จริงๆแล้วโอเรก้อนไม่ใช่เมืองที่น่าสนใจเท่านิวยอร์คที่หลายๆคนชอบไปช๊อปปิ้ง ไม่น่าไปอย่างแคลิฟอร์เนียที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักไม่ว่าจะเป็นซานฟรานซิสโก ดิสนี่แลนด์ เลโก้แลนด์ ซีเวิร์ล หรือแม้กระทั่งฮอลลีวู๊ด แต่โอเรก้อนก็มีเสน่ห์ตรงที่ มีชายหาดให้ท่องเที่ยว มีภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าสน เป็นเมืองที่เงียบสงบ ใครที่รักธรรมชาติ ไปเที่ยวโอเรก้อนก็จะมีความสุข
คนมีเงินบางกลุ่มของโอเรก้อน จะมีบ้าน อย่างน้อยสองหลัง หลังหนึ่งอยู่ประจำ ส่วนอีกหลังเก็บไว้พักผ่อนวันหยุดซึ่งโดยมากพวกเขาจะซื้อบ้านไว้ที่ชายทะเล หรือ บนเขา ชายหาดโอเรก้อนไม่น่าเล่นน้ำเพราะคลื่นแรง แต่สภาพฝั่งทะเลของโอเรก้อนบางส่วนที่เป็นสันเขาก็มีคนซื้อที่ปลูกบ้านไว้ คงเหมาะที่จะดูวิว รับลมทะเลในฤดูร้อน ดูหมอกลงในยามเช้า และบางวันก็มีฝนตก เป็นความเงียบเชียบแบบที่แม่น้องนิกชอบ
ครั้งหนึ่งพ่อสามีเคยขอยืมบ้านเพื่อนที่ตั้งอยู่บนเขาที่เต็มไปด้วยป่าสน และแม่น้องนิกเลยได้มีโอกาสไปอยู่ราวๆหนึ่งอาทิตย์ ที่นั่นแวดล้อมไปด้วยป่า บางเย็นเราออกไปนั่งที่ระเบียงหลังบ้าน ก็เห็นกวางหนุ่มสาวอย่างน้อยสามตัวกระโดดโลดเต้นผ่านไปมา ถ้าเราไม่ยุ่งกับเขาๆก็จะมาป้วนเปี้ยนให้เห็น แต่ถ้าเราขยับจะตามเขาจะวิ่งเข้าป่าหายไป คนที่มีบ้านอยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครทำอันตรายต่อสัตว์เหล่านี้จึ่งเป็นโชคของเราที่มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆของ กวางในระยะใกล้
โอเรก้อนเป็นเหมือนเมืองผ่าน มีความเจริญเป็นหย่อมๆไป เมืองหลวงชื่อ Salem (อ่านว่า เซลั่ม น่าจะเรียกว่า ซาเล็มมากกว่า) เมืองหลวงนั้นเงียบเชียบ แต่ก็น่ารักเต็มไปด้วยคนแก่ และบ้านทรงน่ารักๆ ส่วนคนหนุ่มสาวจะไปอยู่เมือง Portland เมื่อพอร์ทแลนด์เป็นเมืองอุตสาหกรรมและธุรกิจ แต่แม่น้องนิกชอบเมืองคนแก่เพราะมันไม่วุ่นวายใจ คนเอเชียจะอยู่ที่นั่นน้อยเมื่อเทียบกับคนขาว
ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆในโอเรก้อน ความเบิกบานใจที่ได้รับน่าจะเป็นการได้เห็นคนโอเรก้อนวิ่งออกกำลัง และเป็นนักปั่นจักรยาน มันแสดงให้เห็นว่าเขาใช้ธรรมชาติที่เขามีให้เกิดประโยชน์กับร่างกายและสร้างความสุข และโอเรก้อนนี่แหละเป็นถิ่นกำเนิดของเจ้าของบริษัทรองเท้าไนกี้
ครั้งหนึ่งแม่น้องนิกเคยคิดจะขายบ้านหลังปัจจุบันและย้ายไปอยู่โอเรก้อน เพราะบ้านที่นั่นถูกกว่าที่แอลเอ เรียกว่าขายบ้านหลังนี้ได้กำไรเอาไปซื้อบ้านฟรีที่โอเรก้อน และมีบ้านที่ชายฝั่งโอเรก้อนได้สบายๆ แต่คงไม่ติดริมทะเลเหมือนของปู่นิก เพราะมันแพงมาก
ตอนนี้ได้แต่ฝันกันไป เพราะพ่อเจ้านิกยังไม่คิดจะไป แต่เธอก็บอกว่าซักวันเธอคงต้องกลับไปเพราะเธอเกิดที่นั่น โตที่นั่นและมีญาติอยู่ที่นั่น แต่แม่น้องนิกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอย่างพ่อเจ้านิกหรอก เพราะมีญาติก็ดูเหมือนจะไม่มี ก็เลยไม่คิดจะพึ่งพาใคร ถ้าจะไปก็ทำใจไปตั้งแต่ต้นเลยว่า เราต้องยืนได้ด้วยตัวเอง คิดง่ายๆแบบไม่ทำร้ายความรู้สึกของตัวเองอีกแหละว่า ตอนอยู่แอลเอเรายังไม่มีพวกเขาไว้พึ่งพา แล้วถ้าไปอยู่โอเรก้อนก็กลับไปคิดเหมือนตอนอยู่แอลเอ คิดอย่างนี้ได้มันก็สบายใจและจะได้ไม่ผิดหวังเมื่อถีงเวลาที่ต้องไป
Create Date : 02 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2549 6:38:21 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1114 Pageviews. |
|