เรื่องดีๆ
แก้ไขเรื่องลูกผ่านพ้นไป สบายใจไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังเฝ้าระวังอยู่เช่นเดิมว่าลูกจะปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเช่นนี้ตลอดไปหรือไม่ สอนลูกให้มั่นใจ ให้เข้มแข็ง แต่ตัวฉันเองลึกๆแล้วยังหวั่นใจอยู่เสมอนะ แต่ไม่เคยแสดงให้ลูกเห็น
บางทีฉันก็คิดว่า จะเอาอะไรนักหนากับเด็กสิบขวบ แม้เราเองโตๆเป็นพ่อแม่คน บางทีเรายังมีปัญหาที่เราเองต้องแก้ไข หรือบางทีก็ปล่อยๆมันให้ผ่านไปบ้างเพื่อความสบายใจ แต่เด็กเขาคงคิดปล่อยผ่านอย่างเราไม่เป็น
สองวันก่อน ฉันได้รับจดหมายจากทางโรงเรียน แต่ขอเกริ่นให้ฟังก่อนว่าปกติระบบการเรียนของแอลเอ จะแบ่งแยกโรงเรียน แยกนักเรียน ไปตามขีดความสามารถ โรงเรียนไหนมาตรฐานการสอนดี เขาเรียกว่า โรงเรียนmagnet มาตรฐานการสอนดี คือเด็กผ่านการสอบวัดผลของรัฐแคลิฟอร์เนียสูง บางโรงเรียนก็เรียกว่า โรงเรียน Gifted magnet คือโรงเรียนที่รับเด็กที่คะแนนสูงในวิชาใดวิชาหนึ่ง ระหว่างคณิตศาสตร์ หรือศิลป์ภาษา ยิ่งกว่าโรงเรียน Gifted magnet เขาเรียกว่า โรงเรียน Highly gifted เล่าให้ฟังคร่าวๆถึงการจัดระบบการศึกษาของแอลเอเท่าที่รู้
นิก..จัดอยู่ในเด็ก Gifted แต่ไม่ได้อยู่ในโรงเรียน magnet แต่เรียนอยู่ในห้องเด็ก advanced ที่จะสอนต่างจากเด็กทั่วไป เนื่องจากความสามารถของเด็กพวกนี้จะสูงกว่าเด็กทั่วไป
โดกปกติ เขตการศึกษาจะส่งโบรชัวร์ให้พ่อแม่สมัครลูกตัวเองเรียนโรงเรียนแม๊กเน็ตได้ทุกปี จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการเรียนของเด็ก และบางทีก็ต้องรอคิวเก็บคะแนนสมัครสะสมทุกปี ฉันไม่เคยสมัครโรงเรียนแม๊กเน็ทให้นิก เพราะถือว่า ข้อสอบมันก็ใช้ข้อสอบตัวเดียวกันวัดผลเด็กทั้งเขต ไม่ว่าจะเรียนอยู่ที่ไหนก็ตาม ช้างเผือกมันก็ยังมีอยู่ในป่า เป็นเด็ก gifted เรียนอยู่ใกล้บ้านก็พอ โบรชัวร์ที่ได้มาจึงนอนอยู่ในถังขยะทุกปี
แต่ปีนี้ไม่อย่างนั้น ฉันได้รับจดหมายฉบับแรก บอกว่าจะมีโบรชัวร์ส่งมาให้ที่บ้าน จดหมายนั่นก็ลงขยะไปตามระเบียบ อาทิตย์ต่อมามีจดหมายอีกฉบับส่งตามมา บอกว่า ลูกของฉันมีคะแนน(อะไรไม่รู้และไม่รู้มันจับลูกไปวัดผลตอนไหนอีก) 99.5 - 99.8% และไม่ใช่เด็กทุกคนในห้องที่จะได้จดหมายด้วย ปกติเด็ก highly gifted นั้นจะต้องได้คะแนนอยู่ที่ 99.9%(ให้ตาย! เด็กอะไรมันจะเก่งปานนั้น) อย่างไรก็แล้วแต่ คะแนนของนิกต่างเพียงแค่ .1 ในจดหมายระบุว่าฉันสามารถสมัครโรงเรียน Highly gifted ให้ลูกได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับโรงเรียนว่า จะว่างพอที่จะรับลูกฉันหรือไม่
วานนี้ได้โบรชัวร์มาเรียบร้อย เปิดดูหน้าที่จดหมายระบุ โรงเรียนแบบนี้มีโรงเรียน ประถมอยู่แค่ 3 แห่ง มัธยมต้นแค่ 1 โรงเรียน มัธยมปลายแค่ 1 โรงเรียน เราสามคนปรึกษากันว่า จะทำอย่างไร ที่แน่นอนที่สุดคือ ต้องพูดกับลูก ดูเหมือนว่านิกนั้นอยากไปเรียน ฉันแนะนำลูกว่า ถ้าคิดจะไปนิกต้องรับผิดชอบมากมายกว่าที่คิดนะ เพราะโรงเรียนอย่างนี้มันเรียนหนัก การบ้านเยอะ แต่ที่ไม่ได้บอกลูกคือ มันมีที่ว่างให้เราสมัครซะด้วย
วันนี้ ฉันไปขอครูให้พริ้นท์การบ้านที่นิกทำหาย ฉันได้ปรึกษาครูประจำชั้นเรื่องนี้ เผื่อครูจะมีความรู้และความคิดเห็นประการใด ซึ่งเธอก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ แต่เธอแนะนำให้ฉันไปถามครูเก่าของนิกที่เชี่ยวชาญมากกว่าเธอ และเธอก็บอกฉันว่า เด็กอย่าง อนิกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โปรแกรมต่างๆมันจะวิ่งเข้ามาชนเอง ตราบใดที่แกยังคงทำเกรดได้ดีอยู่อย่างนี้ ครูอาจจะพยายามบอกให้ฉันเข้าใจก็ได้ว่าโรงเรียนปกติก็มีเงินสนับสนุนให้เด็กที่เรียนดีอยู่เสมอ
ฉันก็ไม่รู้ลึกนักกับสิ่งที่ครูพูด เพียงแต่รับฟังความคิดเห็นและคิดว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปถามครู Feldman เพื่อได้รายละเอียดที่ลึกกว่านี้ประกอบการตัดสินใจอีกที เพราะฉันไม่รู้ว่า มันมีจำนวนเด็กกี่คนในห้องที่มีโอกาสนี้
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 7:06:58 น. |
|
8 comments
|
Counter : 585 Pageviews. |
|
|
แต่ถ้าเป็นผมตอนอายุเท่านิกก็คงอยากไปล่ะครับ ไม่ได้เป็นเพราะอยากลองอะไรใหม่ๆ แต่อยากให้พ่อแม่รู้สึกว่าเราเรียนเก่ง ประมาณนั้น แต่ถ้าโตมากกว่านี้อีกหน่อยจะเริ่มไม่เอาแล้วเพราะเริ่มประเมินตัวเองได้ว่าไหวรึเปล่า
แต่ช่วงตอนนี้ที่ผมอยากเรียน อยากรู้ คืออยากรู้อะไรใหม่ๆ ที่สนใจมากขึ้นจริง ๆ