พอดีมีมะม่วงงาม ๆ สามผลที่เพื่อนใจดีให้มา ค้างอยู่ในตู้เย็นหลายวัน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำข้าวเหนียวมะม่วง หรือหั่นสด ๆ ทานดี ... แล้วก็เหลือบไปเห็นวิปปิ้งครีมกำลังจะหมดอายุอีก ก็เลยต้องทำอะไรที่ใช้วิปปิ้งครีมด้วย เลยตัดสินใจทำ Mango Panna Cotta ค่ะ








ตัวของหวานวันนี้จะประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็น panna cotta ใช้สูตรที่ทำ Vanilla Panna Cotta ครั้งที่แล้วนะคะ (สูตรจากน้องลูกสน) คลิ้กดูที่หน้านี้ค่ะ ส่วนที่สองเป็น mango jelly สูตรปรับมาจากหลาย ๆ สูตรที่อ่านดูจาก internet ค่ะ


ส่วนผสม vanilla panna cotta


1. วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วยตวง
2. Half and Half ¾ ถ้วยตวง (วิปปิ้งครีมกับนมผสมกันอย่างละครึ่ง)
3. น้ำตาลทราย 35 กรัม
4. ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
5. ฝักวานิลลา 1/2 ฝัก หรือ วนิลา สะกัด (เพียว) 1/2 ช้อนชา




ส่วนผสมเจลลี่มะม่วง


1. เนื้อมะม่วงสุก 350 กรัม (ประมาณ 2 ลูกใหญ่)
2. น้ำส้มคั้น 150 ml หรือประมาณ ¾ ถ้วยตวง
3. ผงเจลาติน 1 ซอง หรือ 2 ¼ ช้อนชา
4. น้ำส้มหรือน้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ (สำหรับบลูมเจลาติน)
5. น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ (จะไม่ใส่ก็ได้นะคะ)
6. นมสด 60 ml หรือประมาณ ¼ ถ้วยตวง
7. น้ำตาล 30 กรัม หรือ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ

หากมะม่วงเปรี้ยวก็อาจเพิ่ม เราใส่แค่ 1 ช้อนโต๊ครึ่งค่ะ
เพราะมะม่วงค่อนข้างหวานมากแล้ว




วีธีทำ






1. เตรียมถ้วยที่จะใช้เป็นพิมพ์ วันนี้เราใช้แก้วทรงเตี้ยธรรมดา 4 ใบค่ะ ต้อง
การทำลายเฉียงก็เลยต้องเอาพิมเค้กรองค่ะ ใช้ไม้หรือถ้วย ดุนด้านล่างเพื่อ
ให้แก้วเอียง ลายแบบนี้ใช้เวลาเหมือนกัน ถ้าไม่มีเวลาก็เทใส่พิมพ์ธรรมดา
ไปเลยค่ะ



ถ้าเทครีมและเจลลี่เต็ม 4 แก้ว อย่างในรูป ต้องทำครีมดับเบิ้ลสูตรค่ะ ....
ครั้งที่สองเราทดลองใช้ กะทิ (กระป๋อง) ¾ ถ้วยตวง + นมสด ¾ ถ้วยตวง
แทนส่วนวิปปิ้งครีมและครีม Half and Half รสชาติที่ออกมาไม่ต่างกันมาก
ค่ะ หรือเราแยกรสไม่ออกก็ไม่ทราบนะคะ อิอิ ... เดี๋ยวจะพูดในตอนท้าย
อีกทีค่ะ ...







2. เท half and half จำนวน 1/3 ส่วน ลงในหม้อตุ๋นที่มีด้ามขนาดกลาง แล้วใส่เจลาติน ลงคนผสม พักไว้ ประมาณ 3 นาที


พอครบเวลาแล้วค่อยเติม half and half ที่เหลือ น้ำตาลทราย และวนิลาลงคนคนผสมบนไฟอ่อนไปหากลาง พอผงเจลละตินและน้ำตาลละลาย ก็ยกลงค่ะ









3. ค่อย ๆ เทวิปปิ้งครีมลงผสม ให้เข้ากันดี หากใครใช้ฝักและเม็ดวนิลาก็กรองก่อน เราไม่ได้กรองค่ะ หากมีฟองลอยด้านบนก็ตักออกนะคะ







4. ตักครีมใส่ถ้วยตวงที่มีจงอยปาก แล้วเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ก่อนเทครีม เรานำพิมวางในตู้เย็นก่อนเลยค่ะ เพื่อครีมจะได้ไม่เลื่อนหรือเคลื่อนที่ หากไม่สะดวกจะเทครีมใส่พิมนอกตู้เย็นก็ได้นะคะ แต่ตอนเคลื่อนย้ายสู่ตู้เย็นก็เดินระวังนิดนึง ครีมจะได้ไม่เคลื่อน (พูดถึงกรณีทำลายเฉียง)




ครีมส่วนที่เหลือ ก็เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง รอเทสลับลายกับเจลลี่มะม่วงใน
ขั้นตอนต่อไปค่ะ ….หากครีมเริ่มเซ็ทตัวเป็นก้อน ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เวลา
จะเทอีก เราก็กลับเอาไปตั้งไฟอ่อน ๆ หรืออุ่นในไมโครเวฟซักครู่ ครีมก็
จะเหลวค่ะ




หลังจากทิ้งให้ครีมเซ็ทตัวประมาณ 20 นาที เราก็มาเตรียมทำเจลลี่มะม่วง
กัน …. (ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ ที่ครีมจะเซ็ทตัว - สังเกตุได้โดยใช้
มือแตะ หน้าครีมจะตึง)





วิธีทำ เจลลี่มะม่วง






1. บลูมผงเจลาติน ในน้ำเปล่าหรือน้ำส้มประมาณ 3 – 5 นาที เห็นหลาย ๆ สูตรใน internet บอก 10 นาที เราว่าใช้วิธีสังเกตุดูว่าเขาบานเต็มที่ (พองอืด อิอิ) หรือยัง ดีที่สุดค่ะ








2. ปอกเอาเนื้อมะม่วง แล้วนำใส่โถปั่น ใส่น้ำส้มคั้นลงไปด้วย ¾ ถ้วย ปั่นจนเนื้อมะม่วงละเอียด นำไปกรองผ่านกระชอนตาถี่ ... จะไม่กรองก็ได้ค่ะ ถ้าเราปั่นเนื้อมะม่วงได้เนียนแล้ว







3. นำเนื้อมะม่วงกวนที่ได้ใส่หม้อตุ๋น ใส่ส่วนผสมที่เหลือ คือ น้ำเลมอน (หรือน้ำมะนาว) นมสด น้ำตาล และ เจลาตินที่บลูมไว้ - กวนส่วนผสมบนไฟกลาง จนผงเจลาตินและน้ำตาลละลาย ใช้เวลา ไม่นานค่ะ ประมาณ 2 –3 นาที ก็ยกออกจากเตา






4. พักหม้อเจลลี่มะม่วงให้อุ่นลงซักครู่ ประมาณ 2 นาที แล้วจึงตักใส่ถ้วย
ตวง นำไปเทลงบนชั้นครีม - มากน้อย ตามแต่ลายที่ออกแบบนะคะ ระดับความสูงของการเอียงก็ลดลงมาเรื่อย ๆ นะคะ จนสุดท้ายก็ตั้งในระดับปกติ


ทิ้งให้ชั้นเจลาตินเซ็ทตัวในตู้เย็นประมาณ 30 นาที ใช้นิ้วแตะดู ถ้าหน้าตึงก็เทชั้นครีมที่เหลือต่อ ทำสลับกันแบบนี้จนหมดครีมและเจลลี่ เสร็จแล้วก็ทิ้งให้เซ็ทตัวในตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน



* เราทำได้ 4 ถ้วยใหญ่ โดยต้องทำ panna cotta ดับเบิ้ลสูตร และเจลลี่มะม่วง 1 สูตร --- หากทำ panna cotta แค่ 1 ส่วน จะลดส่วนเจลลี่มะม่วงลงเหลือ ½ สูตรก็ได้นะคะ ...











ถ้าถามว่ารสชาติอร่อยมั้ย ... ก็แล้วแต่คนชอบนะคะ ไม่กล้าฟันธง อิอิ ... แต่เราพยายามจะทานครึ่งแก้ว แต่หยุดไม่ได้ค่ะ หมด ! ชอบความรู้สึกของครีมละลายในปาก น่ะค่ะ






ในเรื่องที่ใช้กะทิทำแทนวิปปิ้งครีมที่เราพูดถึงข้างต้น ... ถ้าจะถามว่าใครอร่อยกว่ากัน ... เราว่าไม่ต่างกันมาก แต่ต่างกันตรงกลิ่นนิดหนึ่ง โดยส่วนตัวเราชอบแบบใช้ครีมมากกว่า ค่ะ ... ตีเป็นครีมสดอร่อยกว่าค่ะ เป็นธรรมชาติของ panna ดี







ง่าย ๆ สำหรับวันร้อน ๆ เป็นของหวานที่ไม่หวานค่ะ เน้นความเข้มขั้นของครีม



ขอบคุณที่แวะมาค่ะ มีเวลาดี ๆ ทุกท่านนะคะ