เมืองนี้น่าอยู่มั๊ย
ครั้งหนึ่งมีชายแก่ท่าทางเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ทุกๆวันชายแก่คนนี้จะออกมานั่งเก้าอี้โยกตรงปั๊มน้ำมันเพื่อมองดูนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าออกเมืองที่เขาอยู่เสมอ แต่วันนี้หลานสาวของเขาเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเป็นเพื่อนเขามองนักท่องเที่ยวด้วย
ขณะที่ทั้งสองนั่งมองผู้คนผ่านไปมาอยู่นั้น ชายร่างสูงคนหนึ่งมองดูก็รู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยว( เพราะทั้งสองรู้จักผู้คนในเมืองนี้เป็นอย่างดี)ชายร่างสูงเริ่มมองสำรวจสถานที่เพื่อจะซื้อบ้านอยู๋ เขาเดินเข้ามาหาชายแก่และหลานสาวแล้วถามว่า " คุณคิดว่าเมืองที่เรากำลังอยู่เนี่ยเป็นอย่างไรครับ" ชายแก่ค่อยๆหันมามองชายร่างสูงพร้อมกับตอบว่า " แล้ว...เมืองที่คุณจากมาล่ะมันเป็นอย่างไร" ชายร่างสูงตอบว่า "เมืองที่ผมจากมาน่ะเหรอ..แต่ละคนต่างก็นินทาว่าร้ายกัน เพื่อนบ้านนินทากัน เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่เลย ผมดีใจที่จากมันมา มันเป็นเมืองที่ไม่น่ารื่นรมย์ซักเท่าไหร่" ชายแก่จ้องหน้าชายร่างสูงแล้วตอบว่า " คุณรู้มั๊ยว่า..เมืองนี้ก็คล้ายๆเมืองที่คุณจากมานั่นแหละ"
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น มีครอบครัวๆหนึ่งเดินทางผ่านเข้ามาและเลี้ยวเข้าปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน รถค่อยๆชะลอจอดตรงหน้าที่ชายแก่และหลานสาวนั่งอยู่ ภรรยาลงจากรถพร้อมกับลูกเล็กๆสองคนและถามทางไปห้องน้ำ ชายแก่ชี้ป้ายบอกทางไปห้องน้ำอันเล็กๆ ที่แขวนด้วยตะปูตัวเดียวจนราวกับจะหลุดตกได้ทุกเมื่อ หัวหน้าครอบครัวเดินลงมาจากรถและเข้ามาถามชายแก่ว่า "เมืองนี้สวยงามน่าอยู่มั๊ยครับลุง" ชายแก่ตอบว่า "แล้วเมืองที่คุณจากมานั่นล่ะ..เป็นอย่างไร" ชายหัวหน้าครัวมองชายแก่แล้วตอบว่า "เมืองที่ผมจากมา ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีครับ เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สวัสดีกัน ขอบคุณกันในทุกๆที่ๆเราไป ผมไม่อยากจากมาเลยเพราะผมรู้สึกว่าผมจากครอบครัวที่ผมรัก" ชายแก่หันมามองชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวพร้อมๆกับรอยยิ้ม "คุณรู้มั๊ย..เมืองที่คุณกำลังยืนอยู่นี่ก็มีสภาพคล้ายๆเมืองที่คุณจากมานั่นแหละ" หลังจากนั้นครอบครัวนั้นก็กลับเข้าไปในรถ พวกเขากล่าวขอบคุณชายแก่ โบกมือก่อนลาและขับรถจากไป
หลังจากครอบครัวนั้นจากไปได้ครู่หนึ่ง หลานสาวของชายแก่จ้องมองเขาแล้วถามว่า "คุณปู่คะ..ตอนที่ชายคนแรกเดินทางเข้ามาถามทำไมปู่ถึงตอบเขาไปว่าเมืองนี้ไม่น่าอยู่ แต่พอครอบครัวนั้นเข้ามาถามปู่กลับตอบว่าเมืองนี้น่าอยู่ล่ะคะ" ชายแก่จ้องมองตาที่น้ำเงินที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลานสาวด้วยความรักและตอบว่า
"เขาจะย้ายไปไหนมันก็ไม่สำคัญหรอกลูก สำคัญอยู่ที่ว่า การมองโลกของเขามันจะติดตัวเขาไปในทุกๆที่ๆเขาไปอยู่ และมันจะชี้ให้เราเห็นว่า คนๆนั้นเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรือแง่ร้ายนั่นเอง"
แปลจากเรื่องWhat's it like in your town
แม่น้องนิกว่า คนเราไม่ว่าจะไปอยู่แห่งหนไหน ถ้าคิดดี ทำดี ก็อยู่ร่วมในสังคมได้อย่างปกติสุข เรื่องนี้สอนให้เรารู้จักมองโลกเนอะ
Create Date : 29 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 29 มิถุนายน 2549 23:36:14 น. |
|
10 comments
|
Counter : 670 Pageviews. |
|
|
เปิ้นมองโลกในแง่ร้าย ตั้งแต่โลกเริ่มร้ายกับเปิ้นเป็นครั้งแรกแล้วล่ะ จิตไผใจ๋มันเนาะแม่เนาะ
ยินดีขนาดที่ได้ฮู้จักกับอิแม่ฯ แล้วเฮาก่อเข้ากั๋นได้ดีโตย 555 ฝากบอกเพื่อนอิแม่ฯเน้อว่า น้องขอบคุณนัก ๆ ที่เปิ้นเข้ามาอ่านเรื่องไร้สาระของน้อง แล้วจะยินดีมากถ้าเปิ้นเปิดเผยตัวจริง แล้วน้องจะได้ไปเยี่ยมเยือนบล็อกเปิ้นพ่อง บีจีมืดคงบ่าเปลี่ยน เพราะน้องชอบความมืด
ในความมืด เราจะรู้คุณค่าของแสงสว่าง
ในยามอับจน เราจะรู้ซึ้งถึงมือที่ยื่นมาช่วยเหลือเรา
ป.ล. อ่อนใจ๋ละอิแม่ นึกว่าซาวหกได้แต่ง รอไปแหมเป๋นจ้าด บ่าเอาละๆๆ เซาะลู่คนอื่นเอาท่าจะโวยกว่าเนาะแม่นเนาะ.....อิอิ
อู้เล่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน