Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
เมษายน 2559
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
16 เมษายน 2559
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
Giovanni Marradi - I Love You
O ยิ่งกว่าสายฝนโปรย .. ลมโชยผ่าน
และดอกมาลย์รวยรินด้วยกลิ่นหอม
คือแววตาชม้อยสู่ .. เหมือนรู้ยอม-
การโอบกล่อมล้อมร่างไว้กลางทรวง
O ปลาบเปรี้ยงกลางสายฝนที่หล่นหลั่ง
วิชชุคลั่งโลดแล่น .. เย้ยแดนสรวง
แล้วซ่อนเร้นอ่อนไหวที่ในดวง-
ตาแหนหวงเจ้าเผย .. ยั่วเย้ยใคร ?
O ดวงวันบำราศฟ้า .. จันทราเสี้ยว-
ก็เลื่อนเรียวลอยรูป, แวววูบไหว-
ของดวงตาอาวรณ์กำจรนัย-
ก็ผ่านออกเผยให้ .. หัวใจรู้ !
O อาวรณ์ในแววตา .. เบื้องหน้านั้น-
ฤๅอาจกั้นกีดความ .. เมื่อลามสู่ ?
ให้สบเสพดื่มด่ำรสดำรู-
ดั่งสายฝนพร่างพรู .. ลงสู่ใจ
O สังคีตสีสั่นพลิ้วเป็นริ้วเสียง
แว่วผ่านเคียงสายฝนที่หล่นไหล
คะนึงรูปสรรพางค์ที่ห่างไกล-
แว่วเสียงแล้ว .. หวั่นไหวถึงใครกัน ?
O แม้นเลื่อนรูปนามไป .. จนไกลห่าง
หากขอบโค้งฟ้ากว้าง .. ยากขวางกั้น
เมื่อหัวใจทั้งดวง .. คอยพ่วง .. พัน-
โอบแนบอีกใจนั้น .. ทั้งวันคืน
O จันทร์เจ้าเอยเลื่อนดวงจนล่วงลับ
ดาวเคยวับวามอยู่ .. สุดรู้ขืน-
เมื่อมืดหม่นทั้งตอน .. วกย้อนกลืน-
กลบ .. ด้วยคลื่นฝนโปรย .. ลมโรยตัว
O ละห้อยหาเช่นไ ร.. หนอใจนั่น
หรือหวามหวั่นเสน่หากลางฟ้าหลัว ?
ด้วยอารมณ์ .. ด้วยขวัญที่สั่นรัว-
เมื่อแรงชู้เกลือกกลั้ว .. แนบหัวใจ
O โอภาสรูปเรขา .. ที่ฟ้าบน-
ยังคำรณคำรามเกินห้ามไหว
ฟังเถิดเจ้ารูปยุพิน .. ที่ถิ่นไกล-
เสียงอกใครเลื่อนลั่นรำพันความ
O ย่อมมิใช่ฟ้าแล่นโลมแสนสรวง
หากเป็นทรวงเสพทราบรสวาบหวาม-
หลังเผยรูป, พฤติลออ .. ลงต่อความ-
ฤๅอาจห้ามปรารถนาผู้อาลัย
O วาบวกรูปวิชชุดา .. กลางห่าฝน-
คอยว่าย-วนแทรกบทความสดใส
วาบวิ่งอยู่เบื้องหน้า .. แววตาใคร ?
ช่างอ่อนหวานอ่อนไหว .. ล้อใจคน
O ข่มจันทร์ดาวบนฟ้า .. จนลาล่วง-
เหลือสองดวงหวานละมุน .. กลางฝุ่นฝน
กระพริบแสงวาบวาม .. งดงามจน-
อกใจอลเวงอยู่ .. ไม่รู้วาย
O เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. แรงอาวรณ์-
เกินเร้นซ่อน .. ขับข่มให้ล่มหาย
รู้ไหมว่าความคำ .. พี่รำบาย-
เพื่อกล่อมสายสวาดิชู้ .. แต่ผู้เดียว
O กลางสายฝนคลุมฟ้า .. แววตาเจ้า-
เหมือนยั่วเย้าเหลือบชม้อยให้คอยเหลียว
วิชชุบนเลื่อนแล่นสองแขนเรียว-
ราวเอื้อมเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไว้ครอง
O ยามนี้ฟ้ามืดหม่น .. น้ำหล่นไหล
พร้อมหัวใจใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
หวังเพียงแววตาละห้อย .. จักคอยมอง-
รอ .. แขนคล้องเรียวร่างไว้กลางทรวง
O รอเถิดเจ้า .. เยาวรูป .. รอลูบโลม-
จากรอบโสมนัสแฝง .. ด้วยแรงหวง
ความคำพี่ร้อยเรียง .. หวังเพียงดวง-
ตาแสนห่วงใยล้น .. กระวนกระวาย !
O รอ-เถิดเจ้า .. รูปนามผู้ทรามสวาดิ
รอ-รวมชาติภพนี้ .. เป็นที่หมาย
พร้อมอาวรณ์อาลัยของใจชาย-
จักเคลื่อนคลายโอบล้อมอย่างยอมตน
O แว่วยินไหมคลื่นฝนคำรณเสียง
แปลบปลาบเปรี้ยงเปรี้ยงดัง .. ทุกครั้งหน-
ฤๅเท่าเสี้ยวส่วนในหัวใจคน-
ดังกึกก้องกาหล .. อยู่คนเดียว !
Create Date : 16 เมษายน 2559
Last Update : 17 เมษายน 2566 10:06:06 น.
15 comments
Counter : 4472 Pageviews.
Share
Tweet
ดูกรปุณณะ ...
รูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่ยินดี
ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น เรากล่าวว่า เมื่อภิกษุนั้นไม่ยินดี ไม่กล่าว
สรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น ความเพลินก็ดับไป
ดูกรปุณณะ.. เพราะความเพลินดับไป ทุกข์จึงดับ ฯลฯ (ปุณณสูตร)
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:16:13:52 น.
มินตรา ..
พุทธะธรรมนี่ ในความเป็นจริงท่านไม่ได้สอนอะไรที่ซับซ้อนเลยนะ
รูป รู้ได้ด้วย ตา .. ผ่านสิ่งที่เรียกว่า จักขุวิญญาณ
ถ้าภิกษุ ไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น ความเพลินก็ดับไป
ภาษาธรรม ใช้คำว่า นันทิ ความเพลิน
เมื่อนันทิ ตั้งมั่นขึ้นในอุปาทาน .. ภพ ชาติ ก็ตั้งขึ้น
หากนันทิ ไม่ตั้งมั่นในอุปาทาน .. ภพ ชาติ ก็ไม่เกิดขึ้น
ภพ ชาติ เมื่อไม่เกิดขึ้น .. ชรา มรณะ ทุกขัง ก็เกิดขึ้นไม่ได้
หมายความว่า พุทธะคือการมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิต เพื่อรู้เท่าทัน ผัสสะ (การสัมผัสของทวารทั้ง 6 กับคู่ของมัน) นั่นเอง
โดย:
สดายุ...
วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:16:36:56 น.
ดายุ..
มินตราเกเรนะ แกล้งใช้ศรย้อนศรน่ะ
(เค้าเรียกว่านิสัยไม่ดี)
ความงาม นั้นเป็นธรรมชาติ จึงทำให้เกิดนวัตกรรม(innovation)ในการสรรสร้างภาษา
เพื่อบรรยายความรู้สึกงดงามในจิตใจ และ ความคิด
ภาษาจึงเป็น สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่
ดับกิเลส ได้ โลกก็ไม่มีวิวัฒนาการ ไม่ก้าวต่อไป
มินตราจึงไม่ยอมละกิเลส เพราะต้องการสร้างโลก ไงคะ555
โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:17:01:51 น.
มินตรา ..
รัฐศาสตร์ของโลกมีวัฒนาการเหมือนจะบังเอิญ .. แต่ก็เหมือนจะเป็นไปตามนั้น .. ตามวรรณะของพราหมณ์เปี๊ยบ ..
พราหมณ์ .. นักบวช นักปราชญ์ ปัญญาชน
กษัตริย์ .. นักรบ
แพศย์ .. นักธุรกิจ
ศูทร .. ผู้ใช้แรงงานกรรมกร รวมทั้งเกษตรกร
โลกยุคแรกๆ กลุ่มนักบวช นักปราชญ์ ปัญญาชนครองอำนาจการเมือง และยังเหลืออยู่จนทุกวันนี้ในอิหร่าน เรียกศาสนจักร
ต่อมาพวกนักรบ ที่ถืออาวุธ มีอำนาจเหนือกลุ่มอื่น ก็ผูกขาดการจัดการบ้านเมืองมานับพันปีทุกมุมโลก เรียกราชอาณาจักร
ต่อมาโลกเปลี่ยนไปการแลกเปลี่ยนสินค้ามีเงินเป็นตัวกลาง นักธุรกิจ จึงใช้อำนาจเงินที่เหนือกว่าอำนาจอาวุธครอบครองอำนาจการเมือง เรียกสาธารณะรัฐ
จีน อินเดีย ที่เคยมีระบบกษัตริย์ยิ่งใหญ่เข้มแข็ง ในที่สุดก็ถึงคราล่มสลาย เนื่องจากมีจุดอ่อนในการคัดเลือกผู้นำรุ่นต่อมาทางสายเลือด ..
ระบบนี้หวงแหนอำนาจของสายเลือด จึงไม่ยอมให้สายเลือดอื่นมาปะปน จึงผสมพันธุ์กันเองในสายเลือดใกล้ชิด ..
ในที่สุดก็เป็นไปตามกฎพันธุกรรมของเมนเดล (อันเป็นการค้นพบกฎเกณฑ์ธรรมชาติชุดหนึ่งที่ทำให้คนเราฉลาดขึ้นไปเรื่อยๆด้วยการหลีกเลี่ยงผลลบที่ธรรมชาติกำหนดไว้แล้ว) .. คือ สายเลือดโง่ลงเรื่อยๆ ด้อยความสามารถและถูกล้มล้างในที่สุด ..
ต่อจากสาธารณะรัฐแล้วน่าจะไม่มีระบบของวรรณะศูทรต่อ ..
แต่ทุนนิยมจะทำลายตัวเองด้วยความขัดแย้งทางเศรษฐกิจจนลุกลามกลายเป็นสงครามใหญ่ ..
เพราะฉะนั้นโลกที่มินตราจะสร้างน่าจะจบสิ้นกับสงครามครั้งนี้ .. 55
โดย:
สดายุ...
วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:18:34:14 น.
ดายุ..
ระบบวรรณะเกิดจากพวก อริยะ หรือ อารยัน ซึ่งเข้ามารุกรานชนพื้นเมืองลุ่มแม่น้ำสินธุในอินเดีย ทำสงครามกับเจ้าของถิ่นเดิมซึ่งเรียกว่าพวก มิลักขะ (หรือ ทัสสยุ หรือทราวิฑ) แล้วตั้งศาสนาพราหมณ์ แบ่งคนที่อยู่เป็น 4 วรรณะ (varna) มีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป :
1.พราหมณ์ ( Brahmins) สั่งสอนผู้คนให้มีความรู้ทางด้านขนบธรรมเนียมและประเพณี
2. กษัตริย์ (Kshatriyas) ปกครองบ้านเมือง
3. ไวศยะ (แพศย์) (Vaishyas) ใช้วาจาค้าขาย
4.ศูทร ( Shudras) แรงงาน (วีคิพีเดีย)
จริงจริงแล้วพราหมณ์คือ ผู้ท่อง"คัมภีร์ พระเวท" (ตำราทางวิชาการ)
นับเช่นนี้แล้วจะเห็นว่าในศควรรษที่ 21 "ศูทร "ชนชั้น แรงงาน จะหมดไปเพราะมีเครื่องจักรเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะในโรงงานดิจิทอล(Digital Factory) เช่นโรงงานฆ่าไก่แล้วแยกชิ้นส่วนลงกล่องพร้อมที่จะขายของ บริษัทซีพี (นี่โฆษณาให้ฟรีนะคะ)
หากดูเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่
1.จีนรื้อฟื้น การค้าบนเส้นทางสายไหม(silk road) :
- "หนึ่งเส้นหนึ่งสาย " One Belt, One Road : OBOR ทางทะเล
-ทางบก เส้นทางรถไฟ (High Speed Rail )จากปักกิ่ง ผ่านทรานซีบีเรีย
ถึง เมืองฮัมบวร์ก เมืองท่าตอนเหนือของเยอรมัน และเมืองดุสบวร์ก( Duisburg) เมืองท่าภายใน ของเยอรมัน "Trans-Eurasia-Express"
จีนลงทุนวางเงินในการสร้างเส้นทางการค้า " US$40 billion Silk Road infrastructure fund"
ถึงขนาดตั้งธนาคาร"เพื่อการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน" Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) อีกด้วย
2.ที่อเมริกา พยายามสร้าง
- ข้อตกลงทางการค้ารอบมหาสมุทรปาซิฟิก (Trans-Pacific Partnership :TPP) และ
- ข้อตกลงการค้ากับทวีปยุโรป(Transatlantic Trade and Investment Partnership :TTIP)
แค่นี้ โลกที่มินตรารับรู้ ก็ ไม่มีโอกาสจะมีสงครามได้หรอก หากจะมี ก็คงสั้นสั้นเพราะต้องฝ่าฟันไปสู่.. วิวัฒนาการของมวลมนุษยชาติ..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 20 เมษายน 2559 เวลา:10:24:17 น.
มินตรา ..
โลกร่วมมือกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น .. ขณะเดียวกันการต่อรองผลประโยชน์ก็มากขึ้นตามไปด้วย
โอเปค ตกลงลดกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มราคาไม่ได้ .. ทำให้ต้องกอดคอกันสูบน้ำมันมาขายถูกๆต่อไป .. บนความหวังและความกลัว
เป็นความหวังของผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่คาดหวังกับรถไฟฟ้า รถไฮโดรเจน .. (ขณะที่พลังน้ำจากเขื่อนก็ทำลายป่า ถ่านหินก็มลภาวะกรดกำมะถัน นิวเคลียร์ก็อันตรายสำหรับพวกด้อยพัฒนาที่กฎระเบียบหย่อนยานเกินไป)
เป็นความกลัวของเจ้าของบ่อน้ำมันที่หากราคายังเป็นเยี่ยงนี้ อาจต้องขายแข่งราคากับน้ำเปล่าเข้าสักวัน 55
แต่ที่ผลิตหลักคงมาจาก น้ำมัน ถ่านหิน เขื่อน และนิวเคลียร์
มินตราบอกผมสิครับว่า ที่เยอรมันน่ะการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงต่างๆมีสัดส่วนอย่างไรบ้าง
รวมทั้งแสงแดด ลม น้ำขึ้นน้ำลง ที่สัดส่วนน่าจะยังน้อยมาก
=============================
It is a Will of an old man not a Constitution for people ...
มีคนกล่าวว่า นี่เป็น พินัยกรรม ของชายชรา หาใช่ธรรมนูญแห่งแผ่นดินไม่
=============================
โดย:
สดายุ...
วันที่: 20 เมษายน 2559 เวลา:19:13:08 น.
สดายุ
เราใช้ พลังงานผสม(energy mix) :
-Hard coal 17.8%
-Lignite 25.4%
-Natural gas9.5%
-Nuclear15.8%
-Mineral oil 1.0%
-Others 4.3%
-Renewable 26.2% : -Wind onshore 8.9%
-Wind offshore 0.2%
- Hydropower 3.3%
- Biomass 7.0%
-Photovoltaic 5.7%
- Biowaste1.0%
Data: AG Energiebilanzen, 2015.
ปลายเดือนนี้จะมีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยไทยมาสนทนาเรื่อง พลังงานที่มหาวิทยาลัยเยอรมัน มินตรากำลังเตรียมงานยุ่งเรื่องนี้ อยู่พอดี
----------------
" O เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. แรงอาวรณ์-
เกินเร้นซ่อน .. ขับข่มให้ล่มหาย
รู้ไหมว่าความคำ .. พี่รำบาย-
เพื่อกล่อมสายสวาดิชู้ .. แต่ผู้เดียว "
บทจะหวาน นะ !
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:2:50:22 น.
มินตรา ..
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ชนผิวขาวในยุโรปถึงพัฒนาแล้วเกือบทุกประเทศ
ขณะที่ผิวเหลืองมีแค่บางประเทศ และผิวดำไม่มีเลยสักประเทศเดียว ..
มันต้องมีอะไรที่เป็น core value แน่เลย
.
.
และอย่างที่พูดไว้นะครับ
ถ่านหินอื่น 18%
ลิกไนต์ 25%
แก๊สธรรมชาติ 10%
นิวเคลียร์ 16%
รวมพลังงานหลัก 70%
อื่นๆ 30%
Hydropower 3.3%
ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำจากเขื่อนมีสัดส่วนน้อยมาก ..
มิน่า ป่าไม้เยอรมันจึงยังเหลือเยอะ ..
คิดว่ายังไม่มีแม่น้ำในเยอรมันสายไหนแห้งขอดจนเดินข้ามได้นะครับ ..
โทษของการตัดไม้ทำลายป่า สูงกว่า โทษของการพูดจาหมิ่นประมาทประธานาธิบดีหรือเปล่าครับ ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:8:05:29 น.
ดายุ...
พลังงานที่ทดแทนได้( Renewable Energy หรือ Sustainable Energy) เป็นพลังงานสะอาด ที่เราสามารถผลิตใหม่ได้
Renewable 26.2% ในเยอรมัน: นั้นประกอบด้วย
-Wind onshore 8.9%
-Wind offshore 0.2%
- Hydropower 3.3%
- Biomass 7.0%
-Photovoltaic 5.7%
- Biowaste1.0%
เป็นเรื่องเทคโนโลยี่ใหม่ ( Innovation Technology) ที่เยอรมันสนับสนุน และลงทุนให้ประเทศในยุโรป ใช้
เพื่อ กีดกัน พลังงานนิวเคลียร์ ที่สะอาด แต่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายสูง
การที่เยอรมันยอมให้ จีนสร้าง "Trans-Eurasia-Express" รถไฟสายเศรษฐกิจ รื้อฟื้น "เส้นทางการค้าสายไหม"(silk road) นั้น
เพราะรู้ปัญหาว่า จำนวนประชากร กับ ทรัพยากร ธรรมชาติที่ใช้ยังชีพนั้น จะไม่สมดุลย์กัน
และ "ต้องการลดการผลิต อุตสาหกรรมอาวุธสงคราม" จึงสนับสนุนให้ร่วมมือ กันย้อนรอยประวัติศาสตร์
ทำ เรื่อง"โลกาภิวัตน์" ( globalization)
เยอรมันเองมีรายได้จากอาวุธสงครามเป็นหลัก ก็ เปลี่ยนมาทำ -เทคโนโลยี่ สิ่งแวดล้อม และ
-พลังงานผสม หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
อเมริการเลยร่ำรวยจากอุตสาหกรรมอาวุธสงครามผลิต เผด็จการออกมาหลายคนทั่วโลก
ตอนนี้ นโยบายเปลี่ยนไป เผด็จการเลยโดนกำจัดไปแล้วหลายคนเพื่อแก้ไขนโยบายที่ผิดพลาด
เยอรมันมี "บิดาแห่งป่าไม้" พวกนักวนศาสตร์ จะรู้จัก
Sir Dietrich Brandis( 1824 1907) เป็นบิดาแห่งป่าเมืองร้อน (tropical forestry)
และมีการตั้งโรงเรียนป่าไม้ คาร์ล อัลวีน แชงค์(Carl Alwyn Schenck 1868 1955) เป็น คุณครูสอนในวิชาป่าไม้รุ่นบุกเบิก (pioneeringforestry educator) ในอเมริกาเหนือ
ท่านเคยบริหารป่าไม้ให้ จอร์จ ดับบลิว ฟานเดอบิลท์ (George W. Vanderbilt)และเป็นผู้ก่อตั้ง โรงเรียนป่าไม้บัลติมอร์ (theBiltmoreForest School) ซึ่งเป็นโรงเรียนป่าไม้แห่งแรกในอเมริกา
ท่านเป็นลูกศิษย์ของ เซอร์ ดิสทริค บรันดิส (Sir Dietrich Brandis)
ป่าไม้เยอรมัน เป็นป่าไม้เศรษฐกิจ และเป็นป่าของเอกชน
โรงเรียนป่าไม้เริ่มมีในศตวรรษที่18ที่แคว้น เฮสเซอ (Hesse) ของเยอรมัน,รัสเซีย,ออสเตรีย-ฮังการี, สวีเดน,ฝรั่งเศส
คุณค่าหลัก(core value) ที่ดายุ เอ่ยน่ะ คือ ความเป็น อารยชน (noble) ไงคะ .. ผู้ดี ทั้ง กาย วาจา ใจ..
ซึ่งต้องได้รับการอบรมบ่มนิสัย มาแต่อ้อนแต่ออก
มิใช่ นั่งเก็บ ก้นบุหรี่ ข้างถนนสูบ แล้วจู่จู่ บุญพาวาสนาส่ง มีลุงที่ไม่อยากเป็นกษัตริย์ มายกตำแหน่งให้ !
นิยายอเมริกาที่เกิดในสวิสค่ะ 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:12:56:29 น.
มินตรา ..
... นับเช่นนี้แล้วจะเห็นว่าในศควรรษที่ 21 "ศูทร "ชนชั้น แรงงาน จะหมดไปเพราะมีเครื่องจักรเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะในโรงงานดิจิทอล (Digital Factory)
ประโยคที่เขียนมา ผมค่อนข้างเห็นด้วย หากใช้กับประเทศที่ผู้ปกครองมีวิสัยทัศน์อย่างสิงคโปร์ .. เพราะหากวัดด้วย GDP แล้ว 52,888 $/คน/ปี อยู่อันดับ 6 ของโลก (IMF 2515 ใหม่หน่อย .. )
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)_per_capita
ผู้นำเยี่ยงนี้จึงควรยกย่องเป็น มหาบุรุษ .. ประเทศนี้ขอแยกตัวจากมาเลย์เซียราวๆ 2509 นี้เอง และไม่มีน้ำกิน ต้องซื้อจากมาเลย์เซีย
อย่ามาแย้งผมว่า เพราะเขามีคนน้อย เด็ดขาด ..
เพราะลาวก็มีคนแค่ 6-7 ล้านเอง อันดับ 139 1,779 $/คน/ปี .. ปฏิวัติโค่นล้มระบบปกครองเดิม (เจ้ามหาชีวิต) จบไปตั้งแต่ พศ.2518 .. 40 ปีแล้ว ยังย่ำอยู่แค่นี้เอง
ขณะที่ไทยเรา 5,742 $/คน/ปี อันดับ 88 ของโลก ..
ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ต้องทำให้ชาติมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ติดอันดับต้นๆเรื่อง
..ยาเสพติด
..โสเภณีเด็ก
..อาชญากรรม
แต่ต้องติดอันดับต้นๆเรื่อง
..ความสามารถทางการแข่งขัน
..การศึกษาของชาติ
..ความโปร่งใสของการบริหารแผ่นดิน
(ไม่มีระบบอุปถัมภ์สามานย์ แบบที่กำลังแถกันสีข้างแดงเถือก โอ .. คำว่า ปฏิรูปความหมายมันเป็นเยี่ยงนี้เอง .. 555)
แล้ววรรณะศูทร จะหมดไปเอง เหมือน เกาหลีใต้ ที่เคยอยู่ใต้ระบอบเผด็จการ ปักจุงฮี โรแตวู ชุนดูวาน มายาวนาน .. เมื่อพ้นผ่านมาได้ก็ก้าวกระโดด ขึ้นมาอันดับ 28 27,195 $/คน/ปี ...
พวกนี้นี่เคยมาดูประเพณี ลงแขก ของไทยที่คงใช้กับคำว่า team spirit ได้ใกล้เคียง .. จากที่เคยทำงานแลกค่าแรงในโรงงานที่ญี่ปุ่นมาลงทุนในแผ่นดินตน .. ก็ค่อยสร้างยี่ห้อของตัวเอง แล้วคนก็ใช้สินค้าของชาติตัวเองจนเติบโต ไม่ว่าสายอิเลคทรอนิกส์ อย่าง LG Samsung .. หรือสายยานยนต์อย่าง Hyundai GIA - DAEWOO
ขณะที่ ธาณิน TV วิทยุ ไทยทำ .. ไปไม่รอด ..
ขณะที่ ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ ยังรับจ้างประกอบให้ อิซูซุ ไม่จบไม่สิ้น .. เพราะรู้ดีว่าหากสร้างรถยี่ห้อ ไทยรุ่ง ขึ้นมาเองเลย คงไม่มี ไทยรักชาติจนน้ำลายย้อย คนไหนซื้อใช้แน่ 55
คนที่กุมอำนาจตัวจริง จึงต้องเก่งแบบของแท้ .. โดยไม่ต้องมีลูกหาบคอยยก คอยหามด้วยโวหารภาพพจน์ ถึงจะทำให้แผ่นดินเกิดมินตรา เป็นอย่างในประโยคที่ยกมาได้ขอรับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:17:48:02 น.
ดายุ..
ตกลงต้นเหตุแห่งปัญหาคือ "โวหารภาพพจน์" นี่เอง
กวีคือแหล่งแห่งความหลงผิด หลงชอบ ! 555
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:19:14:56 น.
มินตรา ..
แบบนี้ใช่ไหม ที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัย มาแต่อ้อนแต่ออก ?
O ภาพเบื้องหน้า .. งามพิสุทธิ์-ในชุดขาว
ตาวับวาวชะเง้อคอย .. ชม้อยเหลียว
ข้าวในขันอุ้มถือ .. ด้วยมือเรียว
ความรื่นรมย์ก็กอดเกี่ยวทุกเสี้ยวใจ
O เพียงลมเช้าเฉื่อยโชย..อย่างโผยแผ่ว
พายวาดแล้ว-อ่อยเอื่อย, เรือเรื่อยไหล
คลื่นน้ำพลิ้วโยนระลอก..แผ่ออกไป
พร้อมริ้ววงน้ำไหว..คือใจรอ
O บรรจงหยิบจับของประคองถวาย
นอบน้อมกายมอบสู่ท่านผู้ขอ
หมายนัยธรรมผ่านเสียง..จะเพียงพอ-
ช่วยเติมต่อภูมิธรรมลงย้ำใจ
O ภาพ-พระที่ท่าน้ำ, เรือลำน้อย-
กับงามหนึ่งรูปรอย..ที่ค่อยไหว-
ค้อมคอลงรับคำ..พากย์ธรรมนัย
พาเงื่อนเหตุอาลัย..พลอยไหววน
O แสงเช้านั้นรองเรืองที่เบื้องหน้า
เมื่อสบตาปลาบปลั่ง..อีกครั้งหน
ช่อดอกไม้, ขันข้าว, เนตรวาวจน-
สะท้อนพื้นสายชล-วาบ-วนเวียน
O จวบแว่วเสียงสาธุ..บรรลุโสต
เช่นกาลโชติช่วงแสงเข้าแปลงเปลี่ยน
คือใจตรองธรรมพากย์..พลอยพากเพียร-
เอาปัญญาตัดเตียน..บ่งเสี้ยนแซม
O ชื่นเช้ากับนัยธรรม..จากคำพระ
เมื่อสุดผละแววตา..จากหน้า-แก้ม
พาอ่อนหวานรำบายลงก่ายแกม
ก่อนป่ายแต้มพักตร์พิไลติดนัยน์ตา
โดย:
สดายุ...
วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:19:28:23 น.
ดายุ..
ไม่ใช่เลยค่ะ
กุลสตรีน่ะ ไม่"เล่นหูเล่นตา" กับใคร
แล้ว "ห้ามใส่บาตรคนเดียวเด็ดขาด! " 555
"ออกจากบ้านต้องมีเด็กเดินตามหลัง ห่างไปสามก้าว"
สาวของสดายุน่ะ ชม้อยชม้ายชายตา" เปิดทางให้ผู้ชาย"
"ใครใครเค้าจะดูถูกเอาว่าไม่รู้จักวางตน" 555
" ต้องตีหน้าเรียบเฉย นิ่ง ไม่หลุกหลิก สำรวมกิริยามารยาท"
ลูกสาวคุณวัฒนาไงคะ อายุ18เอง รู้จักสำรวมตน
น่ารักมาก ได้รับการอบรมมาอย่างดี
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 เมษายน 2559 เวลา:22:25:39 น.
มินตรา ..
อืม ใช่ ลูกสาวคุณวัฒนาแสดงออกได้ดี
ดีกว่า ลูกหลานคนขายเบียร์ขายโซดาแถวเกียกกายนะ ..
นางนั่นมันถ่อย สถุลดีดีนี่เอง
หญิงงามทำสีหน้าเรียบเฉยมาก จะหาสามียากนะ
ชายไทยไม่ค่อยฉลาดด้วย .. ขนาดเรียนหนังสือมาไม่น้อย ยังยอมถูกจูงจมูกไปเป่านกหวีดมากมาย ..
ความคิดเชิงเหตุผลมันอ่อนด้อยจนมองเรื่องราวไม่ออก .. อ่านหนังสือน้อยจนปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้ .. แล้วก็มีชีวิตอยู่บนความเชื่อ แบบเชื่องๆ
ชม้อยชม้ายสายตาบ้าง น่ารักดีออก ..
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 22 เมษายน 2559 เวลา:6:59:53 น.
สดายุ
"แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เลยจะดีกว่า"(อิเหนา)
โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 วันที่: 22 เมษายน 2559 เวลา:15:28:09 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ดูกรปุณณะ ...
รูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ ถ้าภิกษุไม่ยินดี
ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น เรากล่าวว่า เมื่อภิกษุนั้นไม่ยินดี ไม่กล่าว
สรรเสริญ ไม่พัวพันรูปนั้น ความเพลินก็ดับไป
ดูกรปุณณะ.. เพราะความเพลินดับไป ทุกข์จึงดับ ฯลฯ (ปุณณสูตร)