Map of Bones : Soooooo much better than 'Da Vince Code'!!~
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบหมาดๆ เลยค่ะ ต้องรีบมาเขียนซะหน่อย ^^
เรื่อง : Map of Bones
เขียนโดย : James Rollins

เรื่องย่อดัดแปลงจากปกหลังนะคะ เพราะไม่รู้จะย่อเองยังไงไม่ให้สปอยล์ 555
ระหว่างพิธีในโบสถ์ที่โคโลนญ์ - ประเทศเยอรมันนี มีผู้บุกรุกซึ่งปลอมตัวเป็นพระเข้ามาฆ่าทุกคนที่อยู่ในโบสถ์จนหมด และขโมย "กระดูกของราชา - Bones of the Magi" ((ไม่รู้จะแปลว่าอะไรค่ะ จำได้ไหมคะว่า ตอนที่พระเยซูเกิด จะมี Three kings มาเยือนอะ)) ไป...โดยทิ้งที่บรรจุที่ทำจากทองคำเอาไว้ ... พวกเขาต้องการอะไรกันแน่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้วาติกันปั่นป่วนไปหมด หน่วย SIGMA ((ในเรื่องเป็นหน่วยคอมมานโดที่ทุกคนในหน่วยเป็นนักวิทยาศาสตร์หัวดีค่ะ เท่มาก)) ต้องยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง ผนวกกำลังกับหน่วย Carabinieri ((ตำรวจที่ดูแลเรื่องการขโมยวัตถุโบราณโดยเฉพาะ)) ของโรม และสปายจากวาติกัน เพื่อค้นหาความจริงของเรื่องนี้
ปริศนาที่เกิดขึ้นชักพาพวกเขาให้เดินทางตามรอยสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ด เพื่อไขความลับจากอดีต ที่อาจจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
.........
โฮ สนุกมากกกกกกกกกกค่ะ ดัน Da Vinci Code ตกขอบไปไกลๆ ลิบๆ โน่นนนนนเลยอะ
ถ้าได้อ่านที่ไอซ์รีวิวหนังสือมาบ้าง จะเห็นว่าไอซ์เป็นแฟนประจำของนักเขียนคนนี้ล่ะค่ะ เพราะนานๆ ทีจะได้อ่านงานแนวผจญภัยหลุดโลก ... สนุกมากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป ซื้อเก็บไว้แทบทุกเล่ม ยกเว้นบางเล่มที่ยังหาซื้อไม่ได้
เท่าที่อ่านมาทุกเรื่อง ชอบปมและปริศนาของเรื่องนี้ที่สุด และรู้สึกว่า เรื่องนี้สมบูรณ์มากกว่าทุกเรื่องที่เคยอ่านมา
การที่เรื่องนี้ถูกใครต่อใครอดเอาไปเปรียบเทียบกับ Da Vinci Code ของ แดน บราวน์ เพราะเรื่องนี้มีปมขัดแย้งเกี่ยวกับศาสนาเช่นกันค่ะ
เล่ายังไงไม่ให้สปอยล์...เล่าไม่ได้ค่ะ เอาแค่ต้นๆ เรื่องนิดๆ ละกันนะคะ
เรื่องนี้จับเอาปมของ Doubting Thomas เข้ามาค่ะ ... ตามศาสนาคริสต์แล้ว จะมี Three of the Gospels - Matthew, Mark และ Luke ที่จะบอกเล่าเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กัน แต่จะมี Gospel ของ John ที่แตกต่างกันออกไป ของ John จะมีการดิสเครดิต Thomas
ประโยคที่เป็นที่รู้จักกันดีในศาสนาคริสต์ ก็คือ ... Let there be light
ซึ่งจอห์นจะบอกว่า ทุกสิ่งในโลกเป็นความมืดมิด แสงสว่างอย่างเดียวค่อพระผู้เป็นเจ้า ส่วนโทมัสจะบอกว่า ทุกคนมีแสดงสว่างในตัวเอง จอห์นจึงต้องการกันโทมัสออกไป เพราะแนวคิดของจอห์นจะทำให้ผู้คนศรัทธาและมุ่งตรงไปหาพระผู้เป็นเจ้าได้ง่ายกว่า
จากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทำให้เกิด Secret society ขึ้นมาค่ะ และ...มันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นโยงมาถึงปัจจุบัน
....
ที่ไอซ์บอกว่ายอดเยี่ยมกว่า Da Vinci Code นั้น ด้วยเหตุผลต่อไปนี้ค่ะ
- ข้อมูลในเรื่องมีจริงเกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตำนาน เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และการวิจัยใหม่ๆ ที่เอามาสนับสนุนในเรื่อง
- ปมเรื่องที่เกี่ยวข้องประวัติศาสตร์แน่นมากๆ
- การเอาวิทยาศาสตร์มาไขความลับในอดีตก็น่าเชื่อถือ
- การโยงประวัติศาสตร์ ตำนาน ศาสนาและปมต่างๆ น่าสนใจจนทำให้ตะลึงเลยว่า คิดได้ไงเนี่ย
- ปริศานาโบราณที่ถูกทิ้งเอาไว้ ยากค่ะ ... ถ้าไม่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศาสนา รวมไปถึงวิทยาศาสตร์อย่างแน่นสุดๆ ((ในทีมของเรื่องจะมีหลายสาขาวิชามากๆ)) จะไม่มีทางแก้ปริศนาในเรื่องได้เลย
ต่างจาก Da Vinci Code ...เรื่องนั้น 'Code' ต่างๆ ในเรื่อง "อ่อนมากๆ" ทำใจให้เชื่อไม่ได้เลยว่า ต้องอาศัยศาตราจารย์ทางด้านโค้ตมาแก้ เพราะไอซ์เองก็แก้ได้หมดทุกอันอะ ทำให้อ่านแล้วรำคาญมากๆ
- พล็อตเรื่องก็เจ๋งกว่ามากค่ะ ถึงจะเป็นสูตรสำเร็จเหมือนกัน แต่เดายากกว่า Da Vinci Code เยอะ การหักมุม ดูไม่ออกว่าใครเป็นมิตรแท้และศัตรูจริงบ้าง เพราะจากที่อ่านงานของนักเขียนคนนี้มาหลายเรื่อง เขาไม่เสียดายตัวละครค่ะ ฆ่าได้เป็นฆ่าเลย เดาไม่ถูกจริงๆ ว่า กว่าจะจบเรื่องจะเหลือใครบ้าง ลุ้นดี
.....
แต่...คิดว่าเรื่องนี้อาจจะสื่อได้ถึงคนเฉพาะกลุ่ม ไม่กระจายเหมือนกับเรื่อง Da Vinci Code
จุดแข็งของเรื่องกลายเป็นจุดอ่อนในแง่การตลาดไป
คนที่จะอ่านเรื่องนี้ได้สนุก น่าจะเป็นคนที่ชอบปริศนา มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และพื้นฐานทางด้านประวัติศาสตร์พอสมควร เพราะข้อมูลเยอะมากๆ ค่ะ มีอีกหลายเรื่องที่ไอซ์ตั้งใจจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และเรื่องนี้อาจจะซับซ้อนเกินไปสำหรับคนใจร้อน
สำหรับโอกาสที่จะได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ... ฮา ไอซ์ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนังสือหนามาก ห้าร้อยกว่าหน้า ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ - ศาสนา - ตำนาน เยอะมาก คนแปลต้องเจ๋งพอสมควร ... ส่วนตัวไอซ์เอง ขอบอกลาค่ะ ฮา
.....
เชียร์สุดๆ สำหรับคนที่ชอบอ่านแนวนี้ค่ะ
.....
หนังสือของนักเขียนคนเดียวกันนี้ที่ไอซ์เคยอ่านและรีวิวไปแล้วก็จะมี
Amazonia
Excavation
สนุกแบบอ่านได้เรื่อยๆ เอามันส์ค่ะ อ่านง่ายกว่า Map of Bones เยอะ เพราะเรื่องเบากว่ามาก เน้นผจญภัยเป็นหลัก
อีกเรื่องที่เคยอ่านแต่ไม่ได้รีวิว เพราะอ่านมานานมากกกกก่อนจะมีบล็อกก็คือ Subterranean ... เรื่องนี้จะผจญภัยใต้ดิน มีไดโนเสาร์ด้วยอะไรทำนองนี้ล่ะค่ะ จำไม่ได้แม่นๆ แล้วเรื่องนี้สนุกมากกว่าสองเรื่องบน ((ก็เรื่องนี้แหละ ที่ทำให้ไอซ์ไปควานหาหนังสือของเขามาอ่าน))
เรื่องอื่นๆ ของนักเขียนคนเดียวกันนี้ ไอซ์มีเกือบครบนะคะ กำลังรอคิวอ่านอยู่ ชอบเก็บไว้อ่านเวลาเซ็งๆ เบื่อๆ เพราะได้ผจญภัยหลุดโลกดี อิอิ
....
จากที่ได้อ่านงานของ James Rollins มา จะเห็นได้ว่า เขาจะชอบผสมตำนาน ประวัติศาสตร์ กับวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน สมกับคนที่มีดีกรีถึง Doctorate in Veterinary Medicine ค่ะ
อ่านงานของเขาทีไร ทำให้ไอซ์อยากจะสามารถมีข้อมูลแน่นๆ เขียนหนังสือได้ซับซ้อนแบบนี้บ้างจริงๆ ^^