O โสมส่องแสง .. O
VIDEO Secret Garden - Reflection -1- O คำนึงล่องลอยคว้าง .. เมื่อย่างก้าว ลมร้อนผ่าวฝ่าแดดทอนแผดเผา- ทอ-สัมผัสโลมลูบ .. พร้อมรูปเงา- ของรูปเยาว์เร่งถวิล .. ให้ดิ้นรน O ในสายตา .. มองเห็นคือเส้นทาง- รอก้าวย่างเหยียบย่ำอยู่ซ้ำหน ในหัวใจ .. รูปสล้างของบางคน- นั้นไหววน รุมเร้าเป็นเจ้าเรือน O ฤดูลม .. ลมล่องเมฆฟ่องฟ้า สุดสายตามองอยู่ .. ก็ดูเหมือน- รูปจากห้วงนิรมิตตามติด .. เตือน เข้าป่ายเปื้อนอาวรณ์พาร้อนรน O คำนึงอย่างเงียบงันแห่งวันนี้ ย่างเหยียบแต่ละทีหรือกี่หน ล้วนเส้นทางเงียบเหงาและเงาตน ทอดตัวบนถวิลหาแห่งอาวรณ์ O วันยังคงลอยดวง .. แสงช่วงอยู่ เมื่อความนัยแห่งชู้ เกินรู้ซ่อน บางความหมายรุมเร้า เหมือนเฝ้าวอน- ช่าง-ออดอ้อนเร้ารึง .. หวานซึ้งนัก O ดูเถิด .. แต่ละครั้ง .. แว่ว-ดังว่า- เสน่หา .. ปรารมภ์สุดข่ม-หัก หมายกลิ่นเกลี้ยงพวงพะยอม .. ละม่อมพักตร์ น้อมรูปลงกุมกัก .. อีกสักครั้ง O ด้วยหวานหอมล้อมอยู่ .. เป็นคู่เคียง พร้อมสรรพเสียงอ้อยสร้อยจะค่อยหลั่ง- ความรุมเร้าแผ่วค่อย .. ให้คอยฟัง เพื่อเหนี่ยวรั้งใจชาย .. พาว่าย-วน O ในท่ามกลางอ่อนโยนที่โชนฉาย พร้องรำบายความประดัง .. ทุกครั้งหน วับวามจากเนตรใคร .. หนอ-ไหวจน- อ่อนหวานค่อยเอ่อล้นอยู่บนใจ O การรอคอยใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ จึงจำต้องตราตรึงจิตหนึ่งให้- ตอบรับรอง รับรู้ .. ว่าผู้ใด- แนบรูปในผ่องแผ้วแห่งแววตา O จนล่องลอยรุมเร้าเป็นเจ้าเรือน ทั้งตามเตือนใจพลอยเฝ้าคอยหา อ่อนหวานแรงอาลัย .. และนัยน์ตา กอปรทีท่าห่วงละห้อย .. ให้คอยประโลม O คำนึงมีถึงกันแห่งวันนี้ เหมือนว่ามีรูปเยาว์ .. และเงา .. โฉม แขวนบนฟ้าทุกช่วง .. แทนดวงโคม แต่งเติมโสมนัสช่วง .. กลางห้วงใจ -2- O แล้วงามก็ติดตามมาล่ามรัด สบ-สัมผัสวูบนั้น .. ที่สั่นไหว- คือจักขุวิญญาณ .. รูปคราญใคร- เพรียกอาลัยครอบครองเกินป้องทัน O งามเจ้าเอย .. รับรู้แต่อยู่ใกล้ จนหนึ่งช่วงดวงใจถึงไหวหวั่น ละม่อมหน้าถ้อยคำเจ้าจำนรรจ์ จึงเหมือนสั่นโยกสิ้นจิตวิญญาณ O สบชม้ายชำเลืองคนเบื้องหน้า เหมือนในตาวาบเงาคอยเผาผลาญ คล้ายรอยยิ้มแฝงรับอยู่นับนาน คลี่รอยหวานบ่มไล้หัวใจคน O ริ้วลมหนาวแผ่วผ่านอยู่นานแล้ว โลมดอกแก้วหอมแรงทั่วแห่งหน อีกหอมยิ่ง .. หอมซึ้งจนอึงอล พาใจวนว่ายหอมไม่ยอมร้าง O ลมเอย .. พลิ้วผ่านสู่ให้รู้สึก แทรกความลึกซึ้งสู่อย่ารู้ห่าง กระซิบสื่อความนัยน้ำใจนาง ร่วมสืบสร้างแต่ในน้ำใจเดียว O ด้วยหนึ่งน้ำใจผู้คนรู้งาม ที่ทุกยามร่ำร้องหมายข้องเกี่ยว ม้วนสายใยสองเส้นฟั่นเป็นเกลียว รึงรัดเหนี่ยวผูกพันนิรันดร์ไป O หมายกรุ่นหอมกลิ่นแก้วโลมแก้วเจ้า แล้วกล่อมเกล้าโอบตระกองจนผ่องใส เมื่อลมผ่าวผ่าน .. ฤดีผู้มีใจ หวังเพียงให้ปฏิพัทธ .. รำบัด-รู้ O ว่า-มีปรารถนาหนึ่ง .. คำนึงหนัก จะฝ่าหักขวางขวาก .. เห็นยากอยู่ เกิดแต่เมื่อรูปเห็น .. และเอ็นดู ร่วมน้อมสู่รุมรัดสัมผัสรอย O ในท่ามกลางลมหนาว .. ใจผ่าวร้อน แรงอาวรณ์รุมแล้ว .. แม้นแผ่วค่อย หากหัวใจหนึ่งผู้ย่อมรู้คอย เต็มละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นวาย O แอบอ้อมกอดลมหนาวมายาวนาน จนสะท้านใจอยู่ไม่รู้หาย ที่หวังให้คลุมครอบอยู่รอบกาย คือรูปหมายให้ละเมียดละไมทรวง O เมื่อถวิล .. มากครันสุดกั้น .. กีด ทั้งปราณีตเกินขับให้ลับล่วง หวานย่อมไหลโลมหลั่ง .. ใจทั้งดวง หอมก็หน่วงอกซ้ำอยู่ค่ำเช้า O หมายดวงใจ .. ผ่องพักตร์เป็นหลักมุ่ง บ่มบำรุงส่วนเสี้ยวเคยเปลี่ยวเปล่า หวังบำรุงภาคฝันแห่งวันเยาว์ จึงแนบเนาอ่อนหวานแห่งกาลนี้ O กาลที่ความงดงามลุกลามอก จะคอยปกปิดไว้ก็ใช่ที่ จึงเผยเล่ห์เสน่หาผ่านวาที เป็นไมตรีมอบลงสู่นงคราญ O พร้อมลมหนาวเคลื่อนระลอก .. กรุ่นดอกแก้ว ก็หอมรื่นทั่วแล้วทุกแนวผ่าน และเหมือนความเต็มตื่นของชื่นบาน ได้จดจารทั่วแล้ว .. ในแววตา -3- O เร้นแฝงความอาวรณ์แอบซ่อนไว้ อยู่รุมเร้าอกใจ .. คอยใฝ่หา เหมือนดวงใจถูกงามนั้นล่ามคา- ละห้อยหาถวิลชู้ .. ไม่รู้ตัว O จนเห็นแวววาบไหวผ่านนัยน์ตา ก็เหมือนท่าทีบอกเผยออกยั่ว ความบอกจากใจหวั่น .. ที่สั่นรัว เกินความกลัวขวางกั้นได้ทันการณ์ O จึงเห็นแววอาวรณ์ .. ออดอ้อนหา จากแววตาสั่นพลิ้ว .. เป็นริ้วหวาน สิ้นสุดรอบไหวสั่นแห่งวันวาน ความซึ้งก็เอ่อซ่าน .. ออกผ่านนัย O กระเพื่อมตัวโยนผิวเป็นริ้วคลื่น ด้วยอารมณ์แช่มชื่นเกินฝืนไหว คือช่วงตอนหอมหวานพลิ้วผ่านใจ กระเพื่อมรอยอาลัย .. ที่นัยน์ตา O ถ้วนปวงความอาทรเคยซ่อนอยู่ ก็เผยรูปการณ์สู่ .. ให้รู้ว่า- การเร้นแฝงกรณีดั่งมีมา เพียงลีลารอมอบ .. ให้ตอบรับ O รอแววอาวรณ์ลูบ .. โลมรูปหน้า เพื่อแววตาซ่อนยิ้มจะพริ้มหลับ สองแก้มอิ่มรอทราบแวววาบวับ- จากดวงตาจู่จับเกินพรับพ้น O โดยภาพ-ทั้งหลับตา .. เหมือนว่าใคร- แววตาไหววูบช่วง .. แล้วร่วงหล่น เพื่อโน้มหน้ามาให้หัวใจคน- สั่นอึงอลเวงอยู่เกินรู้กัน O จะบ่ายเบี่ยงเยี่ยงไรหนอใจเจ้า จากรุมเร้าอยู่พร้อม .. รอกล่อมขวัญ โดยภาพ-ทั้งหลับตา .. รูปหน้าอัน- คอยใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. เหมือนอยู่ล้อ O ทั้งแก้มอิ่ม .. เนียนเนื้อ, จะเหลือใคร- อาจพาใจล่วงพ้น .. หรือทนต่อ- ความอ่อนไหวอ่อนหวาน .. ผันด้านรอ- จิตวิญญาณพร่ำพ้อเฝ้ารอเคียง O ทั้งแววตาหวั่นเขิน-ให้เพลินพิศ สักกี่จิตชายชาติจึงอาจเลี่ยง ทั้งตาแสร้งเมินชะม้ายลอบชาย .. เมียง สักกี่ตาอาจเบี่ยงหลบเลี่ยงพ้น ? O โดยภาพทั้งหลับตาเหมือนว่าใคร รอกล่อมให้ดาวช่วงได้ร่วงหล่น- ลงกับนิทรานอน .. แนบหมอนจน- ฝัน-สุขล้น, ปรารมภ์แต่กลมเกลียว O หวัง-นิทราหลับฝันแสนบรรเจิด กาลจักเปิดเผยความ .. ให้ตามเหลียว ที่แม้นฟ้าสูงนั่น .. เหลือจันทร์เดียว รอ-แต้มเปลี่ยวเปล่าเพื่อ .. ไม่เหลือรอย !
Create Date : 01 สิงหาคม 2556
15 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2566 13:32:05 น.
Counter : 4765 Pageviews.
โดย: สดายุ... 2 สิงหาคม 2556 17:02:00 น.
โดย: กึ่ม IP: 37.228.105.174 2 สิงหาคม 2556 18:32:53 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 3 สิงหาคม 2556 11:23:34 น.
โดย: สดายุ IP: 171.4.90.241 3 สิงหาคม 2556 16:11:57 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 4 สิงหาคม 2556 3:34:13 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 87.174.116.51 4 สิงหาคม 2556 3:43:46 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.96.57 4 สิงหาคม 2556 15:37:58 น.
โดย: สดายุ... 4 สิงหาคม 2556 18:57:41 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.96.57 4 สิงหาคม 2556 21:49:59 น.
โดย: บุษบามินตรา IP: 84.179.111.232 5 สิงหาคม 2556 10:05:19 น.
โดย: สดายุ IP: 118.172.96.82 5 สิงหาคม 2556 11:33:54 น.
Location :
France
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [? ]
O ใช่แน่หรือ ? .. O O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ? ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว- แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์ เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์ ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?
บทกลอนไพเราะอ่อนหวานมากค่ะ