Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 
O กรรตุวาท .. O








ลาวม่านแก้ว



O พร้อมเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า
คือครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฝน
เส้นไฟเลื้อยวกต่ำ .. ก่อนคำรน-
กึกก้องทั้งภูวดล .. ให้ยล-ยิน
O พร้อมหยาดฝน-ลมร่ายรำบายโบก
ทอนทุกข์โศกข่มร้อน .. ให้ผ่อนสิ้น
เพื่อเม็ดฝนหมาดใหม่ .. กรุ่นไอดิน-
ได้อวลกลิ่น .. ตอกย้ำความธรรมดา
O ไฟบนสรวง .. วนวิ่ง .. งามยิ่งแล้ว
เนตรผ่องแผ้วเหลือบชม้าย .. ลอบชายหา-
ช่างวนวิ่งความหมาย .. สู่สายตา
หรือเพื่อกร่อนเหว่ว้า .. ด้วยอาวรณ์ ?
O แม้นแวบเดียว .. วูบดับจนลับล่วง
กลับโชนช่วงความหมาย .. เกินถ่ายถอน
ไฟเฟื้อยเส้นฟาดกระหน่ำทั้งอัมพร
เมื่อหัวใจสั่นคลอน .. ทั่วตอน-ตน
O เมื่อแววในสายตา .. เกินกว่าซ่อน
แฝงเว้าวอนรำบาย .. ฝ่าสายฝน
กลางลมร่ำเม็ดน้ำ .. ฟ้าคำรน
หัวใจคน .. ครวญคร่ำ-เฝ้าคำนึง
O สื่อความหมายอบอุ่น .. กลางฝุ่นฝน
ที่หลั่งบนหัวใจ .. ฝันใฝ่ถึง
แผ่รูปรอยปฏิพัทธ์ .. เข้ารัดรึง
หวาน, ซาบซึ้งวาบหวาม .. ด้วยความนัย
O หมดสิ้นแล้ว .. เมฆทึมเคยครึ้มฟ้า
เปิดเวหารับรอง .. ความผ่องใส
แทนฝุ่นฝนจากสรวง .. ด้วยห่วงใย-
จากรูปการณ์ภายใน .. แววนัยน์ตา
O จนอ่อนหวานผ่านสู่ .. ให้รู้สึก
นัยเร้นลึกแฝงรอยละห้อยหา
ค่อยโยกใจไหวสั่น ..แล้ว บัญชา-
ให้แรงอาวรณ์ช่วง .. เกินหน่วงแล้ว
O รูป, แววตา-อบอุ่นละมุนละม่อม
กลางแวดล้อมรื่นริ้ว .. ลมพลิ้วแผ่ว
เติมแต่งนัยน์ตาชาย .. ให้ฉายแวว-
วามผ่องแผ้วด้วยถวิล .. ที่-ดิ้นรน !
O โอ .. งามที่คุกคามลุกลามล้อม
หรือเพื่อหลอมรวมจิตเฝ้าคิด .. ขวน-
ขวาย .. ความครุ่นคำนึงในหนึ่งคน-
ให้แต่อลเวงอยู่ไม่รู้วาง
O เอกภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน
ย่อม-สดใสวับวาวทุกก้าวย่าง
ยิ่ง-ดวงวันเรื่อรองคอยส่องทาง
คือ-ร่วมสร้าง .. รติภพจนอบอวล
O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกใส่
นอกจากไม่ครวญคร่ำ .. ไม่กำสรวล
จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน
ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย
O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ
ดวงวันลบ .. จันทร์เลือน .. ดาวเคลื่อนหาย
ความอาลัยอาวรณ์ .. ฤา-คลอนคลาย
เมื่อเส้นสายใยนั้น .. ผูก-มั่นคง
O เกินวิญญาณเมื่ออุบัติ .. อาจทัดทาน
หรือต่อต้าน, ควบคุม-ความลุ่มหลง
แม้นจนเงื่อนเหตุกรรม .. เคยดำรง-
จัก .. ขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล
O งามพิสุทธิ์น้อมนำ .. กรองคำถ้อย
สำหรับร้อยเรียงความ .. ให้งามถ้วน
เปล่งความหมายสื่อสู่ให้คู่ควร-
รักที่หวน .. โชนช่วงกลางห้วงใจ !



Create Date : 21 กรกฎาคม 2559
Last Update : 22 เมษายน 2566 21:32:48 น. 19 comments
Counter : 4614 Pageviews.

 

O ลมเห่ .. และเกสระประทิ่น
ก็ระรินระรวยลม
รื่นหอมประนอมวรรณะผสม
อภิรมย์ ฤ ข่มไหว
O ช้อยช่อ ฤ รอรุจะระยับ
จะประดับประดาไพร
ปีกบางระหว่างวตะคระไล-
ฤ ไฉนจะหยุดบิน ?


โดย: สดายุ... วันที่: 22 กรกฎาคม 2559 เวลา:21:40:37 น.  

 
สดายุ....

"O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกใส่
นอกจากไม่ครวญคร่ำ .. ไม่กำสรวล
จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน
ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย "

โอย..ทั้ง ขอ ทั้ง ทวน แล้วจะมี"นวล" ที่ไหน
ยอม "หยัดร่าง .. เคียงข้างกาย " อีกคะ นี่

ท้าวศรีสุริโยทัย สมัยดิจิทอล นี่นะ

มินตราขอกราบลาล่ะค่ะ



โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:4:07:33 น.  

 


555

เขาเรียกว่ารักจริงจัง
โดยไม่สนใจโลกแวดล้อมใดๆ ..

Aber .. die "deutsche" Ereignisse normal ist oder nicht?


โดย: สดายุ... วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:7:42:23 น.  

 
ดายุ..

แกล้งแซวเล่นค่ะ
"กวี"นี่ ท่านรักแรง เกลียดแรง !

"Das Geschehen macht uns traurig, sprachlos"
(สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราเศร้าโศก และ พูดไม่ออกไปเลย) ท่านประธานตำรวจเมืองมิวนิค นาย ฮูแบรทุส อังเด กล่าว(Polizeipräsident Hubertus Andrä)
เป็นความเศร้าใจชนิดที่เกิดขึ้นครั้งแรก ตลอดชีวิตการทำงานที่ประสบมา หลังจากพบวีดิโอที่บันทึกภาพคนคนหนึ่งบนหลังคาที่จอดรถเดินไปมาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
และมีเสียงตะโกนจากถนนว่า "คานัคเคอ" (kanake คำเรียกคนยุโรปทางใต้เพื่อดูถูก) บันทึกไว้
พร้อมเสียงตอบกลับว่า "เพราะพวกเธอนั่นล่ะ ที่รุมกัน "รังแก"(mob) ฉันมา เจ็ดปี เต็มเต็ม ทีฉันต้องมารักษาสุขภาพ ฉันจึงต้องไปซื้อปืนมาเพื่อ ยิงพวกเธอให้ตายให้หมด "
" ฉันเป็นคนเยอรมัน ฉันเกิดที่นี่ " แต่มองไม่เห็นภาพคนพูด ตำรวจได้เลือกวีดิโอนี้มาจาก หลายวีดิโอ มือถือที่ประชาชนบันทึกไว้

วัยรุ่นอายุ18 ปีชาวเยอรมันอิหร่าน ซึ่งเกิดในเยอรมัน ยิงตัวตาย มีผู้พบศพในถนนข้างข้างศูนย์การค้าเล็กเล็ก ในระแวกสนามกิฬาโอลิมปิคที่มิวนิค ซึ่งตำรวจได้ยินเสียงปืนนัดแรก ตามมาด้วย เสียงปืนอีกหลายนัด ซึ่งในตอนแรกตำรวจคาดว่า มีผู้ก่อการร้ายสามคน และ เนื่องจากในอาทิตย์เดียวกันในวันจันทร์ที่ผ่านมามีกรณีวัยรุ่นอายุ17 ปี ผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานมาคนเดียวถือขวานไล่ฟันคนอย่างเสียสติ บนรถไฟ ที่เมือง วรวอทบวร์ก (Würzburg)ในแคว้นบาวาเรีย เดียวกันนี้ เกิดขึ้น

ตำรวจจึงปฎิบัติการในรูปแบบ ของกรณีผู้ก่อการร้าย ปิดถนนระหว่างเมือง ปิดชายแดนประเทศ เชค( Tschech) ไม่ให้หนีข้ามประเทศ และ ปิดชายแดนแคว้นใกล้เคียง ปิดการคมนาคมทั้งทางรถไฟ ทางน้ำ ทางบกทุกชนิด ห้ามประชาชนเคลื่อนไหว ขอร้องให้ประชาชนอยู่กับบ้าน

ครบทุกขบวนการในการกัก ผู้ก่อการร้ายระดับสากล แถมยังส่งหน่วยปฎิบัติการพิเศษ GSG 9 ลงพื้นที่

รัฐบาลกลางที่แบร์ลีนแจ้งสถานะการณ์ก่อการร้ายไปทั้ง16 แคว้นของเยอรมัน ทั้งเยอรมันจึง ปิดเมืองเงียบหมด (ระบบป้องกันดีเกินไป ในทันควัน )

ปัญหาผู้ก่อการร้ายในยุโรป มาจาก คนต่างชาติรุ่นที่สาม (third generation)ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในยุโรป แล้วไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนับถือศาสนามุสลิม ที่แยกตัวออกไป
ในเยอรมัน ปัญหารุ่นหลานนี้น้อยกว่า ในฝรั่งเศส เพราะฝรั่งเศสจะแยก ผู้มาจากอัฟริกาตอนเหนือ และมุสลิม ให้อยู่แยกออกไปจากสังคม และไม่ดูแล ...
ปัญหาของชนชั้นและสังคม



โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.240.145 วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:13:23:11 น.  

 


มินตรา ..

มีข่าวในเยอรมัน 2 ข่าวนะขอรับ ..
แต่ก็ดีเหมือนกันที่เลือกข่าวนี้มาลง 55

ไหนๆพูดแล้วก็พูดต่อเลย
ผมมองว่า spirit ของประเทศยุโรปตะวันตกนี้ ที่ยอมรับผู้อพยพเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม ในที่สุดมันก็จะปะทุเป็นปัญหาอยู่ดี เพราะความแตกต่าง

ประการหนึ่ง
หากเป็นศาสนาที่ "ไม่ริษยาลัทธิอื่น" อย่างพุทธ พรามหณ์ ไชนะ บาไฮ ซิกข์ ที่ส่วนมากกำเนิดในอินเดียจะอยู่ร่วมกับ คริสต์โปรเตสแตนท์อย่างเยอรมันได้ ไม่มีปัญหาใดๆ

ประการหนึ่ง
ความเหยียดหยามทางเชื้อชาติ หรือ ผิวพรรณ รวมทั้งบุคคลิกภาพ หรือ racism มันอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนที่รู้ดีว่าตนเอง"เหนือกว่า"ในแทบทุกด้าน ..

อาจใช้ spirit แห่งความเป็นอารยะชนข่มได้เป็นครั้งคราวแต่ส่วนลึกแล้วยากที่จะยอมรับในลักษณะเสมอกัน .. (คงเหมือนกับคนกรุงเทพไปเที่ยวต่างจังหวัด ดูมีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านคนท้องถิ่นอย่างเป็นกันเองไม่ถือตัว .. แต่หากมีลูกหลานคิดจะมาแต่งกับคนพวกนี้ .. ก็คงไม่เอา)

ผมไม่เห็นด้วยนะกับการเอาความแตกต่างมาอยู่ร่วมกัน .. เยอรมันแผ่นดินน้อยคนเยอะ ทำไมไม่เอาประเทศแบบ นอรเวย์ ฟินแลนด์ ที่คนน้อยแต่แผ่นดินกว้างขวางใหญ่โต สำหรับรองรับพวกอพยพลี้ภัย ทั้งจากบริเวณสู้รบในตะวันออกกลาง หรือ ตุรกี แทน พอบ้านเมืองสงบก็ผลักดันกลับให้หมด

ทุกวันนี้พอดูฟุตบอล มันรู้สึกแปลกๆทุกทีว่าทำไมทีมฝรั่งเศสจากยุโรปถึงมีนักบอลตัวดำปื๊ดแบบนั้นร่วมค่อนทีม 555

ขณะที่ของทางยุโรปตะวันออก พวก รัสเซีย เช็ค โปแลนด์ โครเอเชีย โรมาเนีย บัลแกเรีย ถึงมีน้อยกว่าเยอะเลย

ในเมื่อ อัลเลาะห์ กับ ยะโฮวา คือองค์เดียวกัน ก็ควรบอกให้เปลี่ยนศาสนาก่อนรับเข้าไปอยู่ก็หมดเรื่อง

เหมือนที่พระนารายณ์ขอให้เช็คอะหมัดเปลี่ยนจากอิสลามมาเป็นพุทธไง ทำให้ตระกูลบุนนาคไม่มีภาพของตระกูลมุสลิมหลงเหลืออีกเลย อิๆๆ


โดย: สดายุ... วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:15:30:22 น.  

 
ขอดัดแปลงบทกวีตอแหลแลนด์สักหน่อย ..
ถึง .. กวีหญ่ายย ตระกูลฝุ่น
.
.
เมื่อความคิดถูกครอบในกรอบกัก
ทุกถ้อยวรรคย่อมตอบในกรอบขัง
คือมองโลกโดยกรอบของชอบ-ชัง
การรับรู้รับฟัง .. ต้องชั่งใจ
.
เมื่อความคิดชอบชัง .. ถูกขัง-ครอบ
ย่อมคิดตอบ .. เรื่องราว-เยี่ยงบ่าวไพร่
ชอบแล้วเฝ้าสรรเสริญเพลิดเพลินไป
ชังแล้วให้ประทุษคำเป็นกำนัล
.
เมื่อศักดิ์ศรีถูกตรึงถูกขึงพืด
คำกรองยืดยาวความ .. เพียงพล่าม-ฝัน
หลักการของตัวตนเยี่ยงหม่นควัน-
เอา-เสกปั้นน้ำเย็นให้เป็นตัว
.
พื้นความคิดหลงผิดจึงติดกรอบ
กรองโต้ตอบแต่ล้วนน่าชวนหัว
สร้างเนื้อหาว่าเองไม่เกรงกลัว-
การเย้ยยั่วเยาะหยันทางปัญญา
.
นำอักษรพร้อมสระมาประสม
พล่ามเป็นลมพ่นไป .. แสนไร้ค่า
เพียงสังขารปรุงเล่ห์เป็นเพทนา
ให้โลกหล้ารู้พร้อม .. ว่า-ปลอมปน
.
"กากกวี" อวดโอ้ตีโวหาร
บอกสันดานอาเภทไร้เหตุผล
ทั้งเรื่องสิทธิ์, ศักดิ์ศรี-เสรีชน
จงอย่าพ่นกลอนพล่าม เอาตามใจ !



โดย: สดายุ... วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:15:38:05 น.  

 
สดายุ

ข่าวสองข่าวที่ว่านั้น เกิดที่แคว้นบาวาเรียทั้งคู่ คือวัยรุ่นอายุ17 ปี อพยพมาจากอัฟกานิสถานคนเดียว แต่"แพ้พิษสงคราม" เพราะเห็นเพื่อนรักถูกฆ่าตายต่อหน้า พร้อมกับ"คำสั่ง"ว่า ต้องฆ่าคนต่างศาสนาเพื่อจะให้เพื่อนเธอไปขึ้นสวรรค์ จึงได้ถือขวานไล่ฆ่าคน ด้วยสภาพจิตที่คุ้มคลั่ง จนโดนตำรวจเยอรมันยิงเสียชีวิต (รายการเยี่ยงนี้ เยอรมันจับตายค่ะ)

และ อีกรายก็คือ วัยรุ่นเยอรมันเชื้อสายอิหร่าน นับถือศาสนามุสลิม ชีอิท(Schiite) จึงเชื่อว่ามิใช่ ผู้ก่อการร้าย สายไอซิส (ISIS )ซึ่งเป็นซูนิท (Sunnite)
เป็นมุสลิมรุ่นที่สามที่เกิดในเยอรมัน พูดเยอรมันชัดเจน

"ประชาธิปไตย" คือ โอกาสที่เท่าเทียมกัน"ประชาชนทุกคนทุกชาติทุกภาษา"

.............................

ในปลายแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในราวปี พ.ศ.๒๑๔๓
๑.เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ปฐมจุฬาราชมนตรี เป็นมุสลิมคนแรกที่นำเอาศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์อิสนาอะชะรี มาสู่ประเทศไทย และ "ประเทศทั้ง 10 แห่งทะเลใต้" ไปจนถึงจีน บนเส้นทางการค้าสายไหมทางทะเล

๒. ท่านเฉกอะหมัดผ่านการค้ามาหลายประเทศแล้ว จึงเข้า"วางระบบการท่า"ของไทยเสียใหม่ ทั้งปรับปรุง "ระบบศุลกากร"ให้รัดกุมยิ่งขึ้น ทำให้มีรายได้เข้าท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมาก

๓.ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ได้เป็นผู้ช่วยกู้บ้านเมืองให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้ก่อการร้ายชาวญี่ปุ่น จำนวน ๕๐๐ คนผู้จะยึดกรุงศรีอยุธยาจับตัวพระเจ้าทรงธรรมหวังยึดอำนาจการปกครอง
แต่พระยามหาอำมาตย์ (โอรสลับของสมเด็จพระเอกาทศรถกับสาวบางปะอิน) คนเดียวที่ไม่ยอมแพ้ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีกำลังพอที่จะเข้าขัดขวางได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก คือพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐีซึ่งมีบริวารชาวเปอร์เซียอยู่จำนวนไม่น้อย จากนั้นกองกำลังผสมไทยพุทธกับมุสลิมเปอร์เซีย จึงร่วมกันตะลุยญี่ปุ่นจนแตกกระเจิง วิ่งลงสำเภาชักใบหนีออกปากอ่าวไป

ความดีความชอบครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พระเจ้าทรงธรรมซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์หนึ่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงทรงปูนบำเหน็จให้สองขุนศึกอย่างงาม
-พระยามหาอำมาตย์ได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายใต้
-ส่วนพระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี ได้เลื่อนขึ้นเป็น เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดี ตำแหน่งสมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ

ซึ่งในขณะนั้นเมืองไทยใช้ระบบการปกครองแบบมีสมุหนายก ๒ คน แบ่งอาณาเขตดูแลต่างพระเนตรพระกรรณ..คนละครึ่งประเทศ..

เจ้าพระยาทั้งสองนี้เพราะเหตุที่ได้ร่วมชีวิตฝ่าความตายมาด้วยกันถึงไม่ใช่ญาติก็รักกันยิ่งกว่าญาติและรักตลอดลงไปถึงชั้นลูกชั้นหลานของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย

"พระเจ้าปราสาททอง" ก็คือ..พระยามหาอำมาตย์..ที่เคยตะลุยซามูไรญี่ปุ่นมาด้วยกันนั่นเอง
# แผ่นดินนี้เราสร้างมากับมือ #

ลูกหลาน “วงค์เฉกอะหมัด” ได้สืบต่อตำแหน่งจุฬาราชมนตรีมาตลอด :

แม้เจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) ได้หันไปนับถือศาสนาพุทธแล้ว แต่พระยาวิชิตณรงค์ (เชน) บุตรของเจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย ก็ไม่ได้เปลี่ยนศาสนาตามบิดาไปด้วย ยังคงนับถือศาสนาอิสลาม และได้เป็นพระยาจุฬาราชมนตรี ซึ่งนับเป็นจุฬาราชมนตรีอันดับ ๔ ของกรุงศรีอยุธยา
ทั้งโปรดเกล้าฯให้ว่าทั้ง.กรมท่ากลางและกรมอาสาจาม.
พระราชทานเกียรติยศเสมอเจ้าพระยาพระคลัง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าพระยา

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาจุฬาราชมนตรี (สัน) ได้ขอพระราชทานนามสกุลแยกออกจาก “บุนนาค” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลของพระยาจุฬาราชมนตรี (สัน) ว่า “อหะหมัดจุฬา” เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ๒๔๕๖

“อหะหมัดจุฬา” ก็คือลูกหลานในวงศ์เฉกอะหมัด สายอิสลาม ขณะที่ “บุนนาค” เป็นลูกหลานสายพุทธ

สายสกุลของท่านเฉกอะหมัด นั้นเท่าที่ปรากฏมีดังนี้ คือ
อะหะหมัดจุฬา จุฬารัตน์ อากาหยี ยวงมณี บุนนาค วิชายาภัยบุนนาค ช่วงรัศมี
ภาณุวงศ์ บุรานนท์ จาติกรัตน์ ชิตานุวัตร ศุภมิตร ศรีเพ็ญ สุวกูล ฯลฯ
.


โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:19:52:08 น.  

 

มินตรา ..

555 ถามได้ถูกคนจริงๆ ..

ช่วงรอยต่อราชวงศ์สุโขทัย-ปราสาททองนี้ผมเอามาเขียนโคลงเรื่องยาว "นิราศเพรงกาล" ไว้แล้ว ..

ยอมรับว่ามีส่วนประทับใจเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ (เดิมคือจมื่นศรีสรรักษ์ ต่อมาคือ พระเจ้าปราสาททอง) จากที่เป็นคน"มีจิตใจนักเลง" .. คนที่มีลักษณะนี้มักมีการคบหากว้างขวางและมีพรรคพวกบริวารมาก ..

ผมชอบคนใจถึง .. ใจใหญ่ .. กล้าได้กล้าเสีย

เมื่อ"เด็กเมื่อวานซืน"ที่ได้นั่งบัลลังก์กษัตริย์เพียงเพราะเป็นสายเลือด เกิดกำเริบโอหังต่อผู้ใหญ่ที่เคยค้ำบัลลังก์ให้รุ่นพ่อมาก่อน ..

ก็จับทุบด้วยท่อนจันทน์เสียให้สิ้นเรื่อง .. อันเป็นเรื่องธรรมดาที่ตำแหน่ง "จ่าฝูง" ต้องการผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในยุคหนึ่งๆ

เพียงแต่เรื่องการพยายามสืบสายโลหิตไปยังพระเอกาทศรถนั้น .. ผมตั้งข้อสังเกตุว่ามักมีความพยายามจะโยงไปเพื่อสร้างความชอบธรรมในอำนาจ

ลูกพระเอกาทศรถ .. หลานพระนเรศวร มี
.. เจ้าฟ้าสุทัศน์ มีกับพระมเหสี บังเอิญพ่อระแวงว่าจะชิงบัลลังก์ จึงกินยาพิษตายไป
.. เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ น้องร่วมแม่กับเจ้าฟ้าสุทัศน์ ต่อมาคือสมเด้จพระสรรเพชญ์ที่ 4 ครองราชย์ได้ปีกว่าก็ถูกจหมื่นศรีสรรักษ์และพวกจับไปทุบด้วยท่อนจันทน์แล้วเชิญพระอินทราชาขึ้นนั่งบัลลังก์
.. พระอินทราชา เดิมชื่อพระศรีศิลป์ มีกับพระสนมชาวบางปะอิน ต่อมาคือ พระเจ้าทรงธรรม

ที่จริงหากพระนเรศมีลูก บัลลังก์ก็คงไม่ถึงมือ พระเอกาทศรถที่เป็นน้อง .. ผมยังเสียดายอยู่เลย

ดูๆไปแล้ว พระเอกาทศรถระแวงลูกตัวเองนี่แสดงถึงจิตใจที่คับแคบมาก ..

และหากจมื่นศรีสรรักษ์ เป็นลูกลับของพระเอกาทศรถจริงดังว่า ก็แปลว่าสืบสายสกุลมาจากราชวงศ์สุโขทัยอยู่ดี ไปจนถึงพระนารายณ์ที่เป็นลูก ทำไมต้องมาตั้งราชวงศ์ใหม่ ที่ก็อยู่ได้เพียง 50 กว่าปีก็ล่มสลาย



โดย: สดายุ... วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:20:40:27 น.  

 
สดายุ ..

"นักประวัติศาสตร์ ท้องถิ่น" น่ะ ที่มาตั้งราชวงศ์เอง เพราะไม่มีอะไรจะเสนอใหม่ จะให้สืบเรื่องไปถึง"ความใน"ว่าใครเป็นอะไรกับใคร ใกล้ชิดสนิทสนมใครก็ย่อมไม่ได้เพราะ แม้นแต่รั้ววังก็ยังมิเคยจะใกล้กราย
มีความรู้มากที่สุดก็คือ กษัตริย์ท่านโปรดใบพลู จากตำบลนี้ แล้วสั่งไม่ให้ขายใครนอกจากส่งหลวง จึงสมควรเป็น ผู้ตั้งราชวงศ์พลูหลวง !

แถมภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมันก็ไม่ได้อ่านหรืออ่านไม่ได้ (เพราะนักวิชาการสากลจะเขียนไว้ในภาษานี้)แล้วจะตรวจประวัติศาสตร์ืกับใคร

นี่ จะไปทำอะไรได้นอกจากยกดินแดนสุวรรณภูมิให้ มอญ ให้เขมร ไป

ความจริงนักโบราณคดีไทยที่มีความรู้ท่านเขียนไว้ ท่านทราบ แต่พวกนักประวัติศาสตร์ในวงเหล้าย่อมไม่มีเวลาอ่าน (แต่มินตรายอมรับว่าฟังพวกขี้เหล้าคุยน่ะ สนุกกว่าฟังผู้รู้)

เรื่องทฤษฎีสากล ก็ไม่รู้ว่า วงวิชาการในโลกนั้นท่านนับอารยธรรมอย่างไร วิวัฒนาการของมนุษยชาติ การเผยแผ่อารยธรรม ดำเนินไปอย่างไร ตามทฤษฎีไหน

นี่เป็นปัญหาของประเทศไทย ที่ "พวกแจ้งเกิดใหม่"
ประกาศว่า คนไทยนั้นเป็นชนชาติที่มาจาก"ร้อยพ่อพันแม่"

คำนี้ เป็น"คำด่า" ที่บ้านมินตรานะ
แม่อาชีพอะไรล่ะ ถึงได้มีตั้งร้อยพ่อ !
แล้วพ่อน่ะมีอาชีพอะไร ถึงได้มีเมียเป็นพัน !
หยาบช้าสามานย์มากที่ร่ายประวัติศาสตร์มาให้คนไทย เป็นลูกที่มีร้อยพ่อพันแม่ !

บางสายสกุล นั้น ท่านไม่ยอมไปเกลือกกลั้วกับพวก "พันทาง"
มิใช่ท่านรังเกียจเลือดเนื้อ แต่ท่านรังเกียจ ...
ความไม่รู้ไม่เรียนแล้วยังมากร่าง
หาเหตุผลไม่ได้ก็ "ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ"
"ใครเป็นคนกำหนด"

คนที่ร่วมเหตุการณ์น่ะซิ ที่กำหนด ตาม"ความเป็นจริง"!
(ถามตำรวจแผนกสืบสวนสอบสวน ท่านจะทราบ )

นักศึกษาเยอรมันก็มี พอตั้งคำถามว่า "ใครว่า "
อาจารย์ไล่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดเลย เพราะ แม้นแต่ใครพูดอะไร ก็ยังไม่รู้ แล้วจะมาเรียนต่อยอดอะไรได้อีก คุยกับใครเค้าจะรู้เรื่อง
555 มินตรา หน้าย่น แล้ว





โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:21:23:27 น.  

 
สดายุ..

พระราชโอรส ใน สมเด็จพระเอกาทศรถ :
1. เจ้าฟ้าสุทัศน์ ซึ่งดื่มยาพิษสิ้นพระชนม์

2.เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็น "สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์" และครองราชย์หนึ่งปีก็ถูกทำราชประหาร

3.พระศรีศิลป์ ซึ่งหนีราชภัยไปบวชและหลังจากนั้นทรงขึ้นครองราชย์โดยมีพระนามใหม่ว่า "พระเจ้าทรงธรรม" "สมเด็จพระเชษฐาธิราช" ซึ่งเป็นพระราชโอรสครองราชย์ต่อหนึ่งปีแปดเดือนก็ถูกทำราชประหาร

4.เจ้าพลาย ซึ่งหนีราชภัยไปตั้งบ้านเรือนที่แขวงบางช้าง เมืองราชบุรี (ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2556) แขวงดังกล่าวคือจังหวัดสมุทรสงคราม) และทรงมีบุตรหลานเกี่ยวดองกันมากกับเจ้าแสน

5.เจ้าแสน ซึ่งหนีราชภัยพร้อมกับเจ้าพลาย เจ้าพลายและเจ้าแสนทรงเป็นบรรพบุรุษของ ราชินิกุลบางช้างแห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งมี 3 สกุล ได้แก่ สกุลชูโต สกุลบุนนาค และสกุล ณ บางช้าง

6.เจ้าไลย ซึ่งมีพระชนนีชื่อ "อออิน" หรือ "อิน" ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพบ (ปะ) พระชนนีในเจ้าไลยในอำเภอบางปะอิน เจ้าไลยทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่ซึ่งคือราชวงศ์ปราสาททองและมีพระนามใหม่ว่า "สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง"

7.พระศรีสุธรรมราชา ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็น "สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา" และครองราชย์ 2 เดือน 17 วัน ก็ถูกทำราชประหาร

พระราชธิดา ในสมเด็จพระเอกาทศรถ :
เจ้าหญิงอำไพ หรือเจ้าแม่วัดดุสิต เจ้าหญิงอำไพเษกสมรสกับพระยาเกียรติพระราม (สมิงพระราม) ขุนนางผู้สืบเชื้อสายจากนายทหารมอญที่ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเข้ามา. เจ้าหญิงอำไพมีบุตร คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ทองปาน หรือ ปาน) (วีคิพีเดีย)


โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 24 กรกฎาคม 2559 เวลา:5:21:10 น.  

 
มินตรา ..

เรื่ององค์ไล มีพูดถึงอยู่แพร่หลาย
แต่เจ้าพลาย เจ้าแสน ไม่มีที่ไหนกล่าวถึง ..

สื่อฝั่ง royalist ก็เอามาลงในลักษณะ"ตำนาน" หรือ "เกร็ดพงศาวดาร" ซึ่งเอาไปอ้างอิงไม่ได้ ..

//www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000101179

ในเรื่องประวัติศาสตร์ไทย โดยส่วนตัวผมเชื่อถือ กลุ่มศิลปะวัฒนธรรม ในเครือมติชนมากกว่าข้อมูลเก่าที่เขียนขึ้นโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยม

ขณะที่พงศาวดารที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในแวดวงนักประศาสตร์ไทยคือ ฉบับหลวงประเสริฐ ที่เขียนในยุคพระนารายณ์

แวดวงประวัติศาสตร์ยุคใหม่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางข้อมูลจากการสอบเทียบกับประวัติศาสตร์ที่ับันทึกไว้ของประเทศคู่กรณีทั้งหลายทั้งพม่า เขมร ลาว

รวมทั้งชาติตะวันตกที่เคยมาติดต่อทั้ง โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ รวมทั้งเปอร์เชีย ..

การแปลบันทึกของต่างชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ไม่ว่า วันวลิต หรือ ลาลูแบร์ นักประวัติศาสตร์ก็ไม่สามารถเอามาพิจารณาโต้งๆทั้งดุ้นได้ จำต้องประเมินประมวล"ความเข้าใจเรื่องราว"ของผู้บันทึกที่เป็นต่างชาติด้วย

อย่างข้อมูลที่แตกต่างกันระหว่างไทย กับ พม่า กรณีชนช้างของพระนเรศ กับพระมหาอุปราชานั้น เป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว

พม่าบันทึกว่า พระมหาอุปราชา ต้องปืนของทหารราบที่รายรอบช้างทรงของพระนเรศ .. มิใช่ขาดคอช้างเพราะง้าวของพระนเรศแต่อย่างใด ..

หากข้อความตรงกัน ก็สรุปได้ว่า เหตุการณ์นั้นเป็นจริง
หากไม่ตรงกัน ก็ต้องตั้งเป็นข้อสงสัยไว้ก่อน

อีกทั้ง "ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์" .. แม้จนข้อมูลในตระกูลที่สนับสนุนอำนาจของกลุ่มหนึ่งมายาวนาน ก็ทำนองเดียวกัน .. ต้องพิจารณาอย่างแยกแยะ

ผมไม่คิดว่า สื่อสาธารณะที่มีคนอ่านจะขาดเหตุผลหรือหลักฐานใช้อ้างอิง ..

ต้องมีพยานหลักฐานทั้งวัตถุและเอกสารครับ ข้อมูลนั้นๆถึงจะได้รับการยอมรับ .. เพราะพยานบุคคลเราไม่สามารถหาได้แล้วในอดีตที่ผ่านมายาวนาน

ไทยรบกับพม่ามายาวนาน
ตั้งแต่ราชวงศ์สุพรรณภูมิ จน บ้านพลูหลวง
และบันทึกของพม่ามีอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์เพราะไม่เคยถูกอังกฤษทำลาย ไม่เคยถูกเผาแบบของไทย

การแปลภาษาโดยนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พม่าอย่าง ดร.สุเนตร ชุติณทรานนท์ จึงน่าเชื่อถือ

ข้อสังเกตุทางประวัติศาสตร์หลายๆเรื่องของคนอย่าง
สุจิตต์ วงศ์เทศ จึงน่าเชื่อถือสำหรับผม
..................................................
สุจิตต์ วงษ์เทศ : นาคไม่ใช่คน พุทธปะทะผี แล้วต่อรอง ในพิธีบวชนาค

สุจิตต์ วงษ์เทศ : บรรพชนคนไทย จากอีสาน ลงภาคกลาง

สุจิตต์ วงษ์เทศ : กลุ่มชาติพันธุ์ถูกลดทอนความเป็นคน เพราะประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย

สุจิตต์ วงษ์เทศ : ตุรกี ชาวสยามยุคอยุธยาเรียก “โต้ระกี่” หรือ “หรุ่ม”
..................................................

เนื่องจากข้อมูลระหว่างประเทศในยุคดิจิทอลนี้ มันแพร่หลายค้นหาได้ง่ายขึ้น ..


โดย: สดายุ... วันที่: 24 กรกฎาคม 2559 เวลา:17:37:25 น.  

 
ดายุ..

ใครจะมารู้ดีไปกว่าเราว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเราคือใคร ชื่ออะไร เช่นเรื่อง เจ้าพลาย เจ้าแสน นี่
เห็นไหมว่า ไม่ใช่ จู่จู่ลูกตาสีตาสา หรือเจ๊กจีน จะมาตั้งตนเป็นกษัตริย์ ได้ "หากมิใช่หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์"
เช่นเรื่องพระเจ้าตาก ทฤษฎีอาจารย์นิธิ ที่คนเสื้อแดงฮือฮากัน ด้วย

เรื่องชาวต่างชาติเช่น
-วันวลิต หรือ
-ลาลูแบร์ หรือ
-บาดหลวง เลอ บล๊องส์ บาดหลวงเยซูอิสต์ ที่สมเด็จพระนารายณ์ ให้ไปอยู่กับพระสังฆราชละโว้ หรือ
-นายโบโลการ์ด(นายทหารชุดมากับ เดอโชมองต์ คนแรกที่ถูกส่งมามะริด )
-จดหมายเหตุ หลวงจีนอี้-จิง และ หลวงจีนยวน-ฉ่าง หรือ พระถังซำจั๋ง เคยไปเยือนเมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 11
จะเชื่อถือได้อย่างไร เพราะ ข่าวในราชสำนัก ผ่านมาจาก
"พ่อค้าชาวเปอร์เซีย"ในอยุธยา ทั้งสิ้น
ยิ่งบันทึกจีนนี่ ทั้งหลวงจีนอี้-จิง และ หลวงจีนยวน-ฉ่าง หรือ พระถังซำจั๋ง เดินทางด้วยเรือ สุไลมาน ทั้งนั้น !

เดี๋ยว"นักประวัติศาสตร์ แจ้งเกิดใหม่" ก็จะออกมาสรุปว่า ข่าวจากแหล่งข่าวเดียว ปิดตาโลกด้วยฝ่ามือเดียว !
(แต่มีคนทำได้นะคะ) 555

มีบันทึก เรื่อง“Ship of Solayman,” เรียกย่อว่า SS
เป็นบันทึกของราชวงศ์ ซาฟาวิด ชาร์สุไลมาน (Safavid ruler Shah Solayman r. 1666-94) ส่งราชฑูตมายังกรุงสยามในปี 1685 เป็นเอกสารที่ นักประวัติศาสตร์โลกทั้งอังกฤษและเยอรมัน รวมทั้งประเทศ ล่าอาณานิคมยอมรับ ถือเป็น "เอกสารโลก" ซึ่งนาย จอห์น โอคาน(John O’Kane) แปลจากภาษาเปอร์เซีย เป็นภาษาอังกฤษ เก็บเป็น "เอกสารของพิพิธภัณฑ์อังกฤษ "( a British Museum manuscript)

ท่านก็บันทึกไว้ว่า เฉก อะหมัดแห่งเมืองกุม “Shaikh Ahmad of Qumm” เป็นผู้ดูแล รักษาน่านน้ำของประเทศทั้งสิบ(South Asia into the Malay Archipelago ) บนเส้นทางสายไหม ที่ติดต่อค้าขายกับจีน
และอาณาจักรออตโตมาน ได้ส่งกองทัพเรือมารักษา ปกป้องน่านน้ำ นี้

ในศตวรรษที่ 16-17สมัยล่าอาณานิคม
เมื่อปอร์ตุเกต รุกราน สุลต่าน แห่งอัชเช่( Aceh Sultanate, a Sunni Persian รากเหง้าของพวก ณ พัทลุง)
สุลต่านก็ได้ขอความคุ้มครองไปยังพระเจ้าซาร์สุไลมาน ราชวงศ์ ซาฟาวิดซึ่งได้ส่งกองทัพเรือ ภายใต้การนำทัพเรือของ เฉกอะหมัดแห่งสยาม เป็นผู้คุมเส้นทางทะเลของ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Maritime Southeast Asia )ให้เข้ามาดูแล
เรื่องนี้ มีในวิคีพิเดียทั้งภาคภาษาอังกฤษ เยอรมัน และ ภาษาอาหรับ ให้อ่านแล้ว และคงจะมีมากขึ้น เพราะ ยูเนสโก้เริ่ม เผยแผ่ความรู้ ร่วมกับ "เปอร์เซีย"




โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 24 กรกฎาคม 2559 เวลา:19:39:25 น.  

 

มินตรา ..

ครับ ขอขอบคุณในข้อมูลเชิงลึกที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องอดีต คนรุ่นปัจจุบันได้แต่หาอ่านเอาจากตำราที่ available which can be acesssed ..

การแปลความ หรือ การอ่านเหตุการณ์แล้วเข้าใจไปเองของคนต่างชาติ ก็ไม่ใช่นักประวัติศาสตร์จะคล้อยตามไปทั้งหมด ..

แม้จนวาระสุดท้ายของพระเจ้าเอกทัศน์ ยังบันทึกไว้ไม่ตรงกันเลย ทั้งไทย พม่า ฝรั่ง

เท่าที่ผมทราบนั้น..
เจ้าตากเป็นจีน เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักการทหารหรือนักปกครอง การที่ได้เป็นเจ้าเมืองตากเป็นเรื่องบังเอิญ .. จึงมีแต่ชาวจีนที่เข้าเป็นพวกพ้อง

ส่วนตระกูลขุนนางเดิมที่หลบหนีรอดเงื้อมมือพม่าในยุคอยุธยา ทั้งไทยทั้งแขก ย่อมไม่ยินดีที่ต้องมีคนจีนไร้สกุลรุนชาติมาเป็นเจ้าแผ่นดินให้ต้องกราบไหว้

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเกิดรัฐประหารในปลายรัชสมัยในที่สุด

มินตราเห็นด้วยไหม ?


โดย: สดายุ... วันที่: 25 กรกฎาคม 2559 เวลา:10:50:52 น.  

 

กวีหญ่ายย ตระกูลฝุ่น



โดย: สดายุ... วันที่: 25 กรกฎาคม 2559 เวลา:14:40:42 น.  

 
ดายุ..

มินตรามิใช่นักประวัติศาสตร์ที่จะปีกกล้าขาแข็งมาถกเถียงกับ "นักประวัติศาสตร์ฉบับประชาชน" เช่นอาจารย์นิธิ อาจารย์สุจิตต์ ผู้มีอาชีพโดยตรงได้
เพียงแต่มินตราศึกษาวิชา Cultural Engineering (วิชาใหม่เกี่ยวกับวัฒนธรรม อารยธรรม ..เมืองไทยยังไม่มีวิชานี้ เพราะเยอรมันก็เพิ่งตั้งวิชานี้มาไม่นาน) จึงมี"ฐานความรู้" ...บ้าง..

การใช้ วีคิพีเดีย นั้น เป็นไปเพื่อหา "ข้อมูลสำเร็จรูป" มาประกอบ "ฐานความรู้ที่มีอยู่ในตัว" เท่านั้นเอง
และ"ฐานความรู้ ในตัว" นี้ มาจาก หลายแหล่งประกอบกัน ทั้งจากในครอบครัว โรงเรียน สังคม วงวิชาการ
(ทราบใช่ไหมว่า ระดับมศ.๕ "อาบิทัวร์" Abitur ของเยอรมัน ห้ามใช้ วีคิพีเดีย อ้างอิงทางวิชาการ )

มินตราติดตามอ่าน งานของ นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เหล่านี้
สนใจใน"วิธีที่ท่านนำมาเสนอให้ประชาชนศึกษาประวัติศาสตร์" (ซึ่งปกติคนไทยไม่สนใจเลย)

จนทำให้ ประชาชนไทยที่ไม่มี"ฐานความรู้" ไม่ตรวจตราข้อมูล เช่น กรณีเรื่องคนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต ก็เชื่อกันสนิทว่า นายพลไทยท่านหนึ่งที่นำรัฐไทยในขณะนี้ งี่เง่ามาก ที่บอกว่าคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต
ทั้งทั้งที่มีหลักฐานในสำนักวิจัยแห่งชาติว่า นายพลท่านนี้ เคยขอทุนในการทำวิจัย ในฐานะ "ทหารนักวิชาการ" (นี่มิได้รักนะคะเพียงแต่ยอมรับความสามารถเท่านั้น)

อาจารย์สุจิตต์ บอกว่าเคยไปในเขตเทือกเขา นั้น มีแต่ ภูเขาน้ำแข็ง( Glacier) ไม่มีมนุษย์คนไหนอาศัยอยู่ได้

ข้อแท้จริงคือ : ภูเขาน้ำแข็งน่ะ เกิดขึ้นได้ ในบริเวณที่สูง 2400 ถึง 3000 เมตร กว่าระดับน้ำทะเล ( Schneegrenze ) ที่ตีนเขาเป็น"ที่ราบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่" (Steppe) ใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ แหล่งกำเนิด นักขี่ม้าเร่ร่อน( Eurasian nomads)ที่เรียกกันว่า ซินเธียน( Scythians)
มาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 8./ 7. ก่อนคริสตกาล

เขตนี้เป็น แหล่งกำเนิดมนุษยชาติ ก่อนที่จะอพยพไปตามแม่น้ำสร้าง อารยธรรมของโลก ๔ แห่ง คือ ลุ่มแม่น้ำไนล์ (อียิปต์) ลุ่มแม่น้ำไทกรีสและยูเฟติส (อิรัก) ลุ่มแม่น้ำสินธุ (อินเดีย) และลุ่มแม่น้ำฮวงโห (จีน)

เทือกเขาอัลไต สูงถึง 4506 เมตรครอบคลุมดินแดน ของคาซัสถาน( Kasachstan), ไซบีเรียของรัสเซีย , มองโกไล( Mongolei) และจีน
คงจำได้ว่าเมื่อเร็วเร็วนี้ทำไมสหประชาชาติจึงให้ความสำคัญแก่ ประเทศ คาซัสถาน( Kasachstan)
คู่แข่งของประเทศไทย ในการสมัคร กรรมาธิการความมั่นคง ของสหประชาชาติ(United Nations Security Council)

ในสายตามินตรา ทุกอาชีพต้องรักษา "จรรยาบรรณ" ( หลักความประพฤติปฏิบัติอันเหมาะสมแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงปฏิบัติในการประกอบวิชาชีพ = ethics)

"ความรู้ไม่ได้ทำให้คนเป็นคน แต่คุณธรรมช่วยให้คนเป็นคน"

ลักษณะเด่นทางวิชาการของ อาจารย์สุจิตต์ เช่น
"สุจิตต์ วงษ์เทศ : นาคไม่ใช่คน พุทธปะทะผี แล้วต่อรอง ในพิธีบวชนาค"
คือ ท่านนำ "ศาสนาผี" ( Animism) ที่มีอิทธิพลต่อสังคมใน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มาเสนอ

คำว่า Animism นี้ นักวิทยาศาสตร์เยอรมัน โพรเฟสเซอร์ ด๊อกเตอร์ เกออก แอร์นสท์ ชตาฮ์ล (Prof. Dr.Georg Ernst Stahl 1659 – 1734) เป็นผู้ คิดขึ้นมาใช้ในปี 1708 ซึ่งท่านได้พัฒนาคำ animismus มาใช้ในทฤษฎีชีววิทยา(biological theory) ว่า จิตวิญญาน( souls )เป็น ตัววางรูปแบบ หลักการสำคัญของ ลักษณะและธรรมชาติของชีวิต( vital principle ) และสามารถย้อนรอยไปถึง" สาเหตุของความเชื่อวิญญาณ" (spiritual causes)

- เรื่องนี้ เป็นความต่อเนื่องของพัฒนาการเกี่ยวกับสถาบันสังคมจากระดับพื้นบ้านไปจนถึงความก้าวหน้าทางอารยธรรม
...............................................
"เจ้าตากเป็นจีน เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักการทหารหรือนักปกครอง การที่ได้เป็นเจ้าเมืองตากเป็นเรื่องบังเอิญ .. จึงมีแต่ชาวจีนที่เข้าเป็นพวกพ้อง"

นี่ไงคะ คือ ผลของความเข้าใจในการอ่าน งานของ "นักประวัติศาสตร์ฉบับประชาชน" และ การปิดกั้นความรู้ของชนชั้นปกครองที่ "ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับข้อมูล"

พระเจ้าตาก ได้รับการอบรมดูแลเสมอบ่าเสมอไหล่ และเป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกับ ลูกขุนนางสูงสุดในแผ่นดิน เป็นสามเณรหลวง เป็นนาคหลวง ร่วมกันมาจนถึงการ"กู้เแผ่นดินทั้งสองครั้ง"

คุณปู่สั่งไว้ว่า "ไม่ว่านักประวัติศาสตร์ จะเขียนประวัติศาสตร์ไว้ว่ายังไง
จงจำไว้ว่า พระเจ้าตากท่านมีบุญคุณต่อแผ่นดิน กู้ชาติถึงสองครั้ง จากพม่า แล้วจากจีน " !





โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 25 กรกฎาคม 2559 เวลา:15:28:34 น.  

 



มินตรา ..

อำนาจทำให้คนเปลี่ยน .. อันนี้ผมว่าเอง

ประวัติศาสตร์ธนบุรี รัตนโกสินทร์ เชื่อไม่ได้ทั้ง 100% เพราะเราไม่สามารถทำวิภาษวิธีอย่างถึงรากถึงแก่นได้ เพราะมีกฎหมาย 112 เป็นอุปสรรค ..

ไม่เหมือนอยุธยาที่บัดนี้ "ไม่มีเจ้าภาพ" หรือไม่มีผู้มีส่วนได้เสียตกทอดสืบเนื่องมา จึงตั้งข้อสงสัย ตั้งข้อสังเกตุได้ทั้งหมด

ผมมองแค่ "ผลลัพธ์หรือผลพวง" หลังเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นหลักในการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ผ่านมา ..

ใครได้ประโยชน์หลังเหตุการณ์
ใครเสียประโยชน์หลังเหตุการณ์

เพราะมันเป็นคำบอกเล่าที่ดีที่สุด ..

ด้วยแว่นตาอันนี้ นักประวัติศาสตร์จึงต้องเปิดมุมมองใหม่ๆ เหมือนที่ ไอนสไตน์ จำต้องข้ามผ่านนิวตัน ผู้เป็นที่เคารพเพื่อเปิดโลกฟิสิกซ์ยุคใหม่

มินตราย่อมชอบที่จะเชื่อถือข้อมูลที่สืบทอดมาในวงศ์ตระกูล แต่นักประวัติศาสตร์จำต้องอาศัยหลักฐานบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เหลือตกทอดกันลงมาทั้งตำราและวัตถุพยานทั้งในประเทศนอกประเทศที่เป็นสาธารณะ และเข้าถึงได้

เป็นธรรมดาที่คงไม่สามารถเหมือนกันได้ ..

เป็นต้นว่า ..

Antony Goyaton ชาวอาร์เมเนียนซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ครั้งกรุงศรีฯแตกครั้งที่ 2 เขียนสิ่งที่มองเห็นกับตาไปตามความเข้าใจ .. ซึ่งพงศาวดารทั้งไทยทั้งพม่าไม่ได้กล่าวถึง (และแน่นอนทั้งพระยาตาก รวมทั้งบรรดาขุนนางไทยทั้งปวง ซึ่งหนีจากกรุงไปก่อนกรุงแตกตั้ง 3 เดือนย่อมไม่สามารถรู้เห็นเหตุการณ์จริงได้เท่าเขา - จริงไหม ?)

กล่าวไว้ว่า ..
"พม่าเข้าล้อมนครหลวงของประเทศสยามในเดือนกรกฎาคม หรือ สิงหาคม คศ.1766 เมื่อทำลายบ้านเมืองรายรอบแล้วพม่าก็ได้ตั้งปืนใหญ่เรียงรายรอบราชธานี มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าออกได้

ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าพม่าได้ล้อมกรุงอยู่ถึงเดือนมีนาคม คศ.1767 ขณะนั้นตัวเมืองมีน้ำเอ่อ พม่าได้ลงเรือเข้ามาถึงตัวเมืองในตอนกลางคืน ใช้บันไดไต่กำแพงเมือง และโยนหม้อดินบรรจุดินปืนขับไล่ผู้รักษาการอยู่รอบกำแพงเมือง

เมื่อยึดเมืองได้แล้วพม่าได้ทำลายกรุงศรีอยุธยาอย่างยับเยิน"

ทีนี้หลักฐานที่กล่าวถึงวันบุกกรุงศรี ค่อนข้างสอดคล้องกัน คือ บุก เผา ปล้น และมีการสังหารหมู่เกิดขึ้น อันเป็นภาพรวมๆ .. ความขัดแย้งก็ไม่มี

เมื่อมาดูการตายของพระเจ้าเอกทัศน์ หลักฐานต่างๆกลับไม่ตรงกัน

พม่าว่า .. ถูกลูกหลงจากปืนใหญ่สิ้นพระชนม์ขณะกำลังคิดหนี

Antony Goyaton ว่า .. พระมหากษัตริย์องค์หนุ่ม (พระเจ้าอุทุมพร) และพระราชวงศ์พร้อมด้วยพระคลังก็รวมอยู่ในบรรดาผู้ที่ถูกกวาดต้อนไปด้วย (ตรงนี้ถูกต้อง)

ระหว่างทางพระมหากษัตริย์ประชวรสวรรคต (ตรงนี้ไม่ถูกต้อง พระเจ้าอุทุมพรและราชวงศ์ถูกต้อนไปพม่า อยู่ในหมู่บ้านหนึ่งที่ต่อมาพม่าเรียก พวกโยเดีย - ชาวโยธยา)

ในคืนนั้นพระมหากษัตริย์องค์สูงอายุ (พระเจ้าเอกทัศน์)ถูกลอบปลงพระชนม์โดยคนไทยด้วยกันเอง (ตรงนี้ไม่ถูกต้อง)

บาทหลวงชาวฝรั่งเศสมองเซนเยอร์บริโกต์ ว่า .. พระเจ้ากรุงสยามซึ่งเป็นพระโรคเรื้อนนั้น ก็หนีข้าศึกไปและไปสวรรคตที่โพธิ์สามต้น

คำให้การชาวกรุงเก่า ว่า .. พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาเสด็จหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ 11-12 วัน ก็เสด็จสวรรคต

ยกมาให้เห็นว่า ความเป็นนักเล่าเรื่อง ช่างจดบันทึกของชาวตะวันตกนั้น บางครั้งเขียนลงไปตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งอาจมีทั้งผิดและถูก

ประวัติศาสตร์ของไทยซึ่งไม่ใช่นักบันทึกเหตุการณ์อย่างชาวตะวันตก จึงค่อนข้างกระพร่องกระแพร่ง

โดยเฉพาะมุมมองของผมในกรณีเสียดินแดนที่ภูมิอกภูมิใจกันหนักหนาว่าไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครนั้น .. ผมเห็นต่างกัน 180 องศาเลยทีเดียว



โดย: สดายุ... วันที่: 25 กรกฎาคม 2559 เวลา:17:16:31 น.  

 
ดายุ..
"มินตราย่อมชอบที่จะเชื่อถือข้อมูลที่สืบทอดมาในวงศ์ตระกูล แต่นักประวัติศาสตร์จำต้องอาศัยหลักฐานบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เหลือตกทอดกันลงมา.."

บังเอิญ ข้อมูลเหล่านั้น มาจากบันทึก หรือเล่าขานกันมาจาก"ตัวละคร"( actor) ในเหตุการณ์ซะด้วยซิคะ
แล้วเหตุการณ์ต่างต่างในแผ่นดิน เกิดจาก"วังหน้า"ทั้งนั้น
ที่มีอำนาจเพราะ คุมกำลังทหารเอง ออกรบเอง แต่ยอมให้ใครคนหนึ่งที่คิดว่า"เหมาะสม"ขึ้นครองแผ่นดิน
ตระกูลนี้จึงมีชื่อที่ ฝรั่งนักประวัติศาสตร์ล้อว่า เป็น ตระกูล King maker ! (ตระกูลผู้สร้างกษัตริย์)

แนวทางความเชื่อประวัติศาสตร์ของสดายุ
ทำให้มินตรานึกไปถึงเรื่องเล่าในวง นักสะสมภาพวาด ว่า ศิลปินฝรั่งเศส พิคัสโซ ( Pablo Picasso 1881 - 1973)ผู้ได้วาดภาพ สตรียิวเยอรมันที่ย้ายไปอยู่อเมริกา และ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ สะสมงานศิลปะ จนทำให้ศิลปินยุโรปเป็นที่รู้จัก ในอเมริกา ชื่อ แกรทรูด ชตาย( Gertrude Stein 1874 -1946 ) เธอเด่นมากในวงวัฒนธรรม

ในปี1906 เมื่อ พิคัสโซ วาดภาพเหมือนของเธอ เสร็จ คุณ แกรทรูด ซึ่งชื่นชม พิคัสโซ มาก รู้สึกผิดหวัง บอกว่า ไม่เห็นเหมือนเลย !
พิคัสโซ ตอบว่า „Sie wird“ (เดี๋ยวก็เหมือนเองล่ะ) หมายความว่า เมื่อ เจ้าของภาพเสียชีวิตไปแล้ว ผู้ที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จัก คุณ แกรทรูด ก็จะคิดว่า หน้าตาท่านเป็นอย่างนี้ล่ะ และประโยคนี้จะเป็นคำที่ นักสะสมภาพ และศิลปิน ชอบนำมาเย้ากันเสมอ 555

ภาพนี้ของ พิคัสโซ ชื่อว่า "Bildnis Gertrude Stein"
(ภาพเหมือน ของ แกรทรูด ชตาย) แสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ ศิลปะ ของ นิวยอร์ค Metropolitan Museum of Art (New York City)


โดย: บุษบามินตรา IP: 188.165.201.164 วันที่: 26 กรกฎาคม 2559 เวลา:12:15:54 น.  

 

มินตรา ..

ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน .. ต้องใช้การอ่านรูปการแล้วสันนิษฐานเอา ..

มินตรา .. ไปโต้แย้งเอากับนักประวัติศาสตร์ในกลุ่มที่ผมเอ่ยนามเอาเอง .. ผมอ่านมาจากพวกเขา

โดยเฉพาะประเด็นนี้ ..

ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และขอม
และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ
พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2519
จิตร ภูมิศักดิ์
(พ.ศ. 2473 - 2509)

ผมเชื่อถือคนนี้ .. จิตร ภูมิศักดิ์
มันเป็นเรื่องน่าหัวร่อ ในเรื่องเทือกเขาอัลไต


โดย: สดายุ... วันที่: 26 กรกฎาคม 2559 เวลา:14:47:31 น.  

 
สดายุ

ความรู้ใหม่ที่โลกมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ยืนยัน

ในปี 1970 นักโบราณคดีระดับชาติของรัสเซีย (Russischen Akademie der Wissenschaften).มิคาอิล ชุนคอฟ( Michail Schunkow ) และ อนาโตลี เดเลฟยานโค (Anatoli Derewjanko) ได้ขุดหลักฐานทางโบราณคดีที่ ถ้ำ เดนิโซว่า (Denisova-Höhle =„Höhle von Denis“ ถ้ำของเดนิส ) ใกล้เขตแดน คาซัสถาน( Kasachstan ) มาศึกษาอย่างละเอียด ได้ค้นพบว่า มนุษย์ที่อาศัยในถ้ำนี้ เป็น มนุษย์สมัยเดียวกับมนุษย์ นิอันเดอทาล (Neandertalern มนุษย์ถ้ำในเยอรมัน ต้นกำเนิดมนุษย์ที่แยกออกไปจากชิมแพนซี)
จึงมีข้อสรุปว่า เมื่อ 40.000 ปี ที่แล้ว มีมนุษย์เดนิโซว่า (Denisova) นอกเหนือไปจาก โฮโมซาเพียน (Homo sapiens) และนิอันเดอทาล (Neandertalern) อาศัยอยู่ในเขตเทือกเขาอัลไต (Altai)

โยฮันเนส เคร้าส์ (Johannes Krause)และ สวานเทอ แพพโบ( Svante Pääbo)จาก สถาบันมักซ์พรั้งค์เพื่อวิวัฒนาการ มานุษยวิทยา(Max-Planck-Institut für evolutionäre Anthropologie)ในเมืองไลปซิค( Leipzig )ประเทศเยอรมัน ได้ วิจัยทางดีเอ็นเอ(DNA)ในปี 2010 ยืนยันความถูกต้องในการเปรียบเทียบ ดีเอ็นเอของมนุษยชาติ ได้ระบุในหนังสือที่พิมพ์ออกมาในปี 2014, ด้วยการใช้ชื่อว่า „Homo altaiensis“โฮโมอัลไตเอนซิส

ในเดือนธันวาคมปี 2010 เอกสารจากการศึกษา แถลงว่าโฮโมอัลไตเอนซิส (Homo altaiensis) ขยายเผ่าพันธุ์ ส่วนใหญ่ลงในเขต เอเซียตะวันออก (Ostasien)ตั้งแต่เมื่อ 300.000 ปีก่อน เฉกเช่น นิอันเดอทาล( Neandertaler )ขยายเผ่าพันธุ์ในเขตยุโรป และ ในทางตะวันตกของเอเซีย


โดย: บุษบามินตรา IP: 163.172.136.205 วันที่: 25 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:28:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.