หนังสือ : Keeping the Dead โดย : Tess Gerritsen สนพ. : Bantam Books (17 Aug 2009)จำนวนหน้า : 432 หน้าภาษา : อังกฤษเล่มนี้เป็นเล่มที่ 7 ในซีรียส์สืบสวนสอบสวนที่มีตำรวจสืบสวน Jane Rizzoli และแพทย์ชันสูตรศพ Muara Isles เป็นตัวเอกค่ะThe SurgeonThe ApprenticeThe SinnerBody DoubleVanishThe Mephisto Club** จริงๆ แล้วมีเรื่อง The Bone Garden คั่นก่อนหนึ่งเล่มนะคะ แต่เล่มนั้นไม่ค่อยเกี่ยวกับซีรียส์นี้เท่าไหร่ เล่มนั้นไอซ์อ่านนานแล้ว และ...สงสัยว่าจะลืมรีวิว เพราะหารีวิวไม่เจอ -_-"จำได้คร่าวๆ ว่า Julia Hamill เป็นแม่ม่ายหย่าสามีหมาดๆ เพิ่งซื้อบ้านหลังใหม่ แต่กลับพบกระดูกในสวน มัวร่าโผล่มาตรวจสอบกระดูกที่ถูกพบว่าเป็นกระดูกคน แล้วก็หมดบทแล้วเจนก็ไม่ได้ออกเรื่องนั้นจะเป็นนิยายย้อนยุคไปถึงศตวรรษที่ 19 ซึ่งนักเรียนและแพทย์ยังไม่ใส่ใจเกี่ยวกับความสะอาดมากนัก ไม่มีการล้างมือก่อนและหลังการผ่าตัดศพคนตายเป็นที่ต้องการของนักศึกษาแพทย์เพราะนำมาขายได้เงินดี จึงมีการขโมยศพกันเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือนักศึกษาแพทย์ Norris Marshall ที่ต้องใช้เงินในการเรียนแพทย์ ... ดังนั้นพอมีคนตายขึ้นมา เขาจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยไอซ์จำรายละเอียดไม่ได้แล้วค่ะ แต่จำได้ว่าน้ำเน่ามาก เพราะคล้ายๆ ว่า Julia จะเคยเป็นคนรักของใครสักคนในอดีต แล้วเขามาเกิดใหม่และรักกับเธอตอนจบอะ นอกเรื่องพอแล้ว กลับมาที่เรื่อง Keeping the Dead ดีกว่า ^^รายละเอียดจากปกหลังเมื่อมัมมี่โบราณได้ถูกค้นพบในห้องใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ใจกลางเมืองบอสตัน ผู้คนก็ต่างตื่นเต้นกันไปหมด ท่ามกลางการจับตามองของเหล่านักข่าว มัมมี่ถูกนำไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำ CT scan ... แพทย์ชันสูตรศพมัวร่า ไอส์ได้รับเชิญให้ร่วมชมด้วยขณะที่เครื่อง CT scan ทำงาน ทุกคนมุมดู และก็ต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพของ "กระสุน" ฝังอยู่ในนั้น มัวร่าประกาศว่านี่อาจเป็นคดีฆาตกรรม และเรียกตำรวจสืบสวนเจน ริซซอลีเข้ามาเมื่อร่างที่ได้ผ่านวิธีกรรมรักษาศพของเหยื่อคนที่สองถูกค้นพบ ตามด้วยศพที่สาม มันก็กระจ่างชัดว่า แค่การฆ่านั้นไม่เพียงพอสำหรับฆาตกรโหดรายนี้ ถ้าหากว่าเจนและมัวร่าไม่สามารถหาตัวฆาตกรเจอและหยุดเขา เขาก็จะเพิ่มจำนวนศพในคอลเล็กชั่นสยองอีกในไม่ช้า....หลังจากที่ผิดหวังจาก The Mephisto Club ... เรื่อง Keeping the Dead ทำให้ไอซ์กระเตื้องขึ้นมาได้มากเลยค่ะ ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่า ไอซ์ชอบแนวสืบสวนสอบสวนหรือ thriller ที่มีการโยงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี ตำนาน วิทยาศาสตร์ ฯลฯ อะไรแบบนี้มากๆ เล่มนี้เลยถูกใจค่ะเปิดเรื่องมาที่บทแรก...หญิงสาวนักโบราณคดีคนหนึ่งและลูกสาวอายุ 14 ที่เธอตั้งชื่อว่า Nefertari ตามมเหสีองค์โปรดของฟาโรห์รามเสสที่สอง กำลังหนีจากอะไรบางอย่างที่ชั่วร้าย แต่ดูเหมือนว่าจะหนีไม่รอด...มีการค้นพบมัมมี่ในห้องใต้ดินของพิพิธภัณฑ์คริสปิน (Crispin) และได้รับการตั้งชื่อว่า Madam X ซึ่งถือเป็นขุมทองของพิพิธภัณฑ์ที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงินเลยทีเดียว ... Madam X ถูกนำมาทำ CT Scan และ...ผลที่ได้กลับทำให้ยิ่งเกิดความตื่นตะลึง ... มีกระสุนฝังอยู่ในขา Madam X ไม่ได้มีอายุสองพันปี เธอไม่ใช่มัมมี่ของอียิปต์แน่นอนว่ามัวร่าเรียกเจนเข้ามา และจัดการชันสูตรศพ คอนเฟิร์มว่าศพมีอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น และในปากศพก็ยังพบกระดาษเขียนอักษรฮีโรกริฟในคาทุชว่า "Medea"และมันก็ทำให้นักอียิปต์วิทยา...โจเซฟีน พูลซิลโล (Josephine Pulcillo) พนักงานคนหนึ่งในพิพิธภัณฑ์หน้าซีดเหตุการณ์ยิ่งวุ่นวายเข้าไปอีก เมื่อเจนและแบรี่ ฟรอส ((Barry)) เข้าไปตรวจค้นห้องใต้ดินของพิพิธภัณฑ์แล้วพบ tsantsa หรือศีรษะมนุษย์ที่ถูกทำให้หดตัวจนมีขนาดเท่าหัวตุ๊กตา ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่ทำเพื่อสะกดวิญญาณศัตรูของเผ่าพื้นเมืองของอเมซอนในเปรูตามด้วยศพที่สามซึ่งเป็น bog mummy ซึ่งเป็นมัมมี่ที่เกิดจากการแช่ศพในห้วยน้ำนิ่ง ซึ่งพบในหลายๆ แห่งในยุโรป ในหลังรถของโจเซฟีนในสายตาของตำรวจ...พวกเขามั่นใจว่า จุดมุ่งหมายของฆาตกรอยู่ที่โจเซฟีน และต้องการคุ้มครองเธอ แต่...โจเซฟีนกลับหนีหายไปจนหาไม่พบที่ซับซ้อนไปกว่านั้นก็คือ เมื่อสืบประวัติของโจเซฟีนแล้วพบว่า โจเซฟีน พูลซิลโลตัวจริงตายไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ... ถ้าเช่นนั้น สาวสวยคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นเหยื่อรายต่อไปของฆาตกรคือใคร ใครเป็นฆาตกร และฆาตรมีจุดประสงค์อะไร ... ตามอ่านได้ในเล่มนะคะ ^^...เล่มนี้สนุกตื่นเต้นดีค่ะ ไอซ์อ่านจบเมื่อคืน ตื่นมาตาหมีไปเลยอะ >_<Tess Gerritsen เป็นนักเขียนหญิงแนวนี้คนเดียวมั้งคะที่ไอซ์ซื้อเล่มใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องคิดมากเลย ((ช่วงหลังๆ นี่ สนพ.เอาเล่มเก่าๆ ของเธอตอนยังไม่ดังมาพิมพ์ใหม่เยอะมาก มันไม่สนุกอ้ะ -_-")) สำนวนของเธอดี เรื่องราวได้มาตรฐาน คือ...บางเล่มจะสนุกมากกว่าบางเล่ม แต่ก็ไม่มีเล่มไหนที่แย่จนอ่านไม่ได้อะค่ะเล่มนี้เน้นไปที่คดีฆาตกรรมจริงๆ ไม่ค่อยเน้นเรื่องน่าเบื่ออย่างเรื่องส่วนตัวของเจนหรือมัวร่าเหมือนเล่มที่แล้ว เลยอ่านแบบวางไม่ลงจริงๆในเรื่องมีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับโบราณคดีด้วย ซึ่งไม่มากไม่น้อยเกินไปค่ะ ไอซ์ที่เคยอ่านรายละเอียดเรื่องพวกนี้มาก่อนก็ไม่รู้สึกว่ามันยืดเยื้อ เล่าได้กระชับเท่าที่จำเป็นกับเนื้อเรื่องจริงๆ เอาเป็นว่าเชียร์นะคะ ^^จำได้ว่าในไทยมีสนพ.เอาเล่มแรกมาแปลแล้ว ชื่อ "แกะรอยหมออำมหิต" ไม่รู้ว่าได้แปลเล่มอื่นๆ ต่อหรือเปล่า ... โอเคว่ามันไม่สนุกสุดๆ ทุกเล่ม แต่ไอซ์ว่าซีรียส์นี้ไม่เลวร้ายค่ะไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงเล่ม แต่ถ้าอ่านเรียงเล่มจะดีกว่า เพราะตัวละครมีพัฒนาและมีการพูดถึงชีวิตส่วนตัวและชีวิตรักของเจนและมัวร่าทุกเล่มด้วยอืม...ลอง cast ตัวละครมัวร่าซักหน่อยมัวร่า ไอส์ เป็นแพทย์ชันสูตรศพอายุสี่สิบกว่าๆ ที่สวยสะดุดตา แต่งตัวดูดีตลอด ท่าทางสง่างาม พวกตำรวจแอบเรียกเธอว่า Queen of Death ไอซ์นึกถึง Lady Heather จากซีรียส์ CSI อะค่ะ เอาเฉพาะลุคซีเรียสนะคะ ลุคเซ็กซี่ไม่เหมือนล่ะ ฮาสำหรับเรื่องโบราณคดีที่กล่าวถึงในเล่มนะคะ- tsantsa ไอซ์เคยไปค้นรายละเอียดหลังจากอ่านเรื่อง Amazonia แต่ไม่ได้เอาลงในบล็อก ใครสนใจไปอ่านใน wikipedia ได้นะคะ- Bog mummyเคยไปค้นรายละเอียดหลังจากอ่านเรื่อง Eternalถ้าใครสนใจลองไปอ่านได้ใน wikipedia นะคะ- The Army of Cambysesเคยหารายละเอียดหลังจากอ่านเรื่อง The Lost Army of Cambyses ในรีวิวมีลิงก์ต่อไปรายละเอียดค่ะสปอยล์ตั้งใจจะสปอยล์ละเอียดหน่อยค่ะ เพราะเล่มนี้มีพูดถึงตัวละครจาก The Mephisto Club ด้วย ทำเอางง...เนื่องจาก...อ่านนานมาก ลืมไปแหล่ว -_-"- โจเซฟีนหนีไป แต่ก็หนีไม่รอด ฆาตกรตามล่าจนได้ ยิงขาเธอ แต่เธอหนีไปจนพบกับรถตำรวจพอดี- เจนสอบปากคำโจเซฟีน จนรู้ความจริงจากปากของโจเซฟีนว่า เธอกับแม่หนีและเปลี่ยนชื่อหลายต่อหลายครั้ง อย่างน้อย 5-6 ครั้งแล้ว เพราะตอนเธออายุ 14 แม่ของเธอยิงคนตายในห้องนอนของเธอเพื่อปกป้องเธอ ... โจเซฟีนบอกว่า แม่ของเธอถูกรถชนตายไปนานแล้ว แน่นอนว่า ชื่อจริงของโจเซฟีนก็คือ เนเฟอทารี่ นั่นเอง- ตำรวจสืบจนรู้ตัวจริงของ Madam X ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นนักศึกษาโบราณคดีและหายตัวไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ... ทำให้สาวต่อไปจนถึง Bradley Rose ลูกชายของ Kimball Rose ซึ่งเป็นคนรวยและมีอิทธิพลมาก- ตอนวัยรุ่น Bradley Rose มีอาการจิตเภทที่อันตราย พ่อของเขาจึงส่งไปสถานบำบัดจิตของคนรวย ... ที่นั่นแบรดลีย์ได้พบกับ จิมมี่ อ็อตโต้ ...- เนื่องจากคิมบอล โรส เป็นผู้ที่หลงใหลโบราณคดี ให้เงินทุนในการขุดมากมาย และออกไปดูไซต์เองด้วย เขาพาแบรดลีย์ไปด้วย แน่นอนว่าแบรดลีย์มีความรู้เรื่องโบราณคดีและการรักษาศพแบบโบราณเป็นอย่างดี- ตำรวจยืนยันด้วย DNA ว่า จิมมี่ อ็อตโต้ คือคนที่แม่ของโจเซฟีนฆ่า ((ตำรวจให้พี่สาวของจิมมี่ส่ง DNA ทางไปรษณีย์))- เจนสืบไปจนพบว่า แบรดลีย์และจิมมี่เคยเป็นคู่หูในการก่ออาชญากรรมร่วมกัน- แบรดลีย์เป็นผู้ตาม ส่วนจิมมี่เป็นผู้นำ ... จิมมี่ต้องการเก็บเหยื่อให้อยู่กับเขาได้ตลอดกาล ส่วนแบรดลีย์มีความสามารถในการรักษาศพ - ศพทั้งสามศพมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ เป็นสาวสวย ผมและตาสีเข้ม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโจเซฟีนมากๆ และโจเซฟีนก็เหมือนแม่มากๆ ด้วย ((มาเฉลยตอนหลังว่า ทั้งจิมมี่และแบรดลีย์ต้องการตัวแม่ของโจเซฟีน แต่เนื่องจากหาตัวไม่เจอ จึงใช้เหยื่อที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน))- โจเซฟีนถูกจับตัวไปจนได้ ...- คนร้ายส่งผมของโจเซฟีนมาให้มัวร่า ... เจนคิดว่าเป็นเพราะมัวร่าเองก็มีลักษณะคล้ายเหยื่อทุกคน คือ เป็นสาวสวยผมและตาสีเข้ม- ช่วงเฉลย แม่ของโจเซฟีนปรากฎตัว แม่ของโจเซฟีนชื่อจริงก็คือ Medea นั่นเอง ... ความจริงแล้วตอนที่ไปขุดหากองทัพของแคมไบเซตที่อียิปต์ ((คิมบอล โรสเป็นผู้ให้ทุน)) มีเดียเป็นคนรักของแบรดลีย์ ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่พบคบๆ ไปก็พบว่าแบรดลีย์พยายามควบคุมเธอมากเกินไป หึงหวงเธอมากเกินไป ชนิดที่ว่า เธอพูดคุยกับใครไม่ได้เลย ... เธอตัดสินใจหนีกลับมาอเมริกาทั้งๆ ที่ท้องและเปลี่ยนชื่อเพราะแบรดลีย์พยายามเผาเต้นท์ฆ่าเพื่อนของเธอโจเซฟีนหนีมาเรียนต่อ แต่แบรดลีย์และจิมมี่ ((ทั้งสองคน obsess กับเธอมาก)) ตามมาพบ เธอก็เลยหนีต่อไปจนทั้งสองคนตามมาพบอีกครั้ง และคนที่เธอฆ่า ((จริงๆ แล้วโจเซฟีนเป็นคนยิง)) ก็คือ แบรดลีย์ ไม่ใช่จิมมี่ ((DNA ที่พี่สาวของจิมมี่ส่งให้ตำรวจไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของแม่ของแบรดลีย์ ... ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย ถ้าเทียบ DNA ของผู้ชายเทียบกับแม่และพี่สาว จำนวนตัวที่เหมือนกันมันน่าจะไม่เท่ากันไม่ใช่หรือคะ @_@))- ซึ่งก็แปลว่า ฆาตกรคนปัจจุบันที่จับตัวโจเซฟีนไปก็คือจิมมี่- ทั้งหมดคือแผนที่ต้องการล่อให้มีเดียออกมา ... จิมมี่ต้องการเธอ ส่วนคิมบอล โรสก็ต้องการแก้แค้นให้ลูกชาย- ตอนจบตัวร้ายตายโน้ตสำหรับเล่มต่อไป* มัวร่ายังคงคบกับบาทหลวงแดเนียลอยู่ ทำให้มองไม่เห็นว่า แอนโทนี่ แซนโซเน ((จากเมมฟิสโซ คลับ)) เอาใจใส่และดูแลเธอ* เจนแฮปปี้ดีกับสามี และทำใจเรื่องพ่อกับแม่หย่ากัน แม่แต่งงานใหม่ได้แล้ว* แบรี่ถูกอลิซขอหย่า ((อลิซไปเรียนกฎหมายและเปลี่ยนไป)) ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ - หนังสือภาษาอังกฤษIndex Bookshelf : English Books- หนังสือแปลIndex Bookshelf : Translated Books- หนังสือภาษาไทยIndex Bookshelf : Thai Books
สปอยล์ตั้งใจจะสปอยล์ละเอียดหน่อยค่ะ เพราะเล่มนี้มีพูดถึงตัวละครจาก The Mephisto Club ด้วย ทำเอางง...เนื่องจาก...อ่านนานมาก ลืมไปแหล่ว -_-"- โจเซฟีนหนีไป แต่ก็หนีไม่รอด ฆาตกรตามล่าจนได้ ยิงขาเธอ แต่เธอหนีไปจนพบกับรถตำรวจพอดี- เจนสอบปากคำโจเซฟีน จนรู้ความจริงจากปากของโจเซฟีนว่า เธอกับแม่หนีและเปลี่ยนชื่อหลายต่อหลายครั้ง อย่างน้อย 5-6 ครั้งแล้ว เพราะตอนเธออายุ 14 แม่ของเธอยิงคนตายในห้องนอนของเธอเพื่อปกป้องเธอ ... โจเซฟีนบอกว่า แม่ของเธอถูกรถชนตายไปนานแล้ว แน่นอนว่า ชื่อจริงของโจเซฟีนก็คือ เนเฟอทารี่ นั่นเอง- ตำรวจสืบจนรู้ตัวจริงของ Madam X ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นนักศึกษาโบราณคดีและหายตัวไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ... ทำให้สาวต่อไปจนถึง Bradley Rose ลูกชายของ Kimball Rose ซึ่งเป็นคนรวยและมีอิทธิพลมาก- ตอนวัยรุ่น Bradley Rose มีอาการจิตเภทที่อันตราย พ่อของเขาจึงส่งไปสถานบำบัดจิตของคนรวย ... ที่นั่นแบรดลีย์ได้พบกับ จิมมี่ อ็อตโต้ ...- เนื่องจากคิมบอล โรส เป็นผู้ที่หลงใหลโบราณคดี ให้เงินทุนในการขุดมากมาย และออกไปดูไซต์เองด้วย เขาพาแบรดลีย์ไปด้วย แน่นอนว่าแบรดลีย์มีความรู้เรื่องโบราณคดีและการรักษาศพแบบโบราณเป็นอย่างดี- ตำรวจยืนยันด้วย DNA ว่า จิมมี่ อ็อตโต้ คือคนที่แม่ของโจเซฟีนฆ่า ((ตำรวจให้พี่สาวของจิมมี่ส่ง DNA ทางไปรษณีย์))- เจนสืบไปจนพบว่า แบรดลีย์และจิมมี่เคยเป็นคู่หูในการก่ออาชญากรรมร่วมกัน- แบรดลีย์เป็นผู้ตาม ส่วนจิมมี่เป็นผู้นำ ... จิมมี่ต้องการเก็บเหยื่อให้อยู่กับเขาได้ตลอดกาล ส่วนแบรดลีย์มีความสามารถในการรักษาศพ - ศพทั้งสามศพมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ เป็นสาวสวย ผมและตาสีเข้ม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโจเซฟีนมากๆ และโจเซฟีนก็เหมือนแม่มากๆ ด้วย ((มาเฉลยตอนหลังว่า ทั้งจิมมี่และแบรดลีย์ต้องการตัวแม่ของโจเซฟีน แต่เนื่องจากหาตัวไม่เจอ จึงใช้เหยื่อที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน))- โจเซฟีนถูกจับตัวไปจนได้ ...- คนร้ายส่งผมของโจเซฟีนมาให้มัวร่า ... เจนคิดว่าเป็นเพราะมัวร่าเองก็มีลักษณะคล้ายเหยื่อทุกคน คือ เป็นสาวสวยผมและตาสีเข้ม- ช่วงเฉลย แม่ของโจเซฟีนปรากฎตัว แม่ของโจเซฟีนชื่อจริงก็คือ Medea นั่นเอง ... ความจริงแล้วตอนที่ไปขุดหากองทัพของแคมไบเซตที่อียิปต์ ((คิมบอล โรสเป็นผู้ให้ทุน)) มีเดียเป็นคนรักของแบรดลีย์ ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่พบคบๆ ไปก็พบว่าแบรดลีย์พยายามควบคุมเธอมากเกินไป หึงหวงเธอมากเกินไป ชนิดที่ว่า เธอพูดคุยกับใครไม่ได้เลย ... เธอตัดสินใจหนีกลับมาอเมริกาทั้งๆ ที่ท้องและเปลี่ยนชื่อเพราะแบรดลีย์พยายามเผาเต้นท์ฆ่าเพื่อนของเธอโจเซฟีนหนีมาเรียนต่อ แต่แบรดลีย์และจิมมี่ ((ทั้งสองคน obsess กับเธอมาก)) ตามมาพบ เธอก็เลยหนีต่อไปจนทั้งสองคนตามมาพบอีกครั้ง และคนที่เธอฆ่า ((จริงๆ แล้วโจเซฟีนเป็นคนยิง)) ก็คือ แบรดลีย์ ไม่ใช่จิมมี่ ((DNA ที่พี่สาวของจิมมี่ส่งให้ตำรวจไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของแม่ของแบรดลีย์ ... ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย ถ้าเทียบ DNA ของผู้ชายเทียบกับแม่และพี่สาว จำนวนตัวที่เหมือนกันมันน่าจะไม่เท่ากันไม่ใช่หรือคะ @_@))- ซึ่งก็แปลว่า ฆาตกรคนปัจจุบันที่จับตัวโจเซฟีนไปก็คือจิมมี่- ทั้งหมดคือแผนที่ต้องการล่อให้มีเดียออกมา ... จิมมี่ต้องการเธอ ส่วนคิมบอล โรสก็ต้องการแก้แค้นให้ลูกชาย- ตอนจบตัวร้ายตายโน้ตสำหรับเล่มต่อไป* มัวร่ายังคงคบกับบาทหลวงแดเนียลอยู่ ทำให้มองไม่เห็นว่า แอนโทนี่ แซนโซเน ((จากเมมฟิสโซ คลับ)) เอาใจใส่และดูแลเธอ* เจนแฮปปี้ดีกับสามี และทำใจเรื่องพ่อกับแม่หย่ากัน แม่แต่งงานใหม่ได้แล้ว* แบรี่ถูกอลิซขอหย่า ((อลิซไปเรียนกฎหมายและเปลี่ยนไป))