Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
ตุลาคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
14 ตุลาคม 2555
O หลังเหมันต์ .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O หลังเหมันต์ .. O
Ernesto Cortazar - Infinite Love
O คิดถึงมากเพียงไหนหนอใจเจ้า-
กับยั่วเย้าความสู่ - เคยรู้ไหม
แล้วที่คอยสั่นรัวทั้งหัวใจ-
เพราะความใครออดอ้อน .. นะ-อ่อนน้อย ?
O รู้หรือไม่รอบคะนึง .. หวานซึ้งเจ้า
เวียนรอบอยู่แล้วเล่า .. ยามเหงาหงอย
นั้น-จากอารมณ์ชู้ .. ที่รู้คอย-
เฝ้าละห้อยห่วงหา .. ด้วยอาวรณ์
O ไม่ต้องข่มเอียงอาย .. ทำส่ายหน้า
เมื่อหวานซึ้งในตา .. เกินกว่าซ่อน
เมื่อ-ทุกความคำเย้ายั่ว .. เว้าวอน
แววเหลือบค้อนส่งมา .. แววตาใคร ?
O โอนั่น รูปแก้มเผย .. ไยเฉยอยู่
หรือเลือดเรื่อซ่านสู่ .. ข่ม-อยู่ไหว?
กระนั้นแล้วแรงชู้ .. เมื่อจู่ใจ-
แววตาเผยความนัย .. ข่มได้ ฤๅ
O ค่ำดึกดื่นดวงฤดีอย่าลี้หลบ-
การบรรจบ .. โดยทิพกระซิบสื่อ
ความอบอุ่นโอบอุ้ม .. เมื่อกุมมือ-
เปรียบว่าคือ ปรารมภ์แห่งคมคำ
O จักกล่อมเจ้าหลับฝันในบรรจถรณ์
ทั้งอาวรณ์อาลัยเมื่อได้สัม-
ผัส .. ความหอมหวานรส .. ถ้วนบทบำ-
รุง .. หัวใจชื่นล้ำผ่านค่ำคืน
O สุ้มเสียงความเว้าวอน .. คำอ้อนออด-
จักคอยพลอดพร่ำสู่ .. เกินรู้ขืน
จนม่านหม่นแห่งพลบค่อยกลบกลืน-
แววระทึกตอบตื่นในผืนตา !
O ใช่ไหมที่ .. คำนึงมีถึงกัน-
นับหมื่นพันภพชาติ .. เพรียกปรารถนา
ใช่ไหมที่ .. คอย-รอ .. ด้วยทรมา
รอ-การผูกพันธนา .. ด้วยอาวรณ์
O เมื่อเหน็บหนาวลมร่ำ .. ผ่านค่ำคืน
อกควรขืนหนาวร้ายให้คลาย .. ถอน-
ด้วยอบอุ่นอาลัย ดั่งไฟฟอน-
รอ-สุมซ้อนแทรกสู่ .. ไม่รู้วาย !
O ใช่ไหมที่ .. บริบทแสนงดงาม
ค่อยแผ่ซ่านลุกลาม .. สืบความหมาย
มีอารมณ์อาลัยแห่งใจชาย-
คอยเวียนว่าย รองรับ .. เลศ- วับวาว !
O แล้วร่องรอยงดงาม .. แห่งความนัย
ค่อยเผยให้ล้อมห่มสายลมหนาว-
ที่ร่ำโรยผ่านเยือน .. แสงเดือนดาว-
ก็พร่างพราวนักแล้ว - ในแววตา
O อ่อนหวานละเมียดละมุน .. อบอุ่นแสน
จึง-โลดแล่นล้อมใจผู้ใฝ่หา
ให้ออดอ้อนหอมหวาน .. แห่งมารยา-
ที่เหมือนว่าสุมสั้ง .. ไม่รั้งรอ
O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนสรวง
รับรู้เถิดความปวง .. เฝ้าบวงขอ
ช่วยเผยผ่านความหมาย .. ให้ฉายทอ
ล้อมหัวใจจดจ่อ .. โลมล้อกัน
O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนฟ้า
ปรารถนาความปวง .. ในทรวงขวัญ-
จงสื่อนัยออกสู่ .. ให้รู้ทัน
ว่าดวงใจหนึ่งนั้น .. จักมั่นคง
O กลาง-เหน็บหนาวรอบฤดู .. ลมกรูเกรียว
ทุกส่วนเสี้ยว-ข่ายขุม .. แรงลุ่มหลง-
เหมือนตรารอยลึกล้ำ .. ตอกย้ำลง
เป็นจำนงตั้งอยู่ .. เกินรู้ล้าง
O กลางออดอ้อนรอบชู้ .. ฤดูลม-
ก็พัดข่มขับแทรกความแตกต่าง
ใบไม้แห้งหลุดร่อนลงว่อนวาง-
เช่นขวากขวางในอก .. ถูกยกทิ้ง
O แค่หัวใจรับรู้ .. ยอมอยู่เคียง-
หวานย่อมเพียงพอรุก .. ข่มทุกสิ่ง
ในความหมายอ้อนแอบ .. รอแนบอิง-
ย่อมจากดวงใจหญิง .. เจ้าทิ้งลง
O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูนี้-
อุ่นกลับมีตวงเติม .. คอยเสริมส่ง
จากใจหนึ่งมอบนำ .. แรงจำนง
งามจึงคงคาอยู่เกินรู้เลือน
O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูลม
ที่ห้อมห่มล้อมอยู่ .. กลับดูเหมือน-
เป็นอบอุ่นอ่อนหวาน .. ใคร-ผ่านเยือน
หมายให้เคลื่อนเข้ารับ .. แนบกับใจ
O เพื่อเคลี่อนขับหนาวล้น .. ให้พ้นผ่าน
ด้วยอุ่นร้อนแผ่ซ่าน .. จนต้านไหว
ฤดูลมร่ำสาย .. มีสายใย-
ม้วนปลายไว้ผูกมั่น .. เป็นพันธนา
O เมื่อจันทร์ลอยขึ้นฟ้า .. อวดราศี
ความรุ่มร้อนเคยมี .. ย่อมลี้หน้า
เหลือแสงรื่นเย็นยามงดงามตา
สิเนหาสองใจ .. คือ - นัยเดียว
O รู้ไหมว่า .. ดาวช่วงในห้วงฟ้า
ยาก-เทียมตาตื่นตอบ .. ยามลอบเหลียว
รู้ไหมว่า .. ไม้ลู่ .. ลมกรูเกรียว
ยาก-เทียมเสี้ยวส่วนใจ .. สั่น .. ไหวคอย..!
Create Date : 14 ตุลาคม 2555
Last Update : 22 มิถุนายน 2566 7:29:01 น.
16 comments
Counter : 4232 Pageviews.
Share
Tweet
สดายุ..
O จักกล่อมเจ้าหลับฝันในบรรจถรณ์
ทั้งอาวรณ์อาลัยเมื่อได้สัม-
ผัส .. ความหอมหวานรส .. ถ้วนบทบำ-
รุง .. หัวใจชื่นล้ำผ่านค่ำคืน
"ผ่านค่ำคืน" มาเจอ .."เหมันตะฤดู"..ยามเช้า จนต้องนั่งห่มผ้ารอแสงอาทิตย์ อุ่นอุ่น...
ลักษณะที่ติดตัว สดายุ ดูจะเป็นการ"ฉีกคำ"ที่ลงตัวได้สวยงาม นะคะ..เช่น "สัม..ผัส"..."บำ..รุง"
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.30.253 วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:13:05:59 น.
ดายุ...
ภาพที่นำมาลงน่ะ ลูกสาวใครนะ...
ท่าทางดูจะเป็นคุณหนูผู้มีความเชื่อมั่นในตนเอง..นะ
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.30.253 วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:13:51:39 น.
มินตรา
สาวน้อยในรูป คือ ใหม่ ดาวิกา นางเอกแสนสวยช่อง 7 สีทีวีเพื่อใคร ?
ลูกครึ่ง เอเชีย-ยุโรป มักมีรูปหน้าสวยลงตัว คือ เอาความแป้นแร้นแบบเอเชีย ไปลบ ความโด่งแหลม แบบยุโรปเหนือ จะได้กลางๆ พอดีๆ
แถมได้ผิวแบบขาวบวกเหลืองหารสอง .. ได้เป็น ขาวอมชมพู .. งามซะ ... 555
เรื่องคำในกลอน ..
เป็นเรืองของจังหวะด้วยนะ - ผมว่าเอง
หากแยกคำแล้วอ่านได้ไม่สะดุดก็ โอเค
แต่ที่ตกม้าตายกันส่วนมาก ไม่ใช่จุดนี้
แต่เป็นการใช้คำ "กลับหน้ากลับหลัง"
พิศเพ่ง หรือ เพ่งพิศ .. ได้
รุดเร่ง หรือ เร่งรุด .. ได้
สร้างสรรค์ หรือ สรรค์สร้าง .. ได้
เสกสรรค์ หรือ สรรค์เสก .. ไม่ได้
เลือกสรร หรือ สรรเลือก .. ไม่ได้ - ออกทะเล
กลั่นแกล้ง หรือ แกล้งกลั่น .. ไม่ได้ - ไม่มีใครเขาพูดกัน
เป็นต้น
เจอกลอนที่มีคำกลับหน้าหลังที่ไม่มีมนุษย์พูดกัน ก็แสนกลุ้มใจ ทุกทีสิน่า .. 555
โดย:
สดายุ...
วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:22:02:17 น.
สดายุ..
เดี่ยวขลุ่ย นั้น โหยหา..เหลือเกิน..
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.27.138 วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:13:12:30 น.
ดายุ...
O ใช่ไหมที่ .. คำนึงมีถึงกัน-
นับหมื่นพันภพชาติ .. เพรียกปรารถนา
ใช่ไหมที่ .. คอย-รอ .. ด้วยทรมา
รอ-การผูกพันธนา .. ด้วยอาวรณ์
ไม่ใช่ค่ะ เลิกต่อกลอน ก็เลิก"คำนึงมีถึงกัน"
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.27.226 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:15:48:00 น.
มินตรา
เพลงนี้คือเพลง ลาวสวยรวย คือทั้งสวยทั้งรวย
เป็นการบรรเลงของวงดนตรีในรายการ คุณพระช่วย
นับว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ไพเราะลงตัวที่สุด .. เพราะได้อารมณ์ออดอ้อนอ่อนหวาน มากมาย โดยเฉพาะจากเสียงขลุ่ยที่นำออกมาอย่างโดดเด่น
สาวน้อยอารมณ์โรแมนติค น่าจะชอบเพลงนี้ และเหมาะกับอารมณ์คิดถึงคะนึงหา .. ที่จะมีต่อชายเดียว
เมื่อ อุปาทาน (attachment .. Befestigung) เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง .. ไม่ว่าจากการที่ ..
1.ตาเห็นรูป .. จักขุวิญญาณ
2.หูได้ยินเสียง .. โสตวิญญาณ
3.ลิ้นรู้รส .. ชิวหาวิญญาณ
4.จมูกได้กลิ่น .. นาสิกวิญญาณ
5.ผิวกายถูกสัมผัส .. กายวิญญาณ
6.จิตใจนึกคิด ถึงเรื่องราวต่างๆที่เก็บ จำ เอาไว้ .. มโนวิญญาณ
อย่างใดอย่างหนึ่ง จาก วิญญาณทั้ง 6 .. ข้างบนนี้
นั่นคือการอุบัติขึ้นแห่ง ภพชาติ หนึ่งๆ
ไม่ต้องรอหลังตายเข้าโลง
ดังนั้น คำว่า "ภพชาติ" ในกลอนที่เขียนทั้งหมดจึงมีความหมายตามนี้ .. ขอรับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:5:07:39 น.
ดายุ...
ทราบไหมว่า ภาษาไทยที่ไปดึง"คำเทศ "มาใช้น่ะ
เป็นปัญหามากสำหรับมินตรา เช่นคำว่า อุปาทาน นี่
"อุปาทาน (attachment .. Befestigung)"
เมื่อกรุณาอธิบายภาษาเทศ พร้อมแนบภาษาอังกฤษ และเยอรมัน มาให้ด้วย เลย เข้าใจที่มาที่ไปของภาษาดีขึ้น
โชคดีนะที่มารู้จักกันในสมัยที่มีอินเตอร์เนต จึงสามารถหาความหมายของคำ ได้ง่าย..มิฉะนั้นคงเลิกรักกันไปแล้ว เพราะ เข้าใจความหมายของคำ ต่างกัน...
อุปาทาน นี่เมื่อตอนเด็ก ผู้ใหญ่ก็จะสอนว่า " แปลว่า ยึดมั่น ถือมั่น..สมมุติเอา..คิดเอาเอง แล้วนำมาผูกพันกับตน..ไม่ดีนะลูก..จะทำให้เป็นทุกข์"
ฉะนั้น เวลา เห็นคำว่า "อุปาทาน"หรือ "ทุกข์" นี่
.."ลูก"คนนี้ ก็จะกระโดดออกห่างห่างเพราะ มีความคิดในทางลบ ตั้งไว้...
เมื่อมาเรียนรู้วิชาทาง โลจิสติกส์(Logistic engineer)
วิศวกรไทยแปลคำว่า supply chain เป็น "โซ่อุปาทาน"
มินตราก็ นำ ความรู้เก่า ไปปนกับความรู้ใหม่ (ตามทฤษฎี ที่ท่านว่าไว้ว่าคนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ จากสิ่งเก่าที่ตนรู้อยู่เดิม)...ก็เลย ไม่สนิทใจกับ supply chain ภาคภาษาไทย...
เมื่อ ดายุ นำสามภาษามาเรียงให้ดู จึงเข้าใจลึกซึ้งขึ้น...
มีคำเยอรมัน อีกคำ ที่แปลแล้ว ให้ความนุ่มนวลในคำคือAnhänglichkeit ...น่าจะเหมาะกว่านะคะ..แปลไทย ว่า"ผูกพัน"น่ะค่ะ..ตาม "ทฤษฎีความผูกพัน"(Attachment Theory)..ที่ว่า มนุษย์เราจะมี ความผูกพัน ในกันและกัน เหมือนเด็ก ติดพี่เลี้ยง
มินตรานี่แหละ "ติดพี่เลี้ยง"นัก ..แล้ว ..ยึดมั่นถือมั่นจริงจริง.. (เลยไม่กล้าเข้าวัด..เดี๋ยวพระ ท่านจะว่า.."ไม่ดีนะลูก" ...)
นี่มาโดน สดายุ ว่า..อีก..
ใครบอกว่า มินตราจะ"เข้าโลง" อาจจะ"ลงโกศ" ก็ได้นะจ๊ะ !
ปกติ ไม่ชอบ เดี่ยวขลุ่ย หรอกนะคะ ฟังแล้ว เศร้า..
จะโปรด เดี่ยวซออู้ มากกว่า..หวาน ทุ้ม นุ่ม..อบอุ่นดี..
จะชอบ ดนตรีเครื่องสาย ด้วย...
หากเป็นเครื่องสายฝรั่ง ก็จะ โปรด ไวโอลีน เพลงพวกSerenade ...ออดอ้อนอ่อนหวาน ..อย่างที่ดายุ ว่า..
แสดงว่า เป็นคน โรแมนติค จริง ซิ นะ...
ร่ายมาซะยาว..ทำตามใครนะ !....
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.26.200 วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:10:29:19 น.
สวัสดีค่ะ...
โห!!! หวานนนน...และ หวีดหวิววววว... อิอิ
ไพเราะจังค่ะ
โดย: witch IP: 118.172.107.252 วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:13:23:31 น.
มินตรา
คงสับสนแล้วล่ะ
อุปสงค์ (อังกฤษ: demand) หมายถึง ความต้องการและความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการ
ในขณะที่อุปทาน (supply) หมายถึง สินค้าหรือบริการที่พร้อมจะขายในตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการซื้อ
อุปทาน คือ supply
อุปาทาน คือ attachment
เขียนคล้ายกันอยู่ แต่ต่างกันตรงสระอา หลัง ป.
supply chain ที่เขาแปลไว้ก็ถูกแล้ว "โซ่อุปทาน"
ที่ไม่ใช่ "โช่อุปาทาน"
หากจะใช้คำว่า โซ่อุปาทาน ก็คงต้องไปในทางที่ว่า ..
เมื่อมีมิจฉาทิฐิ (ความเห็นที่ผิด) ว่ามีวิญญาณล่องลอยออกจากร่างกายที่ตายแล้ว เป็นตัวเป็นตนเดิม ไม่ว่าจะเปลี่ยนสภาพไปทางไหนก็ยังเป็นคนที่เพิ่งตายอยู่นั่นเอง
แล้วล่ะก็
อุปาทาน โง่เขลา ก็จะสร้าง มโนภาพ (ภาพในจินตนาการ) ขึ้นมา เห็นโน่น เห็นนี่ ทางหางตาบ้าง แบบวูบๆวาบๆบ้าง พอหันไปก็"เหมือนว่า"หลบวูบไปหลังต้นไม้บ้าง (ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมไอ้สิ่งลึกลับทั้งหลายถึงต้องลับๆล่อๆ ผลุบๆโผล่ๆ ไม่อยู่ให้เห็นจะจะ จนแจ้งแก่สายตาให้ถ่ายรูปได้เลย ... ดูๆจะเหมือนกันไปหมด ... 555)
พูดง่ายๆว่า เห็นผี .. เพราะมีอุปาทานต่อเนื่องจากมิจฉาทิฐิเรื่อง วิญญาณล่องลอยหลังตาย
เมื่อเข้าใจว่าเห็นผี เห็นวิญญาณ เพราะอุปาทานสร้างขึ้นมา .. ก็กลัว .. ก็ต้องแขวนพระเครื่อง .. ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น .. เพราะจินตนาการต่อเอาว่า .. ผีกลัวพระ .. สภาพจิตก็ดีขึ้น .. ขณะที่จินตนาการปรุงต่อว่า เขามาขอส่วนบุญ .. ดังนั้นรุ่งเช้าก็ไปทำสังฆทาน กรวดน้ำทำบุญ แผ่ส่วนกุศลให้ ..
ทั้งๆที่ เป็นเรื่องของ "สังขาร - อำนาจแห่งการปรุงแต่ง" ที่มาจาก มิจฉาทิฐิ ที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน (อวิชชา -สภาพที่จิตปราศจากความรู้ในอริยะสัจจ์) ไปเองแท้ๆ
นี่จึงเรียกว่า ห่วงโซ่อุปาทาน .. คือ คิดเอง เออเอง บ้าไปเอง อยู่คนเดียว ... 55
แต่คำที่ผู้ใหญ่สอนน่ะถูกแล้ว .. เป็นความหมายเช่นนั้นนั่นเอง ..
ก่อนศาสนาพุทธแผ่เข้ามาในสุวรรณภูมิ .. ดินแดนแถบนี้ผู้คนถือผี เป็นลัทธิชั้นต่ำ ที่บูชาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ .. ดังนั้นแนวคิดแบบวิญญาณล่องลอยจึงลงกันได้กับความเชื่อดั้งเดิมของพื้นถิ่นนี้ ..
การตีความพุทธธรรมจงเข้ารกเข้าพง มาจากเหตุที่ว่า สอดรับกับความเชื่อเดิม ..
ดังนั้น การอธิบายพุทธธรรมผิดเพี้ยน บิดเบือน อย่างใน วิสุทธิมรรค คือ วิญญาณเที่ยง และวิญญาณคือตัวรับรู้เรื่องราวที่ตั้งอยู่ในกาย เวียนเกิดเวียนดับในวัฏฏสงสาร .. จึงสอดรับกับลัทธิถือผีมากกว่า วิญญาณ 6 ที่กล่าวมา
วิญญาณ 6 คือ วิญญาณพุทธ
วิญญาณล่องลอย คือ วิญญาณพราหมณ์
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน
โดย:
สดายุ...
วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:19:54:54 น.
แม่มดน้อย
ค่ำดึกดื่นดวงฤดีอย่าลี้หลบ-
การบรรจบ .. โดยทิพกระซิบสื่อ
ความอบอุ่นโอบอุ้ม .. เมื่อกุมมือ-
เปรียบว่าคือ ปรารมภ์แห่งคมคำ
ดูแลสุขภาพขอรับ .. กะเดี๋ยวนอนขี้เซา ทิพกระซิบไม่ได้ยิน .. อิๆๆ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:20:23:25 น.
สดายุ..
"คงสับสนแล้วล่ะ"
คงไม่นะคะ..
"อุปทาน
N. imagination
def:[การเกิดจิตใจคิดไปเอง]
N. supply
sample:[รัฐบาลได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจากการลดลงของอุปสงค์ และอุปทานของประเทศ]
อุปาทาน
N. attachment
def:[การยึดมั่นถือมั่น โดยนึกเอาเองว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นๆ, การนึกเอาเองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นๆ]
sample:[เขาพยายามเอาชนะอวิชชา เพื่อลดตัณหา และอุปาทาน]
N. imagination
def:[ความนึกคิดและเห็นไปเอง]
syn:{อุปทาน} "
อุปทานและ อุปาทาน ..เป็นคำที่ "เป็นญาติกัน"(Synonym) "ในหนึ่งคำ มีสองความหมาย.".ใช้คำไหนก็ได้..ไม่ว่า จะเป็น"ด้านวัตถุ"(material)หรือ "อวัตถุ"(non-material)..นะคะ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.6.114 วันที่: 21 ตุลาคม 2555 เวลา:16:17:28 น.
มินตรา
คำว่า อุปทาน เป็นแค่ศัพท์บัญญัติในวิชาเศรษฐศาสตร์ เพื่อเทียบเคียงกับ demand supply ของอังกฤษเท่านั้นเอง ..
ไม่มีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต ไทยนะ ..
-----------------------------------
คำ อุปทาน ค้นไม่เจอ โปรดพิมพ์ใหม่
คำที่คล้ายกันมีดังต่อไปนี้
อุทบาน [บาน] น. บ่อนํ้า, สระน้ำ. (ป., ส. อุท + ปาน).
อุทยาน [อุดทะยาน] น. สวน. (ส.; ป. อุยฺยาน).
อุปมาน [อุปะ, อุบปะ] น. การเปรียบเทียบสิ่งที่มีลักษณ
-----------------------------------
มีแต่ใน วิกิพีเดีย และใน google เท่านั้น แถมแปลไว้ผิดด้วย
.............................................................
อุปทาน supply, imagination, fancy, ply, hallucination
.............................................................
แปลไว้หลายความหมาย แต่ถูกแค่ความหมายเดียว คือ supply .. ที่เหลือผิดหมด เพราะเอาไปปนกับคำว่า อุปาทาน
ข้างล่างนี้คือพจนานุกรมพุธศาสตร์ของท่านประยุตต์ ก็ไม่มีเหมือนกัน
ฝรั่ง หรือ คนไทยที่ช่วยฝรั่งแปลคำ ไม่มีความรู้ทางภาษาไทย-บาลี ดีพอ ถึงรากศัพท์ จึงเอาไปมั่วปน
คำสองคำนี้มาจากไหน ?
อุปสงค์ .. demand ความต้องการ คือ ประสงค์
อุปทาน .. supply การจัดหาให้ การมอบให้ คือ ประทาน
โดย:
สดายุ...
วันที่: 21 ตุลาคม 2555 เวลา:21:01:24 น.
สดายุ..
เมื่อว่ากันถึง..รากของคำ (นิรุกติศาสตร์) นี่ มินตราจะไม่มีความรู้เรื่องภาษาบาลีสันสกฤต
เห็นจะจริง..และทางราชการไทย ก็มิได้มีทีมตรวจสอบความผิดถูก ได้ กว้างขวาง..
ผู้รู้ของเรา ก็จะถนอมตัว กันเหลือเกิน..
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.173.6.114 วันที่: 21 ตุลาคม 2555 เวลา:23:39:29 น.
โอบกระหวัดรูปขวัญอย่างบรรจง
แรกลุ่มหลงโบกโบยแต่โผยแผ่ว
กลับยิ่งช่วงกำลัง พร้อมปลั่งแวว-
อาลัยซึ้งล้อมรูปแก้วยากแล้วลบ
มาตอนปิดม่านลาโรงไปแล้ว..
เพิ่งรู้ว่า ใหม่ ดาวิกา รูปร่างหน้าตาอย่างไร - เธอน่ารักจริงๆค่ะ
ภาพประกอบบริบทบทกลอนที่เลื่อนทางขวานั้น - - ออกจะหายาก เพราะมาจากในคำนึง - - และสิ่งที่อยู่ในความคำนึงมักจะงดงามนัก จนยากที่จะหาขอจริงมาทาบซ้อน
ที่จริง น่าจะหาภาพจริง ตัวเป็นๆ จะได้ทั้งบรรยากาศ ความรู้สึก มากกว่าไปจัดฉากซ้อนนะคะ และก็อีกที่ ให้ความงดงามอยู่ในห้วงคำนึง อาจจะดีอยู่แล้ว
มีความสุขเสมอค่ะ สวัสดีค่ะ
โดย: มาย IP: 124.122.118.225 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:21:45:25 น.
มินตรา ..
ต้องพูดว่า ราชบัณฑิตยสถาน ของไทยเรา ตามไม่ทันโลก .. ศัพท์แสงเกิดใหม่ทุกวันก็เพราะเป็นเรื่องของวิวัฒนาการของมนุษย์เรา ..
แต่คนจำนวนหนึ่งกลับต่อต้าน โดยมองเป็นเรื่องของ ภาษาวิบัติ ทั้งๆที่คนวัยหนึ่งใช้สื่อสารกันจนเข้าใจกันได้ในวงกว้าง
คนที่ต่อต้านนี้ ต้องพูดว่าเป็นพวกที่หลงโลก .. เนื่องจากโลกเป็นสิ่งที่เลื่อนไหล ไม่อาจอยู่กับที่ได้ เป็นอนิจจัง .. เหมือนสายน้ำ .. คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีภาวะเดียวกับคนที่นั่งริมน้ำแล้วตะโกนให้สายน้ำหยุดไหล .. ว่า น้ำเว้ย หยุดไหลซะที อยู่นิ่งๆได้ไหม ?
อย่างไหนบ้ามากกว่ากัน ?
อย่างแรกที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงน่ะบ้ามากกว่า .. 555
มาย..
ภาพประกอบบทกลอนที่เลื่อนขึ้นทางขวา .. พยายามหามาหลายปี แต่ไม่สามารถหาได้อย่างที่ควรเป็น
ในสังคมพุทธ .. ที่มีกระทรวงวัฒนธรรมทำงานเรื่องประเภทนี้อยู่คือ เผยแพร่ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ของชาติให้ชนทั้งโลกได้เห็นได้ับรู้ ได้ชื่นชม ผ่านรูปแบบต่างๆทั้ง ภาพยนต์โฆษณา ทั้งรูปภาพพิมพ์ไว้แจกบนเครื่องบินการบินไทย .. เพื่อเขาจะได้หาโอกาสมาสัมผัส มาใกล้ชิด ผ่านการท่องเที่ยว
แต่ไม่เคยมี ?
รูปสาวงามค้อมตัวลงใส่บาตรพระ ที่มาด้วยเรือพายกับเรือนไทยริมฝั่งน้ำ .. แม้แต่กองประกวดนางสาวไทยก็ไม่เคยมี .. มีแต่ไปตักบาตรกันกลางอุทธยานประวัติศาสตร์อยุธยา/สุโขทัย แถมสายสะพาย เบอร์ ติดอกกันจนเอามาลงประกอบกลอนไม่ได้ .. เพราะมันไร้รสนิยม .. 55
สาวสวย .. ความงามของสาวไทย แบบเอเชีย
ชุดไทย .. ความงามของเครื่องแต่งกายไทยแบบจารีต
เรือนไทยริมน้ำ .. ความสวยงามของสถาปัตย์แนวจารีต
อาหารสำหรับถวายพระ .. อาหารไทยที่ขึ้นชื่อ
ช่อดอกไม้ .. แสดงถึงความงดงามแห่งจิตใจจากวิถีอดีต
การค้อมตัวลงใส่บาตรพระ .. ประเพณีไทย
พระสงฆ์ที่พายเล็กๆเรือมาบนลำน้ำที่สงบเงียบ .. ศาสนาพุทธที่เน้นเรื่องความสงบทางจิตใจ / บรรยากาศแวดล้อมของชนบทไทย
ภาพๆเดียว .. สามารถให้"ความเป็นไทย"ออกไปได้กว้างขวางมากมาย .. ในหลากหลายมิติ
หากเรามี รมต. ที่เป็นงาน และ รู้ว่าจะทำงานด้านนี้อย่างไร มาทำงาน ... อะไรๆ มันน่าจะดีกว่านี้
วกมาจนได้ .. 55
มีอยู่รูปเดียว .. แม่หญิงลาว นั่งบนพื้นดินบนผ้าปูรอง ..ห่มผ้าเฉียงไหล่ตักบาตรข้าวเหนียวที่ หลวงพระบาง .. พอใช้แก้ขัดได้ เพราะหน้าตางามอยู่
ที่ภาพไม่ชัดเพราะมันเล็กมาก แล้วเอามาขยาย ขอรับ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:23:21:46 น.
O เหมันตะฤดู .. O
.
.
O คิดถึงมากเพียงไหนหนอใจเจ้า-
กับยั่วเย้าความสู่ - เคยรู้ไหม
แล้วที่คอยสั่นรัวทั้งหัวใจ-
เพราะความใครออดอ้อน .. นะ-อ่อนน้อย ?
O รู้หรือไม่รอบคะนึง .. หวานซึ้งเจ้า
เวียนรอบอยู่แล้วเล่า .. ยามเหงาหงอย
นั้น-จากอารมณ์ชู้ .. ที่รู้คอย-
เฝ้าละห้อยห่วงหา .. ด้วยอาวรณ์
O ไม่ต้องข่มเอียงอาย .. ทำส่ายหน้า
เมื่อหวานซึ้งในตา .. เกินกว่าซ่อน
เมื่อ-ทุกความคำเย้ายั่ว .. เว้าวอน
แววเหลือบค้อนส่งมา .. แววตาใคร ?
O โอนั่น รูปแก้มเผย .. ไยเฉยอยู่
หรือเลือดเรื่อซ่านสู่ .. ข่ม-อยู่ไหว?
กระนั้นแล้วแรงชู้ .. เมื่อจู่ใจ-
แววตาเผยความนัย .. ข่มได้ ฤๅ
O ค่ำดึกดื่นดวงฤดีอย่าลี้หลบ-
การบรรจบ .. โดยทิพกระซิบสื่อ
ความอบอุ่นโอบอุ้ม .. เมื่อกุมมือ-
เปรียบว่าคือ ปรารมภ์แห่งคมคำ
O จักกล่อมเจ้าหลับฝันในบรรจถรณ์
ทั้งอาวรณ์อาลัยเมื่อได้สัม-
ผัส .. ความหอมหวานรส .. ถ้วนบทบำ-
รุง .. หัวใจชื่นล้ำผ่านค่ำคืน
O สุ้มเสียงความเว้าวอน .. คำอ้อนออด-
จักคอยพลอดพร่ำสู่ .. เกินรู้ขืน
จนม่านหม่นแห่งพลบค่อยกลบกลืน-
แววระทึกตอบตื่นในผืนตา !
O ใช่ไหมที่ .. คำนึงมีถึงกัน-
นับหมื่นพันภพชาติ .. เพรียกปรารถนา
ใช่ไหมที่ .. คอย-รอ .. ด้วยทรมา
รอ-การผูกพันธนา .. ด้วยอาวรณ์
O เมื่อเหน็บหนาวลมร่ำ .. ผ่านค่ำคืน
อกควรขืนหนาวร้ายให้คลาย .. ถอน-
ด้วยอบอุ่นอาลัย ดั่งไฟฟอน-
รอ-สุมซ้อนแทรกสู่ .. ไม่รู้วาย !
O ใช่ไหมที่ .. บริบทแสนงดงาม
ค่อยแผ่ซ่านลุกลาม .. สืบความหมาย
มีอารมณ์อาลัยแห่งใจชาย-
คอยเวียนว่าย รองรับ .. เลศ- วับวาว !
O แล้วร่องรอยงดงาม .. แห่งความนัย
ค่อยเผยให้ล้อมห่มสายลมหนาว-
ที่ร่ำโรยผ่านเยือน .. แสงเดือนดาว-
ก็พร่างพราวนักแล้ว - ในแววตา
O อ่อนหวานละเมียดละมุน .. อบอุ่นแสน
จึง-โลดแล่นล้อมใจผู้ใฝ่หา
ให้ออดอ้อนหอมหวาน .. แห่งมารยา-
ที่เหมือนว่าสุมสั้ง .. ไม่รั้งรอ
O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนสรวง
รับรู้เถิดความปวง .. เฝ้าบวงขอ
ช่วยเผยผ่านความหมาย .. ให้ฉายทอ
ล้อมหัวใจจดจ่อ .. โลมล้อกัน
O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนฟ้า
ปรารถนาความปวง .. ในทรวงขวัญ-
จงสื่อนัยออกสู่ .. ให้รู้ทัน
ว่าดวงใจหนึ่งนั้น .. จักมั่นคง
O กลาง-เหน็บหนาวรอบฤดู .. ลมกรูเกรียว
ทุกส่วนเสี้ยว-ข่ายขุม .. แรงลุ่มหลง-
เหมือนตรารอยลึกล้ำ .. ตอกย้ำลง
เป็นจำนงตั้งอยู่ .. เกินรู้ล้าง
O กลางออดอ้อนรอบชู้ .. ฤดูลม-
ก็พัดข่มขับแทรกความแตกต่าง
ใบไม้แห้งหลุดร่อนลงว่อนวาง-
เช่นขวากขวางในอก .. ถูกยกทิ้ง
O แค่หัวใจรับรู้ .. ยอมอยู่เคียง-
หวานย่อมเพียงพอรุก .. ข่มทุกสิ่ง
ในความหมายอ้อนแอบ .. รอแนบอิง-
ย่อมจากดวงใจหญิง .. เจ้าทิ้งลง
O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูนี้-
อุ่นกลับมีตวงเติม .. คอยเสริมส่ง
จากใจหนึ่งมอบนำ .. แรงจำนง
งามจึงคงคาอยู่เกินรู้เลือน
O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูลม
ที่ห้อมห่มล้อมอยู่ .. กลับดูเหมือน-
เป็นอบอุ่นอ่อนหวาน .. ใคร-ผ่านเยือน
หมายให้เคลื่อนเข้ารับ .. แนบกับใจ
O เพื่อเคลี่อนขับหนาวล้น .. ให้พ้นผ่าน
ด้วยอุ่นร้อนแผ่ซ่าน .. จนต้านไหว
ฤดูลมร่ำสาย .. มีสายใย-
ม้วนปลายไว้ผูกมั่น .. เป็นพันธนา
O เมื่อจันทร์ลอยขึ้นฟ้า .. อวดราศี
ความรุ่มร้อนเคยมี .. ย่อมลี้หน้า
เหลือแสงรื่นเย็นยามงดงามตา
สิเนหาสองใจ .. คือ - นัยเดียว
O รู้ไหมว่า .. ดาวช่วงในห้วงฟ้า
ยาก-เทียมตาตื่นตอบ .. ยามลอบเหลียว
รู้ไหมว่า .. ไม้ลู่ .. ลมกรูเกรียว
ยาก-เทียมเสี้ยวส่วนใจ .. สั่น .. ไหวคอย..!
.
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 ธันวาคม 2557 เวลา:21:41:57 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
สดายุ..
O จักกล่อมเจ้าหลับฝันในบรรจถรณ์
ทั้งอาวรณ์อาลัยเมื่อได้สัม-
ผัส .. ความหอมหวานรส .. ถ้วนบทบำ-
รุง .. หัวใจชื่นล้ำผ่านค่ำคืน
"ผ่านค่ำคืน" มาเจอ .."เหมันตะฤดู"..ยามเช้า จนต้องนั่งห่มผ้ารอแสงอาทิตย์ อุ่นอุ่น...
ลักษณะที่ติดตัว สดายุ ดูจะเป็นการ"ฉีกคำ"ที่ลงตัวได้สวยงาม นะคะ..เช่น "สัม..ผัส"..."บำ..รุง"