หลายเรื่องราว...เล่าเรื่องลูก...ที่คงไม่มีวันเลือนหาย..ในความรู้สึกของแม่
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
ต่างคน..ต่างเรียน(รู้)

ทุกวันพุธ..ฉันต้องไปประชุมร่วมกับผู้ปกครองของลูก 15 คน เพื่อรับฟังความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่วิทยากรนำมาบรรยายให้ผู้ปกครองฟัง วันนี้..วิทยากรประจำ(ซึ่งฉันไม่เคยจำชื่อเธอได้)เล่าให้ฟังถึงเรื่อง ความผิดปกติของเด็ก..ในด้านสมอง

ก่อนหน้าที่วิทยากรจะอธิบายให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆ เธอได้แนะนำตัว ประวัติเล็กๆน้อยๆของตัวเองให้เราฟัง ซึ่งเธอก็ได้เล่าให้ฟังว่า..ลูกของเธอมีความผิดปกติด้านสมอง ซึ่งเธอไม่สามารถบอกได้ว่า มันคืออะไร เช่น..ถ้าเธอพูดว่า..ปากกา ลูกเธอสามารถพูดว่าปากกาได้..แต่หากเธอพูดว่า ไปเอาปากกามาสิ..ลูกเธอไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เพราะไม่เข้าใจคำสั่ง รวมถึงเด็กในวัยเดียวกันสามารถเขียนได้แล้ว แต่ลูกเธอไม่สามารถเขียนได้..ความผิดปกตินี้..ทำให้ลูกเธอเรียนอ่อนกว่าใครๆในชั้นเรียน..แต่เชื่อหรือไม่ว่า..เมื่อเรียนในระดับมัธยม..ลูกเธอเรียนเก่งอย่างที่เธอไม่สามารถหาคำตอบได้

นี่คือ..ความผิดปกติของสมองที่แพทย์เองก็ไม่สามารถระบุได้..วิทยากรพูดเรื่องนี้ของเธอให้ฟัง เพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่า..เด็กนั้นแม้จะพัฒนาด้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่เขาไม่ได้ผิด..เพียงแต่..เราซึ่งเป็นพ่อแม่ต่างหาก ที่จะปรับทัศนคติยอมรับสิ่งที่ลูกเป็นให้ได้ และพยายามค้นหาว่า..เราจะสามารถดูแลและช่วยเหลือลูกได้อย่างไร

จากนั้น..ก็ถึงคราวของผู้ปกครองแต่ละคนที่จะเล่าประวัติย่อๆของตัวเอง..สำหรับฉัน..เล่นเอาสั่น..เหงื่อแตกเลยล่ะ เพราะไม่เคยพูดหน้าชั้นเรียนมานาน ที่สำคัญต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ..ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่..แต่ที่กลัวๆนี่ก็พูดนานกว่าใครเพื่อน มันมีหลายเรื่องที่อยากพูด ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่า แม้เราจะพูดอังกฤษไม่เก่งเลยก็ตาม แต่เราก็สามารถที่จะช่วยเหลือลูกด้านการเรียนได้

หลังจากแนะนำตัวกันแล้ว วิทยากรจึงเล่าให้ฟังถึงเด็กที่มีความสามารถแตกต่างกันไป บางคน..สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว บางคนจำแม่น บางคนคิดเลขเร็ว บางคนต้องอาศัยเกมส์ หรือการละเล่นเป็นสื่อในการสอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพ่อแม่..ที่จะเรียนรู้ว่าลูกของเราชำนาญด้านไหน แล้วดึงเอาศักยภาพนั้นมาใช้กับลูกของเราเอง เราต้องค้นหาให้ได้ว่า..ลูกเรามีความสามารถด้านไหนเราก็ใช้ด้านนั้นให้เกิดประโยชน์และใช้มันเพื่อทำให้ลูกเราเรียนรู้ได้เท่าทันเด็กคนอื่น

แม่คนหนึ่ง..เธอมีลูกอายุเท่านิก แต่เรียนคนละห้องกัน ลูกของเธอมีปัญหาเรื่องสมอง ในด้านความจำเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เธอเล่าว่า..เธอถามลูกเรื่องสูตรคูณ เด็กพึ่งจะตอบไปหยกๆ อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอถามลูกใหม่ ลูกเธอไม่สามารถตอบได้ราวกับมันดับไปเฉยๆ เธอพาลูกของเธอไปพบนักจิตวิทยา พอหมอ พบทุกๆอย่างที่เธอจะสามารถช่วยเหลือลูกเธอได้ แต่เธอก็ไม่ได้คำตอบที่จะสามารถอธิบายให้เธอเข้าใจได้..ว่าเป็นเพราะอะไร

ฉันเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับลูกฉัน..ว่าทุกๆการเรียนรู้ของนิก ฉันต้องแปลงให้เป็นเรื่องสนุก น่าเรียนรู้ทุกด้าน เพราะนิกไม่สามารถเรียนรู้ทางตรงได้ทุกเรื่องไป นิกไม่สามารถบอกสูตรคูณถ้าฉันถามแล้วให้นิกตอบปากปล่าว แต่คิดตอบในใด้ นิกสามารถเขียนคำตอบสูตรคูณ 50 คำตอบได้ภายในหนึ่งนาที หรือแม้แต่เรื่องการเรียนต่างๆ ฉันก็ต้องแปลงคำพูดให้ดูง่าย เพื่อที่ลูกจะเข้าใจ ฉันบอกมาเรียคนที่มีปัญหาเรื่องลูกว่าลูกฉัน ก็ไม่สามารถตั้งใจเรียนได้นานๆ เหมือนอย่างเด็กบางคนที่ตั้งใจฟังครูจนจบได้ ถ้ามีอะไรหันเหความสนใจ ลูกฉันจะหันไปหาสิ่งนั้นทันที

หลายเหตุผล หลายสาเหตุที่เกี่ยวกับสมองของเด็ก ที่เราไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร..ไม่ได้หมายความว่าลูกเราฉลาดน้อยกว่าคนอื่น บางครั้งฉันก็รู้สึกผิดหวัง..ว่าในวัยเดียวกันเด็กคนอื่น สามารถเรียนรู้อะไรๆได้ดีกว่าลูกฉัน สามารถจัดการทุกอย่างได้ดีกว่าลูกของฉัน หรือแม้แต่มาเรีย ก็อาจจะคิดเช่นเดียวกับฉันด้วยซ้ำไป..ที่บางครั้ง เห็นเด็กคนอื่นที่สามารถจัดการทุกๆอย่างได้ดีกว่าลูกเราๆก็ผิดหวังในตัวลูก และคิดไปว่า..เพราะอะไรลูกเราถึงไม่เท่าลูกคนอื่นเขาในเรื่องด้านพัฒนาการ

ขณะเดินกลับบ้าน ฉันทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำไป ฉันก็รู้สึกเสียใจ..ว่าฉันทำร้ายความรู้สึกของลูกไปมากพอสมควร เด็ก..ย่อมมีความต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งหญิงและชาย วันหนึ่ง..ด้วยความรัก ความเอาใจใส่และเข้าใจถึงปัญหาของลูก รวมถึงการพยายามช่วยลูกในทุกด้านให้เท่าทัน ฉันหวังว่าผลมันจะออกมาในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า..ลูกฉันจะมีพัฒนาการที่ต่างไปจากเด็กอื่นในวัยเดียวกัน แต่การเรียนรู้ของลูกก็ติดอยู่ในกลุ่มเด็ก gifted ซึ่งฉันก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า..ทำไม? นับจากนี้..ฉันคงได้เรียนรู้อะไรดีๆจากการไปประชุม เพื่อเข้าใจเกี่ยวกับลูกให้มากขึ้น

ที่คิดว่าจะน่าเบื่อ..กลายเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ไปซะนี่




Create Date : 04 ตุลาคม 2550
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 10:13:13 น. 7 comments
Counter : 592 Pageviews.

 
ให้ความรู้ดีมากค่ะ ถึงแม้ฉันยังไมมีลูกก็ตาม


โดย: M2 (pnkio ) วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:10:52:54 น.  

 
ลูกสาวตาสวยจังเลยค่ะ...
..
อยากให้ดูรายการ VIP ที่ผ่านมาจัง ที่พ.ญ.จิตรา มาเล่าวิธีเลี้ยงลูกจนได้เป็นแชมป์ชีวะโลก..
สาระดีมาก..
..
เอาที่อยู่คลิปมาให้ละกันค่ะ..

//hiptv.mcot.net/hipPlay.php?clipTypeID=34


โดย: เอื้อมดาว วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:12:24:09 น.  

 
หวัดดีจ้า... วันนี้ ก็ไปช่วยดูเด็กๆ ที่โรงเรียนนู๋มรรคเหมือนกัน... มัวแต่ดูเด็กอื่น จนลูกตัวเองมีงอน


โดย: null (มรรคณิชา ) วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:13:06:14 น.  

 
อืม....ได้ความรู้ดี ทำให้กลับไปคิดถึงลูกตัวเองซะแล้วซิ เรายังไม่เห็นอะไรในตัวลูกเลย....
มีเจ้าหน้าที่มาต่อสายโทรศัพท์แล้ว แต่ รอเจ้าหน้าที่อีกชุดนึงมาลงเครื่องคอมและติดตั้งโมเดม....รออีกนิดนะ ใกล้แล้ว....
ชั้นเรายังทำงานไม่ได้หรอกอาทิตย์นี้ รออาทิตย์หน้าแล้วกันนะ.....



โดย: แม่น้องกุ๊ก IP: 203.146.201.10 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:10:22:36 น.  

 
แม่น้องกุ๊ก

เออ..ไว้อาทิตย์หน้าแล้วกันว่ะ เราก็เหนื่อย
สุดฤทธิ์เลยเนี่ย..สามทุ่มเราเข้านอนแล้วอ่ะ พักนี้เราตื่นแต่เช้าทุกวัน..เช้านี่..หกโมงนะ
นี่ก็แทบเดี้ยงละ เดินไปรับไปส่ง เลยหลับ
เป็นตายเลยเมื่อหัวถึงหมอน แต่ถ้าไม่เดิน
เราก็อ้วน เพราะวันๆมันคงแทบไม่ได้ออก
กำลังกายน่ะ แก่ๆแล้วนะแกนะ ต้องหัดออกกำลังกายมั่ง ขืนนั่งกินนอนกิน ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานเลย มันก็สะสมตรงเอวตรงท้อง
นักโภชนาการเขาว่าไว้ว่า..ถ้าไขมันมันสะสม
ตามหน้าท้องและเอวน่ะ แสดงว่าแย่แล้ว
แต่ถ้ามันสะสมทุกส่วน ก็ยังไม่เป็นไรนัก
เราก็ไม่กล้าถามอะไรเขาไปมากกว่านี้ว่ะ
ว่าเพราะอะไร


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.82 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:10:47:06 น.  

 
แม่หนูมรรค

ถ้ามัวแต่ดูหนูมรรค ครูเขาก็คงคิดว่า
นี่มาเลี้ยงลูกที่โรงเรียนเหรอจ้ะ หรือว่า
จะมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆกันแน่

หนูมรรคก็ไม่เข้าใจแม่เล๊ย..


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.82 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:10:48:33 น.  

 
เด็กแบบที่เล่ามาตอนแรก ก็คงคล้ายๆ กับอัจฉริยะส่วนใหญ่ของโลกมั๊งครับ เอดิสัน ไอนสไตน์ นิวตัน พวกนี้ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กที่ถูกจัดว่า "หัวทึบ" แต่พอโตมาก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ เพราะเขาได้รับการส่งเสริมอยากเหมาะสมจากครอบครัว ซึ่งผมว่าเด็กในโลกอีกหลายล้านคน ก็มีโอกาสก้าวไปแบบนั้นได้ ถ้าพ่อแม่ให้การส่งเสริมที่เหมาะสม แต่ความเป็นจริง มันไม่ใช่เลย

ปัญหายากที่สุดคือทำยังไงถึงจะเข้าใจเด็กได้ว่าเราต้องส่งเสริมเค้าแบบไหนนั่นแหละครับที่เป็นปัญหามากที่สุดแล้ว เพราะตัวเราเองบางทีก็ยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำไป

ช่วงนี้ผมปวดนิ้วชี้มาก สงสัยคีย์บอร์ดที่ใช้มันแข็งไปนิดเวลาเล่นคอมทีก็แทบแย่ เลยคิดว่าปิดเทอมนี้จะเพลาๆ การเล่นคอมมั่งแล้ว ไม่งั้นเสียสุขภาพหมด


โดย: Darth Trowa IP: 58.9.160.59 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:11:40:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mommy and me
Location :
California United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mommy and me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.