O พวงผกา .. แห่งป่าฝน .. O
Omar Akram - Surrender
O น้ำค้างรุ่งเหน็บหนาว .. พร่างพราวรับ- แสงเช้าทอดจู่จับ .. จนวับไหว ผืนพลอยเพชร-เม็ดน้ำ .. คล้าย-ร่ำไร รอแสงไล้โลมต้อง .. เพื่อ-ล่องลอย O รวยรวยรสมาศไม้ที่ในสวน กลิ่นหอมอวลอบเร้าความเหงาหงอย รื่นรสกุสุมเช้า .. เหมือนเฝ้าคอย- บางรูปรอย .. ผู้ถวิลแต่กลิ่นมาลย์ O คำนึงด้วยเจตจินต์ .. ที่ยินยอม- การกักกุมรุมล้อมด้วยหอมหวาน ที่ทั้งใจไหวสั่นแต่วันวาน เมื่อใครผ่านความหมายขึ้นว่าย-วน O งามจริตรูปละม่อมพรั่งพร้อมค่า เปรียบช่อชั้นพวงผกา .. แห่งป่าฝน ที่เสียดยอดพลอดยามให้ตามยล ถึงดิ้นรนด้วยใจ .. พลอยไขว่คว้า O นับการก้าวยกย่าง .. บนทางฝัน ช่างเต็มเปี่ยมมุ่งมั่น .. การฟันฝ่า- อุปสรรคทั้งปวง .. ให้ร่วงคา- อยู่ใต้ฝ่าเท้าย่ำ .. ที่ดำเนิน O นับสิบร้อยพันหมื่นการตื่นหลับ คือลำดับรอยอุทธัจ .. ความขัดเขิน- ค่อยค่อยโหมหวนระลอกเข้าหยอกเอิน ด้วยท่าทีที่สะเทิ้นด้วยเมิน-เมียง O ละเมียดรส .. ผกากรองละล่องกลิ่น หอมตรึงจินตนาการนั้น-ปานเสียง- กระซิบแผ่วผ่านถ้อยมาร้อยเรียง- ความซาบซึ้งให้ประเดียงประดังใจ O กลีบเรียวบางดอกดวง .. บ้างร่วงหล่น อยู่กับอกอึงอล .. ลมวนไหว ละครั้งที่งดงามของความนัย ผ่านโลมไล้ลูบอก .. พาวกย้อน O หยาดน้ำค้างเคยเห็น .. ก็เร้นหาย ยังแต่สายสวาดิผู้สุดรู้ผ่อน ในคำนึงเงียบเหงา .. เหมือนเว้าวอน- ความออดอ้อนแอบอำอยู่ค่ำเช้า O รูปะภพอบร่ำในคำนึง ย่อมตราตรึงผูกพันจากวันเก่า ผ่านเผยรูปรอยยิ้ม .. อันพริ้มเพรา ก็เพียงเงาเยาวรูป .. โลมลูบทรวง O นับแต่วันเดือนปีเท่าที่เห็น ก็ยากเร้นงดงามที่ลามล่วง ราวอดีตคำสาป .. บุญบาปปวง- ผ่านฤทธิ์หน่วงเหนี่ยวให้ .. อาลัยรอ O ถ้วนปวงความอ่อนโยนและอ่อนหวาน ต่างฤๅเมื่อดอกมาลย์ .. เบ่งบานช่อ- ยังลามล่วงรุมเร้าพะเน้าพะนอ เช่นรูปเงาแอบออ .. ร่ำรอทรวง O ถ้วนสิ้นความอ่อนโยนและอ่อนหวาน จึงเปลี่ยนผ่านแปรให้ .. อาลัย-หวง- แหนนั้น-เข้าห้อมห่มอารมณ์ปวง แทรกความห่วงใยล้ำ .. อยู่ค่ำเช้า O น้ำค้างเร้นหยาดหยด .. ไปหมดแล้ว ลมโผยแผ่วลอดเลี้ยวความเปลี่ยวเปล่า ประหนึ่งเพชร-แสงปลาบ .. นั้นวาบเงา เมื่อรูปเยาว์ .. หล่นคว้าง .. ลงกลางใจ ! O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย- คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวสิ้น ด้วยลมรินเอื่อยอ่อย-ที่คล้อยผ่าน ยอดหญ้าค้อมเรียวลู่-รับรู้กาล กุสุมาดอกมาลย์ก็บานรับ O ขณะวันสาดส่อง .. ฟ้าผ่องแผ้ว คือยามแววลึกล้ำ .. เนตรดำขลับ- ค่อยเหลือบชายให้ทราบ .. ความวาบวับ- ที่โหมลงจู่จับ .. ลำดับนั้น O จู่จับห้วงจิตใจ .. เกินไหว-เบี่ยง ด้วยชั่วเพียงสบรูป .. แล้ว-วูบสั่น จนสบแววอ่อนหวาน .. ก็ปานทัณฑ์- ผูกล่ามขวัญเอาไว้อยู่ในมือ O แววเนตรไหว-วนวิ่ง, ยากยิ่งแล้ว- จักฝ่าความผ่องแผ้ว .. จนแล้ว .. หรือ ? สบรูปแล้ววิญญาณ .. จักผ่าน ฤๅ ? เหลือแต่คือ-ยื้อยุดไว้ .. สุดตัว !
Create Date : 21 มิถุนายน 2557 |
|
9 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2566 21:20:46 น. |
Counter : 4464 Pageviews. |
|
|
|
"O อบอุ่นแล้วอีกคราว .. เมื่อหนาวพ้น
ที่เหน็บหนาวเสียจน .. ยากทนไหว
ยังดี-ที่ในทรวงมีห่วงใย-
คอยอุ่นไล้โลมสิ้น .. จิตวิญญาณ"
"ความรัก"..."ความห่วงใย"ที่ มนุษย์พึงมีต่อกันนั้น คือความเป็นมนุษย์..
(มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง)