O ดั่งลมร่ำ .. O
อัศวลีลา - ลาวดวงดอกไม้
-1- O จำ-หยุดยืนเคว้งคว้างในทางน้อย เมื่อม่านหมอกล่องลอยอยู่คอยท่า ทางทอดรอเร่งรุด .. ไกลสุดตา รอหัวใจแกร่งกล้า .. ก้าวท้าทาย O ไร้ดื่นดาวแสงระยิบจากลิบโพ้น เพียงแสงวันอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย ลมเช้าโชยพรมพรำ .. ช่วยรำบาย- ความมืดหม่นให้สลายคลี่คลายตัว O หล่นร่วงรูปใบบางในทางเที่ยว ความเปล่าเปลี่ยวเย็นเยือกก็เกลือกกลั้ว ลมโชยผ่านใบนั้น .. ย่อมสั่นรัว- จนหลุดขั้วร่วงคว้างลงกลางแดน O ลมแผ่วผ่านโลมลูบ .. ใบวูบหล่น ให้แดดบนฟ้าห้อมดุจอ้อมแขน เพื่อหน่ออ่อนเขียวสด .. งอกทดแทน- ความขาดแคลนชุ่มชื้น .. บนพื้นดิน
-2- O เจ้า-ดั่งลมหนาวร่ำพรมพรำโลก มาลบโศกถ้วนสรรพให้ดับสิ้น เพื่อเห่กล่อมปถวี .. ปวงชีวิน- และยอดตฤณที่ใต้ร่มใบบัง O เห่เสียงกล่อมเหนื่อยล้าให้ลาลับ แลร่วมขับขานถ้อยให้คอยหวัง วาดวีบทวังเวงเป็นเพลงดัง ต่อกำลังก้าวย่างสู่ทางจร O โบกบ่ายความสดชื่นความรื่นรมย์ ผ่านสายลมพลอดพร่ำ .. แทนคำอ้อน เผย"ความนัย"อ่อนเจ้า .. ช่างเว้าวอน- ทั้งแสนอ่อนโยนเหลือทุกเนื้อความ O วัลย์เลื้อยเถารัดล้อมราวอ้อมกอด- สองแขนสอดรัดทรวง .. ว่าหวงห้าม ลมแผ่วพลิ้วโลมลูบ, หวัง-รูปงาม- จักวาบหวามในอก .. สะทกสะท้อน O ลมแรกเช้าเฉื่อยโชย .. ค่อยโรยล้อม- ดอกแก้วบานพรั่งพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ใบไม้ร่วงพลิ้ววางในต่างตอน เมื่อทางจรทอดยาว .. รอก้าวไป O โอ .. นั่นรูปเรียวก้อยเจ้าคอยยื่น- มาร่วมขืนขัดร้อยเกี่ยวก้อยให้- ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง .. ต้องร้างไกล เหลือสดใสทอดช่วง .. ที่ดวงตา O ยิ้มรับสายลมอ่อน, ความอ่อนโยน- ก็ถ่ายโอนรุมล้อมอยู่พร้อมหน้า เจ้าเอยที่ตรึงมั่นในสัญญา รู้เถิดว่าเกินถอน .. แล้วอ่อนน้อย O ลมผ่านวูบ .. ใบบางก็คว้างหล่น ทิ้งรูปกล่นเกลื่อนแล้วอย่างแผ่วค่อย เห็นเพียงความกรอบเกรียม .. นั้นเปี่ยมรอย ที่จักคล้อยเคลื่อนลับ .. ไปกับกาล O เห็นรูปเรียวเสียดยอดขึ้นพลอดแสง แทรกทิ่มแทงโลกธาตุอย่างอาจหาญ ใจที่คอยพิศเพ่งก็เบ่งบาน- บนรูปคราญอ่อนน้อย .. ทุกรอยใจ O ริ้วแห่งลมโลมภู่ให้รู้หอม จนรายล้อมรู้หวานทุกหวานได้ แววอ่อนหวานวาบสู่ .. ถึงผู้ใด จึงสั่นไหวทุกหอมเคยหอมล้ำ O ก้อยเรียวพร้อมแววประหวั่นเจ้า ย่อมรุมเร้าใจเต้นไม่เป็นส่ำ ร่วมเกี่ยวร้อยก้อยเรียวร่วมเหนี่ยวกรรม ให้โลกร่ำลือนาม .. เช่นยามเพรง O ที่เคยหยุดเคว้งคว้างในทางน้อย กลับมีก้อยเกี่ยวฉุดให้รุดเร่ง เคยอ่อนล้าสิ้นหวัง .. กลางวังเวง กลับมีเพ่งพิศอยู่ .. คอยคู่เคียง
-3- O แดดเช้า .. ลมชื่น .. ใจตื่นช่วง แว่วยินท่วงทำนองพร่ำพร้องเสียง จากแมกไม้พุ่มกอ หรือพอเพียง- แทนสำเนียงอาวรณ์ถึงอ่อนน้อย O ลมผ่านสายใบบางยังคว้างร่วง ผ่านทุกช่วงยามโลกอย่างโศกสร้อย ก้อยยังเกี่ยวก้อยย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย ใดจะลอยหลุดร่วงไม่ห่วงเลย O ลมเห่กล่อม, ดอกแดดทอแวดล้อม คืออุ่นอ้อมแขน-อ้อนเถิด .. อ่อนเอ๋ย โลมดอกแดดอบอุ่นให้คุ้นเคย- ก่อนชิดเชยอกอุ่น .. ที่หมุนรอ !
Create Date : 07 มกราคม 2557 |
|
13 comments |
Last Update : 3 เมษายน 2566 13:38:57 น. |
Counter : 3051 Pageviews. |
|
|
|
ดายุ...
"O จำ-หยุดยืนเคว้งคว้างในทางน้อย
เมื่อม่านหมอกล่องลอยอยู่คอยท่า"
ตรงนี้ อ่านแล้วรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเสมือนชีวิตของ"เซียวจับอิดนึ้ง"ผู้ชีวิตก็มิมีอันใด มีเพียงความว่างเปล่าเดียวดาย
และซิมเปียะกุน"
"O เจ้า-ดั่งลมหนาวร่ำพรมพรำโลก
มาลบโศกถ้วนสรรพให้ดับสิ้น"
"O เห่เสียงกล่อมเหนื่อยล้าให้ลาลับ
แลร่วมขับขานถ้อยให้คอยหวัง
วาดวีบทวังเวงเป็นเพลงดัง
ต่อกำลังก้าวย่างสู่ทางจร"
O" ที่เคยหยุดเคว้งคว้างในทางน้อย
กลับมีก้อยเกี่ยวฉุดให้รุดเร่ง
เคยอ่อนล้าสิ้นหวัง .. กลางวังเวง
กลับมีเพ่งพิศอยู่ .. คอยคู่เคียง"
จอมยุทธ ผู้ที่ยังติดตาติดใจ มินตรา...
.ต้องอ่านนะ มิใช่ ที่ทำเป็นภาพยนตร์ เพราะ คำ ความ จะ กินใจกว่ากัน