O รูปนามแห่งยามสาง .. O
Giovanni Marradi - Sospiro
-1- O ดุจน้ำค้างกลางไพร .. หลั่งไหลหยด ผ่านคำพจน์กรองกานท์อันหวานหอม แฝงความหมายลึกล้ำให้ด่ำดอม เฉกเชือก .. ล้อมปลายกระหวัดรุมรัดใจ O กลางวิเวกเงียบประดัง .. แว่วฟังว่า- พุ่มพฤกษาลมผ่านกิ่งก้านไหว และท่ามกลางมืดมัวอยู่ทั่วไป ภาพอำไพก็คล้อยเคลื่อน .. พ้นเลือนลาง O เมื่อคำนึงวนว่าย .. พลิ้วพรายอยู่ โลกก็เคลื่อนผ่านสู่ยามตรู่สาง เช่นความในใจคน กอปรหนทาง- นั้น-พรายพร่างช่วงแล้ว .. ทั้งแววตา O ลมผ่านริ้วหวิวหวีด, ประณีตถ้อย- ก็ร่ำร้อยอาวรณ์ผ่านย้อนหา พากย์รำพึงรำพัน .. เฝ้าพรรณนา- แทนคุณค่าลึกล้ำ .. แห่งน้ำใจ O จดจ่อด้วยรูปฝัน .. ถ้อยบรรดา ตอกย้ำว่าอาวรณ์ .. สุดถอนไหว อีกหนึ่งการแพ้-พ่าย .. จากภายใน เมื่อภาพไหวโหมระลอก .. เย้าหยอกทรวง O ฤๅ .. หัตถ์พรหมเอื้ออวยอำนวยให้- รอบอาลัยซ่อนแฝงด้วยแรงหวง ฤๅ .. โสตพรหมยินคำเอ่ยบำบวง จึงช่วยหน่วงจิตใคร .. อาลัย-รอ O สังคีตแว่ว .. เนตรชม้อยก็ลอยล่อง เพรียกหมายปองจากทรวง, คำบวงขอ- ฤๅผ่านศัพท์, สุ้มเสียงดัง-เพียงพอ- จึงช่วยต่อเติมหวาน .. มาผ่านล้อม ? O ค่ำนี้ .. ลมลูบไล้ .. น้ำไหววับ พร้อมสังคีตอุโฆษศัพท์ .. เสียงขับกล่อม ค่ำนี้ .. คน, รอบถวิล .. เหมือนยินยอม ร่วมแห่ห้อมรอบพิมล .. เข้าดลใจ O ริ้วลม .. สายน้ำ .. ยามค่ำคืน รวมเป็นคลื่นอาวรณ์แสนอ่อนไหว กลางดาษดาวแสงกระพริบจากลิบไกล เหมือนผ่านนัยแห่งชู้ .. เข้าจู่โจม O สรรพสีดอกสุมาลย์ละลานกลิ่น ต้องลมรินร่ำพลอยได้ช้อยโฉม อวดสีสันก้านช่อ .. ร่ำรอโลม เช่นแรงโสมนัสพ้อง .. รูปผ่องเพ็ญ O เกิดแต่เมื่อความหมาย .. หนึ่ง-ฉายทอ สำแดงส่อเลศนัย .. ออกให้เห็น ในช่วงยามเหงาเงียบและเยียบเย็น คอยบีบเค้นอกใจ .. คอยไขว่คว้า O รื่นดั่งหยาดน้ำค้าง .. ที่กลางหน ค่อยหลั่งปนหอมหวาน .. ลงผ่านหา สบความหมายผ่านต้องด้วยสองตา ก็รู้ท่า .. รู้ที .. ว่ามีใจ !
-2- O จึง-อบอุ่นละมุนอยู่จนรู้สึก ว่าส่วนลึก-อาวรณ์..นั้น-อ่อนไหว- จากเผยความผ่านสู่ .. ของผู้ใด- โดยพลั้งเผลอเลศนัย .. ออกให้รู้ O ยิ้มรับภาพงดงาม .. อยู่ท่ามกลาง- การเร้นพรางอาวรณ์ .. แอบซ่อนอยู่ วันแล้วและวันเล่า-ที่เฝ้าดู- ความนัยชู้ .. จากชาย .. ผู้หมายเชย O คล้ายว่าแรงสุมซ่อน .. อาวรณ์นั้น- จะไหวสั่นรูปรอย .. ให้ค่อยเผย- ผ่านแววตาอ่อนละมุน .. แสนคุ้นเคย แทนการเอ่ยถ้อยความออกตามใจ O แววตากอปรคำนึงหวานซึ้งอยู่ ก็ทอดทอนัยสู่ .. จนรู้ได้- ว่า-วงรอบเสน่หาความอาลัย ค่อยเวียนรอบวนไหว .. ที่ใจคน O ร้างรูปดาวบนฟ้า .. กล่อมราตรี เพียงเรื่อยรี้ลมล่วง .. โลมห้วงหน เหลือจันทร์แรมลอยเรียว -โดดเดี่ยวบน- ฟ้า, ใจคน .. กลับช่วงกว่าดวงวัน O เหมือนงดงามเรื่อเรื้อง .. ที่เบื้องหน้า หยัดหยั่งบางคุณค่า .. เบื้องหน้านั่น แล้วยอบทบาทสู่ .. ให้รู้กัน ลบเงียบงันวันวานให้ผ่านพ้น O หลัง-ม่านหมอกบังพราง .. พ้นสางตรู่ ความนัยชู้ทั้งปวง .. ก็-ร่วงหล่น หลัง-วันเลื่อนลอยดวง, ในทรวงคน- ความนัยอบอุ่นล้น .. ก็หล่นรอ O พร้อม-สายลมอุ่นอ้อนแสนอ่อนโยน, ดอกมาลย์โอนหอมยิ่งทุกกิ่งช่อ รูปธรรม .. ใจแนบลงแอบ-ออ ก็อยู่ล้ออาลัย .. คอยไขว่คว้า O เตรียบความหมายนัยคำ .. หวังทำให้- บางอกใจวนวิ่งเสียยิ่งกว่า- เมื่ออกอุ่นอ้อมแขนห้อมแหนมา เนตรพรายพร่าสั่นไหว .. ด้วยนัยนั้น O รื่นรมย์อยู่ดีไหม .. หัวใจเจ้า กับยั่วเย้าอารมณ์ให้ซมสั่น รื่นรมย์ทั้งหัวใจ-ของใครกัน ? กับรำพันเร้ารัว .. หยอกยั่วใจ O เถิด-ให้เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เก็บทุกแววหวานซ่อน .. อย่าอ่อนไหว อย่าพลั้งเผยแววตา .. ความอาลัย- เผลอออกให้เขาเห็น .. ความ เป็น มี O ให้รับรู้ความนัย .. แต่ในฝัน ด้วยว่านั่น-คือหลักแห่งศักดิ์ศรี- ของอาวรณ์เชิงชู้ .. กุล-ผู้ดี จากใจที่แฝงเร้น .. ขีดเส้นทาง O โอ ลวดลายชาติภพ .. บนคบสูง จะเหมือนยูงอกแอ่นรำแพนหาง- อยู่กับฝูง .. งดงามอยู่ท่ามกลาง- การลอบเร้นอำพราง .. ได้อย่างไร ? O ยิ้มรับใจวุ่นวาย .. ที่คล้ายว่า- เผลอเผยอาวรณ์นั้น .. ด้วยหวั่นไหว รอการแกว่งสั่นรัว .. บางหัวใจ- จะแว่วให้รับรู้ .. ให้ดูแล O แว่ว .. มาเถิดอกใจผู้ใฝ่ฝัน หากมุ่งมั่นร่วมเคียง .. อย่าเพียงแค่- เก็บซ่อนไว้ปิดกั้น .. ให้ผันแปร- แล้วเฝ้าแต่ซ่อนเร้น .. ความเป็นไป O เพียงเพื่อความเงียบงันแห่งวันวาน จัก-เคลื่อนผ่านหวานหอม .. รายล้อมให้- การเผยรูป, สั่นรัวแห่งหัวใจ- ค่อยสั่นไหวเผยรอบ .. ให้ปลอบโยน ! O กลางสายลมโผแผ่ว .. เหมือน-แว่วดัง- เสียงกดข่ม, เหนี่ยวรั้ง .. ค่อยพัง-โค่น รอบอาวรณ์, แหนหวง .. ใคร-ช่วงโชน- ก่อน-ถ่ายโอนโอบแน่น .. ด้วยแขนเรียว !
Create Date : 31 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2566 10:20:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3435 Pageviews. |
|
|
|
|
|