แกงคั่วสะตอหมูขลุกขลิก
เปิดศักราชใหม่ด้วยอาหารการกิน เพื่อเป็นนิมิตรหมายว่า จะมีกินมีใช้ไปตลอดปี 555
จริง ๆ เป็นดร๊าฟเก่าทำไว้นานแล้ว ใครที่เพิ่งหลงเข้ามาบ้านนี้ก็โปรดรับทราบด้วยว่า บันทึกจากก้นครัว คือ การบันทึกผลงานที่ จขบ. ทำขึ้น ไม่ได้มุ่งหมายให้เป็นตำราการทำอาหาร เพราะฉนั้นก็จะไม่เน้นวิธีทำนะคะ เข้าใจว่าการทำอาหารเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ละคนก็มีวิธีทำแตกต่างกันไป นานาทัศนะ นานาชิวหา ชอบแบบไหนก็จัดไปตามอัธยาศัยเลยค่ะ

ปกติเป็นคนไม่ยึดติดอะไรอยู่แล้ว ทำอาหารก็เหมือนกัน แต่ละครั้งก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามอารมณ์ แล้วก็ตามวัตถุดิบที่มี เมนูนี้ ต้นตำรับใช้กระดูกหมูอ่อน แต่เราขี้เกียจแทะ เพราะฉนั้นก็ใช้เนื้อหมู ส่วนสันคอหั่นเป็นก้อนแทนค่ะ
ก่อนอื่นก็บรรจงต้มเนื้อหมูด้วยไฟปานกลางจนเปื่อย ระหว่างต้มช้อนฟองทิ้งด้วย เสร็จแล้วตั้งกระทะ เคี่ยวหัวกะทิกับน้ำพริกแกงให้แตกมัน ผัดให้หอมเข้ากันดี ถ้าแห้งไปก็เติมน้ำที่ต้มหมูหรือหางกะทิทีละนิด ผัดจนได้ที่ก็เอาเนื้อหมูที่ต้มจนเปื่อยแล้วใส่ลงไป ผัดให้เข้ากัน ใส่สะตอ เติมหางกะทิที่เหลือหรือน้ำที่ต้ม เนื้อหมูใส่พอขลุกขลิก ผัดให้เข้ากันดี ปรุงรสให้ถูกปาก ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอย พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ ปิดไฟ

- การต้มหมูถ้าต้มโดยใช้ไฟแรงตลอดความร้อนจะรัดเนื้อหมูทำให้เปื่อยยาก ต้องหรี่ไฟอ่อนลง หลังจากน้ำเดือดจัดแล้วก็จะทำให้น้ำร้อนไม่รัดหมู ทำให้เปื่อยนิ่มได้ง่ายขึ้น และฟองที่มีให้หมั่น ตักทิ้ง เพราะจะทำให้อาหารบูดเร็วและสีขุ่นไม่น่าทานเพราะมีส่วนของเลือดผสมอยู่ด้วย
- ถ้าจะให้เนื้อนิ่มเร็วขึ้น เมื่อต้มน้ำเดือดแล้ว หรี่ไฟตุ๋นต่อ ให้ปิดฝาเอาของหนัก ๆ ทับบนฝา ปิดไฟ ความร้อนที่สะสมอยู่ในหม้อจะอบอยู่ทำให้เนื้อขยายตัว ทำให้นิ่มมากขึ้น
- ก่อนปรุงรสต้องรอให้เนื้อหมูนิ่มได้ที่ก่อน ไม่อย่างนั้นจะซึมเข้าเนื้อหมูมาก ทำให้เค็ม

สะตอ ภาษาอังกฤษ Bitter bean, Twisted cluster bean, Stink bean ชื่ออื่น กอตอ, ลูกตอ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน จัดให้สะตอเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Leguminosae ซึ่งเป็นไม้จำพวกที่มีฝัก เช่นเดียวกับกระถิน ทองหลาง ถั่ว แต่ในหนังสือบางเล่มก็จัดสะตออยู่ในวงศ์ Mimosaceae คือ เป็นไม้ตระกูลเดียวกับไมยราบ จามจุรี (https://goo.gl/TaZJSL) ฤดูกาลที่สะตอติดฝัก คือช่วงกลางฤดูฝน

เนื่องจากสะตอมีกรดยูริกสูง สำหรับผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์หรือผู้ที่มีกรดยูริกในร่างกายสูงเกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสะตอ เพราะอาจจะทำให้เกิดโรคเก๊าท์กำเริบได้ และกรดยูริกในร่างกายที่สูง ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่ว โรคไตอักเสบ และมีอาการหูอื้ออีกด้วย

สะตออุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี อีกด้วย ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับร่างกายทั้งสิ้น
สะตอมีฤทธิ์ช่วยในการล้างไตให้ไตสะอาด ป้องกันไตเสื่อมหรือที่เรียกว่าไตพิการ แต่ถ้าไตเสื่อม ไตวาย เสียหายไปแล้ว สะตอช่วยไม่ได้ และควรหลีกเลี่ยงการกินสะตอด้วย เพราะจะทำให้อาการกำเริบยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของสะตอ (คลิก)
1. บำรุงสายตา 2. ช่วยทำให้เจริญอาหาร 3. ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน 4. ช่วยลดความดันโลหิต 5. ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกันได้ดีขึ้น 6. มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์ 7. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 8. เชื่อว่าการรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ 9. ช่วยขับลมในลำไส้ 10. ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ 11. ขับปัสสาวะ 12. มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย 13. แก้ปัสสาวะพิการ 14. ช่วยแก้ไตพิการ 15. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย 16. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา 17. สะตอทําอะไรได้บ้าง เช่น สะตอผัดกุ้ง แกงป่าใส่สะตอ สะตอผัดกะปิกุ้งสด เป็นต้น 18. แปรรูปเป็นสะตอดองได้อีกด้วย ส่วนยอดสะตอนำมารับประทานเป็นผักเหนาะ 19. ใบของสะตอใช้ทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน 20. ลำต้นของสะตอใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน

อ้างอิง : https://goo.gl/QhgsID (wiki) https://www.greenerald.com https://goo.gl/sur2b4 https://www.pim.in.th/side-dish-by-pork/334-pork-and-parkia-in-red-curry https://www.ryt9.com/s/bmnd/1716706
John Lennon - Imagine
Create Date : 06 มกราคม 2557 |
Last Update : 26 มกราคม 2564 13:16:17 น. |
|
44 comments
|
Counter : 6180 Pageviews. |
 |
|
กว่าจะถึงวันนี้ My blog 30 ธันวาคม 2556 คลิกที่นี่ค่ะ