ทุกวันพุธ..ฉันต้องไปประชุมร่วมกับผู้ปกครองของลูก 15 คน เพื่อรับฟังความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่วิทยากรนำมาบรรยายให้ผู้ปกครองฟัง วันนี้..วิทยากรประจำ(ซึ่งฉันไม่เคยจำชื่อเธอได้)เล่าให้ฟังถึงเรื่อง ความผิดปกติของเด็ก..ในด้านสมองก่อนหน้าที่วิทยากรจะอธิบายให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆ เธอได้แนะนำตัว ประวัติเล็กๆน้อยๆของตัวเองให้เราฟัง ซึ่งเธอก็ได้เล่าให้ฟังว่า..ลูกของเธอมีความผิดปกติด้านสมอง ซึ่งเธอไม่สามารถบอกได้ว่า มันคืออะไร เช่น..ถ้าเธอพูดว่า..ปากกา ลูกเธอสามารถพูดว่าปากกาได้..แต่หากเธอพูดว่า ไปเอาปากกามาสิ..ลูกเธอไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เพราะไม่เข้าใจคำสั่ง รวมถึงเด็กในวัยเดียวกันสามารถเขียนได้แล้ว แต่ลูกเธอไม่สามารถเขียนได้..ความผิดปกตินี้..ทำให้ลูกเธอเรียนอ่อนกว่าใครๆในชั้นเรียน..แต่เชื่อหรือไม่ว่า..เมื่อเรียนในระดับมัธยม..ลูกเธอเรียนเก่งอย่างที่เธอไม่สามารถหาคำตอบได้นี่คือ..ความผิดปกติของสมองที่แพทย์เองก็ไม่สามารถระบุได้..วิทยากรพูดเรื่องนี้ของเธอให้ฟัง เพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่า..เด็กนั้นแม้จะพัฒนาด้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่เขาไม่ได้ผิด..เพียงแต่..เราซึ่งเป็นพ่อแม่ต่างหาก ที่จะปรับทัศนคติยอมรับสิ่งที่ลูกเป็นให้ได้ และพยายามค้นหาว่า..เราจะสามารถดูแลและช่วยเหลือลูกได้อย่างไรจากนั้น..ก็ถึงคราวของผู้ปกครองแต่ละคนที่จะเล่าประวัติย่อๆของตัวเอง..สำหรับฉัน..เล่นเอาสั่น..เหงื่อแตกเลยล่ะ เพราะไม่เคยพูดหน้าชั้นเรียนมานาน ที่สำคัญต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ..ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่..แต่ที่กลัวๆนี่ก็พูดนานกว่าใครเพื่อน มันมีหลายเรื่องที่อยากพูด ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่า แม้เราจะพูดอังกฤษไม่เก่งเลยก็ตาม แต่เราก็สามารถที่จะช่วยเหลือลูกด้านการเรียนได้ หลังจากแนะนำตัวกันแล้ว วิทยากรจึงเล่าให้ฟังถึงเด็กที่มีความสามารถแตกต่างกันไป บางคน..สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว บางคนจำแม่น บางคนคิดเลขเร็ว บางคนต้องอาศัยเกมส์ หรือการละเล่นเป็นสื่อในการสอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพ่อแม่..ที่จะเรียนรู้ว่าลูกของเราชำนาญด้านไหน แล้วดึงเอาศักยภาพนั้นมาใช้กับลูกของเราเอง เราต้องค้นหาให้ได้ว่า..ลูกเรามีความสามารถด้านไหนเราก็ใช้ด้านนั้นให้เกิดประโยชน์และใช้มันเพื่อทำให้ลูกเราเรียนรู้ได้เท่าทันเด็กคนอื่นแม่คนหนึ่ง..เธอมีลูกอายุเท่านิก แต่เรียนคนละห้องกัน ลูกของเธอมีปัญหาเรื่องสมอง ในด้านความจำเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เธอเล่าว่า..เธอถามลูกเรื่องสูตรคูณ เด็กพึ่งจะตอบไปหยกๆ อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอถามลูกใหม่ ลูกเธอไม่สามารถตอบได้ราวกับมันดับไปเฉยๆ เธอพาลูกของเธอไปพบนักจิตวิทยา พอหมอ พบทุกๆอย่างที่เธอจะสามารถช่วยเหลือลูกเธอได้ แต่เธอก็ไม่ได้คำตอบที่จะสามารถอธิบายให้เธอเข้าใจได้..ว่าเป็นเพราะอะไรฉันเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับลูกฉัน..ว่าทุกๆการเรียนรู้ของนิก ฉันต้องแปลงให้เป็นเรื่องสนุก น่าเรียนรู้ทุกด้าน เพราะนิกไม่สามารถเรียนรู้ทางตรงได้ทุกเรื่องไป นิกไม่สามารถบอกสูตรคูณถ้าฉันถามแล้วให้นิกตอบปากปล่าว แต่คิดตอบในใด้ นิกสามารถเขียนคำตอบสูตรคูณ 50 คำตอบได้ภายในหนึ่งนาที หรือแม้แต่เรื่องการเรียนต่างๆ ฉันก็ต้องแปลงคำพูดให้ดูง่าย เพื่อที่ลูกจะเข้าใจ ฉันบอกมาเรียคนที่มีปัญหาเรื่องลูกว่าลูกฉัน ก็ไม่สามารถตั้งใจเรียนได้นานๆ เหมือนอย่างเด็กบางคนที่ตั้งใจฟังครูจนจบได้ ถ้ามีอะไรหันเหความสนใจ ลูกฉันจะหันไปหาสิ่งนั้นทันทีหลายเหตุผล หลายสาเหตุที่เกี่ยวกับสมองของเด็ก ที่เราไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร..ไม่ได้หมายความว่าลูกเราฉลาดน้อยกว่าคนอื่น บางครั้งฉันก็รู้สึกผิดหวัง..ว่าในวัยเดียวกันเด็กคนอื่น สามารถเรียนรู้อะไรๆได้ดีกว่าลูกฉัน สามารถจัดการทุกอย่างได้ดีกว่าลูกของฉัน หรือแม้แต่มาเรีย ก็อาจจะคิดเช่นเดียวกับฉันด้วยซ้ำไป..ที่บางครั้ง เห็นเด็กคนอื่นที่สามารถจัดการทุกๆอย่างได้ดีกว่าลูกเราๆก็ผิดหวังในตัวลูก และคิดไปว่า..เพราะอะไรลูกเราถึงไม่เท่าลูกคนอื่นเขาในเรื่องด้านพัฒนาการขณะเดินกลับบ้าน ฉันทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำไป ฉันก็รู้สึกเสียใจ..ว่าฉันทำร้ายความรู้สึกของลูกไปมากพอสมควร เด็ก..ย่อมมีความต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งหญิงและชาย วันหนึ่ง..ด้วยความรัก ความเอาใจใส่และเข้าใจถึงปัญหาของลูก รวมถึงการพยายามช่วยลูกในทุกด้านให้เท่าทัน ฉันหวังว่าผลมันจะออกมาในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า..ลูกฉันจะมีพัฒนาการที่ต่างไปจากเด็กอื่นในวัยเดียวกัน แต่การเรียนรู้ของลูกก็ติดอยู่ในกลุ่มเด็ก gifted ซึ่งฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า..ทำไม? นับจากนี้..ฉันคงได้เรียนรู้อะไรดีๆจากการไปประชุม เพื่อเข้าใจเกี่ยวกับลูกให้มากขึ้น ที่คิดว่าจะน่าเบื่อ..กลายเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ไปซะนี่