Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 

O โสมส่องแสง .. O








Secret Garden - Reflection



-1-
O คำนึงล่องลอยคว้าง .. เมื่อย่างก้าว
ลมร้อนผ่าวฝ่าแดดทอนแผดเผา-
ทอ-สัมผัสโลมลูบ .. พร้อมรูปเงา-
ของรูปเยาว์เร่งถวิล .. ให้ดิ้นรน
O ในสายตา .. มองเห็นคือเส้นทาง-
รอก้าวย่างเหยียบย่ำอยู่ซ้ำหน
ในหัวใจ .. รูปสล้างของบางคน-
นั้นไหววน รุมเร้าเป็นเจ้าเรือน
O ฤดูลม .. ลมล่องเมฆฟ่องฟ้า
สุดสายตามองอยู่ .. ก็ดูเหมือน-
รูปจากห้วงนิรมิตตามติด .. เตือน
เข้าป่ายเปื้อนอาวรณ์พาร้อนรน
O คำนึงอย่างเงียบงันแห่งวันนี้
ย่างเหยียบแต่ละทีหรือกี่หน
ล้วนเส้นทางเงียบเหงาและเงาตน
ทอดตัวบนถวิลหาแห่งอาวรณ์
O วันยังคงลอยดวง .. แสงช่วงอยู่
เมื่อความนัยแห่งชู้ เกินรู้ซ่อน
บางความหมายรุมเร้า เหมือนเฝ้าวอน-
ช่าง-ออดอ้อนเร้ารึง .. หวานซึ้งนัก
O ดูเถิด .. แต่ละครั้ง .. แว่ว-ดังว่า-
เสน่หา .. ปรารมภ์สุดข่ม-หัก
หมายกลิ่นเกลี้ยงพวงพะยอม .. ละม่อมพักตร์
น้อมรูปลงกุมกัก .. อีกสักครั้ง
O ด้วยหวานหอมล้อมอยู่ .. เป็นคู่เคียง
พร้อมสรรพเสียงอ้อยสร้อยจะค่อยหลั่ง-
ความรุมเร้าแผ่วค่อย .. ให้คอยฟัง
เพื่อเหนี่ยวรั้งใจชาย .. พาว่าย-วน
O ในท่ามกลางอ่อนโยนที่โชนฉาย
พร้องรำบายความประดัง .. ทุกครั้งหน
วับวามจากเนตรใคร .. หนอ-ไหวจน-
อ่อนหวานค่อยเอ่อล้นอยู่บนใจ
O การรอคอยใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
จึงจำต้องตราตรึงจิตหนึ่งให้-
ตอบรับรอง รับรู้ .. ว่าผู้ใด-
แนบรูปในผ่องแผ้วแห่งแววตา
O จนล่องลอยรุมเร้าเป็นเจ้าเรือน
ทั้งตามเตือนใจพลอยเฝ้าคอยหา
อ่อนหวานแรงอาลัย .. และนัยน์ตา
กอปรทีท่าห่วงละห้อย .. ให้คอยประโลม
O คำนึงมีถึงกันแห่งวันนี้
เหมือนว่ามีรูปเยาว์ .. และเงา .. โฉม
แขวนบนฟ้าทุกช่วง .. แทนดวงโคม
แต่งเติมโสมนัสช่วง .. กลางห้วงใจ

-2-
O แล้วงามก็ติดตามมาล่ามรัด
สบ-สัมผัสวูบนั้น .. ที่สั่นไหว-
คือจักขุวิญญาณ .. รูปคราญใคร-
เพรียกอาลัยครอบครองเกินป้องทัน
O งามเจ้าเอย .. รับรู้แต่อยู่ใกล้
จนหนึ่งช่วงดวงใจถึงไหวหวั่น
ละม่อมหน้าถ้อยคำเจ้าจำนรรจ์
จึงเหมือนสั่นโยกสิ้นจิตวิญญาณ
O สบชม้ายชำเลืองคนเบื้องหน้า
เหมือนในตาวาบเงาคอยเผาผลาญ
คล้ายรอยยิ้มแฝงรับอยู่นับนาน
คลี่รอยหวานบ่มไล้หัวใจคน
O ริ้วลมหนาวแผ่วผ่านอยู่นานแล้ว
โลมดอกแก้วหอมแรงทั่วแห่งหน
อีกหอมยิ่ง .. หอมซึ้งจนอึงอล
พาใจวนว่ายหอมไม่ยอมร้าง
O ลมเอย .. พลิ้วผ่านสู่ให้รู้สึก
แทรกความลึกซึ้งสู่อย่ารู้ห่าง
กระซิบสื่อความนัยน้ำใจนาง
ร่วมสืบสร้างแต่ในน้ำใจเดียว
O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม
ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว
ม้วนสายใยสองเส้นฟั่นเป็นเกลียว
รึงรัดเหนี่ยวผูกพันนิรันดร์ไป
O หมายกรุ่นหอมกลิ่นแก้วโลมแก้วเจ้า
แล้วกล่อมเกล้าโอบตระกองจนผ่องใส
เมื่อลมผ่าวผ่าน .. ฤดีผู้มีใจ
หวังเพียงให้ปฏิพัทธ .. รำบัด-รู้
O ว่า-มีปรารถนาหนึ่ง .. คำนึงหนัก
จะฝ่าหักขวางขวาก .. เห็นยากอยู่
เกิดแต่เมื่อรูปเห็น .. และเอ็นดู
ร่วมน้อมสู่รุมรัดสัมผัสรอย
O ในท่ามกลางลมหนาว .. ใจผ่าวร้อน
แรงอาวรณ์รุมแล้ว .. แม้นแผ่วค่อย
หากหัวใจหนึ่งผู้ย่อมรู้คอย
เต็มละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นวาย
O แอบอ้อมกอดลมหนาวมายาวนาน
จนสะท้านใจอยู่ไม่รู้หาย
ที่หวังให้คลุมครอบอยู่รอบกาย
คือรูปหมายให้ละเมียดละไมทรวง
O เมื่อถวิล .. มากครันสุดกั้น .. กีด
ทั้งปราณีตเกินขับให้ลับล่วง
หวานย่อมไหลโลมหลั่ง .. ใจทั้งดวง
หอมก็หน่วงอกซ้ำอยู่ค่ำเช้า
O หมายดวงใจ .. ผ่องพักตร์เป็นหลักมุ่ง
บ่มบำรุงส่วนเสี้ยวเคยเปลี่ยวเปล่า
หวังบำรุงภาคฝันแห่งวันเยาว์
จึงแนบเนาอ่อนหวานแห่งกาลนี้
O กาลที่ความงดงามลุกลามอก
จะคอยปกปิดไว้ก็ใช่ที่
จึงเผยเล่ห์เสน่หาผ่านวาที
เป็นไมตรีมอบลงสู่นงคราญ
O พร้อมลมหนาวเคลื่อนระลอก .. กรุ่นดอกแก้ว
ก็หอมรื่นทั่วแล้วทุกแนวผ่าน
และเหมือนความเต็มตื่นของชื่นบาน
ได้จดจารทั่วแล้ว .. ในแววตา

-3-
O เร้นแฝงความอาวรณ์แอบซ่อนไว้
อยู่รุมเร้าอกใจ .. คอยใฝ่หา
เหมือนดวงใจถูกงามนั้นล่ามคา-
ละห้อยหาถวิลชู้ .. ไม่รู้ตัว
O จนเห็นแวววาบไหวผ่านนัยน์ตา
ก็เหมือนท่าทีบอกเผยออกยั่ว
ความบอกจากใจหวั่น .. ที่สั่นรัว
เกินความกลัวขวางกั้นได้ทันการณ์
O จึงเห็นแววอาวรณ์ .. ออดอ้อนหา
จากแววตาสั่นพลิ้ว .. เป็นริ้วหวาน
สิ้นสุดรอบไหวสั่นแห่งวันวาน
ความซึ้งก็เอ่อซ่าน .. ออกผ่านนัย
O กระเพื่อมตัวโยนผิวเป็นริ้วคลื่น
ด้วยอารมณ์แช่มชื่นเกินฝืนไหว
คือช่วงตอนหอมหวานพลิ้วผ่านใจ
กระเพื่อมรอยอาลัย .. ที่นัยน์ตา
O ถ้วนปวงความอาทรเคยซ่อนอยู่
ก็เผยรูปการณ์สู่ .. ให้รู้ว่า-
การเร้นแฝงกรณีดั่งมีมา
เพียงลีลารอมอบ .. ให้ตอบรับ
O รอแววอาวรณ์ลูบ .. โลมรูปหน้า
เพื่อแววตาซ่อนยิ้มจะพริ้มหลับ
สองแก้มอิ่มรอทราบแวววาบวับ-
จากดวงตาจู่จับเกินพรับพ้น
O โดยภาพ-ทั้งหลับตา .. เหมือนว่าใคร-
แววตาไหววูบช่วง .. แล้วร่วงหล่น
เพื่อโน้มหน้ามาให้หัวใจคน-
สั่นอึงอลเวงอยู่เกินรู้กัน
O จะบ่ายเบี่ยงเยี่ยงไรหนอใจเจ้า
จากรุมเร้าอยู่พร้อม .. รอกล่อมขวัญ
โดยภาพ-ทั้งหลับตา .. รูปหน้าอัน-
คอยใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. เหมือนอยู่ล้อ
O ทั้งแก้มอิ่ม .. เนียนเนื้อ, จะเหลือใคร-
อาจพาใจล่วงพ้น .. หรือทนต่อ-
ความอ่อนไหวอ่อนหวาน .. ผันด้านรอ-
จิตวิญญาณพร่ำพ้อเฝ้ารอเคียง
O ทั้งแววตาหวั่นเขิน-ให้เพลินพิศ
สักกี่จิตชายชาติจึงอาจเลี่ยง
ทั้งตาแสร้งเมินชะม้ายลอบชาย .. เมียง
สักกี่ตาอาจเบี่ยงหลบเลี่ยงพ้น ?
O โดยภาพทั้งหลับตาเหมือนว่าใคร
รอกล่อมให้ดาวช่วงได้ร่วงหล่น-
ลงกับนิทรานอน .. แนบหมอนจน-
ฝัน-สุขล้น, ปรารมภ์แต่กลมเกลียว
O หวัง-นิทราหลับฝันแสนบรรเจิด
กาลจักเปิดเผยความ .. ให้ตามเหลียว
ที่แม้นฟ้าสูงนั่น .. เหลือจันทร์เดียว
รอ-แต้มเปลี่ยวเปล่าเพื่อ .. ไม่เหลือรอย !




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2556
15 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2566 13:32:05 น.
Counter : 4765 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะคุณสดายุ
บทกลอนไพเราะอ่อนหวานมากค่ะ

 

โดย: วลีลักษณา 2 สิงหาคม 2556 15:01:05 น.  

 

.

ครับคุณวลี
เจ้า"ตัวน้อย"ทำให้บทกลอนอ่อนหวานเสมอไป
แม้บางครั้งจะร้ายกาจอยู่บ้าง .. อิๆๆ


 

โดย: สดายุ... 2 สิงหาคม 2556 17:02:00 น.  

 

โอ เพ้อเลยครับ สวยมาก

 

โดย: กึ่ม IP: 37.228.105.174 2 สิงหาคม 2556 18:32:53 น.  

 



ดายุ...

เลือกไม่ถูกค่ะว่า..1 2 หรือ 3 ดี..

-1-O ฤดูลม .. ลมล่องเมฆฟ่องฟ้า
สุดสายตามองอยู่ .. ก็ดูเหมือน-
รูปจากห้วงนิรมิตตามติด .. เตือน
เข้าป่ายเปื้อนอาวรณ์พาร้อนรน

-2-O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม
ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว
ม้วนสายใยสองเส้นฟั่นเป็นเกลียว
รึงรัดเหนี่ยวผูกพันนิรันดร์ไป

-3-O จะบ่ายเบี่ยงเยี่ยงไรหนอใจเจ้า
จากรุมเร้าอยู่พร้อม .. รอกล่อมขวัญ
โดยภาพ-ทั้งหลับตา .. รูปหน้าอัน-
คอยใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. เหมือนอยู่ล้อ


ครั้งนี้ ก็มิใช่มินตรา อีกแล้วที่เป็น นางในวรรณคดี..เพราะ...

"เจ้า"ตัวน้อย"ทำให้บทกลอนอ่อนหวานเสมอไป
แม้บางครั้งจะร้ายกาจอยู่บ้าง .. อิๆๆ"

มินตราไม่มี"ความร้ายกาจ" อยู่ในตัวแม้นแต่น้อยนิด..
แม่พูดเสมอว่า..แม่คนนี้น่ะรึ น้อยไป..! 555

เห็นไหมคะ มีคนรับรองคุณภาพ...




 

โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 3 สิงหาคม 2556 11:23:34 น.  

 


มินตรา ..

คำว่า "แม่" นี่ติดปากเลยทีเดียวนะ
พ่อมาเห็นเข้าต้องโดนข้อหา "2 มาตรฐาน" แน่ 55

อยู่เยอรมันนานขนาดนี้ ท่าทางจะอ่านปรัชญาเยอรมันได้เข้าใจเหมือนภาษาไทยแล้วใช่ไหมนี่ (คือภาษาทางปรัชญานี่ต้องค่อนข้างเป็นภาษาชั้นสูง ที่มิใช่แทกซี่ในกรุงเบอร์ลินจะอ่านรู้เรื่อง - หรือเปล่า ? )

คือ ฝรั่งเศส เขาว่าภาษาของเขาใกล้เคียงกับ สเปน อิตาลี มากกว่าอังกฤษ คือมีรากเหง้าจากละตินตั้งแต่ยุคโรมัน .. แล้วเยอรมันล่ะ

ถามหญิงไทยที่ไปอยู่กับฝรั่งยาวนานจนการอ่านน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต (ประเด็นแบบนี้อย่าไปถามสาวไทยในเมืองไทยเลย เพราะนึกภาพออกล่วงหน้า .. 555)

ส่วนบททั้งสามนั่น .. ตอนเขียนต้องใช้ใบหน้าน้อง เบลลา ราณี เป็น pattern ไม่งั้นไม่หวาน !

 

โดย: สดายุ IP: 171.4.90.241 3 สิงหาคม 2556 16:11:57 น.  

 



ดายุ...

สมัยมินตราอยู่มัธยม น่ะ มีหนังเรื่อง Maverick ซึ่งเป็น Western comedy film ฉาย..
แล้ว มาเวอริค จะติดประโยคว่า"พ่อสอนว่า.."
มินตราเลยเอามาล้อเล่น..จนติดปากว่า.."แม่บอกว่า"555

เหมือนที่ 007 เจมส์บอนด์จะมีประโยคเกียรติยศว่า..
"for England and Her Majesty!"
เวลาจะขึ้นเตียงกับสาวไหน ก็จะประกาศ.. เพื่อชาติ..ประจำ!
ขำขันฉบับอังกฤษ ..
นี่มิหมิ่นกว่ารึ..เมื่อนึกภาพทหารไทยสละชีพเพื่อชาติ ! 555

ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี น่ะเป็นภาษาในกลุ่มRomance languages(romanischen Sprachen นี่ต้องกำกับด้วยศัพท์เยอรมันเพราะชัดเจนกว่า เห็นคนไทยแปลคำว่าRomance languages แล้วขำขันน่ะค่ะromanicเป็นกลุ่มคนซึ่งไม่เกี่ยวกับอารมณ์ใดใดเลย )
ในขณะที่ เยอรมันและอังกฤษ เป็นภาษาในกลุ่มGermanic languagesซึ่งใช้ในเขตยุโรปตอนกลาง เกาะอังกฤษและแถบสแกนดิเนเวีย กลุ่มชนชาวGerman

ดายุถามเพราะทราบแล้วนี่..ทั้งromanic และ Germanic
อยู่ในเครือเดียวกับ กลุ่มภาษา indogermanic ซึ่งตอนนี้เราจะใช้คำว่า indoeuropäic languages แทน
เพราะคำว่ายุโรปจะบอกภูมิศาสตร์ ในขณะที่คำว่า Germanic จะบอกเชื้อชาติ..
ซึ่งผิดนโยบายสหยุโรปในการที่จะแยกคนตามเผ่าพันธุ์(ว่าใครดีกว่าใคร)

ละตินเป็นภาษาราชการของนครวาติกัน

เนื่องจากการศึกษามาจากศาสนา(เหมือนไทย ที่เรียนตามวัด)..ซึ่งใช้ละติน ฉะนั้นภาษาที่สอนวิชาการเช่นแพทย์ กฎหมาย ปรัชญา จึงใช้ภาษาละตินในการถ่ายทอดความรู้..Nicolaus Copernicus, Johannes Kepler Galileo Galilei และ Isaac Newton จึงเขียนงานเป็นภาษาละตินหมด
มาจน เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ (1483–1546)ปฎิวัติศาสนาเลิกใช้ภาษาละตินของวาติกัน ใช้ภาษาราชการของรัฐแทนในการประกาศศาสนา จึงเป็นกำเนิด..ภาษาเยอรมัน..ขึ้นมา

ศตวรรษที่ 18ยุค"ตาสว่าง" (Enlightenment) เมื่อวิทยาศาสตร์ (การใช้เหตุและผลอธิบาย)เข้มแข็งขึ้น..
จึงมีการเรียนการสอน"ด้วยเหตุด้วยผล" มากกว่า "สอนให้เชื่อ" (เช่นวิธีสอนในศาสนา)
จึงเกิดการแยกการปกครองรัฐ ออกจาก อำนาจทางศาสนาที่ปกครองอยู่..
ฟังแล้ว เห็น ใช่ไหมคะว่า เราในเมืองไทย ยังไปไม่ถึงศตวรรษที่18 เลย...ฮึ..ฮึ..

เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้ แล...!


 

โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 4 สิงหาคม 2556 3:34:13 น.  

 


ดายุ..

โป้ง !

"ส่วนบททั้งสามนั่น .. ตอนเขียนต้องใช้ใบหน้าน้อง เบลลา ราณี เป็น pattern ไม่งั้นไม่หวาน !"

ท่านั่งของ น้อง เบลลา ราณี น่ะ เป็นท่านั่งของคนที่ดายุสไกป ที่ในแบร์ลีน ด้วย ใช่ไหม !
เรื่องของคนสองคน คนสองคนเท่านั้นที่จะบรรยายได้ละเอียด!

เกเรนะ!

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 4 สิงหาคม 2556 3:43:46 น.  

 



อืม .. ไม่เสียทีที่ไปอยู่กับฝรั่ง
นี่ถ้าอยู่เมืองไทย .. จะรู้อะไรแบบนี้ไหมนี่ ..
เหมือนจะไปอยู่ตั้งแต่เรียนประถม .. 55

ที่สนใจฝรั่งเพราะ .. แปลกใจว่าทำไมมีแต่ยุโรป หรือพวกที่อพยพไปจากยุโรปเท่านั้นที่พัฒนาสังคมจนล้ำหน้าพวกอื่นตลอดเวลา (อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย ก็ฝรั่งยุโรปอพยพไปอยู่)

เอเชีย มีแค่ชาติเดียวเองที่"สามารถเท่าเทียมในทางจัดการสังคม" คือญี่ปุ่น .. ส่วนเกาหลีเป็นเพียงการ copy แล้ว paste ญี่ปุ่นทั้งดุ้น .. รวมทั้ง ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์

แต่ทฤษฎีทางความรู้ ญี่ปุ่นก็เอามาจากฝรั่งอีกทีเหมือนกัน
1 แรงแม่เหล็กไฟฟ้า (แม่เหล็กกับไฟฟ้า รวมได้โดยแมกเวลล์)
2 แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม
3 แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน
4 แรงดึงดูด หรือแรงโน้มถ่วง

ทั้งหมดค้นพบโดยฝรั่งผิวขาว .. จากหัวที่ผมยาวรุงรัง ไม่มีผมเกรียนแบบนายร้อย จปร สักคน 555

แล้วภาพแบบในลิงค์นี่จะมีโอกาสเรียนรู้ เข้าใจเรื่องราวบนโลกอย่างสามารถคิดค้นนวัตกรรมใดๆได้ไหม ?
ผมเกรียนและก้มกราบ

มาร์ติน ลูเธอร์ แกเห็นความเฟอะฟะของแคธอลิคในวาติกันแล้วทนไม่ไหว จึงต้องปฎิรูปกันยกใหญ่จนเป็นที่มาของ "protestant" ผู้ต่อต้าน ..

พุทธเฟอะฟะงมงายในเมืองไทยก็คงต้องรอผู้ต่อต้านแล้วปฏิรูปเสียใหม่ ..ในทำนองเดียวกัน เพราะมันโง่กันจนมา พศ. นี้แล้ว .. ยังไหว้โคนไม้ ไหว้พระภูมิเจ้าที่ ไหว้ผีแม่นาค กันอยู่เลย

ง่ายที่สุดคือ การ copy แล้ว paste ระบบการศึกษาชั้นประถม มัธยมของฝรั่งมาใช้ทั้งดุ้ ไม่งั้นมันจะเหมือนในรูป ที่ไปเรียนวิชาครูมาทั้งหมด ที่สวมเครื่องแบบสีกากี แล้วมีขีดบนบ่า ชั้นจัตวา ตรี โท เอก มันแก้ไม่ได้แล้วในทางพฤติกรรม .. แก่เกินจะเปลี่ยนจิตวิญญาณได้

จริงไหมสาวเยอรมัน ?

 

โดย: สดายุ... 4 สิงหาคม 2556 7:57:18 น.  

 



ดายุคะ

ที่ดายุว่ามาน่ะ เพราะระบบการศึกษาสมัยใหม่(modern education)เกิดขึ้นในศตวรรษที่18
จากราชวงศ์ ปรัสเซียของเยอรมัน ที่จัดระบบการศึกษาภาคบังคับ8ปี เป็นการเริ่มต้นให้ประชาชน
ในระดับประถม( primary education) เรียกว่า โรงเรียนประชาชน(Volksschule)โดยใช้เงินจากภาษีประชาชน
ดูเหมือนไทยจะใช้คำว่า โรงเรียนประชาบาล

ระบบการศึกษาแบบปรัสเซีย (Prussian education system)
นี่แหละที่ ญี่ปุ่นและอเมริกา นำไปใช้แล้วกระจายไปทั่วโลก ขนานกับระบบการศึกษาตามโรงเรียนคาทอลิค ที่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน

นี่เป็นการฝึกคนให้มีความรู้และ มีอาชีพ สำหรับ"ประชาชน"ทั่วไป

แต่ ลูกหลาน"ผู้มีอันจะกิน" ก็จะมีระบบการศึกษาที่มีคุณครูเช่น
John Locke หรือ Jean-Jacques Rousseau สอน

ฉะนั้นการศึกษาจึงมีสองระดับคือ ระดับที่"สอนวิชาชีพ" และระดับที่"สอนวิชาการ"เพื่อให้ปกครอง บริหารประเทศ
ขยายความรู้ (วิทยายุทธ)ต่อ

แต่ทั้งJohn Locke และ Jean-Jacques Rousseauรวมทั้ง"คุณครู"ระดับนี้ท่านสอน ความรู้ระดับ"ประชาธิปไตย"ให้ชนชั้นปกครองนะ(Democratic education)ตามแบบปรัสเซีย

ซึ่ง"ขณะนี้" ได้มีการตั้ง กลุ่มการศึกษาแบบประชาธิปไตยในยุโรป(European Democratic Education Community)ในปี2008และเตรียมการวางระบบการศึกษาให้มนุษยชาติใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตประชาธิปไตยตามชีวิตในศตวรรษที่21นี้ (เน้นความแตกต่างจากชีวิต"ดั้งเดิม"..primitive แรกกำเนิดมนุษยชาติ)

European Democratic Education Conference (EUDEC) มีการประชุมครั้งแรกที่เมืองLeipzig, Germany,
เมื่อวันที่ July 25 ถึง August 3, 2008
ซึ่งสหประชาชาติ(UN)รีบออกกฎบัตรให้ประเทศทั่วโลกสนับสนุนโดยอ้างสิทธิในความเป็นคนของพลโลก ซึ่งรัฐมีหน้าที่สนองความต้องการ

การพบปะและประชุมประจำปีในปีนี้ EUDEC 2013มีที่เมือง Soest, Netherlands ระหว่างวันที่28th July ถึง 2nd augustเพิ่งจบไป

เรื่องระบบการศึกษานี้ ประธานาธิบดี โอบาม่าท่านประกาศในสภาคองเกรส แล้วว่า จะจัดระบบการศึกษาแบบที่เยอรมันและยุโรปทำนี่แหละ..
ส่วนในระดับอุดมศึกษา ห้า มหาวิทยาลัยหลักในไทย..เหนือ กลาง ใต้ ตะวันออก ก็ตามเรื่องหลักสูตรBologna Process เพื่อให้นักศึกษาเราโอนเครดิตเรียนต่อได้...

มิใช่ฝรั่งเก่งกว่าคนเอเซียนะคะ ดายุ..
แต่ศาสนาคริสต์ใช้การศึกษาในการเผยแผ่ศาสนา สร้างคนมีคุณภาพ สนับสนุนวิทยาการ สาขาต่างต่างมากกว่า

เพราะอารยะธรรมมนุษยชาตินั้นเริ่มมาจาก..ชาว อารยัน..
ในเอเซียคือลุ่มแม่น้ำสินธุ..พระพุทธเจ้าเป็นชาวอารยัน..
ในยุโรป คือจากเปอร์เซีย
เพิ่งตอนหลังที่กรีกเข้ามารับอิทธิพลจากอารยันผ่านเปอร์เซียไปต่อยอด...
นี่มิได้ว่าเอง แต่จากการค้นคว้าทางวิชาการซึ่งยูเนสโก้ ผลิตออกมา..

จำได้ว่ามีประเทศเดียวในเอเซียที่ นักปรัชญาฝรั่งเศสVoltaire
(1694-1778)ซึ่งทำงานและรับเงินเดือนจากราชวงศ์ปรัสเซียเคยยอมรับว่า มีความเจริญเท่าเทียมยุโรปคือ..ประเทศสยาม!



 

โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.96.57 4 สิงหาคม 2556 15:37:58 น.  

 

นับว่าถามถูกคน
ควรต้องส่งสาวไทยไปอยู่เยอรมันอีกสักหลายคน 55
.
.
วอลแตร์ มีชีวิตอยู่ช่วง คศ 1694-1778 = พศ 2237-2321

พระนารายณ์ ผู้กล่อมเชคอาหมัดต้นตระกูลบุนนาคให้เปลี่ยนจากอิสลามมาเข้าพุทธ ครองราชย์ช่วงปี พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231

แปลว่า วอลแตร์เกิดหลังพระนารายณ์สิ้น 6 ปี คือเกิดสมัยพระเพทราชา ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง

กว่าจะรู้เรื่องเมืองไทยคงต้องอายุสัก 25 ปีขึ้นไป .. คือราวๆ พศ.2262 ขึ้น .. คือยุคสมัยของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระที่ครองราชย์ช่วง พ.ศ. 2251-พ.ศ. 2275

นี่มิแปลว่า สยามยุคใกล้เสียเมืองให้พม่า นั้นมีความเจริญเท่าเทียมฝรั่งเศสเชียวหรือ ?

มินตรารู้ไหม .. ผมสนใจ "อารยัน" จากนิยายของ พนมเทียน
ไม่ว่า .. ปฐพีเพลิง .. จุฬาตรีคูณ .. ศิวาราตรี .. รวมทั้งเจ้า แงซายแห่งเพชรพระอุมาเหล่านี้เป้นเรื่องราวของอารยันทั้งสิ้น .. รวมทั้งการอพยพครั้งใหญ่ จากทะเลสาปแคสเปี้ยน เมื่อ 4000 ปีที่แล้ว .. ที่น่าจะยิ่งใหญ่น่าตืนตากว่า "long march" ของเหมาเจ๋อตุงและพรรคพวก พคจ. ช่วงปฏิวัติจีนมากมาย

ในบรรดา คอเคซอยด์ .. อารยัน น่าจะเป็นเผ่าพันธ์ใหญ่พอๆกับ สลาฟ นะผมว่า

เรื่องการศึกษานั้นมินตรา รู้ไหมว่าเมืองไทยที่ยังเป็นอย่างนี้ต่อไปมันจะไปไม่รอดแข่งกับเขาไม่ได้ .. คนที่มีกำลังทรัพย์รอปฏิรูปไม่ไหวก็เอาลูกหลานเข้าระบบฝรั่ง คือ โรงเรียนนานาชาติกันมากมายในปัจจุบัน

ยิ่งกลุ่มที่ผ่านมาแค่การศึกษาภาคบังคับ .. ปฏิภาณที่จะพูดจาโต้ตอบยังยากเลย .. ถามคำตอบคำ คิดเป็นระบบไม่ได้ .. พูดเรื่องใดก็จะจับแก่น เนื้อหา ใจความหลักไม่ได้

แม้จนที่มาพูดเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา .. เขาไม่สามารถเข้าใจ"ประเด็น"ของเรื่องที่จะพูดได้เลย .. ผมมองว่าทักษะนี้มันล้มเหลวหรือมีลักษณะอ่อนด้อยค่อนข้างมาก ซึ่งจะไม่เจอเพื่อพูดกับฝรั่งแม้เพียงระดับช่างเทคนิค หรือคนขายของตามร้านชำทั่วไป .. เขาก็สื่อได้เหมือนปัญญาชนบ้านเรา อันนี้ที่แปลกใจเสมอมา ..

ทักษะการพูดจาเชิงอภิปรายโต้ตอบ นี้น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ"การอ่าน" นะ ผมอนุมานเอาเองอย่างนี้ ..



 

โดย: สดายุ... 4 สิงหาคม 2556 18:57:41 น.  

 


ดายุ...

ที่ว่า"ถามได้ถูกคน"นั้น
อาจจะเป็นคนที่มีเชื้อสายอารยันมากระมัง..555
เพราะมีสาวไทยอีกเป็นหมื่นคนที่มาอยู่เยอรมันหรือในยุโรป..
ก็มิสามารถตอบคำถามยากยากของดายุ ได้หรอกนะ
บางคน"วิชาชีพ" ก็ยังไม่มี อย่าว่าแต่จะเป็น"วิชาการ"เลย..

เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด)(1543-1631) นั้น
เข้ามาตั้งรกรากในอยุธยาเมื่อปี1602
รักใคร่สนิทสนมกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ มาตั้งแต่ก่อนครองราชย์
เฉกอะหมัดมีอำนาจมากในรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ
(1605-1610)และเป็นผู้เริ่มนำศาสนาอิสลามมายังเอเซียตะวันออก(He was also one of the pioneers of promoting Islam in East Asia.)
คือก่อนประสูติกาลในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(1633–1688)

เฮ้อ..คุยกับสดายุ นี่ วีคิพิเดีย เดือดร้อน !
(พศ.มินตราจำได้แต่เรื่อง อารยัน..เปอร์เซีย..ตระกูลบุนนาคและผู้ที่เกี่ยวข้องน่ะค่ะ)

"อารยัน น่าจะเป็นเผ่าพันธ์ใหญ่พอๆกับ สลาฟ"..
อารยันมีมาก่อนพระพุทธเจ้าประสูติ..
แล้วศาสนาคริสต์ ยิว อิสลามน่ะ มาจากแหล่งเดียวกันคือ
อบราฮัม(Abrahm=ไม่ใช่พราหมณ์ "อพราหมณ์" นี่นักภาษาท่านว่าไว้ มิใช่มินตรา)ไปทำผิดกฎพราหมณ์ไว้จึงโดนไล่ออกจากพื้นที่พราหมณ์ เร่ร่อนไป..
ฉะนั้นศาสนาเหล่านี้จะมีแต่เรื่องย้ายถิ่น(Exodus)

ส่วนพวกสลาฟ ของสดายุนั้น เพิ่งมีคนกล่าวถึงเมื่อศตวรรษที่6
(The first mention of the name Slavs dates to the 6th century)
เปรียบกันมิได้..

"เรื่องการศึกษานั้นมินตรา รู้ไหมว่าเมืองไทยที่ยังเป็นอย่างนี้ต่อไปมันจะไปไม่รอดแข่งกับเขาไม่ได้"

เท่าที่ทราบนี่ คุณจักรภพ เพ็ญแข สนใจเรื่องระบบการศึกษามาก ท่านอาจจะมีนักวิชาการในเครือข่ายที่กำลังปรับระดับให้ทัน ยุโรปก็ได้นะ..เช่นDemocratic Education ที่ยุโรปกำลังทำกันอยู่..
กระทรวงศึกษาก็ทราบปัญหาอยู่...
คงจะเดินทางมาพบกันได้..
ให้การเรียนการสอนเป็น"วิทยาศาสตร์"(เหตุ&ผล)ขึ้น...นะคะ

หากเราแจงประชาชนเช่นที่มินตราเขียนมายาวยาวนี่ ประชาชนจะตกใจที่เราเรียนอะไรมาก็ไม่รู้..!
(อายนะคะที่ร่ายมาซะยาวเสมือนตนเองเก่งกาจนัก แต่นี่คือปัญหาที่เราต้องเห็นน่ะค่ะ)



 

โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.96.57 4 สิงหาคม 2556 21:49:59 น.  

 

มินตรา ..
ข้อมูลที่มินตรานำมา ..

เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) อยู่ในช่วง พศ 2086-2174 .. ช่วงเกิด-ตาย น่ะถูกต้อง

แต่ช่วงอยู่ในไทย ลองไล่ดู

พระมหาจักรพรรดิ 2048-2111 .. ครองราชย์ 2091-2111
พระมหินทราธิราช 2082-2112 ครองราชย์ 2111-2112
พระมหาธรรมราชา 2059-2133 .. ครองราชย์ 2112-2133
พระนเรศวร 2098-2148 .. ครองราชย์ 2133-2148
พระเอกาทศรถ 2104-2153 .. ครองราชบ์ 2148-2153
พระศรีเสาวภาคย์ .. ครองราชย์ 2153-2154
พระเจ้าทรงธรรม .. ครองราชย์ 2154-2171
พระเชษฐาธิราช .. ครองราชย์ 2171-2173
พระอาทิตยวงศ์ .. ครองราชย์ 2173 - 36 วัน (อายุ 9 ปี)
พระเจ้าปราสาททอง 2143-2199 .. ครองราชย์ 2173-2199 สมเด็จเจ้าฟ้าไชย .. ครองราชย์ 2199 (9 เดือน)
พระศรีสุธรรมราชา .. ครองราชย์ 2199 (2 เดือน 17 วัน)
พระนารายณ์ .. ครองราชย์ 2199-2231

เกิดก่อนพระนเรศวร 12 ปี กว่าจะมาเมืองไทยคงต้อง 25 ปีขึ้น .. คือ พศ. 2110 ขึ้นมาแล้วคือในช่วงปลายสมัยพระมหาจักรพรรดิต่อพระมหินทร์ ..

แปลว่าคนที่พระนารายณ์กล่อมให้เปลี่ยนศาสนา เป็นอีกคนหนึ่งน่าจะเป็นลูก เฉกอะหมัด .. ซตพ. ผมจำผิด

แปลกใจอยู่บ้างที่พูดถึง จักรภพ เพ็ญแข
สมัยร่วมในรัฐบาลทักษิณ ก็ไม่เห็นแววมยุราอะไร .. นอกจากพูด ร ล ชัดเท่านั้น .. ไหน แจกแจงมาซิ .. 55

คือผมไม่ได้ต่อต้าน หรือ นิยมอะไร แต่ในสายตาผมเขาเป็น nobody .แต่แลปกใจที่มินตราดูเหมือนจะนิยมอยู่ในคำพุด

 

โดย: สดายุ... 5 สิงหาคม 2556 6:51:08 น.  

 


อ้อ .. หากการปลูกฝังแนวคิดที่เป็นเหตุเป็นผลทำได้อย่างมั่นคงแล้ว คนเราจะยิ่งบอกให้เชื่อยากขึ้นนะ เพราะมีเหตุผลแล้ว ..

ด้วยเหตุนี้ระบบการปกครองแบบบุพกาลบรรพกาลจึงกลัวเรื่องเหตุผล และชอบให้คนจมอยู่กับเรื่องเพ้อเจ้อเพ้อฝัน ประเภท บุญญาบารมี กฤษดาภินิหาร อะไรพวกนั้นแบบไม่ต้องโงหัว .. แล้วพอจะจับมาคุยเหตุผลกันให้ถึงที่สุดก็จะสะบัดมือ ให้หลุดแล้วเดินหนีทันที

เหมือนที่ มาร์ค มันรีบยื่นเงื่อนไข การหารือเรื่องปฏิรูปการเมืองไง มินตรา 555

 

โดย: สดายุ... 5 สิงหาคม 2556 6:57:14 น.  

 


ดายุ...

ค่ะ
วงศ์เฉกอะหมัดชั้นที่ ๔ คือพระยาเพ็ชรพิไชย(ใจ) ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแล้ว(มิใช่สมัยพระนารายณ์) จึงได้เปลี่ยนเป็นนับถือพุทธ..ที่หน้าพระที่นั่ง ที่พระพุทธบาท สระบุรี ตอนตามเสด็จไป..
ส่วนบุนนาคสายอื่นก็ยังคงเป็นที่..จุฬาราชมนตรี..สืบต่อต่อกันมา

สมัยพระเจ้าทรงธรรม นั้นซามุไรญี่ปุ่น ผู้มารับราชการจนเป็นที่ "ออกญาเสนาภิมุข"(Yamada Nagamasa 1590–1630)ได้เป็นขบถ..
เฉกอะหมัดจึงนำกำลังออกไปขับไล่ญี่ปุ่นแล้วถวายพระราชบัลลังค์คืน จึงได้รับพระราชทานตำแหน่ง "สมุหนายก"(First Prime Minister)..
ไม่เปิดวิคิพิเดีย หาแล้วนะคะ ไปหาอ่านกันเองว่าปีไหน

เรื่องคุณจักรภพ เพ็ญแข "เพชรในตม"ที่มินตราชื่นชมนั้น ยกยอดไปเมื่อ ดายุแต่งนารีปราโมช ชุดใหม่แล้วกัน นะ
(หมูไป ไก่มา)555

เรื่อง" ระบบการปกครองแบบบุพกาลบรรพกาลจึงกลัวเรื่องเหตุผล"นั้น..
อย่าไปว่าใครเลย..อยู่ที่ตัวเราเอง..
มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ มีปัญญาไปเรียนต่างประเทศ ทำไมจึงไม่ดิ้นรนค้นข้อมูลมาอ่านเองล่ะ..
เพราะไม่รู้ระบบและวิธีคิดสากล ใช่ไหม..
จึงมิทราบว่าจะหาข้อมูลหรือตำราไหนที่จะยึดได้..



 

โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.111.232 5 สิงหาคม 2556 10:05:19 น.  

 

อ้อ

นี่ต้องออกแรงเขียนนารีปราโมชแลก "เพชรในตม" ของมินตราแล้วรึนี่ 55

ได้ .. รอก่อนนะ

 

โดย: สดายุ IP: 118.172.96.82 5 สิงหาคม 2556 11:33:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.