|
O มณีเดียว .. O
Sebastian Bach - Air
-1- O โล่งลิบแลสิ่งใดก็ไม่เห็น ด้วยแฝงเร้นเลศกลเกินค้นหา ช่างเถิด-ด้วยสมองและสองตา เหมาะควรด้วยคุณค่า .. คงหาพบ O โล่งลิบแลตลอด .. เพียงยอดพฤกษ์ กอปรสำนึกนัยฉันท์ร่วมบรรจบ ที่โล่งลิบล้วนพิลาศด้วยชาติภพ ขอตระหลบโอบไว้ด้วยนัยเดียว O จากเรือนร้างตักอุ่นให้หนุนพัก ฤๅเนตร-พักตร์นวลละม่อมจะยอมเหลียว ชม้อยเหลือบแววฉายคลี่คลายเกลียว สวาดิสายทอดเกี่ยวพันเหนี่ยวทรวง O ถวิลถึงก็วิตกสะทกสะท้อน ทิฆัมพรก็แต่คอยละห้อยหวง จึงต้องกอปรกรองคำขึ้นบำบวง- เทพทั้งปวงสดับคำ .. ที่รำพัน O เพื่อพ้นผ่านยศถาบรรดาศักดิ์ ด้วยความรักเพียบพร้อม .. รอกล่อมขวัญ จักรองภาษพจนีด้วยชีวัน พลิ้วผ่านฉันทาภพ จนครบความ O ลมแผ่วเบาพลิ้วผ่านฝ่าลานหญ้า เมื่อพรรณนาล้อมประนังโลกทั้งสาม รูปองค์เอยบริบท .. แสนงดงาม เริ่มลุกลามหยัดอยู่ไม่รู้แล้ว O งดงามรอบอำรุงความมุ่งหมาย ค่อยวนว่าย-รุมเร้า .. จากเบาแผ่ว- แทรกหวานซึ้งลามล่วงทุกช่วงแนว ยอพร่างแพร้วรอบรายที่ปลายจร O สดับเถิดมธุรส .. คำพจน์นี้ จากใจที่หมายมุ่ง .. คอยปรุงป้อน- แรงอาลัยปรารถนา .. ให้อาวรณ์- ถ้วนปวงย้อนคืนกลับ .. บอกรับรู้ O โล่งลิบแลสิ่งใด .. เคย-ไม่เห็น กลับตอบเต้นคุณค่า .. ย้อนมาสู่ สุจริตนัยคำ .. ความดำรู- หวังเพียงรู้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว O พ้นผ่านปวงยศถาบรรดาศักดิ์ เรื้องจำหลักเสน่หาให้ตาเหลียว โล่งลิบรูปดวงมณี .. ราศีเดียว เหลื่อมทุกเสี้ยวแสงวับ .. ลงจับใจ O คืนรสความอาลัย .. พาไหลล่อง กระซิบพร้องพร่ำความ .. เพรียกหวามไหว- หลังเสพสื่อถ้วนตอน-เว้าวอน, ใน- แววตาใคร .. รมยาจักบ่าล้อม O อวลรสแห่งอารมณ์ที่พรมผ่าน ให้รับรู้ซึ้งซ่านกับหวานหอม เป็นรสความแห่งถวิลให้ยินยอม- คอยรอบล้อมใจอยู่ .. เกินรู้ล้าง O จะลืมฤๅ .. อาลัยที่ใฝ่เฝ้า เมื่อรุมเร้าแนบอยู่ไม่รู้ห่าง หวานเอยเมื่อโชนเชื้อก็เหลือวาง ทุกที่ทางละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น O คิดถึงถวิลอยู่ .. ไม่รู้แล้ว อย่างพลิ้วแผ่วห้วงใจ .. จงไหวสั่น เพื่ออาวรณ์ล่วงล้ำ กับรำพัน กล่อมทรวงนั้นให้สะทกอยู่วกวน O ให้ละห้อยคอยเห็นอย่าเว้นว่าง แม้นข่มวางฝืนขวัญนับพันหน อย่าผ่อนพัก .. อาลัยที่ใจคน ให้แต่อลวนอยู่ .. อย่างรู้คอย O ถึงที่ความถวิลหา .. เผย-ปรากฎ รำพันพจน์แทรกแล้ว .. จากแผ่วค่อย- จักลูบใจรึงเร้าให้เฝ้าคอย เต็มละห้อยห่วงเห็น .. อย่าเว้นวัน O ที่อาวรณ์เริ่มบท .. ปรากฎค่า ปรารถนา, อาลัย, ความไหวหวั่น พึงอุบัติรายล้อม .. ขึ้นพร้อมกัน เพื่อผูกขวัญผูกสวาดิ - รองชาติภพ !
-2- O ลำดับความผูกพันในวันผ่าน ล้วนอ่อนหวานเพียบพร้อมคอยล้อมตระหลบ ทั้งยามวันลอยดวง .. ทั้งห้วงพลบ รู้-บรรจบรวมขวัญ เข้าพันธนา O จากภพชาติเบื้องไกล .. เมื่อไรหนอ จึงคอยรอพบเจอพร่ำเพ้อหา หรือตักบาตรร่วมขันด้วยกันมา เมื่อสบกันซึ่งหน้า .. ถึงอาลัย ? O แววเนตรแสนบรรเจิด .. เจ้าเปิดเผย คล้ายว่าเคยบรรจบแต่ภพไหน และคล้ายบุญบาปสร้างแต่ปางใด คอยสาปให้พลัดหลง .. ร่วมวงกรรม O อีกครั้งกลางจันทร์นวล .. อกครวญร้อง เมื่อแว่วท่วงทำนอง .. เพลงพร้องพร่ำ แรงอาวรณ์ .. ตาชม้อย .. รูปรอย-คำ- เพรียกครวญคร่ำละห้อยหวง .. ให้ช่วงแรง O แต่ละเสี้ยวคาบยาม .. สุดข้ามผ่าน- กับหอมหวานชำแรกลงแทรกแฝง ทุกคำนึงโลมลูบ .. ด้วยรูปแพง ย่อมเติมแต่งงามปวงถมดวงใจ O เหมือนจะเคยผูกพันแต่บรรพกาล ก่อนสังสารวงวัฏฏ์ .. ผ่าน-พัดให้- ทิ้งร่างกายฝากดิน .. ดับสิ้นไป เหลืออาลัยเรื่องหลังที่ยังคง O สายหยุด .. เจ้า-หยุดกลิ่น .. แต่สิ้นสาย อาวรณ์ชาย, รูปยูง อันสูงส่ง- ตรู่เช้า, สาย, บ่าย, ค่ำ .. ยังดำรง- อย่างมั่นคงในจิตเกินคิดคลาย O อาสูรสายสวาดิน้อย .. ละห้อยเห็น ลำเพาเพ็ญรูปพักตร์ .. ฤๅหักหาย- แรงอาวรณ์ .. อาลัย, ห้วงใจชาย ย่อมรำบายลงจิต .. จนติตรึง O ฤๅรอบเวียนวงวัฏฏ์ .. เมื่อพัดผ่าน- จักพัดหวานหอมชู้ .. โจมจู่ถึง เหนี่ยวรั้งรอบเพรงกรรม .. ลงคำนึง บรรจบแรงซาบซึ้งรัดรึงทรวง O ลำดับความผูกพันในวันผ่าน ยังหอมหวานผ่านสู่ไม่รู้ล่วง หลีกพ้นฤๅแรงถวิล .. ทั้งสิ้น-ปวง เมื่อโชนช่วงนักแล้ว ทั่วแววตา O คงเคยร่วมผูกขวัญ .. จากบรรพกาล ทุกคาบผ่านคล้อยเคลื่อน .. จึงเหมือนว่า- ความรู้สึกคงมั่น .. ในสัญญา ยังแจ่มจ้าเร้ารัวทั้งตัวตน O บรรจบแล้วอีกครา .. ขออย่ามี- ความคิดลี้หลบหลีก .. แม้-อีกหน ยอมรับเถิดทุกช่วงของดวงมน- อบอุ่นจนล้นหก .. ด้วยอกใคร ?
Create Date : 06 กันยายน 2556 |
Last Update : 14 เมษายน 2566 10:05:45 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3130 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บุษบามินตรา IP: 80.129.193.67 วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:18:13:45 น. |
|
|
|
โดย: บุษบามินตรา IP: 80.129.218.133 วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:19:32:33 น. |
|
|
|
โดย: สดายุ IP: 171.4.251.173 วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:21:54:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|
|
ดายุ...
"O บรรจบแล้วอีกครา .. ขออย่ามี-
ความคิดลี้หลบหลีก .. แม้-อีกหน
ยอมรับเถิดทุกช่วงของดวงมน-
อบอุ่นจนล้นหก .. ด้วยอกใคร ?"
"อบอุ่นจนล้นหก .. ด้วยอกใคร ?"..อื้อฮือ...นะ!