Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
O วันคอย .. O








Giovanni Marradi - Renaissance



O วิกาลคล้อยน้ำค้างพรายพร่างเม็ด
ดั่งแพรเพชรลอยผืนในคืนเปลี่ยว
สรวงย่อมมืดหม่นครัน .. เพราะจันทร์เรียว
เมื่อส่วนเสี้ยวใจนี้ .. สุดลี้ลา
O คะนึงเพียงรูปน้อยละห้อยเห็น
เมื่อลับเร้นร่องรอย .. ให้คอยหา
ในคาบยามฟ้าหลัวมืดมัวตา
ปรารถนาซ่อนเร้นก็เห็นรอย
O ละภาพพจน์โวหารบรรสารสื่อ
ก็ยุดยื้อใจแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย
เหนี่ยวเด็ดไว้แอบออ .. ร่วมรอคอย
การเคลื่อนคล้อยมุ่งหวังอีกครั้งคราว
O ระยิบเอยแววตาใต้ฟ้าต่ำ
ผ่องผกายร่ายรำ .. กลางค่ำหนาว
ในวิกาลหม่นมืดอันยืดยาว
จะช่วงแทนหมู่ดาวกลางหาวนั้น
O ภิรมย์เถิดดวงฤดีอย่ามีโศก
แม้นว่าโลกภายในอาจไหวหวั่น
ด้วยถวิลปรารถนาใฝ่หากัน
พากย์ยังพร้อมจะรำพันกล่อมขวัญน้อย
O เย็นลมร่ำค่ำเช้า .. รูปเยาว์เอ๋ย
แทนรำเพยกล่อมเจ้า .. อย่าเหงาหงอย
สบแสงจันทร์ทอดทอ .. แทนรอคอย
หมู่ดาวพร้อยพร่างฟ้า .. แทนอาลัย
O สู่นิมิตด้วยเจตสิกเจ้า ..
ร่วมใฝ่เฝ้าออดอ้อน .. ด้วยอ่อนไหว
เพื่อปลดปล่อยคำนึงอันตรึงใจ
ปลิวล่องไหลข้ามฟ้าข้ามธาตรี
O ที่โค้งฟ้าจรดน้ำ .. ในค่ำหนาว
จะเพียงดาววาบปลั่ง .. แสงรังสี
ณ ถิ่นนั้นสายใยหัวใจมี
จะคลายคลี่รัดขวัญ .. เพื่อพันธนา
O สังคีตประณีตบทแห่งรสสุมาลย์
จะแว่วผ่านโสตคอยละห้อยหา
ล้อมบรรเลงดีดสีด้วยลีลา-
เสน่หารูปละม่อม .. ในอ้อมทรวง
O รอบอาวรณ์อาลัย .. ผู้ใฝ่เฝ้า
ย่อมรุมเร้าจิตใจอย่างใหญ่หลวง
ท่ามหอมหวานสุมสั่ง, ความทั้งปวง-
ก็หอมล่วงล้ำค่าบุปผากรอง
O เหมันตะฤดู .. แล้วตรูเจ้า
ลมจะเฝ้าพัดโบก .. สู่โลกผอง
หนาวจักร่วมผ่านผัน .. สู่ครรลอง
ความสอดคล้องรูปนิมิตในจิตคน
O ใครหนอ .. ที่ในฝัน .. นะขวัญเจ้า
หยั่งรูปเงาโลมรุกไปทุกหน
จิตใครหนอ .. รุมเร้าใฝ่เฝ้าจน-
เสียงดิ้นรนแว่วดังให้ฟังคำ
O วิกาลล่วง .. น้ำค้างยังวางเม็ด
ดั่งผืนเพชรแพรห่มสายลมร่ำ
ใจต้องหวานหอมอยู่ .. เพียงรู้นำ-
ความพร้องพร่ำกระซิบสู่ .. ให้รู้ตัว
O ว่าตราบดาวบนสรวง .. ยังช่วงแสง
หวานที่แฝง .. จักเผยออกเย้ยยั่ว-
เย้าอาวรณ์ซ่อนเร้น .. ให้เต้นรัว-
รอมอบหัวใจวาง .. ลงกลางใจ !



Create Date : 30 กรกฎาคม 2557
Last Update : 14 เมษายน 2566 12:02:58 น. 6 comments
Counter : 3726 Pageviews.

 
สดายุ..

"O ละภาพพจน์โวหารบรรสารสื่อ
ก็ยุดยื้อใจแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย
เหนี่ยวเด็ดไว้แอบออ .. ร่วมรอคอย
การเคลื่อนคล้อยมุ่งหวังอีกครั้งคราว"

กับเพลงโปรดของ"อากง":
" ..ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน
เร่งวันคืนกลับเคียงกาย"...

วาบหวิว ไปเลยค่ะ...

สดายุคงได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงขิมที่หายไป 8 ปีที่ผ่านมานี่เอง...555 จึงต่อด้วย"วันคอย"...บทต่อไปก็"รักคืนเรือน"...

มินตราเองก็โปรด เครื่องสาย แต่มิใช่ " กู่เจิง"
เป็นซออู้ เสียมากกว่า ไม่ต้องฝึกซ้อมมากมายเพราะ สีให้.."กาสร" ฟัง..(คำนี้เอามาจาก " พฤษภกาสร.") 555



โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 30 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:41:03 น.  

 
เพลงเพราะจังเลยค่ะ ภาษาละเมียดละไม

อ่านไปฟังไป ไกลบ้านแบบนี้ คิดถึงคนรัก ชอบมากค่ะ
ูู


โดย: medkhanun (ตุ้มตุ้ยของเธอ ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2557 เวลา:4:54:50 น.  

 
อ่านในเฟสมาละ อิจฉาคุณน้องเล็ก ยินดีด้วยนะคะ อิอิ


โดย: witch IP: 171.4.101.184 วันที่: 31 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:18:29 น.  

 
สดายุ..

ที่กล่าว เรื่องรูปธรรม นามธรรม มานั้น....
เป็น.. การสื่อสารระหว่างคนสองคน ที่มี interaction ต่อกัน โดยใช้ภาษาเป็นสื่อ(communication) :
ส่งถึง(send) ตอบกลับ( feedback ) อย่างเป็นระบบ (system)
และ เป็นขบวนการ (processes) โดยธรรมชาติ

นักคณิตศาสตร์ อเมริกันเชื้อสายเยอรมันจากโปแลนด์ Norbert Wiener (1894 – 1964) เรียกว่า Cybernetics (: the Control and Communication in the Animal and the Machine )
หรือ
นักชีววิทยาชาวออสเตรีย-ฮังการี Ludwig von Bertalanffy ( 1901 – 1972) เรียกว่า general systems theory (GST)

ในการเรียนรู้วิทยาการ ตั้งแต่ศตวรรษที่20 เป็นต้นมาจึงใช้ ระบบและขบวนการทาง Cybernetics มาใช้ทางวิศวกรรม และ วิทยาศาสตร์
และ ทางชีววิทยา เศรษฐกิจสังคม การเมือง จะนำ มาใช้ในการบริหารจัดการ ระบบและขบวนการ อย่างเดียวกัน แต่เรียก ทฤษฎีนี้ว่า general systems theory (GST)

นี่คือสิ่งที่สดายุกล่าวว่า เป็น...
" สภาพธรรมแห่งธรรมชาติที่ทรงพลานุภาพอย่างไร้ขีดจำกัด"



โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 31 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:35:12 น.  

 
สดายุ...

ปรากฎการณ์ เช่น กระแสน้ำในมหาสมุทร ,สิ่งมีชีวิตในโลก , การเปลี่ยนแปลงของอากาศ, ระบบแสงอาทิตย์ และระบบนิเวศน์ ต่างต่างนั้น เป็น
"ระบบธรรมชาติ "(Natural systems)

แต่ เครื่องบิน ,ระบบคอมพิวเตอร์( software systems) , เทคโนโลยี่ และ เครื่องกลไก ทั้งหลาย , ระบบรัฐ องค์การ (government agencies) และ ระบบทางธุระกรรม( business systems) เป็น
"ระบบที่ออกแบบ"(Designed systems )

ใน"ขบวนการที่จะเข้าใจ"( the process of understanding)ว่า "ระบบ" (systems) ของสิ่งที่เกิดขึ้น เป็น เช่นไรนั้น ...

เราต้อง"คิดอย่างเป็นระบบ"( Systems Thinking )เพื่อที่จะรู้ว่า...
แต่ละ คน มีปฎิกริยา ( interact )กับ สิ่งรอบตัวเอง(environment ) และมีอิทธิพล( influence)ต่อ กันและกัน ยังไง

ทางเดียวที่จะเข้าใจ ปัญหา( a problem )หรือ สิ่งที่เกิดขึ้น (element)นั้น คือ เราต้องดู ปัญหา หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ในภาพรวม(the whole.)ที่สัมพันธ์กัน..
มิใช่แยกดูเป็นส่วนย่อย(the parts) หรือคิดเฉพาะตัวเรา

วิธีคิดอย่างเป็นระบบ ต้องคิดตาม"เหตุ ที่เกิดและ ผลที่ตามมา" ( cause and effect.) อย่างเป็นวัฎจักร (cycle) เช่นที่ สดายุ อธิบายมานั่นล่ะ

สดายุเห็นไหมว่า "วิธีเรียนรู้" ในสากลนั้น ง่าย และเป็นสัจจธรรมมาก
ศาสนาพุทธ จึงเป็น การเรียนการสอนที่เป็น วิทยาศาสตร์ ในสายตาของโลกตะวันตก..

แต่เวลาเรารับวิทยาการทางตะวันตกมา เราไม่เข้าใจ ปรัชญาในการเรียนการสอนของตะวันตก..เราตัดท่อนมาเรียน..

บอกเท่าไหร่ว่าหน่อไม้คือบ้องกัญชา และ บ้องกัญชาน่ะกินได้.. ก็ไม่ยอมเชื่อกัน..
เพราะเรามองระบบนิเวศน์ หรือ วัฎจักรนั้นไม่เห็น

เพราะเราไม่ได้คิดในรูปของระบบ อย่างมี "เหตุที่เกิดและผลที่ตาม..ต่อต่อกันมา"(causal chains)

"แม่บอกว่า " หากเราไม่ต้องการเป็น..หนึ่งในปัญหา..นั้น
เราต้องมอง..สิ่งนั้น..ในเชิงวิชาการ ! 555
มินตราเลย "วิชาการจ๋า" อย่างที่มีใครเหน็บมานั่นล่ะ...


โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 1 สิงหาคม 2557 เวลา:18:20:48 น.  

 
ลูกสาวแม่

แม่ น่าจะเป็นรูปเคารพที่มานพใหญ่น้อยทั้งหลายมิอาจสบสายตาด้วยได้อยู่นะสำหรับบ้านนี้ 55

คนที่เรียนมาทาง วิศวกรรม หรือ วิทยาศาสตร์ อาจพอเข้าใจระบบของเหตุและผลได้อยู่ในแง่วัตถุธรรมอันมองเห็นสัมผัสได้

เช่นเหล็กโดนความร้อนจะขยายตัวได้ ดังนั้นรางรถไฟจึงต้องมีระยะยืดตัวไว้ค่าหนึ่งที่ทุกๆรอยต่อ

รวมทั้งเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเซาะร่องบนถนนคอนกรีตแล้วหยอดยางมะตอยลงไปทุกๆระยะความยาวหนึ่งๆ เพื่อบังคับให้แตกตรงนั้น

เพียงแต่จิตวิญญาณมันไม่มีรูปให้เห็น และ จากเหตุสู่ผลมิได้เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ แต่กลับมี"อำนาจแห่งการปรุงแต่ง(สังขาร)" ที่ไร้เหตุผล ร้ายกาจ และรุนแรงเกินควบคุม ขึ้นมามีอิทธิพลในกระบวนการจากเหตุสู่ผล

จึงต้องรับมือด้วยสิ่งเดียวที่ยิ่งใหญ่กว่ากันในแง่ปริมาณและคุณภาพ อันสามารถรองรับ ทนทาน ยืดหยุ่นต่ออำนาจแห่งการปรุงแต่งที่ไร้เหตุผลต้นกำเนิดได้

แต่หากมองให้ลึกลงไปแล้ว ตัวสังขาร (อำนาจแห่งการปรุงแต่งของจิต) ก็เป็นสภาวะธรรมหนึ่งในกระบวนการของธรรมชาติที่ใส่ไว้ให้ทุกรูปนาม

แปลว่า .. ภาวะการมีอยู่ของสังขารในตนเป็นธรรมชาติเดิมแท้ ตรงนี้ การหลีกเลี่ยง เพื่อมิให้มันมีอยู่ - ทำไม่ได้ ..

แต่ภาวะการทำงานของมันมิได้เป็นธรรมชาติเดิมแท้ ดังนั้น ภาวะการทำงานของมันเราจึงต่อสู้ ควบคุม เอาชนะ หรือ ยอมแพ้ หรือ กำจัดลงให้หมดสิ้นได้ (ถอนอาสวะ)

คนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทาง จิตวิทยา ก็ต้องอาศัย สามัญสำนึก แหวกไปแบบนี้แหละ .. 555





โดย: สดายุ... วันที่: 1 สิงหาคม 2557 เวลา:20:26:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.