มิตรภาพที่ยั่งยืน
วันนี้ได้รับใบเสร็จรับเงินจ่ายค่าดูแลสถานที่ของคอนโดจากพี่แหม่ม..เพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันเมื่อครั้งเราเคยทำงานร่วมกันที่สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ พี่แหม่มมีน้ำใจไปจ่ายเงินและส่งมาใบเสร็จให้เช่นนี้ทุกปี ปัจจุบันพี่แหม่ม ย้ายไปทำงานเป็นหัวหน้าธุรการที่คณะๆหนึ่งในสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา เราไม่ค่อยได้ติดต่อกันบ่อยครั้งนัก ไม่ว่าจะเป็นอีเมล จดหมาย หรือโทรศัพท์ แต่ความรัก ความห่วงหาอาทร ความมีน้ำใจที่เรามีต่อกันนั้นไม่เคยห่างหาย ถ้าฉันไม่ไหว้วานพี่แหม่มให้ทำอะไร ฉันก็ไม่ค่อยจะโทรหรือติดต่อ ส่วนพี่แหม่ม ถ้าเห็นฉันหายไปนานนักเป็นสองเดือน ก็ดุด่าว่ากล่าวมาซะทีนึง ครั้นมีธุระต้องไหว้วานพี่เขา ฉันก็เอ่ยเอื้อนด้วยความเกรงใจก็จะโดนดุมาทุกทีว่า..ป่านนี้แล้ว..หล่อนยังเกรงใจฉันอยู่เหรอยะ..นี่แหละคำพูดของพี่แหม่มที่ปากร้ายแต่ใจดี
พี่แหม่มอายุแก่กว่าฉันสี่ปี เท่าๆสามีฉัน ทุกครั้งที่ไปเมืองไทยฉันจะต้องไปเจอพี่เขาเสมอ เพราะคอนโดของฉันอยู่ใกล้บ้านพี่แหม่ม..ที่อยู่ราชเทวี สะดวกที่จะไหว้วานและไปมาหาสู่กัน ความที่พี่แหม่มยังเป็นโสดเลยง่ายสำหรับฉันที่จะจิกพี่เขาไปไหนต่อไหน เคยมีหนุ่มมาจีบพี่แหม่มๆปรึกษาฉันข้ามประเทศ ฉันบอกว่า..พี่..ดูให้มันแบบไม่มีหนี้นะยะ ไปตรวจสอบหน่อยว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว มันเหลืออยู่ในใบเสร็จซะเท่าไหร่ ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันกลัวพี่แหม่มแต่งงานไปแล้วต้องไปช่วยเขาใช้หนี้น่ะ..ฉันบอกพี่แหม่มว่า..อยู่มาป่านนี้ กลัวอะไรกับการไม่มีแฟน ถ้ามันยากนัก ฉันเลี้ยงพี่ก็ได้วะ อยู่เป็นศักดิ์เป็นศรีให้น้องดูเล่นไปเหอะ พี่แหม่มเลยไม่มีแฟนมาจนป่านนี้ แท้จริงแล้วบ้านพี่แหม่มมีตัง เปิดหอพักให้คนเช่า ฉันก็เลยไม่ต้องเลี้ยงพี่แหม่มไง
ความมีน้ำใจของพี่แหม่ม เป็นสิ่งที่ฉันระลึกถึงอยู่เสมอ มิตรภาพที่ไม่ต้องการการตอบแทน เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แม้ว่าเราจะต่างต้องแยกย้ายและมีภาระหน้าที่ของตนเองก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เราต่างต้องการความช่วยเหลือ เราไม่เคยละเลยที่จะให้คำปรึกษากัน..ส่วนมากก็เป็นหน้าที่การงานของพี่แหม่ม จำได้..ครั้งพี่แหม่มยังทำงานธุรการที่สำนัก พี่แหม่มเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าเอ่ยปากถาม ไม่กล้าตัดสินใจอะไร เมื่อมาเจอฉันโลกของพี่แหม่มเปลี่ยน กลายเป็นสาวมั่น..เพราะคำพูดที่ว่า..กลัวอะไรวะพี่ มีปากก็ถามไปสิ ไว้มันด่าเราๆค่อยด่ากลับถ้าเธอไม่กล้าเธอจะรู้มั๊ยว่า ไอ้ที่คิดอยากทำ มันจะสำเร็จมั๊ย ที่ไหนพี่แหม่มไม่เคยเข้า ไม่เคยไปเพราะมันหรู ฉันก็พาพี่แหม่มไป อยากกินอะไรที่ไหนฉันพาไปให้รู้ไว้ ฉันกับพี่แหม่มเลยผูกพันธ์กันมาตั้งแต่นั้น
เพื่อนน่ะมีได้หลายคน..แต่เพื่อนที่ให้ความรักเราราวกับเราคือคนในครอบครัว เพื่อนที่เมื่อไหร่ๆก็ไม่เคยทิ้งเรา หวังดีกับเราเสมอน่ะ หาได้ยากนะฉันว่า..และพี่แหม่มก็คือหนึ่งในนั้น
Create Date : 14 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 14 สิงหาคม 2550 7:09:26 น. |
|
7 comments
|
Counter : 655 Pageviews. |
|
|
.............
ตางปู้นกี่โมงกี่ยามแล้วหา
โจ้คดีครับตี้มีเปื้อนแต้
.............
ครั้งหนึ่งได้ยินเรื่องเล่าจากวงเหล้า
.............
หลังจากที่ร่วมกันสัมมนาเสร็จที่โรงเรียนหนึ่งใน อ.เทิง จ.เชียงราย กลุ่มนักเขียนจากเชียงใหม่ต่างคนต่างอยากกลับบ้านแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ที่ตนคิดว่า แต่มีนักเขียนเชียงรายท่านหนึ่ง(ตอนนี้ท่านล่วงลับไปแล้ว)
ในฐานะเจ้าบ้านซึ่งนานๆจะพบเจอพรรคพวกร่วมวงการน้ำหมึกด้วยกันท่านอยากจะเป็นเจ้ามือสักมื้อ แต่พรรคพวกก็อิดออดอยากกลับกัน...
............
แต่ว่าทุกคนก็ต้องอยู่กันอย่างเต็มใจและพูดไม่ออก เมื่อนักเขียนท่านนั้นกล่าววจีออกมาประโยคเดียวว่า
...........
"ไอ้......เพื่อนตายกูยังแทบหาไม่ได้อยู่แล้วนี่เพื่อนกินกูยังจะไม่มีอีกเหรอ"
...........
เจ้าของคำพูดนี้ท่านล่วงลับไปนานแล้วแต่ถ้ามีโอกาสผมจะทำบุญให้ท่านทุกครั้ง ด้วยความรักและศรัทธา
......