Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 

O ปริศนาแห่งท่าที .. O








Ernesto Cortazar - Remembrance (Autumn Song)



O กลางสายลมโรยระลอก .. ผ่านหมอกเช้า
เย็น-เงียบเหงา .. โลกสรรพ, รูปอัปสร-
ค่อยเผยภาครุมเร้า .. คอยเว้าวอน-
เสียงถ้อยความเง้างอน .. ออดอ้อนคำ
O พี่-เฉกยอดหญ้าพลิ้วกลางริ้วลม-
ปัดป่ายรอบอารมณ์ .. ล้อลมร่ำ
พร้อมแววตาอาวรณ์ .. ออดอ้อน .. บำ-
รุง .. นัยย้ำเยือนทั่วทั้งหัวใจ
O ลู่ระเนนเอนล้ม .. ล้อลมร่าย
เรียวใบปลิวปัดป่าย .. ต้นส่ายไหว
เช้านี้เมื่อพรมผ่านด้วยหวานใคร
แม้น-เยียบเย็นเพียงไหน .. ก็ไม่รู้
O เมื่ออบอุ่นอ่อนหวาน .. เคลื่อนผ่านล้อม-
พาใจน้อมนอบหวานที่ผ่านสู่
น้ำใจเช่นสายน้ำ .. ถ้อยคำตรู-
ย่อมดำรูดำรงช่วง .. กลางห้วงใจ
O หอมอาวรณ์ว่อนฟ้าเพ-ลานี้
ตอบรับรู้ท่าที .. เขามีให้
กี่หนาวยังยากฝ่าอุ่นอาลัย-
ที่โอบไล้โลมอก .. อยู่วก-วน
O หวานอารมณ์บ่มทรวงไม่ล่วงร้าง
ในท่ามกลางแสงช่วงโลมห้วงหน
ปรารถนานิรมิตในจิตคน-
หมายอีกใจดิ้นรน .. ตอบ-รับรอง
O รื่นรื่นลมรวยริน .. ล้อมถิ่นที่
ก่อนวาดวีเคลื่อนสายรำบายหมอง
โคมกลางฟ้าก็ระยับ .. ลงจับจอง-
พื้นที่ให้เรื่อรอง .. ได้ผ่องพราย
O ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า
ค่อยทอดฝ่าโลกต่ำลงรำร่าย
เช่นเนตรซึ้งซ่านคำ .. ลอบรำบาย
เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว
O ระยิบเอยชุติมา .. ใต้ฟ้าต่ำ
เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว
แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น
O ที่วอนว่า, น้อยใจ .. คำใครหนอ
เหมือนร่ำรอง้องอน .. ออดอ้อน-ขวัญ
ใจเอยแต่เลือนล่วง .. ทุกช่วงวัน-
คิดถึงนั้นมากอยู่ไม่รู้จาง
O ข่าวดีที่ไหนหนอ .. จึงรอคอย-
คำ,ความ,ถ้อย .. ผ่านสู่แต่ตรู่สาง
อิ่มเอมด้วยอาลัยแห่งใจนาง
ที่จะเคียงอยู่ข้างไม่ห่างกัน
O คิดถึงสักแค่ไหนหนอใจเจ้า
หวานรุมเร้าแค่ไหนหนอใจนั่น
จะรอคอยข่าวดีทุกวี่วัน
รอรำพันเจ้ามอบ .. คืนตอบแทน
O อย่าลืมว่ามีใจ .. หนึ่งใจห่วง
เต็มอยู่ทุกคาบช่วง .. คือหวงแหน
คงยากหารูปรส .. เข้าทดแทน
ให้เหมือนแม้นใครนี้ .. ผู้มีใจ
O อย่าลืมว่ามีใจ หนึ่งใจคอย-
สบรูปรอยแห่งชู้ .. ว่าอยู่ไหน
ถวิลถึง .. ห่วงหา .. พร้อมอาลัย-
ราวสุมใส่แทรกทรวงทุกช่วงตอน
O อย่าลืมว่ามีใจ ..หนึ่งใจรู้-
แต่ละห้อยคอยอยู่ .. ไม่รู้ผ่อน
รอคอยหนึ่งรูปนามผู้งามงอน-
ชายตาค้อนอ้อนความ .. เอาตามใจ !
O จงรู้ว่า .. คำนึงเพียงหนึ่งช่วง-
มีความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้
จงรู้ว่า .. ความคำที่ร่ำไร-
หวังเพื่อให้ใจนั้น .. หวิว-สั่นสะท้าน !




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2557
9 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2566 7:32:13 น.
Counter : 3275 Pageviews.

 

เพราะเสมอค่ะ 😘😘

 

โดย: Medkhanun IP: 94.23.252.21 16 ตุลาคม 2557 6:26:44 น.  

 

สดายุ...

"O ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า
ค่อยทอดฝ่าโลกต่ำลงรำร่าย
เช่นเนตรซึ้งซ่านคำ .. ลอบรำบาย
เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว
O ระยิบเอยชุติมา .. ใต้ฟ้าต่ำ
เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว
แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น"

" ระยิบรับระยับรุ้ง .. แห่งคุ้งฟ้า" ....ขึ้นคำก็ระยิบระยับวับวาว เปล่งประกาย..เพชร...ออกมา..

"เปล่งความหมายปลงเปลื้องบอกเรื่องราว"...ป..ป..ป.

" แฝงอาวรณ์ตอบรับอยู่วับวาว
จะเป็นเนตรหรือดาว .. ที่หาวนั้น"...

ที่ตอบรับอยู่วับวาวน่ะเป็นเนตร หรือดาว..
ที่แน่แน่คือ...สาวผู้นี้ใช้ตาพูด..!

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 16 ตุลาคม 2557 11:29:04 น.  

 

เม็ดขนุน

ตอนที่เรายังไม่มีแฟน กลอนนี่ไพเราะกว่าตอนนี้
แต่ตอนนี้ พี่ไม่แน่ใจนัก 555


มินตรา
คงต้องตอบยาวหน่อย
ก้เดี๋ยวค่ำๆจะมาขอรับ

 

โดย: สดายุ IP: 49.230.73.53 16 ตุลาคม 2557 14:55:34 น.  

 

ดายุ...

"O อย่าลืมว่ามีใจ ..หนึ่งใจรู้-
แต่ละห้อยคอยอยู่ .. ไม่รู้ผ่อน
.......
O จงรู้ว่า .. คำนึงเพียงหนึ่งช่วง-
มีความหวงแหนอยู่ .. จนรู้ได้ "....

วัยรุ่นรอไม่ได้..ใจร้อนค่ะ เร้ว..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 16 ตุลาคม 2557 15:05:42 น.  

 

มินตรา ..

คำพูดของผู้หญิง ไม่แน่ว่าจะตรงกับความคิดเสมอไป .. เราจึงมิอาจยึดถือคำพูดของหล่อนเป็นจริงเป็นจังได้
จำต้องมองการกระทำที่จักสอดคล้อง หรือ แตกต่างเป็นตัวบ่งชี้ ..

เราจึงจำต้องเอาอคติ ชอบ ชัง ออกไปก่อน .. เพื่อให้การมองเรื่องราวมีความถูกต้อง ใกล้เคียงตามหลักสามัญสำนึกทั่วๆไป

การใช้แววตา เป็นสื่อ จึงเป็นอีกอย่างที่ปิดบังยากกว่าคำพูด ..
จิตวิญญาณที่มักแนบแน่น และ กลมเกลียวกับภาวะของ” โลกสวย” .. หรือ “โวหารภาพพจน์” ในระดับขั้นเสพติดนั้น จักไม่ให้ความจริงได้สักกี่มากน้อยในถ้อยคำ

ความจริงบางอย่างบอกใครไม่ได้ .. เพราะจะทำให้ตนเองเสื่อมเสีย
ความจริงบางอย่างบอกคนคนหนึ่งไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียคนคนนั้นไป
ความจริงบางอย่างบอกออกไปจนหมดสิ้นไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือ หรือ เสียภาพพจน์
ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ .. เพราะจิตวิญญาณแนบแน่นกับความเท็จจนเป็นปกติ คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง

จึงจำต้องมองที่ “อาการ” และ “ปรากฏการณ์” เป็นด้านหลัก

เวลาเขียนนารีปราโมช จึงมีเพียงจินตนาการของ “ความแฝงเร้นทางอารมณ์” ที่อาจต้องมองด้วยสายตาของประสบการณ์ เป็นด้านหลัก .. อันมิใช่ “การบิดเบือนเรื่องราวโดยจงใจ”

 

โดย: สดายุ... 16 ตุลาคม 2557 20:03:06 น.  

 

ดายุ..

"ความจริงบางอย่างบอกใครไม่ได้ .. เพราะจะทำให้ตนเองเสื่อมเสีย
ความจริงบางอย่างบอกคนคนหนึ่งไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียคนคนนั้นไป
ความจริงบางอย่างบอกออกไปจนหมดสิ้นไม่ได้ .. เพราะจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือ หรือ เสียภาพพจน์
ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ .. เพราะจิตวิญญาณแนบแน่นกับความเท็จจนเป็นปกติ คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง"

ถูกหมดทุกข้อ นอกจากข้อสุดท้าย...
"ความจริงบางอย่างบอกตัวเองยังไม่ได้ ..คือปฏิเสธได้แม้กับตัวเอง"....
มิใช่ ปฎิเสธตนเอง..แต่รู้ว่า แม้นจะไขว่คว้า ก็ไม่มาซึ่งความฝัน.. ต่างหาก
เลยต้องควบคุมตนเองไว้..


 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 17 ตุลาคม 2557 0:42:08 น.  

 

มินตรา ..
คนเป็นจำนวนมากทั้งหญิงทั้งชาย ไม่รู้จักแม้กระทั่งใจของตัวเอง

จึงมักเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซาก ไม่รู้จบ .. ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ .. เมื่ออุปาทานขันธ์มันยึดโยงหยั่งรากฝังลึกจนสุดปัญญาถอดถอน ..

นั่นแปลว่าตัวตนนั้นๆ พอใจที่จะเป็นอยู่อย่างนั้น

เมื่อผ่านกาลเวลาไปช่วงหนึ่ง .. หากความสัมพันธ์ไม่มีความคืบหน้า แปลว่า มันไปต่อไม่ได้ .. จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม .. ก็ถึงเวลาต้องจำพรากจากกันไปตามกฎอนิจจัง

คนเราคงไม่มีใครต้องการอยู่กับความว่างเปล่าไปชั่วชีวิต

จริงไหม ?

 

โดย: สดายุ... 17 ตุลาคม 2557 6:31:13 น.  

 

ดายุ..

"O อย่าลืมว่ามีใจ หนึ่งใจคอย-
สบรูปรอยแห่งชู้ .. ว่าอยู่ไหน
ถวิลถึง .. ห่วงหา .. พร้อมอาลัย-
ราวสุมใส่แทรกทรวงทุกช่วงตอน"

ตรงนี้ ก็ไพเราะ นะ...โดยเนื้อความ..

มินตราจะโปรด โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ในสองตรง คือ ตรงเนื้อความ และ ตรงเนื้อคำ (คือสัมผัส)

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 17 ตุลาคม 2557 11:15:22 น.  

 

มินตรา ..

ไม่ว่าร้อยกรอง หรือ ร้อยแก้ว จำต้องเขียนให้คนอ่านรู้เรื่องเข้าใจได้ ..

คำปกติเขียนกันอย่างไร .. พอมาเขียนเป็นกลอนก็ต้องเขียนอย่างนั้น ..

เนื้อความที่กินใจคนอ่านจึงสำคัญกว่า การเร่หาสัมผัสโดยไม่จำเป็น มากนักหนา





 

โดย: สดายุ... 17 ตุลาคม 2557 21:52:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.