Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 
20 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
“ข้าวพันผัก” ทำเงินสูตร “เมืองลับแล”



หลายอาชีพค้าขายอาหารบางทีก็เกิดจากของกินที่คนขายคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน นำมาดัดแปลงใหม่ ให้มีสีสันและรสชาติที่ฉีกออกไป
ก็สามารถสร้างรายได้ สร้างงาน-สร้างอาชีพได้อย่างน่าทึ่ง
และวันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” จะพาไปรู้จักอาหารพื้นบ้านเมืองลับแล “ข้าวพันผัก”
ที่นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ยังทำขายเป็นอาชีพได้สบาย ๆ

ไพรัตน์ วิชัยรัตน์ อายุ 55 ปี เจ้าของกิจการร้าน “ป้อม ข้าวพันผัก” กล่าวถึงจุดเริ่มต้นว่า
ที่จริงแล้วมีอาชีพรับราชการครูอยู่ใน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้าน
ที่มาเปิดร้านขายข้าวพันผักก็เนื่องจากเงินเดือนครูไม่พอต่อค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
ค่าเล่าเรียนของลูกนับวันมีแต่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องมองหาอาชีพเสริม



“ข้าวพันผัก” นั้น เดิมทีเป็นอาหารหลักของชาว อ.ลับแล ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาของคนในสมัยเก่า
ที่คิดค้นการถนอมอาหาร และอาหารที่ว่านี้ก็คือ “ข้าวแคบ” ที่มีลักษณะเป็นแผ่นแป้งข้าวเจ้าบดละเอียด
ผสมกับน้ำเกลือและงาคั่ว แล้วตากแดดจนแห้ง เก็บไว้รับประทานได้นาน
ชาวบ้านมักนิยมห่อไปรับประทานกันตามท้องไร่ท้องนาเวลาออกไปทำงาน
หรือนำข้าวแคบมาดัดแปลงพันกับผัดหมี่สำหรับรับประทานเป็นอาหารว่าง
และอาจมีบางคนชอบทานตอนนึ่งแป้งสุกแล้วนำมาม้วนรับประทานเลย โดยเรียกว่า “ข้าวพัน”

“สาเหตุที่เลือกขายข้าวพันผัก เพราะเป็นอาหารที่มีมานานและขึ้นชื่อของชาวอุตรดิตถ์
แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคจากถิ่นอื่นมากนัก ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์และช่วยเผยแพร่
บวกกับกระแสรักษาสุขภาพกำลังบูม ผมจึงทดลองนำผักและส่วนประกอบอื่นที่มีคุณค่าทางโภชนาการมาใส่
จึงใช้ชื่อว่าข้าวพันผักจนเป็นที่รู้จักไปทั่ว เป็นอาหารที่ทานแล้วไม่อ้วน ปัจจุบันเปิดร้านขายมาได้ 8 ปีแล้ว
ขายทั้งที่โรงเรียนลับแลวิทยาคม ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และออกร้านขายตามงานต่าง ๆ”

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขายก็มี... หม้อปล่องหรือซึ้งนึ่ง,ผ้าขาวบาง,เต้า,ไม้ไผ่เหลาเป็นใบพาย,มีด,
เขียง,หม้อสเตนเลส,กะละมัง,ตะแกรง,ทัพพี,เตาแก๊ส,ถาด บางอย่างก็หยิบฉวยได้จากในครัว

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ประกอบด้วย...
แป้งข้าวเจ้า,ไข่ไก่สด,ผักต่าง ๆ เช่น กะหล่ำปลี แครอท ผักบุ้ง คะน้า
ฝักทอง ผักกาดขาว,วุ้นเส้น,ผักชีฝรั่ง,ขึ้นฉ่าย,เนื้อหมูสับ,กระเทียมเจียว,ไข่เจียวฝอย,
แคบหมูไร้มัน,เต้าหู้,เกลือ และน้ำสะอาด และก็มีน้ำจิ้มที่ใช้ซอสปรุงรส,ซอสพริก,น้ำจิ้มสุกี้

ข้าวพันผักมีทั้งสูตรดั้งเดิม และสูตรสุกี้ ซึ่งจะแตกต่างกันที่น้ำจิ้มและส่วนผสมนิดหน่อย หากเป็นสุกี้
จะใส่วุ้นเส้นและใช้น้ำจิ้มสุกี้ ถ้าเป็นสูตรดั้งเดิมก็ราดด้วยซอสปรุงรสและซอสพริก ขายในราคาชุดละ 20 บาท



ขั้นตอนการทำ “ข้าวพันผัก” เริ่มจาก นำแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำ
คนละลายให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ (หรือจะใช้แป้งหมักขนมจีนก็ได้)ต่อไปก็เตรียมส่วนผสมอื่นให้พร้อม
เช่น ผักนำมาล้างแล้วหั่นตามขนาดที่ต้องการ วุ้นเส้นแช่น้ำแล้วตัดให้สั้น ไข่ทอดแล้วหั่นฝอย
และไข่อีกส่วนหนึ่งก็ตีให้ฟูเตรียมไว้ละเลงบนแป้ง กระเทียมก็เจียวเตรียมไว้



จากนั้นนำหม้อปล่องหรือซึ้งนึ่งใส่น้ำให้เลยครึ่งหม้อ ปิดด้วยผ้าขาวบาง ผูกขึงผ้าด้วยเชือกให้ตึง
นำหม้อขึ้นตั้งไฟ พอน้ำเดือดใช้ทัพพีตักแป้งที่เตรียมไว้ละเลงบนผ้าขาวระอุน้ำให้เป็นแผ่น
ใช้ฝาครอบปิดไว้สักครู่ เปิดฝาออกแล้วละเลงไข่ที่ตีไว้ทับลงบนแป้ง ปิดฝาไว้อีกสักครู่พอไข่สุก
จากนั้นก็นำผัก และส่วนผสมอื่น ๆ ใส่ลงไป ปิดฝาอีกครั้ง ประมาณ 3 นาที
พอผักสุกก็ใช้ไม้พายพับแป้งห่อพันผักให้เรียบร้อย เท่านี้ก็เสร็จ

เวลารับประทานก็ปรุงรสด้วยซอสภูเขาทอง กับซอสพริก แล้วโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง ไข่เจียวฝอย เต้าหู้ และแคบหมู
ทานกับกระเทียมดองโขลกกับพริกสดปรุงด้วยน้ำตาลเล็กน้อยและน้ำกระเทียมดอง
ถ้าเป็นสูตรสุกี้จะโรยด้วยผักขึ้นฉ่ายแทนผักชีฝรั่ง ปรุงรสด้วยน้ำจิ้มสุกี้ ส่วนขั้นตอนอย่างอื่นก็เหมือนกัน



ใครแวะเวียนไปที่อุตรดิตถ์ ต้องการพิสูจน์เมนูสุขภาพ “ข้าวพันผัก”
ก็ไปได้ที่ร้าน “ป้อม ข้าวพันผัก”
1/23 ถนนเจษฎาบดินทร์เหนือ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ หรือต้องการติดต่อสอบถามอะไรกับ
คุณครูไพรัตน์ทางโทรศัพท์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-9436-3108, 0-6991-6054

“ของกิน-ของใช้พื้นถิ่น” บางทีก็กลายเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ !!.

เชาวลี ชุมขำ / ลัดดาวรรณ์ อนันเต่า : รายงาน
ข้อมูลข่าวจาก เดลินิวส์






Create Date : 20 ธันวาคม 2551
Last Update : 20 ธันวาคม 2551 6:17:46 น. 8 comments
Counter : 11488 Pageviews.

 
น้ำลายไหลเป็นทางเลยค่ะ น่ากินคอดๆๆ


โดย: flymom IP: 97.116.181.66 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:9:42:53 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล๊อคนะคะ..แล้วจะลองทำตามที่แนะนำคะ....


โดย: ขวัญหทัย วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:9:55:30 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมชมบล๊อกตามคำเชิญแล้วนะคะ น่าทานมากเลย อยากลองทำดูเหมือนกันค่ะ แต่อุปกรณืที่นี่ไม่สะดวก ไว้เดือนมีนากลับเมืองไทย คงต้องลองดูซักหน่อยค่ะ


โดย: Tianjai (Tianjai ) วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:15:56:43 น.  

 
อยากทำขายเป็นอาชีพบ้างค่ะ กำลังตกงาน


โดย: อ้อย IP: 118.172.52.10 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:26:46 น.  

 
ผมคนลำพูนแต่เรียนจบที่ราชภัฎอุตรดิตถ์ ชอบกินมากๆอยากได้สูตรมาทำกินครับ


โดย: คนละปูน IP: 182.93.202.5 วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:4:45:41 น.  

 
น่ากินมากเลย เคยเห็นออกทีวี แต่ไม่เคยกินค่ะ ต้องหาโอกาสให้ได้
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: facebook ซีอีโอแฟนคร้าบ IP: 14.207.137.204 วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:38:08 น.  

 
ชอบมากเลยค่ะ อร่อยสุดๆ


โดย: ยิม IP: 110.49.248.197 วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:04:38 น.  

 
จะติดต่อขอชื้ออุปกรณ์ได้ที่ไหนบ้างค่ะ อยากทำอาชีพเสริมที่เป็นอาหารบ้านเกิดมาเผยแพร่ให้คนไทยยได้กิน


โดย: ครูแนน IP: 171.6.69.98 วันที่: 7 ธันวาคม 2556 เวลา:19:22:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.