Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พระพุทธเจ้า
พระพุทธวจนะ
ธรรมบรรยาย
ตรรกะวิภาษ ..
Innovation
Value Investor ..
DiscountedCashFlow
Transportation
NewGenDevice
History
Science
Home & Garden ..
Food & Sweet
DIY
SlowRock ..
Classic
RockMusic
SweetMusic
Ernesto Cortazar
Giovanni Marradi
Secret Garden
Omar Akram
Mix
CountrySong
SweetSong
OldSweetSongs ..
MLTR
ENYA
EAGLES
เพลงร็อคไทย
เพลงไทยเดิมประยุกต์
เพลงย้อนอดีต
เพลงบรรเลง
เพลงลูกกรุง
เพลงลูกทุ่ง
เพลงเพื่อชีวิต
นิราศนรินทร์ - คำแปล
นิราศภูเขาทอง - คำแปล
นิราศลำปาง .. โคลง
นิราศเพรงกาล .. โคลง
ชั่วฟ้าดินดับ .. โคลง
มหาภารตะยุทธ .. ฉันท์
ศรีอยุธยา .. ฉันท์
สายธารกาลเวลา .. กลอน
สองฝั่งฟ้า .. กลอน
หอมกลิ่นร่ำ .. กลอน
รัตนโกสินทร์ .. กลอน
ชั่วฟ้าดินสลาย .. กลอน
บรรณภพ
วรรณศิลป์
วรรณกรรมไทย
อวิภัชวาท
ปริภาษวาจก
นรกวาที
นารีปราโมช
ฉันท์
โคลง
<<
ตุลาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
16 ตุลาคม 2557
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
All Blogs
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O จากบัดนั้น .. O
O สิ้นสวาดิ .. O
O แววในดวงตา .. O
O เช้านี้ .. O
O อาวรณ์ .. O
O มธุรสลีลา .. O
O ยิ้มแรก .. O
O หนาวแรก .. O
O ปลายฝน .. O
O ซ่อนเร้น .. O
O งามรูปนั้น .. O
O เจ้าเอย .. O
O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O
O ยอมเถิด เจ้า .. O
O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ปรารมภ์ .. O
O ลมรำเพย .. O
O เหมันตะกาล .. O
O ดวงตาคู่นั้น .. O
O รูปเอย .. O
O ในค่ำหนาว .. O
O คำนึง .. O
O สิ้นเยื่อใย .. O
O ค่ำนี้ .. O
O เพียงเจ้า .. O
O กรรตุวาท .. O
O รูปธรรมในค่ำฝน .. O
O ฉันทาสมัย .. O
O จันทร์ .. O
O ห้วงเสน่หา .. O
O ยามเช้า .. O
O หอม .. O
O อีกไม่นาน .. O
O นาทีนั้น .. O
O วิสาขะสมัย .. O
O กลางริ้วลม .. O
O หวง .. O
O .. เช้านั้น .. O
O แรงอาลัย .. O
O แสงสรวงในทรวงนี่ .. O
O อุปาทานรูป .. O
O ยอมเถิด .. ดวงใจ ! O
O คิมหันตะสมัย .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O ขาบเขียวแห่งเรียวขน .. O
O เมื่ออุษาสาง .. O
O ครวญคร่ำแห่งคำวอน .. O
O เมื่อลมหนาวล่อง .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O น้องสาว .. ที่แสนดี O
O รูปนามเจ้าเอย .. O
O ใต้ปีกนกฟ้า .. O
O มีเจ้า .. O
O น้ำปลายฝน .. O
O เรื่อรุ้ง..บนคุ้งฟ้า O
O ก่อนอุษาสาง .. O
O น้ำค้างเดือนเจ็ด .. O
O เดือนลอยดวง .. O
O สาวเอย .. O
O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
O ฝากจันทร์ .. O
O แก้วตาพี่ .. O
O ก่อน .. วิสาขะมาส .. ! O
O หอมนี้ .. O
O รูปธรรมในคำนึง .. O
O รูปนามเอย .. O
O จันทร์เพ็ญรูป .. O
O รูปพรรณในบรรจถรณ์ .. O
O คันธา .. แห่งวรรษาสมัย O
O นางใจ ... O
O ถวิละรูป .. O
O บวงทิพที่ลิบโพ้น .. O
O รูปในคำนึง .. O
O ลมร่ำ .. เมื่อย่ำรุ่ง .. O
O น้ำค้างยามรุ่ง .. O
O คอยเจ้า .. O
O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O
O เหมันตะกาล .. O
O บุหลันลอยเลื่อน .. O
O รื่นลมหนาว .. O
O ลมร่ำในค่ำหนาว .. O
O เสน่หา .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รูปนามแห่งความรัก .. O
O อาลัย ที่ไหววน .. O
O งามละมุน .. กับกรุ่นข้าวหอม .. O
O ปีกนก กับ อกคน .. O
O หอม .. เสน่หา .. O
O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O
O น้ำค้างเดือนสิบ .. O
O ลมหนาวและดาวเดือน .. O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
O จันทร์เอย .. O
O คนดี .. O
O แรงถวิลหา .. O
O สุดหัวใจ .. O
O ขวัญเอย .. O
O ปีกนก และ อกคน .. O
O จันทร์เจ้า .. O
O วานนั้น .. จนวันนี้ .. O
O สุดรอคอย O
O ลมร่ำและฝนโรย .. O
O คอยเถิดเจ้า .. O
O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O
O รูปอาวรณ์ .. O
O กลางฝุ่นฝน .. O
O ตราบชั่วนิรันดร .. O
O สร้อยดอกโศก .. O
O สู่กลางใจเธอ .. O
O เพียงคำเดียว .. O
O หอมดอกลำดวน .. O
O ฟ้าคร่ำฝนครวญ .. O
O ชั่วฟ้าดินสลาย .. O
O ข้าวร่วมขัน .. O
O พิรุณพิลาปร่ำ .. O
O ห้วงแห่งคำนึง .. O
O วันคอย .. O
O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O
O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O
O บ่วงอาวรณ์ .. O
O หอมหัวใจ .. O
O คอยเจ้า .. O
O อาลัย ที่ไหวรับ .. ! O
O คำข้าว .. และใจคน .. O
O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
O กล่อมขวัญ .. O
O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
O คำมั่นคำสัญญา .. O
O รูปนามแห่งยามสาง .. O
O รื่นวรรษา .. O
O โสมกลางสรวง .. O
O ท่ามกลางละอองรื่น .. O
O รูปธรรมเพื่อจำนน .. O
O เมื่อลมร่ำ .. O
O หอมกลิ่นแก้ว .. O
O คิดถึง .. O
O ฝนห่มลมเห่ .. O
O ฤดูลม .. O
O บ่วงปฏิพัทธ์ .. O
O นิรมิตะรูป .. ? O
O แววตาผู้อาวรณ์ .. O
O รูปในคำนึง .. O
O กลาง - ลม .. ฝน .. O
O บุพสัญญา .. O
O ลมทะเล .. O
O เตรียมเถิด .. ใจ ! O
O เมื่อดาวลอยดวง .. O
O กลางลมร่ำ .. O
O หอม-อุ่น .. กลางฝุ่นฝน .. O
O อัปสระรูป .. O
O ขวัญพี่ .. O
O .. หัวใจที่ร่ำรอ .. O
O เพลงพยาน .. O
O พรรณาแห่งอารมณ์ .. O
O รื่น..ลมร่ำ .. O
O แก้วเอย .. O
O คอย .. O
O ดาวดื่นในคืนแรม ... O
O เภรีและคีตา .. O
O รูปนฤมิต .. O
O ก่อน .. มาฆะมาส .. O
O เพรงภพบรรจบล้อม .. O
O กลางวสันตะสมัย .. O
O ดั่งลมร่ำ .. O
O ปริศนาแห่งนารี .. ? O
O จินตะภพ .. แห่งพลบสมัย O
O คือ ความรัก .. O
O คันธาแห่งมาลี .. O
O เหมันตะสมัย .. O
O หอมดอกแก้ว .. O
O หอมกลิ่นโมก .. O
O พินทุแห่งกุสุมา .. O
O สัญญาใจ .. O
O รูปนามนั้น .. O
O ลมหนาวร่ำ .. O
O ฟ้าหลังฝน .. O
O วรรษาสมัย .. O
O คันธบท .. แห่งรสสุมาลย์ .. O
O คอยเถิดนะ .. O
O กรุ่นกลิ่นประทิ่นมาลย์ .. O
O อาวรณะสมัย .. O
O รูปแพงเอย .. O
O คอยเถิด .. รูปแพงเจ้า .. O
O มณีเดียว .. O
O ภิรมย์สมัย .. O
O ร่ำรสเกสรา .. O
O เจ้าอ่อนเอย .. O
O ลมเอย .. O
O กลางฝนโปรยปราย .. O
O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O
O กลางพระลบ .. บรรจบล้อม .. O
O หนาวลมร่ำ .. O
O จากเดือนเร้น .. จนเพ็ญรูป .. O
O แต่บัดนั้น .. จนบัดนี้ .. O
O เสภา .. กลางราตรี O
O โสมส่องแสง .. O
O ฝุ่นน้ำฟ้า .. O
O ศรัทธาสองภพ .. O
O ด้วยแรงอธิษฐาน .. O
O เม็ดฝน ใต้ม่านฟ้า .. O
O พันธนาการแห่งรูป .. O
O น้ำผึ้งเดือนเจ็ด .. O
O ฝนเดือนเก้า .. O
O อาลัยที่ใฝ่เฝ้า .. O
O ลีลาและท่าที .. O
O เดียงสาเจ้า .. O
O มณฑาทิพ .. O
O ห้วงอาวรณ์ .. O
O คือ .. เจ้า .. O
O รักเอย .. O
O ชายฟ้าเลื่อน .. O
O เพียงหนึ่งคำ .. O
O ละห้อยหา .. O
O ในห้วงคำนึง .. O
O หยาดเพชรเมื่อเพ็ญรูป .. O
O ใจเอย .. ! O
O ลมรัก .. O
O ผืนทรายและปลายฟ้า .. O
O รูปนามแห่งความคะนึง .. O
O รักสุดใจ .. O
O เชิญขวัญ .. O
O แต่ปางใด ..? O
O ฝากลมร่ำ .. O
O ห้วงเหมันตะสมัย O
O หลังเหมันต์ .. O
O บุหรง .. รำแพน .. O
O ใจเจ้าเอย .. ! O
O งามนั้น .. O
O ร่ำร้อย .. พจีเรียง .. O
O แรกอรุโณทัย .. O
O หนาวลมฝน .. O
O หลัง .. อัสดงคต .. O
O รอ .. O
O ดวงเด่นกลางนภา .. O
O จันทร์ขจ่างฟ้า .. O
O กรุ่นแก้วกำจาย .. O
O ฟ้าสองฝั่ง .. O
O ก่อน .. นางครวญ...O
O หงส์ร่อน .. มังกรรำ .. O
O อาวรณ์ .. ที่ซ่อนเร้น ..? O
O สิ้น .. วาสนา .. O
O บุพเพสันนิวาส .. O
O เลื่อมลายรุ้ง...O
O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O
O นางครวญ O
O ปริศนาแห่งท่าที .. O
Ernesto Cortazar - Remembrance (Autumn Song)
O กลางสายลมโรยระลอก .. ผ่านหมอกเช้า
เย็น-เงียบเหงา .. โลกสรรพ, รูปอัปสร-
ค่อยเผยภาครุมเร้า .. คอยเว้าวอน-
เสียงถ้อยความเง้างอน .. ออดอ้อนคำ
O พี่-เฉกยอดหญ้าพลิ้วกลางริ้วลม-
ปัดป่ายรอบอารมณ์ .. ล้อลมร่ำ
พร้อมแววตาอาวรณ์ .. ออดอ้อน .. บำ-
รุง .. นัยย้ำเยือนทั่วทั้งหัวใจ
O ลู่ระเนนเอนล้ม .. ล้อลมร่าย
เรียวใบปลิวปัดป่าย .. ต้นส่ายไหว
เช้านี้เมื่อพรมผ่านด้วยหวานใคร
แม้น-เยียบเย็นเพียงไหน .. ก็ไม่รู้
O เมื่ออบอุ่นอ่อนหวาน .. เคลื่อนผ่านล้อม-
พาใจน้อมนอบหวานที่ผ่านสู่
น้ำใจเช่นสายน้ำ .. ถ้อยคำตรู-
ย่อมดำรูดำรงช่วง .. กลางห้วงใจ
O หอมอาวรณ์ว่อนฟ้าเพ-ลานี้
ตอบรับรู้ท่าที .. เขามีให้
กี่หนาวยังยากฝ่าอุ่นอาลัย-
ที่โอบไล้โลมอก .. อยู่วก-วน
O หวานอารมณ์บ่มทรวงไม่ล่วงร้าง
ในท่ามกลางแสงช่วงโลมห้วงหน
ปรารถนานิรมิตในจิตคน-
หมายอีกใจดิ้นรน .. ตอบ-รับรอง
O รื่นรื่นลมรวยริน .. ล้อมถิ่นที่
ก่อนวาดวีเคลื่อนสายรำบายหมอง
โคมกลางฟ้าก็ระยับ .. ลงจับจอง-
พื้นที่ให้เรื่อรอง .. ได้ผ่องพราย
O ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า
ค่อยทอดฝ่าโลกต่ำลงรำร่าย
เช่นเนตรซึ้งซ่านคำ .. ลอบรำบาย
เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว
O ระยิบเอยชุติมา .. ใต้ฟ้าต่ำ
เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว
แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น
O ที่วอนว่า, น้อยใจ .. คำใครหนอ
เหมือนร่ำรอง้องอน .. ออดอ้อน-ขวัญ
ใจเอยแต่เลือนล่วง .. ทุกช่วงวัน-
คิดถึงนั้นมากอยู่ไม่รู้จาง
O ข่าวดีที่ไหนหนอ .. จึงรอคอย-
คำ,ความ,ถ้อย .. ผ่านสู่แต่ตรู่สาง
อิ่มเอมด้วยอาลัยแห่งใจนาง
ที่จะเคียงอยู่ข้างไม่ห่างกัน
O คิดถึงสักแค่ไหนหนอใจเจ้า
หวานรุมเร้าแค่ไหนหนอใจนั่น
จะรอคอยข่าวดีทุกวี่วัน
รอรำพันเจ้ามอบ .. คืนตอบแทน
O อย่าลืมว่ามีใจ .. หนึ่งใจห่วง
เต็มอยู่ทุกคาบช่วง .. คือหวงแหน
คงยากหารูปรส .. เข้าทดแทน
ให้เหมือนแม้นใครนี้ .. ผู้มีใจ
O อย่าลืมว่ามีใจ หนึ่งใจคอย-
สบรูปรอยแห่งชู้ .. ว่าอยู่ไหน
ถวิลถึง .. ห่วงหา .. พร้อมอาลัย-
ราวสุมใส่แทรกทรวงทุกช่วงตอน
O อย่าลืมว่ามีใจ ..หนึ่งใจรู้-
แต่ละห้อยคอยอยู่ .. ไม่รู้ผ่อน
รอคอยหนึ่งรูปนามผู้งามงอน-
ชายตาค้อนอ้อนความ .. เอาตามใจ !
O จงรู้ว่า .. คำนึงเพียงหนึ่งช่วง-
มีความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้
จงรู้ว่า .. ความคำที่ร่ำไร-
หวังเพื่อให้ใจนั้น .. หวิว-สั่นสะท้าน !
Create Date : 16 ตุลาคม 2557
Last Update : 19 พฤษภาคม 2566 7:32:13 น.
9 comments
Counter : 3277 Pageviews.
Share
Tweet
เพราะเสมอค่ะ 😘😘
โดย: Medkhanun IP: 94.23.252.21 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:6:26:44 น.
สดายุ...
"O ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า
ค่อยทอดฝ่าโลกต่ำลงรำร่าย
เช่นเนตรซึ้งซ่านคำ .. ลอบรำบาย
เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว
O ระยิบเอยชุติมา .. ใต้ฟ้าต่ำ
เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว
แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น"
" ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า" ....ขึ้นคำก็ระยิบระยับวับวาว เปล่งประกาย..เพชร...ออกมา..
"เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว"...ป..ป..ป.
" แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น"...
ที่ตอบรับอยู่วับวาวน่ะเป็นเนตร หรือดาว..
ที่แน่แน่คือ...สาวผู้นี้ใช้ตาพูด..!
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:11:29:04 น.
เม็ดขนุน
ตอนที่เรายังไม่มีแฟน กลอนนี่ไพเราะกว่าตอนนี้
แต่ตอนนี้ พี่ไม่แน่ใจนัก 555
มินตรา
คงต้องตอบยาวหน่อย
ก้เดี๋ยวค่ำๆจะมาขอรับ
โดย: สดายุ IP: 49.230.73.53 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:14:55:34 น.
ดายุ...
"O อย่าลืมว่ามีใจ ..หนึ่งใจรู้-
แต่ละห้อยคอยอยู่ .. ไม่รู้ผ่อน
.......
O จงรู้ว่า .. คำนึงเพียงหนึ่งช่วง-
มีความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้ "....
วัยรุ่นรอไม่ได้..ใจร้อนค่ะ เร้ว..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:15:05:42 น.
มินตรา ..
คำพูดของผู้หญิง ไม่แน่ว่าจะตรงกับความคิดเสมอไป .. เราจึงมิอาจยึดถือคำพูดของหล่อนเป็นจริงเป็นจังได้
จำต้องมองการกระทำที่จักสอดคล้อง หรือ แตกต่างเป็นตัวบ่งชี้ ..
เราจึงจำต้องเอาอคติ ชอบ ชัง ออกไปก่อน .. เพื่อให้การมองเรื่องราวมีความถูกต้อง ใกล้เคียงตามหลักสามัญสำนึกทั่วๆไป
การใช้แววตา เป็นสื่อ จึงเป็นอีกอย่างที่ปิดบังยากกว่าคำพูด ..
จิตวิญญาณที่มักแนบแน่น และ กลมเกลียวกับภาวะของ โลกสวย .. หรือ โวหารภาพพจน์ ในระดับขั้นเสพติดนั้น จักไม่ให้ความจริงได้สักกี่มากน้อยในถ้อยคำ
ความจริงบางอย่างบอกใครไม่ได้ .. เพราะจะทำให้ตนเองเสื่อมเสีย
ความจริงบางอย่างบอกคนคนหนึ่งไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียคนคนนั้นไป
ความจริงบางอย่างบอกออกไปจนหมดสิ้นไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือ หรือ เสียภาพพจน์
ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ .. เพราะจิตวิญญาณแนบแน่นกับความเท็จจนเป็นปกติ คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง
จึงจำต้องมองที่ อาการ และ ปรากฏการณ์ เป็นด้านหลัก
เวลาเขียนนารีปราโมช จึงมีเพียงจินตนาการของ ความแฝงเร้นทางอารมณ์ ที่อาจต้องมองด้วยสายตาของประสบการณ์ เป็นด้านหลัก .. อันมิใช่ การบิดเบือนเรื่องราวโดยจงใจ
โดย:
สดายุ...
วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:20:03:06 น.
ดายุ..
"ความจริงบางอย่างบอกใครไม่ได้ .. เพราะจะทำให้ตนเองเสื่อมเสีย
ความจริงบางอย่างบอกคนคนหนึ่งไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียคนคนนั้นไป
ความจริงบางอย่างบอกออกไปจนหมดสิ้นไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือ หรือ เสียภาพพจน์
ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ .. เพราะจิตวิญญาณแนบแน่นกับความเท็จจนเป็นปกติ คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง"
ถูกหมดทุกข้อ นอกจากข้อสุดท้าย...
"ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ ..คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง"....
มิใช่ ปฎิเสธตนเอง..แต่รู้ว่า แม้นจะไขว่คว้า ก็ไม่มาซึ่งความฝัน.. ต่างหาก
เลยต้องควบคุมตนเองไว้..
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:0:42:08 น.
มินตรา ..
คนเป็นจำนวนมากทั้งหญิงทั้งชาย ไม่รู้จักแม้กระทั่งใจของตัวเอง
จึงมักเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซาก ไม่รู้จบ .. ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ .. เมื่ออุปาทานขันธ์มันยึดโยงหยั่งรากฝังลึกจนสุดปัญญาถอดถอน ..
นั่นแปลว่าตัวตนนั้นๆ พอใจที่จะเป็นอยู่อย่างนั้น
เมื่อผ่านกาลเวลาไปช่วงหนึ่ง .. หากความสัมพันธ์ไม่มีความคืบหน้า แปลว่า มันไปต่อไม่ได้ .. จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม .. ก็ถึงเวลาต้องจำพรากจากกันไปตามกฎอนิจจัง
คนเราคงไม่มีใครต้องการอยู่กับความว่างเปล่าไปชั่วชีวิต
จริงไหม ?
โดย:
สดายุ...
วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:6:31:13 น.
ดายุ..
"O อย่าลืมว่ามีใจ หนึ่งใจคอย-
สบรูปรอยแห่งชู้ .. ว่าอยู่ไหน
ถวิลถึง .. ห่วงหา .. พร้อมอาลัย-
ราวสุมใส่แทรกทรวงทุกช่วงตอน"
ตรงนี้ ก็ไพเราะ นะ...โดยเนื้อความ..
มินตราจะโปรด โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ในสองตรง คือ ตรงเนื้อความ และ ตรงเนื้อคำ (คือสัมผัส)
โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:11:15:22 น.
มินตรา ..
ไม่ว่าร้อยกรอง หรือ ร้อยแก้ว จำต้องเขียนให้คนอ่านรู้เรื่องเข้าใจได้ ..
คำปกติเขียนกันอย่างไร .. พอมาเขียนเป็นกลอนก็ต้องเขียนอย่างนั้น ..
เนื้อความที่กินใจคนอ่านจึงสำคัญกว่า การเร่หาสัมผัสโดยไม่จำเป็น มากนักหนา
โดย:
สดายุ...
วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:21:52:08 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สดายุ...
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [
?
]
O ใช่แน่หรือ ? .. O
O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
Friends' blogs
เป็นแฟนกับกวางน้อย
Webmaster - BlogGang
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
Budha Truth
กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวสด
ประชาชาติธุรกิจ
isra-news
ศิลปะวัฒนธรรม
พจนานุกรม
TNN16
series west 2
series west 3
Ch3
Thai PBS
Ch7
One-31
กกต.
series thai
Dict Longdo
บ้านซีรีย์
iQIYI
NationTV
ไทยรัฐ TV
คมชัดลึก
SpringNews
ฐานเศรษฐกิจ
Kseries
pinterest
youtube 2 mp4
settrade
investing
123-hd
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.