Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
มิถุนายน 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
21 มิถุนายน 2557
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
Omar Akram - Surrender
O น้ำค้างรุ่งเหน็บหนาว .. พร่างพราวรับ-
แสงเช้าทอดจู่จับ .. จนวับไหว
ผืนพลอยเพชร-เม็ดน้ำ .. คล้าย-ร่ำไร
รอแสงไล้โลมต้อง .. เพื่อ-ล่องลอย
O รวยรวยรสมาศไม้ที่ในสวน
กลิ่นหอมอวลอบเร้าความเหงาหงอย
รื่นรสกุสุมเช้า .. เหมือนเฝ้าคอย-
บางรูปรอย .. ผู้ถวิลแต่กลิ่นมาลย์
O คำนึงด้วยเจตจินต์ .. ที่ยินยอม-
การกักกุมรุมล้อมด้วยหอมหวาน
ที่ทั้งใจไหวสั่นแต่วันวาน
เมื่อใครผ่านความหมายขึ้นว่าย-วน
O งามจริตรูปละม่อมพรั่งพร้อมค่า
เปรียบช่อชั้นพวงผกา .. แห่งป่าฝน
ที่เสียดยอดพลอดยามให้ตามยล
ถึงดิ้นรนด้วยใจ .. พลอยไขว่คว้า
O นับการก้าวยกย่าง .. บนทางฝัน
ช่างเต็มเปี่ยมมุ่งมั่น .. การฟันฝ่า-
อุปสรรคทั้งปวง .. ให้ร่วงคา-
อยู่ใต้ฝ่าเท้าย่ำ .. ที่ดำเนิน
O นับสิบร้อยพันหมื่นการตื่นหลับ
คือลำดับรอยอุทธัจ .. ความขัดเขิน-
ค่อยค่อยโหมหวนระลอกเข้าหยอกเอิน
ด้วยท่าทีที่สะเทิ้นด้วยเมิน-เมียง
O ละเมียดรส .. ผกากรองละล่องกลิ่น
หอมตรึงจินตนาการนั้น-ปานเสียง-
กระซิบแผ่วผ่านถ้อยมาร้อยเรียง-
ความซาบซึ้งให้ประเดียงประดังใจ
O กลีบเรียวบางดอกดวง .. บ้างร่วงหล่น
อยู่กับอกอึงอล .. ลมวนไหว
ละครั้งที่งดงามของความนัย
ผ่านโลมไล้ลูบอก .. พาวกย้อน
O หยาดน้ำค้างเคยเห็น .. ก็เร้นหาย
ยังแต่สายสวาดิผู้สุดรู้ผ่อน
ในคำนึงเงียบเหงา .. เหมือนเว้าวอน-
ความออดอ้อนแอบอำอยู่ค่ำเช้า
O รูปะภพอบร่ำในคำนึง
ย่อมตราตรึงผูกพันจากวันเก่า
ผ่านเผยรูปรอยยิ้ม .. อันพริ้มเพรา
ก็เพียงเงาเยาวรูป .. โลมลูบทรวง
O นับแต่วันเดือนปีเท่าที่เห็น
ก็ยากเร้นงดงามที่ลามล่วง
ราวอดีตคำสาป .. บุญบาปปวง-
ผ่านฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวให้ .. อาลัยรอ
O ถ้วนปวงความอ่อนโยนและอ่อนหวาน
ต่างฤๅเมื่อดอกมาลย์ .. เบ่งบานช่อ-
ยังลามล่วงรุมเร้าพะเน้าพะนอ
เช่นรูปเงาแอบออ .. ร่ำรอทรวง
O ถ้วนสิ้นความอ่อนโยนและอ่อนหวาน
จึงเปลี่ยนผ่านแปรให้ .. อาลัย-หวง-
แหนนั้น-เข้าห้อมห่มอารมณ์ปวง
แทรกความห่วงใยล้ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O น้ำค้างเร้นหยาดหยด .. ไปหมดแล้ว
ลมโผยแผ่วลอดเลี้ยวความเปลี่ยวเปล่า
ประหนึ่งเพชร-แสงปลาบ .. นั้นวาบเงา
เมื่อรูปเยาว์ .. หล่นคว้าง .. ลงกลางใจ !
O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น
ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว
ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย-
คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ
O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวสิ้น
ด้วยลมรินเอื่อยอ่อย-ที่คล้อยผ่าน
ยอดหญ้าค้อมเรียวลู่-รับรู้กาล
กุสุมาดอกมาลย์ก็บานรับ
O ขณะวันสาดส่อง .. ฟ้าผ่องแผ้ว
คือยามแววลึกล้ำ .. เนตรดำขลับ-
ค่อยเหลือบชายให้ทราบ .. ความวาบวับ-
ที่โหมลงจู่จับ .. ลำดับนั้น
O จู่จับห้วงจิตใจ .. เกินไหว-เบี่ยง
ด้วยชั่วเพียงสบรูป .. แล้ว-วูบสั่น
จนสบแววอ่อนหวาน .. ก็ปานทัณฑ์-
ผูกล่ามขวัญเอาไว้อยู่ในมือ
O แววเนตรไหว-วนวิ่ง, ยากยิ่งแล้ว-
จักฝ่าความผ่องแผ้ว .. จนแล้ว .. หรือ ?
สบรูปแล้ววิญญาณ .. จักผ่าน ฤๅ ?
เหลือแต่คือ-ยื้อยุดไว้ .. สุดตัว !
Create Date : 21 มิถุนายน 2557
Last Update : 24 มิถุนายน 2566 21:20:46 น.
9 comments
Counter : 4466 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
"O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น
ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว
ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย-
คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ"
"ความรัก"..."ความห่วงใย"ที่ มนุษย์พึงมีต่อกันนั้น คือความเป็นมนุษย์..
(มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง)
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 22 มิถุนายน 2557 เวลา:12:13:30 น.
สดายุ..
บทกลอนนี่ เวลาย้อนมาอ่านซ้ำ จะเกิดความไพเราะในน้ำคำ มากขึ้น..
เสมือนปล่อยน้ำตาลให้ค่อยค่อยละลายในปาก....
ต้องละเลียด อ่าน
"O น้ำค้างรุ่งเหน็บหนาว .. พร่างพราวรับ-
แสงเช้าทอดจู่จับ .. จนวับไหว
ผืนพลอยเพชร-เม็ดน้ำ .. คล้าย-ร่ำไร
รอแสงไล้โลมต้อง .. เพื่อ-ล่องลอย"
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 23 มิถุนายน 2557 เวลา:17:19:12 น.
มินตรา ..
คนที่ชอบทางภาษาคือคนที่มีความละเอียดอ่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาร้อยกรอง
ร้อยกรองที่เอื้อนออกเสียงอ่านด้วยทำนองเสนาะคือ เพลงในสมัยโบราณนั่นเอง
และต้องนับเป็นคนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ฝรั่งเรียกว่าโรแมนติกได้คนหนึ่ง
ขณะที่การวาดรูป เป็น วิจิตรศิลป์
และคนเขียนรูปเป็น จิตรกร
การเขียนร้อยกรอง เป็น วรรณศิลป์
และคนเขียนร้อยกรอง เป็น กวี
คนที่เสพงานทั้งสองแขนง เป็น ผู้เสพงานศิลปะ
งานวาดรูป เสพด้วยสายตา ต่อลายเส้น สีแสง
งานร้อยกรอง เสพด้วยสายตา ต่อเรื่องราวที่เรียกร้องจินตนาการ
ทั้งสองประการมิใช่สิ่งจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของชีวิต แต่เป็นสิ่งที่รองรับจิตวิญญาณที่ประณีตลึกซึ้ง มีรสนิยม และสิ่งนี้เองได้แบ่งชนเป็นชั้นต่างๆที่มักจะไม่ปะปนกันดุจน้ำกับน้ำมัน แม้จะนั่งอยู่ด้วยกันก็ตาม !
โดย:
สดายุ...
วันที่: 24 มิถุนายน 2557 เวลา:19:31:05 น.
ดายุ..
พูดจาแสดงความคิดให้เห็นถึงความเป็นอารยชนในตน..
หวานและแหว๋วในคำ..
อ่อนโยน ละเมียดละมัย ผิดวิสัย สดายุ...
นี่หากใช้ชื่อ จักรภพ เพ็ญแข จะส่งพ่อแม่ไปสู่ขอเลย..
วันนี้ ท่านเพิ่งจะประกาศตั้งองค์กรต่อต้านรัฐประหาร...
ชายไทยผู้ออกมา "ปกป้องศักดิ์ศรีแห่งความเป็นไทย.."
อย่ามาดุว่า มินตรายึดตัวบุคคล อีกนะ !
บ้านนี้ เมืองนี้ มีแก่นสารอะไรที่ยังให้ยึดถือได้บ้าง...
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 24 มิถุนายน 2557 เวลา:20:45:15 น.
มินตรา ..
ประเทศในโลก ก็เหมือนแต่ละครอบครัว
ยุโรปมี 4 คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน
อเมริกาเหนือมี 2 คือ แคนาดา สหรัฐ
เอเชียมี 1 คือ ญี่ปุ่น
รวมทั้งหมด 7 ประเทศที่เป็นประเทศร่ำรวย หรือ G7
และนั่นเปรียบได้กับ ครอบครัวคนรวย
ในครอบครัวทั้ง 7 นั้นมี พ่อบ้าน และแม่บ้าน ผู้ปกครองบ้านและสมาชิกในบ้าน
หากหัวหน้าครอบครัวร่ำรวยจะซื้อรถเมอรซิเดส เบนซ์ มาใช้งาน ก็คงไม่มีใครตำหนิ
ทีนี้หากไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวย รายได้ยังถูกจัดอยู่ในระดับครอบครัวยากจนอยู่ ลูกยังเรียนโรงเรียนวัด แต่พ่อแม่กระแดะกัดฟันผ่อนเมอร์ซิเดสมาใช้ คงมีแต่คนส่ายหัวเวลามองดู .. แม้ว่าลูกๆในบ้านจะส่งเสียงเชียร์พ่อแม่จนคอพอง เสียงแหบแห้งอย่างไรก็ตาม .. คนรอบบ้านคงได้แต่มองด้วยความสมเพช
ในครอบครัวร่ำรวยทั้ง 7 นั้น
มีพ่อบ้านจากระบบคัดเลือกด้วยความสามารถ 4 คือ สหรัฐ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน
มีพ่อบ้านจากระบบสายเลือด 3 คือ อังกฤษ แคนาดา (ใช้พ่อบ้านร่วมกับอังกฤษ) ญี่ปุ่น
หากเราใช้แนวคิดว่า ลูกๆ เป็นเพียงผู้มาอาศัยอยู่ในบ้านของพ่อบ้าน .. แปลว่า บ้านที่พ่อทำมาหากินจนร่ำรวยนี้ ลูกๆต้องรัก ซาบซึ้ง เทิดทูน พ่อแบบที่ต้องใช้เวลาทั้งชาตินี้ ชาติหน้า พรรณนาคุณงามความดีของพ่อตัวเองก็ไม่จบ อย่างที่สามารถยืดอกมองบ้านรอบๆได้เต็มตา ที่มีบ้านหลังใหญ่ สะอาด มีระเบียบ พร้อมกับรถหรูจอดเรียงราย
และมองไปยังบ้านรกๆ ฝากระดานโหว่ ขยะเกลื่อนหน้าบ้าน ที่ตั้งอยู่รอบๆ ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจมากๆในความอัตคัตขัดสน เป็นแน่แท้
ที่มีจำนวนนับแล้วรวมกันเกือบ 200 หลัง !
จริงไหม ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อบ้านที่ดูแลถึง 2 บ้านแล้วทำให้มั่งคั่งร่ำรวยทั้งสองบ้าน นี่ยิ่งน่ายกย่องขึ้นไปกว่าธรรมดาเป็นสองเท่า ตามวิธีคำนวณแบบบัญญัติไตรยางค์
จริงไหม ?
หากเราเป็นคนยึดหลักการ
เราต้องยกย่องคนที่ความสามารถด้านดี
จึงเห็นว่า พ่อบ้านของอังกฤษ ที่ดูแลแคนาดาอีกบ้านหนึ่ง ควรได้รับการยกย่องมากกว่า พ่อบ้านญี่ปุ่น 2 เท่าตัวถึงจะถูกต้อง
จริงไหม ?
หากนับตามจำนวนบ้านน่ะใช่
แต่หากนับตามจำนวนคนในบ้านแล้ว
อังกฤษ+แคนาดา ยังมีจำนวนน้อยกว่า ญี่ปุ่น
เมื่อเอาจำนวนคน คูณด้วย จำนวนเงินที่พ่อให้ใช้ทุกคนแล้ว .. ปรากฎว่า บ้านญี่ปุ่นกลับมีฐานะเหนือกว่า
แปลว่าพ่อบ้านญี่ปุ่นที่มีฝีมือมากกว่า
นี่มิใช่เรื่องการเมืองนะ .. แต่ชวนคุยเรื่องการบ้าน
555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 24 มิถุนายน 2557 เวลา:21:27:11 น.
สดายุ..
นั่นน่ะซิคะ นี่ขนาดพูดเรื่องการบ้านมิใช่การเมืองนะนี่..
เดี๋ยว" O พวงผกา..แห่งป่าฝน .. O"
จะกลายเป็น "คำผกา..แห่งป่าฝน.." ไป...555
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 25 มิถุนายน 2557 เวลา:2:25:24 น.
"คนที่ชอบทางภาษาคือคนที่มีความละเอียดอ่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาร้อยกรอง
ร้อยกรองที่เอื้อนออกเสียงอ่านด้วยทำนองเสนาะคือ เพลงในสมัยโบราณนั่นเอง
และต้องนับเป็นคนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ฝรั่งเรียกว่าโรแมนติกได้คนหนึ่ง"
:D เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่า ผมก็จัดเป็นคนโรแมนติกกะเขาด้วย
โดย: ศรีเปรื่อง IP: 202.28.119.240 วันที่: 25 มิถุนายน 2557 เวลา:9:23:31 น.
มินตรา ..
ปฏิกิริยา ในเมืองไทยทุกคนตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน คือพวก พุทธิจริต หรือ ตรรกะวิภาษ ..
ขณะที่ หัวเก่า จารีตนิยม มีศรัทธาจริตนำชีวิต นั้น คือ อารมณ์เป็นใหญ่
ดังนั้นการที่เราเห็น "คนที่มีส่วนในการตาย 91 ศพที่ราชประสงค์" กลับบ้านเกิดแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยต้อนรับชื่นชมอย่างกับวีรบุรุษ เราสามารถมองประเด็นนี้ได้ว่า
คนที่ต้อนรับชื่นชมนั้น มองเห็นการตายที่ราชประสงค์ว่า "ไม่นับเป็นความชั่วร้าย" แต่อย่างใด เพียงเพราะมีศรัทธาต่อบุรุษผู้นั้น .. การตายของ 91 ศพไม่สามารถทำให้มีจิตใจเกลียดชังคนสั่งฆ่าได้
แปลว่า กลุ่มคนที่มาต้อนรับนั้น มองว่าการสั่งฆ่าจนมีการตาย 91 ศพเป็นความชอบธรรม เป็นความดีงามจึงรู้สึกชื่นชมศรัทธาคนสั่งฆ่าได้อย่างสนิทใจ
แล้วคนเหล่านี้บางส่วนคงจะไปไหว้พระรับศีลในวันออกพรรษาที่จะมาถึงนี้แน่นอน และยกมือพนมพร้อมกับรับศีลข้อหนึ่งพร้อมกับเอามือลูบหัวตัวเองเบาๆ หลังจากเสร็จพิธีกรรม ที่สายตาจะโชนแสงแห่งความซาบซึ้งในรสพระธรรมอย่างสูง !
ที่บรรยายมานั้น เพื่อให้สาวเยอรมันเห็นภาพ"ความตอแหลทางจิตวิญญาณ" ในบ้านเกิดเมืองนอนตนเองเท่านั้น มิได้ต้องการสิ่งอื่นใด
555
ท่านศรี ..
วันนี้แวะมาทักทายถึงนี่ได้ ..
ครับ คนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ ผมมองว่ามีความละเอียดอ่อนทางผัสสะ และต้องเป็นคนโรแมนติกแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นสาวๆนี่ ต้องหมายตาเอาไว้เลยหากชอบแบบนี้ ..
สาวโรแมนติกมักอ่อนหวานมากกับชายคนรักของเธอ
และอ้อนเก่ง
ท่านศรีชอบแบบนี้ไหมครับ ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 26 มิถุนายน 2557 เวลา:18:18:16 น.
ดายุ..
"ฉันชื่นใจที่ได้เห็น..."
นี่เป็นเพลงของสุนทราภรณ์นะ
เดี๋ยวจะหาว่า "ออดอ้อน"เวลาหายไปนานนาน
จนต้องห่วงใย..
ในสถานะการณ์บ้านเมืองเยี่ยงนี้
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 26 มิถุนายน 2557 เวลา:19:38:39 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
"O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น
ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว
ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย-
คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ"
"ความรัก"..."ความห่วงใย"ที่ มนุษย์พึงมีต่อกันนั้น คือความเป็นมนุษย์..
(มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง)