วันเสาร์ที่ 14 ที่ผ่านมา ฉันไปงาน Wedding party ที่บ้านของมาเรียในช่วงเย็น ที่จริงฉันไม่อยากไปเท่าไหร่นัก เพราะในใจนั้นบอกว่า แขกทั้งหมดต้องเป็นคนแม๊กซิกัน ที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็น้อยนัก ถ้าฉันกับครอบครัวไปย่อมเป็นคนแปลกหน้า ไหนจะคิดว่าเราจะใส่ชุดไหนไปงานเพราะมันไม่ใช่งานแบบพิธีการอย่างไทยๆ ที่ต้องแต่งตัวให้เหมาะสม งานแต่งสไตล์แม๊กซิกันในฤดูร้อนอย่างนี้ มันคล้ายซัมเมอร์ปาร์ตี้มากกว่า ส่วนแขกที่ไปเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคงเลือกเชิญเฉพาะคนที่ตัวเองรู้จักมักคุ้นเท่านั้น ตอนที่เราเข้าไปแขกที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งหญิงชายก็ใส่เสื้อกางเกงเหมือนธรรมดา ไม่ได้ใส่กระโปรงให้ดูสุภาพเรียกได้ว่า เป็นงานฉลองความสุขให้แก่บ่าวสาว มากกว่าที่จะเน้นในเรื่องของการแต่งตัวให้เหมาะสม อาหารก็ไม่ได้เน้นหรูหราอย่างของไทยเราที่พรั่งพร้อมอย่างไม่ให้ขายหน้าเจ้าภาพ อาหารของเขาก็มีแค่ ขนมปัง สลัด ข้าวอบอย่างแม๊กซิกันที่ใส่ถั่วลันเตาและแครอท มีไก่ผัดพริกใส่หอมใหญ่ และเนื้อย่าง ที่เน้นหนักจริงๆจังๆคงเป็นเบียร์ที่มีอย่างไม่อั้น แต่สามีฉันเกิดท้องเสียเลยไม่ได้กินแม้แต่ขวดเดียว จิบโค๊กแทนซะอย่างนั้นทีแรกเรากะกันว่าไปประเดี๋ยวเดียวแล้วกลับ แต่สิ่งที่ทำให้เราอยู่ต่ออีกนานคือ ดนตรีแบบแม๊กซิกันที่เรียกว่า มาริยาชิ ซึ่งเราไม่เคยเห็นมันมาก่อนนั่นเอง มีคนเล่นอยู่หกคนด้วยกัน มีกีต้าร์ 2 ไวโอลิน 2 แตร 1 และเบส 1 แต่ละคนร้องเพลงภาษาเสปนประสานเสียงกัน ไพเราะมาก รวมถึงการแต่งตัวสไตล์ที่ฉันเคยเห็นแต่ในหนัง ดูแล้วดูขลังดีในวันฉลองการแต่งงานเช่นนี้ ฉันว่ามันคลาสสิก ไม่ต้องมีเครื่องดนตรีมากชิ้น ความเด่นของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นรวมถึงเสียงผู้ร้องก็แสดงความชัดเจนของมันออกมาอย่างสวยงามฉันถามมาเรียว่า เธอจ่ายค่าจ้างๆเขามาเท่าไหร่และเล่นกี่ชั่วโมง..มาเรียบอกว่า นี่เป็นเซอไพรซ์ที่สามีเธอจัดให้ เธอเรียกสามีเธอมาถามราคา ขออภัยค่ะพี่น้อง..เขาจ่ายค่าชั่วโมงๆละ 350 เหรียญ จ้างมา 3 ชั่วโมง ถ้าเป็นฉันไม่ต้องเซอไพรซ์ล่ะค่ะ งานก็ไม่ต้องจัด ขอเงินให้อิฉันดีกว่าจะเอาไปซื้อกล้องเริดๆซักตัวมาประดับความสุข เอฟราอิน สามีมาเรีย บอกว่า นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดที่เขาหาได้ ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้!!! หาดนตรีมาเซอไพรซ์เมีย อยู่กันมาร่วมสิบปี คุณแกขยันสร้างความสุขให้เมียอยู่อีก น่าร๊ากกกก!มาเรียไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเป็นคนแปลกหน้า ถึงแม้ว่าโต๊ะฉันจะไม่มีใครกล้ามานั่งก็ตามเถอะ ตอนมาเรียมานั่งกับฉันเราต่างแซวมาเรียอย่างสนุกสนาน ฉันถามเธอว่า เป็นไง..วันนี้ตื่นกี่โมง แฟนเธอตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานมั๊ย เขานอนหลับดีมั๊ย แล้วตอนเอ่ยคำว่า I do. น่ะ ใจเต้นตุ๊บตั๊บมั๊ยเพราะตัวฉันไม่เคยมีงานแต่ง จับจูงมือคุณสามีขึ้นที่ว่าการอำเภอก็เป็นอันจบ สามีถามให้มีปาร์ตี้ ฉันก็ไม่อยากเพราะเสียดายเงิน ขอชื่อน้องหนูแปะไว้ในคอนโดที่พี่ซื้อก็พอแล้ว พอมีงานแต่งของเพื่อนสักคนที่ฉันพอจะสนิทสนม ฉันก็ซักเพื่อนจนขาวน่ะแหละของขวัญที่นำให้บ่าวสาว ก็ไม่ใช่ซองใส่เงิน แต่เป็นข้าวของเล็กๆน้อยๆที่ใช้ในครัวเรือน ตามแต่กำลังของแต่ละคน ที่เหมาะแก่คู่สมรสใหม่ ดีนะ..ที่ฉันไปถามๆเอาจากเพื่อนบ้านว่าปกติงานอย่างนี้เราควรนำอะไรไปมอบให้ ก่อนจาก..มาเรียมอบแจกันดอกไม้และของชำร่วยให้เรา เธอมีความสุขกับวันของเธอ ฉันก็พลอยสุขกับเธอไปด้วย เพิ่งรู้ในตอนท้ายว่า..ฉันเป็นเพื่อนคนเดียวที่รู้จักกันที่โรงเรียนที่เธอเชิญมาในงานแต่งมีภาพมาเรียกับแม่น้องนิก และดนตรีมาให้ดูแค่สองภาพค่ะ
คุณเป็นคุณแม่ของลูกที่น่ารักมาก
แถมยังที่โชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนที่ดี
ที่สุดอย่างมาเรีย..ขอบคุณนะครับ