลือบ - - - อุระเกือบจะภินท์พัง
บ่วงรักก็กักขัง - - - ฤ จะยัง บ่ ยินยอม



โดย: สดายุ... วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:19:14:23 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณสดายุ

ไม่ว่าจะร้อยกรองแบบไหน ก็คุมความได้ยอดเยื่อม งดงามมากค่ะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:8:33:44 น.  

 


สวัสดีครับคุณวลี
สบายดีนะครับ .. ไม่ได้คุยกันหลายเพลา

ฉันท์ คุมความได้ยาก
จึงต้องใช้ถึง 3 บท
ในขณะที่กลอน 8 หรือ โคลง 4 .. ใช้เพียงบทเดียว

เนื่องจากคำลหุ ในฉันท์ - ส่วนมากเป็นคำประกอบเสียง ..
หาที่เต็มความหมายในตัวเองได้น้อยมากครับ ..
เหมือนกับจะเสียจำนวนพยัญชนะไปกับจังหวะ
มากกว่าความหมาย

การเขียนเรื่องยาวด้วยกลอน กาพย์ หรือ โคลง
จึงค่อนข้างทำได้ดีกว่าครับ



โดย: สดายุ... วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:9:47:47 น.  

 

ขอบคุณทุกคนทั้งที่มาอ่านหรือแอบมาอ่านเม้นท์ของแม่เอื้อย
จริงๆไม่ได้มีสาระหรือนัยยะสำคัญอะไรหรอก
เพียงแค่ยามว่างก็อยากจะมาขีดเขียนอะไรในบล้อคนี้เล่นๆเท่านั้นค่ะ

บ่ายนี้ สักหน่อย..สำหรับคุณสดายุเม้นท์ที่ 42

"ดั่งเพชรพร้อยพริ้งเพริศเลิศล้ำค่า
งามยิ่งกว่ายอดมณีหามีเหมือน
ถ้อยคำกรองล้วนวิจิตรมิบิดเบือน
หาลางเลือน.พจน์กากใย.ไม่เคยมี

คล้ายถักถอรุ้งประกายเลื่อมลายแสง
อวดสำแดงเฉิดฉายลวดลายสี
ข่มแสงน้อยห่างช่วงดวงสุรีย์
เหลือริบหรี่.เฉกหิ่งห้อย.ลอยคืนแรม"

การเมืองกับแม่เอื้อย ดูเหมือนจะเป็นเส้นขนานกันโดยสิ้นเชิงค่ะคุณสดายุ อิอิ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:15:24:32 น.  

 



แม่เอื้อย ..
ผมเข้าใจครับ .. ในบริบทของการเมือง
ทั้งผู้อ่านทั้งผู้เขียนต้องมีความหนักแน่นในจิตใจ
เป็นอย่างสูง ..

เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหวที่ กระทบกระแทกจิตวิญญาณ
ของคนเราที่"จับยึด"อยู่ แม้ว่าบทกลอนนั้นๆจะ
เปรียบเสมือนเพียงแค่ .. รูปถ่ายหน้าตรงก็ตาม

แม่เอื้อยคงเคยมองภาพถ่ายหน้าตรงมามากพอที่จะรู้ว่า
รูปถ่ายลักษณะนี้ เหมือนกับจะมองตอบคนดูตลอดเวลา
และมองตอบทุกคน

กลอนการเมืองก็เช่นกัน ..
แม้จะเขียนในบริบทที่เป็นการทั่วไป .. แต่การตีความ
ของคนอ่าน อาจเหมือนกลอนนั้น "ว่าตัวคนอ่านเอง"
ทั้งๆที่คนเขียนไม่รู้หรอกว่ามีใครอ่านบ้าง ..

บทกลอนนั้นๆจึงเหมือน รูปถ่ายหน้าตรง ..
กลอนเกี่ยวกับเรื่องศรัทธาทางศาสนาก็เช่นเดียวกัน ..

และกลอนนารีปราโมช ก็มีเจตนารมย์เดียวกัน .. อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:6:55:56 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ คุณเอื้อย

กว่าจะลากมาดูเม้นสุดท้าย ต้องใช้เวลา เม้นยาวมากค่ะ
ต้องยอมรับค่ะ ว่าทิพย์ชอบมาอ่านคุณสดายุและ
ผู้อ่านหน้าตรงมาคุยกัน
แต่ละคนมีความคิดและนิสัยต่างกัน สนุกดีค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.243.230 วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:7:14:06 น.  

 
คุณสดายุ
แม่เอื้อยก็เข้าใจที่คุณพูดมาทั้งหมด แต่ความพะอืดพะอม
เกี่ยวกับการเมืองในปัจจุบัน ที่จมอยู่ในก้นบึ้งแห่งใจ มันยากจะบรรยาย

ยุคสังคมยับเยินจำเมินหน้า
พวกขี้ข้าผู้ดีมีปัญหา
สมองกลวงเกรียนถ่อยด้อยปัญญา
เสนอหน้าชูคอหัวร่อดัง

พ่นน้ำลายอาจมลอยลมคลุ้ง
เป็นฝุ่นฟุ้งก่ายกองคล้ายของขลัง
เฉียดผิวกายพวกพ้องต้องระวัง
ตรูทนฟังใช่ว่าโง่..โถไอ้ฟาย!

เขียนมากเดี๋ยวของจะขึ้นค่ะ

คุณทิพย์
ก็เลือกอ่านเอาที่สบายใจก็แล้วกันค่ะ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:15:53:48 น.  

 
หูยยยยยยยยย คุณเอื้อย โมโหใครมาเปล่าค่ะ
กลอนกระแทกแดกดันขนาดนี้ ใครอ่านก็ต้องกระเทือนทรางแน่นอน แต่งอย่างกับเป็นผู้ชายเลยค่ะ

ทิพย์ขอกลอนชนิดหวานๆน้ำตาลอายหน่อยนะคะ
เอาแบบอ่านแล้วมดเดินตามมาทันทีค่ะ

ชอบนะคะแม่เอื้อยคนเก่ง
เป็นนักเลงสตรีคนดีที่สวย
อยากรู้เป็นคนไทยหรืออาหมวย
ชอบเล่นหวยไหมจ้ะคนดี

กลอนนี้มอบให้คุณเอื้อยค่ะ



โดย: ทิพย์ IP: 49.48.243.230 วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:19:45:06 น.  

 
หายหน้ากันไปหมดทั้งเจ้าของบ้านทั้งแขกนะคะ
สงสัยกลอนของทิพย์คงจะไม่โดนใจพอค่ะ
คนปัญญาน้อยก็ได้แค่นี้ค่ะ

คิดถึงคุณบุษบามินตรา มาคุยให้ฟังใหม่
ทิพย์ยังรออ่านความรู้จากคุณนะคะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.243.230 วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:20:52:19 น.  

 


แม่เอื้อย ..
เขียนได้ดีครับ 55

คนเราต่างจิตต่างใจ ..
ชอบเปรี้ยวชอบหวานยังต่างกันนับประสาอะไรกับ
ความเชื่อ .. หากไม่ไปวุ่นวายบังคับความเชื่อคนอื่น
ก็คงไม่มีเรื่อง

กวีไร้วุฒิภาวะถูกฝังดินไป 1 ราย
หวังว่าจะไม่มีรายต่อไป



คุณทิพย์ ..
ทุกคนมีงานทำครับ .. คงมาขีดเขียนอะไรได้
เมื่อว่างจากงานประจำเท่านั้น ..

กลอนเป็นเพียงงานอดิเรกครับ ..
เราต้องให้ priority เป็นเรื่องรองครับ


โดย: สดายุ... วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:6:29:34 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสดายุ

เห็นเจ้าของบ้านมาทักทายแขกเช่นนี้ ทิพย์รู้สึกดีใจค่ะ
ดูรูปคุณสดายุเห็นยังหนุ่ม อีกทั้งหน่วยก้านก็มองดูดี
แต่ใจดีด้วยเปล่าค่ะ บางครั้งอ่านเม้นแล้วก็ดุเดือดเหมือนกัน

ถึงอย่างไรก็ขอให้ใจดีกับแขกผู้มาเยือนด้วยนะคะ
ถ้าไม่รักกันจริง เขาคงไม่มาหาหรอกค่ะ

บ้านนี้มีมานานแล้ว รวมทั้งแขกที่มาเยือน ก็นับไม่ถ้วน
เป็นที่ชุมนุมของนารีที่มีความปราโมทย์ต่อคุณสดายุทั้งนั้นค่ะ
ลดความดุและความแข็งกร้าวลงหน่อย จะอร่อยเหาะค่ะคุณขา


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.241.188 วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:20:04:09 น.  

 


คุณทิพย์
ด้วยความยินดีครับ
และ .. อย่าไปดูรูปครับ - นั่นแก่กว่าตัวจริงมากครับ
จะได้ภาพที่ไม่เหมือนจริงครับ

บ้างฟ้าครามเมฆขาวแดดวาววับ
บ้างฝุ่นฝนหม่นอับมารับช่วง
ลมแผ่วล้อมฝนพรำเหมือนบำบวง-
ราศีสรวงที่จำพรากไปจากตา

สถิตที่บรรจถรณ์อันอ่อนนุ่ม
ย่อมเร้ารุมสุมนัสในวรรษา
กัมปนาทโชนคุแห่งวิชชุดา
ย่อมผลักฟ้าเบื้องบนให้อลเวง



โดย: สดายุ... วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:13:47:31 น.  

 

คุณสดายุ
มอบให้กวีขี้เรื้อน(คนนั้น)สักบทค่ะ

การันตีราคาแค่หมาวัด
สำรอกสลัด ภูมิมา น่าสงสาร
หรือเท้าแกว่ง หาเสี้ยนแท้ แก้รำคาญ
มาประจานข้ากวีขี้เรื้อน ชะเอิงเงิงเอยยยยยยยยย ๕๕๕

บ่ายนี้ถึงแม้อากาศจะรุ่มร้อนไปนิด..แต่เข้ามาหลบพักชายคาบ้านนี้
ก็พอจะคลายร้อนไปได้บ้างค่ะ อิอิ

คุณทิพย์
นี่ถ้ามาทำงานอยู่กับแม่เอื้อย จะขอมอบตำแหน่ง Coordinator ให้ทันทีเลยค่ะ
ชีวิตจริงคนเรา ล้วนมีภาระและมุมชีวิตที่ต่างกัน

การได้พูดคุย นับว่าเป็นวาสนายิ่งนัก
ไว้แม่เอื้อยว่างๆจะแต่งกลอนให้ตามคำขอค่ะ


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:14:10:08 น.  

 


ก่อนภาพการเหลือบชายชม้ายตอบ
ค่อยเคลื่อนกรอบล้อมรุมเข้ากุมเหง
คีตจึงเหมือนฉับพลัน - เริ่มบรรเลง-
ตอบแววเปล่งปลาบนั้นขึ้นทันที


โดย: สดายุ... วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:14:47:42 น.  

 


แม่เอื้อย ..
กวีขี้เรื้อน .. เข้าใจตั้งชื่อนะครับ 555

เอาคำมาผวนเล่นจนเป็นเรื่อง
จึงต้องช่วยปลดเปลื้องความเชื่อง-เชื่อ
ที่ครอบปิดกะโหลกกะลาแล้วทาเกลือ
จึง-แสงเรื่อเหลือวิสัย แตะนัยต์ตา
วิปริตจิตมนุษย์-คอยฉุดลาก
งดงามพร้อมแห่งพากย์จึงยากหา
จึงเถื่อนถ่อย ดิบด้าน .. พลิกด้านมา-
ให้รู้ท่า รู้ที .. อัปรีย์เมือง

ขอแจมตามน้ำ สัก 2 หน่อย ..


โดย: สดายุ... วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:16:14:55 น.  

 
สวัสดีคุณเอื้อยคุณสดายุค่ะ

เก่งทั้งสองท่าน ทิพย์ปรบมือให้ดังๆนะคะ
บ้านหลังนี้มีความคึกคื้น สนุกสนาน คุณทั้งสอง
เป็นคู่ปากที่เหมาะสมกันดีมากๆ

ขอบคุณทั้งสองท่านที่แวะเวียนมาตอบเป็นกำลังใจให้กับ
ท่านผู้อ่านด้วยนะคะ

คุณเอื้อยค่ะ ภาษาอังกฤษที่ว่า ทิพย์แปลไม่ออก
ไปเปิดเนทดู เห็นแปลว่า ประสานสามัคคีอะไรค่ะ
ทิพย์ความรู้น้อยค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.244.126 วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:17:45:25 น.  

 
คุณสดายุ
มองออกไปข้างนอกการจราจรยังหนาแน่น
ฆ่าเวลาว่าด้วย"กวีขี้เรื้อน"กันต่ออีก 2 บทค่ะ

"จากเกล็ดเพชรร่วงปรี่ก็ปี้ป่น
กลับกลายหล่นเป็นกรวดแสนปวดเศียร
เพราะปากผล่อยสติตกจึงวกเวียน
คลื่นอาเจียนลุกลามจึงตามมา

เป็นบทเรียนราคามหาศาล
ที่โจษขานกล่าวถึงตราตรึงหา
เป็นกวีสั่งสมบ่มปัญญา
ผิดวาจา มิต่างถึก ควรตรึกตรอง"

คุณทิพย์
ในความรู้สึกของแม่เอื้อย คุณเป็นผู้ประสานสัมพันธ์ได้ยอดเยี่ยม
มีบุคคลิกภาพ Relationship ที่ดีค่ะ

คนมีความรู้น้อยหรือมากไม่สำคัญเท่ากับ"การเป็นคนดี มีความเข้าใจและเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน"
แม่เอื้อยชื่นชมคนประเภทนี้ด้วยความจริงใจค่ะ

"ทิพย์เจ้าเอยจิตหนึ่งซึ่งมีค่า
รู้เถิดว่าปวงชนคนทั้งหลาย
ทั้งเราเขามิต่างเหลือเมื่อวางวาย
สิ่งสุดท้าย ฝากนิยาม คือความดี"
(มอบให้กับคุณทิพย์)


โดย: เอื้อย IP: 61.19.86.2 วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:18:52:59 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะคุณเอื้อย ที่แต่งกลอนเตือนสติให้กับทิพย์
เป็นบทกลอนที่ดีมากๆค่ะ

และขอบคุณที่ชมเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ด้วยนะคะ ทิพย์อยากให้
คนอ่านในบ้านคุณสดายุมีความสุขและไร้ซึ่งความขัดแย้ง
กับความคิดของเจ้าของบ้านค่ะ

กลัวเจ้าของบ้านอารมณ์เสีย ทิพย์จะไม่ได้อ่านนารีปราโมทย์
จะกลายเป็นคนเขียนพิโรธแทนค่ะคุณเอื้อย 555

คุณสดายุค่ะ ถ้าในรูปแก่กว่าตัวจริง นารีที่เข้ามาอ่าน
ทิพย์ว่าอายุควรต่ำกว่า 20 หรือเปล่าค่ะ
ดูในรูปคุณน่าจะอายุไม่ถึง 40 นะคะ คริๆๆ

คิดถึงคุณบุษบามินตราค่ะ เรียบร้อยเรื่องงานแล้วกลับมาเร็วๆนะคะ
ทิพย์รออ่านเรื่องราวดีๆอยู่ค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.244.126 วันที่: 2 กันยายน 2560 เวลา:7:52:44 น.  

 


แม่เอื้อย ..
แด่กวีขี้เรื้อน .. คำเถื่อนถ่อย

O โอ กากเดนสังคมโสมมเมือง
จูงเชื่อเชื่องแห่หาถ้อยสาไถย
บิดเบือน-ดี, เลว, ทราม .. ออกตามใจ-
กล่อมเขลาให้ตาปริบ .. ใจลิบลอย
O จึง เผ่าพันธุ์เชื่องเชื่ออันเหลือแจง
ต้องเลศแฝงคารม .. เรียกปมด้อย-
ฟ้องวงศาโคตรเหง้า .. แล้วเฝ้าคอย-
ความเถื่อนถ่อย .. โลมทั่ว-เนื้อหัวใจ
O จึงเห็นถ่อยเคลื่อนร่างอยู่กลางเมือง
พร้อมเชื่อเชื่องเคลื่อนตาม .. เกินห้ามไหว
ลิ่มเลือดกองซากศพ .. ชาติภพใด-
ยังรอไหลหลั่งย้อม .. ทุกหย่อมดิน !
O แสนอดสู .. การประจบแห่งภพชาติ-
ผู้-นายทาสกำหนดจนหมดสิ้น
เห็นถึง .. บางศักดิ์ศรีแห่งชีวิน-
เจ้าตัวปลิ้นปล้อนวาง .. ลงกลางเมือง !



คุณทิพย์ ..
คนอ่านจะเป็นไปตามวัยของคารมคนเขียนครับ ..
เด็กรุ่นใหม่ที่ภาษาไทยไม่กระดิกแบบที่เที่ยวโพสต์
ขอความช่วยเหลือเรื่องร้อยกรองที่ครูให้การบ้านมา

คงอ่านที่ผมเขียนไม่รู้เรื่องครับ ..
ต้องสัก 23-30 ครับ .. เป็นวัยของเป้าหมาย
ที่เมื่ออ่านกลอนนารีปราโมชจะปราโมชได้

เรื่องวัยนี่ .. ผมหยุดไว้ที่ 38 ครับ
ที่เหลือฝากธนาคารไว้ .. ยังไม่พร้อมเบิกออกมาใช้ครับ

555



โดย: สดายุ... วันที่: 2 กันยายน 2560 เวลา:16:19:38 น.  

 
คุณสดายุค่ะ เอาอายุฝากไว้กับธนาคาร ระวังจะได้ดอกเบี้ยกลับมามากกว่าเดิมนะคะ
รีบไปเบิกมาอยู่กับตัวเองจะดีกว่า เชื่อทิพย์เถอะค่ะ 555


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.244.126 วันที่: 2 กันยายน 2560 เวลา:19:48:49 น.  

 
คุณสดายุค่ะ น่าจะ เปลี่ยนบทใหม่ได้แล้วนะคะ
เนทอืดกว่าจะลากเม้นยาวมาถึงข้างล่าง ใช้เวลานานมากค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.244.126 วันที่: 2 กันยายน 2560 เวลา:19:54:28 น.  

 


คุณทิพย์ ..
กำลังคิดครับ .. ยังไม่เจอรูปสวาน้อยงามถูกใจเลย
นารีปราโมช ไม่อยากเอาภาพสาวงามต่างแดนมาลง

O จนถึงยามหลับนอน-คงซ่อนยิ้ม
ยามตาพริ้มพรับลง .. ก็คงเห็น-
ว่า-วงหน้า, แก้มเนียน-ค่อยเปลี่ยนเป็น-
ความเรื่อเรื้องตอบเต้น .. ต่อสายตา


โดย: สดายุ... วันที่: 3 กันยายน 2560 เวลา:8:39:32 น.  

 
คุณสดายุค่ะ เลือกเอาที่สาวตาคมๆ ผมยาวๆเอวบางร่างน้อย
อย่าเอาที่ตาตี่ๆขี้อิจฉาเหมือนนางร้ายและหุ่นไม้ซีกแบบทิพย์มาลงนะคะ เสียรสชาติคนอ่านหมดค่ะ 555


โดย: ทิพย์ IP: 49.48.244.126 วันที่: 3 กันยายน 2560 เวลา:9:07:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.