คิดย้อนไปถึงเมื่อครั้งแรกรัก
กับพ่อเจ้านิกใหม่ๆ
ตอนนั้นคงเป็นโรคบ้าเข้าสิง
คอยแต่จะถามเธอ
ให้บอกรักเรา แต่เธอตอบเราว่า...
ก็ที่คบกันอยู่ได้ทุกวันนี้
ไม่เรียกว่ารักเหรอ..
และ..เธอก็ไม่ยอมพูดออกมา
จากปากว่ารักเรา..อยู่ดี
กระทั่งมีลูกด้วยกัน..
คราวนี้ไม่ถามถึงคำว่ารักอีกต่อไป
เพราะก็ได้เขามาแล้ว..แต่คราวนี้ถามว่า
เธอรักเราตรงไหน..
และอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอ
ตัดสินใจตกลงปลงใจกับเรา..
เธอตอบค่ะว่า..
ผมชอบผู้หญิง..สไตล์จีนๆ อวบๆ
อยู่ด้วยแล้วไม่เรื่องมาก ไม่จุกจิก
คุณเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ...
พอเธอตอบอย่างนี้ ก็ทำให้คิดได้ว่า..
ผู้ชายบางคนมักจะไม่พูด
คำว่ารักพล่อยๆ..
และผู้ชายก็มีความชอบผู้หญิง
ที่แตกต่างกัน
ความคิดที่ว่าตัวเองไม่สวย
ก็เป็นอันตกไป แต่จะไปกันรอด
หรือไม่รอดก็คงต้องปรับตัว
เข้าหากันอีกเยอะ
แต่แม่น้องนิกก็แอบสังเกตุนะว่า..
ผู้ชายมักจะยอมรับ
ความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงไม่ค่อยได้
เขาเคยรักเราแบบที่เคยเป็นคนน่ารัก
หรืออยู่ด้วยแล้ว
สบายใจแต่แรกรักอย่างไร
เขาก็จะเคยชิน
ที่จะได้รับอย่างนั้นไปตลอด
ถ้าวันหนึ่งที่เราเปลี่ยนไป
ทางสรีระ จุกจิก จู้จี้ขึ้นมา
ผู้ชายบางคนอาจจะยอมรับได้
แต่บางคนก็ไม่ยอมรับเลย
ตรงนี้เราก็ต้องระมัดระวัง
และถึงแม้จะแต่งงานกันไปแล้วก็ตาม
ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะด้วยสังคม เหตุผลอื่นๆ
อีกมากมายที่จะทำให้
ทั้งเขาและเราเปลี่ยน
แม่น้องนิกคิดว่า
คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน
อย่าให้ความเคยชินมาทำ
ให้เราตายใจคิดว่า
เขาต้องยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น
เพราะเขารักฉัน ความรัก
ของผู้ชายไม่เหมือนความรัก
ระหว่างพ่อแม่ลูก
ความรักของเขามีวันดับได้
และผู้ชายก็จะไม่บอกให้เรารู้ตัวด้วย
ถ้าใครเคยสังเกตุผู้ชายนะ
จะเห็นได้ว่า
ผู้ชายมักไม่ค่อยบอก
ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมา
เผลอๆ ก็ลงมือลับหลัง
โดยมากแม่น้องนิกจะ
กระตุ้นถาม นานๆครั้งว่า
เรามีอะไรที่ทำให้เขา
ไม่พอใจหรือปล่าว
เราจะได้ปรับตัว
เพราะบางทีความเคยชินที่อยู่ด้วยกัน
อาจจะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป
โดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้
ส่วนสิ่งไหนที่พ่อเจ้านิก
เขาเปลี่ยนแปลงไปแล้วเราไม่ชอบ
แม่น้องนิกก็จะบอกเขาตรงๆ
และขอให้เขาลดๆมันลงบ้าง
แม่น้องนิกว่า
เวลาเราอยู่ด้วยกันไปนานๆแล้ว
เรายิ่งต้องปรับตัวเข้าหากัน
มากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
เพราะเราต่างก็เรียนรู้ข้อดี
ข้อด้อยของกันและกัน
ที่เราต้องพยายามมองข้าม
ข้อด้อยของกันและกันนั้นไปบ้าง
คนเรานั้นมีทั้งข้อดีข้อเสีย
อยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ใช่แต่เราที่ต้องทนเขา
เขาอาจจะต้องกับทนข้อด้อย
บางอย่างของเราก็ได้
ข้อสำคัญเราต้องเปิดใจกัน
บอกเล่าความรู้สึกของกันและกัน
ออกมาให้รับรู้
ไม่ใช่ต่างคนต่างก็เก็บมัน
มาหงุดหงิดอยู่ในใจ แล้วก็ไปไม่รอด
ที่สำคัญที่พี่สาวพ่อเจ้านิก
ให้ข้อคิดกับแม่น้องนิก
ตอนอยู่ร่วมชีวิตกันใหม่ๆก็คือ
เวลาที่พ่อบ้านกลับจากทำงานมา
อย่าได้เอาปัญหาจุกจิก
ที่เราสามารถแก้ไขเองได้
ไปพูดให้รกสมองพ่อบ้านเข้าไปอีก
เพราะเฉพาะที่ทำงานของเขา
เขาก็ไปเครียดกับคนนอกบ้าน
มามากพอแล้ว
ข้อนี้เป็นอีกข้อหนึ่ง
ที่แม่น้องนิกระมัดระวัง
สิ่งใดที่แก้ไขเองได้
หรือจัดการเองได้
แม่น้องนิกจะทำด้วยตัวเอง
เวลาที่พ่อบ้านกลับเข้ามาในบ้าน
ก็เป็นเวลาพักผ่อนกับครอบครัวจริงๆ
นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัว
ของแม่น้องนิก..เพื่อนๆคนอื่น
อาจจะคิดต่างออกไป
สิบหกปีที่รู้จักพ่อเจ้านิกมา
ก็รวบรวมประสบการณ์
มาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
ได้ประมาณนี้แหละค่ะ
ใครจะนำไปปรับใช้ก็ไม่ว่ากัน
Create Date : 17 กันยายน 2549 |
|
22 comments |
Last Update : 17 กันยายน 2549 6:57:33 น. |
Counter : 656 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ชีวิตที่แสนดีนี้นะคะ