Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 มกราคม 2559
 
All Blogs
 

O เพียงคำเดียว .. O








Giovanni Marradi - Forever Beautiful



O เมื่ออกใจล้อมห่มด้วยลมหนาว
บางเรื่องราวแฝงเร้นก็เต้นไหว
จากรูปนามต้นเหตุ .. ถึงเภทภัย-
ผู้ก่อแววเลศนัย .. ท่วมนัยน์ตา
O เริ่มดวงวันแย้มเยือน, ลมเลื่อนไหล
หนาวนักแล้วอกใจ .. ผู้ใฝ่หา
ที่เหมือนคอยอบอุ่นเนื่องหนุนมา
ที่เหมือนแสงสุริยา - แววตานั้น
O ริ้วลมร่ำเหน็บหนาว, วับวาวคู่-
ลอบเหลือบสู่ชม้อยให้ .. ก็ไหวสั่น
โลกเบื้องหน้าวูบวับขึ้นฉับพลัน
ที่แววหวั่นสะทกสะเทิ้นจำเริญรอย
O รับรู้เถิด .. ถึงหนาวอีกคราวแล้ว
เมื่อกรุ่นกลิ่นหอมแก้ว .. พลิ้ว-แผ่วค่อย
ด้วยหอมนั้นรุมเร้า .. ผู้เฝ้าคอย-
ห่วง, ละห้อย, ถวิลอยู่ไม่รู้วาง
O ฝากความหมายเข้าล้อม .. ด้วยหอมแก้ว
แฝงลมแผ่วพลิ้วจรุง .. แต่รุ่งสาง
เข้าแวดล้อมรูปนามอยู่ท่ามกลาง-
หยาดน้ำค้างพรมประดับให้รับรอง
O แนบความคิดคำนึง .. รำพึงผ่าน
ว่าหอมหวานเวียนรอบให้ตอบสนอง
ทั้งแววตาพริ้มพรับ .. ขอจับจอง-
ให้เฝ้ามองพิศอยู่แต่ผู้เดียว
O ขอพรเทพนฤมิตสัมฤทธิ์ถ้อย
เพรียกตาใจแต่ละห้อยเฝ้าคอยเหลียว
ทอเยื่อใยทบเส้น .. ฟั่นเป็นเกลียว
คล้องรัดเหนี่ยวบางใจ .. จนไหวรับ
O สอดแทรกความเดียงสา .. ด้วยอาวรณ์
สุมออดอ้อนแทรกซ้ำเป็นลำดับ
เพื่อเนียนแก้มเอิบอิ่ม .. เนตรพริ้มพรับ
ไว้เพียงเพื่อสำหรับ .. ผู้จับจอง
O กลางเหน็บหนาวลมร่ำ, ถ้อยคำนี้-
พึงวาดวีพลิ้วพรมผ่านลมล่อง
กระซิบสื่อความร้อยในถ้อยกรอง
เพื่อรับรองเสน่หาด้วยอาลัย
O พร่ำเพรียกความออดอ้อน .. ให้ย้อนกลับ
แววเนตรพรับพริ้มนั้น .. พึงสั่นไหว
กระทั่งสั่นจนทั่วเนื้อหัวใจ
กระทั่งรับรู้ได้ทั้งใจความ
O คำนึงกลาง .. สายลมที่พรมผ่าน
หลังอ่อนหวานเริ่มระบัด .. เข้ารัด-ล่าม
มีหรือ ? บางหัวใจจะไหวตาม
ล่องลอยข้ามโค้งฟ้า .. ผ่านมารู้
O อ้อยสร้อยกลางรื่นรมย์ .. แห่งลมหนาว
เมื่อเนตรวาววามคล้าย .. ลอบชายอยู่
แลกคำนึงแฝงเร้น .. ด้วยเอ็นดู-
ที่สื่อสู่ปัดป่าย .. กลางสายลม
O รอรับเถิด .. แรงถวิล-ผู้ยินยอม
ฝากอบอุ่นหวานหอมเข้าห้อมห่ม
ทุกคาบยามละห้อยหา .. แห่งอารมณ์
อุ่นจะข่มหนาวร้าง .. จนห่างไกล
O โชนช่วงแห่งความนัย-ห้วงใจสาว
แม้นเหน็บหนาวจากลม .. อาจข่มไหว
แต่เหน็บหนาวทรมา-ด้วยอาลัย
ย่อมโลมไล้อารมณ์ .. เกินข่ม-ล้าง
O รับรู้เถิด .. อกใจผู้ใฝ่ถึง
ว่าใจหนึ่งคะนึงอยู่ไม่รู้สร่าง
คะเนนึกรูปนามในท่ามกลาง-
เงียบงันอ้างว้างสิ้นทั้งดินแดน
O ลมเอย-การพร่ำพลอด .. ความออดอ้อน
ย่อมทับซ้อนทับทรวงด้วยหวงแหน
ถ้วนรูปนาม, ภพชาติหรืออาจแทน-
รูปที่แสนถวิลถึง .. เพียงหนึ่งเดียว ?




 

Create Date : 14 มกราคม 2559
18 comments
Last Update : 12 เมษายน 2566 10:56:49 น.
Counter : 3819 Pageviews.

 


O เพียงคำเดียว (เพื่อคนเดียว ..) O
ใครนะ สตรีผู้เป็นที่รัก !

ไพเราะมาก ประดิษฐ์คำด้วยจิตวิญญานเลยนะนี่


"O รับรู้เถิด .. อกใจผู้ใฝ่ถึง
ว่าใจหนึ่งคะนึงอยู่ไม่รู้สร่าง
คะเนนึกรูปนามในท่ามกลาง-
เงียบงันอ้างว้างสิ้นทั้งดินแดน"

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 16 มกราคม 2559 18:43:27 น.  

 

มินตรา ..

หายไปนับนาน .. ขอสวัสดีปีใหม่ขอรับ

บทนี้เขียนใหม่ในรอบปี ..
เพราะความงดงามนั้น ทำให้มีแรงบันดาลใจ
เพราะความงดงามนั้น เป็นเหตุแห่งเจตจำนง
และเพราะความงดงามนั้นมีส่วนผสมผสานระหว่างมองโกลอยด์และคอเคซอยด์ได้อย่างลงตัว ..

จึงมีบทนี้ ..
ขอรับ

 

โดย: สดายุ... 16 มกราคม 2559 19:36:27 น.  

 


อ้อ..
มีคน แพ้ความงดงาม...
จนต้องนำคำมาร้อยเรียงเป็น...ความ ...ที่งดงาม..มาก

สวัสดีปีใหม่ ค่ะ
ปีใหม่นี้ งานหนัก..งานสร้างชาติ..สำหรับทุกทุกคน
เริ่มต้นใหม่จาก สูญ




 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 17 มกราคม 2559 2:56:39 น.  

 

มินตรา ..

ผมแปลกใจว่าคนที่อยู่ในแผ่นดินเกินเอื้อมของอำนาจรัฐแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าเปิดหน้าชก แบบไม่ต้องเกรงใจหน้าไหนทั้งสิ้นไม่ว่า "นาย"ผู้ชักใย หรือ "ลิ่วล้อ" ที่อยู่หน้าจอ .. ?


 

โดย: สดายุ... 17 มกราคม 2559 20:29:02 น.  

 

สดายุ...

คงหมายถึง "ผู้ลี้ภัย"ใช่ไหมคะ
มีกฎและมารยาทในการลี้ภัย คือ ..
ห้ามยุ่งเรื่องการเมือง เด็ดขาด

นี่เป็นเรื่องที่ คนหลายคนไม่เข้าใจ คิดว่า มี"สิทธิ"ที่จะทำอะไรได้ทุกอย่าง....นึกจะดุด่าว่าใครก็ได้ตามแต่ใจตน..

เหมือน หนุ่มหนุ่มจากประเทศอาหรับ และอัฟริกาที่คิดว่าสตรีในเยอรมัน นั้น ถูกจับต้องตัวตน หรือมีFree sexได้
และประเทศที่ให้การลี้ภัย"ไม่มีสิทธิ"ที่จะส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศเดิมได้..

ผลคือ ขณะนี้มีการตรวจสอบเอกสารในการลี้ภัยอย่างละเอียดว่า...
เป็น"การลี้ภัยทางการเมือง " หรือ"การลี้ภัยทางเศรษฐกิจ" (หนีความจน)
และ มีประกาศออกมาชัดเจนว่า ประเทศ มารอคโค( Marokko)และ อัลจีเรีย( Algerien) ไม่ใช่ประเทศมีสงคราม ต้องกลับหมด และ ทันที !

นโยบายเรื่องลี้ภัย พลิกกลับทันที เมื่อพบว่า ...
"ผู้ลี้ภัยใช้สิทธิในการลี้ภัยอย่างผิดผิด"

ผู้ที่สดายุตั้งใจจะถามถึงนั้น ..ไม่ใช่ไม่กล้า ..
แต่รู้กฎหมายและเป็นนักรัฐศาสตร์ จึงรู้ควร รู้ไม่ควร ...
จนต้องสุขุมรอบคอบ และมีสำนึกว่า ปัญหาที่คนจะอยู่ร่วมกันได้ คือ "จงอย่าแตกแยกกัน"..มากกว่ากระมังคะ

ไม่มีใครฝ่ายไหนจะเอาชนะใครได้ อย่างเด็ดขาด
โดยไม่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เกิดขึ้น
นี่"นักปกครอง"ต้องไตร่ตรองอย่างหนัก

ผู้ชนะ คือ ผู้ที่อีกฝ่ายที่แพ้ ยอมรับว่า แพ้...







 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 17 มกราคม 2559 21:04:26 น.  

 

มินตรา ..

ผมจำเหตุการณ์สมัย อิหม่ามโคไมนี นั่งบัญชาการที่ปารีส ให้คนอิหร่านลุกฮือโค่นชาห์ ปาเลวี จนกระทั่งการปฏิวัติอิสลามสำเร็จ ..

นั่นคือการเมืองหรือไม่ ?

โคไมนี ลี้ภัยการเมืองแน่นอน เพราะไม่สามารถกลับอิหร่านได้ในขณะที่ราชวงศ์ปาเลวี ยังครองอำนาจอยู่ ..

ผมจึงคิดในเชิงเปรียบเทียบเอา

เพียงแต่ อำนาจการนำแบบโคไมนีนั้นน่าจะยังไม่มีตัวตนที่เด่นชัดในหมู่คนไทยในต่างแดน .. อย่างน้อยผมเองยังมองไม่เห็นใคร ที่เป็นที่ยอมรับได้ในวงกว้าง

 

โดย: สดายุ... 19 มกราคม 2559 19:56:41 น.  

 

สดายุ...

ในปี 1963 เมื่อ พระเจ้าชาร์ โมฮัมหมัด เรซา พาเลวี (Shah Mohammad Reza Pahlavi)
ได้ประกาศ "การปฎิวัติขาว"( White Revolution )
เพื่อปรับประเทศอิหร่านให้เป็น แบบระบบตะวันตก (westernization ) นั้น
อาณาจักรเปอร์เซีย (Persian Empire) ปกครองติดต่อมา เป็นเวลา 2,500 ปี นับแต่ พระเจ้าซีรุสมหาราช (Cyrus the Great)

ที่เรียกว่า "การปฎิวัติขาว" เพราะไม่ต้องการให้มีการสูญเสียเลือดเนื้อ
ซึ่งเนื้อหาการปฎิวัติ นั้นมีการ..ให้เสรีภาพสตรี
..ให้การศึกษาประชาชน
..ปฎิรูปที่ดินจากเจ้าของที่ดินเดิม(Landlord)โดยรัฐซื้อแล้วขายในราคาถูกให้กรรมกรชาวนา
... มีการกระจายรายได้ให้คนงานในโรงงาน ซึ่ง จะเป็นพื้นฐานไปสู่ ประชาธิปไตย

ปรากฎว่า โคมัยนี( Khomeini )ซึ่งเป็นผู้นำศาสนา ในระดับ อยาโทลล่า( Ayatollah) ตีกลับคำเดียวว่า
..การปฎิวัติขาว ที่ให้สิทธิสตรี ให้เรียนหนังสือ ให้กรรมกรชาวนาเป็นเจ้าของที่ดินนี่
เป็นการ "ทำลายการเป็นชาวมุสลิม"

จบ...

พระเจ้าชาร์ ต่อสู้เรื่องชนชั้น แต่ อยาโทลล่า ต่อสู้เรื่องการสร้างรัฐอิสลาม

ระหว่างความเชื่อ กับ การกินดีอยู่ดี นั้น ...
มนุษย์ยอมอด เพื่อ ยึดถือความเชื่อมั่น

คนไทยไม่มีผู้นำระดับนี้ เพราะ คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
ซึ่งมีเหตุและผล เป็นหลัก..
แม้นจะยังมี "ความนับถือ ผี".. "นับถือพราหมณ์ " เป็นฐานมาก่อน ก็ตาม

อยาโทลล่า( Ayatollah) ลี้ภัยในฐานะ ผู้นำทางศาสนา จึงสั่งสอนศาสนาได้ไงคะ

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 20 มกราคม 2559 0:55:59 น.  

 

ไพเราะเช่นเคยเป็นมาค่ะ :)

 

โดย: Medkhanun IP: 94.23.252.21 23 มกราคม 2559 2:34:40 น.  

 

สดายุ...

วันนี้ เสาร์ที่ 23. Januar 2016 มีข่าวจาก สำนักข่าวN-TV ของเยอรมันว่า ...
อเมริกา และ อียู จะปล่อยเงินของอิหร่านที่ถูกแช่แข็งไว้ตั้งแต่ การปฎิวัติของโครไมนี่
(Khomeini Revolution) ในปี1979

เนื่องจากอิหร่านจะปรับตนให้เข้ากับโลก และจะไม่ใช้ในการสร้างอะตอม

โพรเฟสเซอร์ทางเศรษฐศาสตร์ของอเมริกา นาเดอร์ ฮาบบีบี( Nader Habibi ) ประมาณ จำนวนเงินของอิหร่านทั่วโลกที่โดนแช่แข็งไว้ว่า มีประมาณ 20 ถึง 180 ล้านล้านดอลล่าร์ สหรัฐ(billion dollars)

เงินของอิหร่านโดนแช่แข็งไว้ตั้งแต่ปี1979 ซึ่งอยู่ใน USA, ยุโรป, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, อินเดีย และประเทศอื่นอื่น

รัฐสภาอเมริกัน(US-Kongress) บอกว่ามีประมาณ 100 ถึง125 ล้านล้านดอลล่าร์
รัฐมนตรีคลังสหรัฐ นายจาคอบ ลิว( Jacob Lew) กล่าวว่า เงินที่จะไม่แช่แข็งแล้วนี้ ต้องใช้หักลบกลบหนี้ ก่อน ..ซึ่งจากนั้นจะเหลือเพียงแค่ 56 ล้านล้านดอลล่าร์ เท่านั้นเอง!
ซึ่งไม่มากพอจะไปซื้ออะตอมได้
เงินจำนวนนี้มากเท่ากับการขายน้ำมันในหนึ่งปีเท่านั้นเอง

ในปี 2014 โอเปค( Opec )แถลงว่าขายน้ำมันได้ เพียง 54 ล้านล้านดอลล่าร์ (เท่านั้นเอง !)

เยอรมันไม่เปิดเผย โดยมารยาท ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่
แต่แถลงว่า อิหร่านต้องใช้เงินจำนวนนี้ สร้างชาติและ ประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น


 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 23 มกราคม 2559 21:45:36 น.  

 


ดายุ...

มินตราแปลเลขผิดค่ะ ไปตรวจภาษาเยอรมันแล้วจึงทราบ

1.000.000.000
Milliarde(เยอรมัน)=billion (อังกฤษ)

1.000.000.000.000 Billion(เยอรมัน)=trillion(อังกฤษ)

เพราะฉะนั้น Billion Dollars = พันล้านดอลล่าร์

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 23 มกราคม 2559 22:42:17 น.  

 

มินตรา ..

ขอบคุณครับ .. ที่มีข้อมูลเป็นประโยชน์มาให้อ่านอยู่เสมอ
อิหร่าน .. อารยัน เป็นชนส่วนหนึ่งในประเทศนี้ แต่น่าเสียดาย ที่อยู่ในลัทธิความเชื่อที่ค่อนข้างปกป้องตัวเองสูงมากเกินไป

 

โดย: สดายุ... 24 มกราคม 2559 18:09:10 น.  

 

ดายุ..

มินตราไปฟังคลิป คุณจักรภพ เรื่องความเป็นไปในประเทศ..จึงได้คำตอบจากคำเปรยของ ดายุที่ว่า
"อำนาจการนำแบบโคไมนีนั้นน่าจะยังไม่มีตัวตนที่เด่นชัดในหมู่คนไทยในต่างแดน .. อย่างน้อยผมเองยังมองไม่เห็นใคร ที่เป็นที่ยอมรับได้ในวงกว้าง"....

คุณจักรภพ ตอบว่า นักเขียน..กวี..จะเป็นผู้นำ...
ท่านยกตัวอย่าง รัฐเชค ประธานาธิบดีคนแรก
นายวาคลัฟ ฮาเวล( Václav Havel 5 October 1936 – 18 December 2011) ขึ้นมา...

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า.. สดายุ มีโอกาส !

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 27 มกราคม 2559 18:03:37 น.  

 

มินตรา ..

ที่จริงแล้วในความเป็นนักเขียนหรือกวี ส่วนใหญ่เป็นผู้อ่านมาอย่างโชกโชน และรอบด้าน โดยเฉพาะใน 3 สาขาหลัก ..

เศรษฐศาสตร์
ปรัชญา (ศาสนา)
การเมือง

3 สาขานี้เพื่อมาเป็นนักปกครองที่รอบรู้ในสิ่งที่ควรรู้ อย่างที่ มรว.คึกฤทธิ์ จบมา

เมื่อมองลำดับขั้นตอนที่ควรเป็นจะต้องเป็นแบบจีนที่หลังจากล้มราชวงศ์ชิงได้แล้ว .. ควรที่เหมาจะปฏิวัติทันที มิใช่ไปร่วมมือกับ ดร.ซุนยัตเซน และ เจียงไคเช็ค ในตอนแรก .. เพราะน้ำกับน้ำมัน หมายถึงอำนาจนิยมทหารของเจียง กับ ลัทธิมาร์กซิส มันไม่สามารถทำงานด้วยกันได้ ..

.. การปฏิวัติสังคมด้วยกองกำลังติดอาวุธควรมีคนแบบเหมาเจ๋อตุง นำนั้นถูกต้องแล้ว (การเมืองนำ)

.. การปฏิวัติทางวัฒนธรรม ไม่ควรนำโดย gang of 4 (การทำลายแนวทางขงจื๊อ - ปรัชญา) อันนี้เป็นความสุดโต่ง ของแนวคิดซ้ายจัด (แล้วพอลพต ก็เอามาใช้ในเขมร จนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กลุ่มล้าหลังที่ปรับตัวไม่ได้)

.. การปฏิวัติแนวทางเศรษฐกิจรวมศูนย์ดั้งเดิมของมาร์ก เลนิน โดย เติ้งเสี่ยวผิง นั้นถูกต้องแล้ว (เศรษฐศาสตร์)

หากจำไม่ผิด กลุ่มโจวเอินไหล เติ้งเสี่ยวผิง ก็ผ่านการศึกษาในฝรั่งเศส (อีกนั่นแหละ) รวมทั้ง โฮจิมินต์ของเวียดนาม .. และพอลพต ของกัมพูชา (อาจเป็นเพราะเคยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสมาก่อน)

อนุมานได้ว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่เปิดกว้างทางความคิดมากที่สุด และก่อนใครๆ

ผมทึ่งประเทศนี้มาก .. ก่อนเพื่อนในหลายๆเรื่อง
การปฏิวัติฝรั่งเศส 1789-1799 .. ตรงกับ พศ.2332-2342 (กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 พศ.2310 .. กรุงเทพสถาปนาขึ้นเมื่อ พศ.2325)

 

โดย: สดายุ... 27 มกราคม 2559 20:17:43 น.  

 

แหม...

อุตส่าห์ออกเซาะ นึกว่าจะได้อ่าน.. กลอน"แด่มินตรา"

คนฝรั่งเศสเสพชีวิต และช่างฝัน
แต่เมื่อให้ทำงาน จะเห็นภาพการลากแผนที่แบ่งเขตแดนแบบเขาพระวิหาร... ลากจุดเอ ไป จุดบี เลยโดยไม่ต้องดูเรื่อง สันปันน้ำตามหลักวิชา หรือทฤษฎีใดใดทั้งสิ้น...

ไม่ต้องรับผิดชอบแม้นแต่บทสรุปว่า ไทยเริ่มกำเนิดเกิดมาตอนที่ รู้ว่า "พ่อกูชื่ออินทราฑิตย์...แม่กูชื่อนางเสือง.."
สังเกตุใช่ไหมว่า มินตรานิยมคนมีความรู้ ความสามารถ




 

โดย: บุษบามินตรา IP: 94.23.252.21 27 มกราคม 2559 20:56:31 น.  

 

มินตรา ..
ประวัติสาสตร์ไทยยุคกรมดำรงฯ เปลี่ยนใหม่ไปเยอะแล้ว
.
.
สุโขทัย ยังไม่มีความเป็นรัฐสยาม อย่างที่เราเข้าใจกันแต่เริ่มแรก .. มีลักษณาการเยี่ยง ล้านนา ล้านช้าง เท่านั้นเอง
คือเป็นดินแดนทางเหนือตอนล่าง สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก รวมตัวกันลักษณะเครือญาติ

สยาม เริ่มเป็นอาณาจักรจริงจังยุคกรุงศรีอยุธยาครับ .. และไม่สามารถนับเนื่องจากพระเจ้าอู่ทองได้ .. ในความเห็นผมเราสามารถนับเป็นรัฐชาติสยามได้ตั้งแต่ เจ้านครอินทร์ หรือสมเด็จพระนครินทราธิราชแห่งสุพรรณบุรี (หลานขุนหลวงพะงั่ว ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) ยกทัพเข้ามายึดกรุงศรีฯ จากพระยาราม (หลานพระเจ้าอุ่ทอง) แห่งราชวงศ์ละโว้อโยธยา

องค์นี้เป็นพ่อของเจ้าสามพระยาผู้ยกทัพไปตีนครวัดแตกจนขอมต้องย้ายเมืองหลวงไปพนมเปญ .. ครั้งนั้นกวาดต้อนขุนนาง ปุโรหิตขอม เข้ามาทำงานรับใช้ในพระราชวังจำนวนมาก (ช่วงนี้เองที่ผมเอามาเขียน โคลงเรื่องยาว .. ชั่วฟ้าดินดับ)

เจ้าสามพระยามีลูกคือ พระบรมไตรโลกนารถ ผู้สถาปนาจตุสดมภ์ ขึ้นมาและเริ่มใช้คำเขมรเป็นราชาศัพท์ในพระราชวังหลวง

พระบรมไตรฯ มีลูกชาย 2 คนที่ขึ้นเป็นกษัตริย์
.. คนโตคือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่สันนิษฐานว่าท่านเป็นผู้เขียนโคลง ยวนพ่าย ทวาทศมาส และ กำสรวลสมุทร (กำสรวลศรีปราชญ์) องค์ช่วยพ่อดูแลกรุงศรีอยุธยาช่วงที่พระบรมไตรฯ เสด็จไปประทับที่พิษณุโลกเพื่อทำศึกยืดเยื้อกับ ติโลกราชแห่งล้านนา

.. คนน้อง รุ่นลูกของคนพี่ คือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
หรือที่ปรากฎนามในวรรณกรรมขุนช้างขุนแผนว่า "สมเด็จพระพันวษา" .. อายุรุ่นเดียวกับลูกพี่ชายคือ สมเด็จหน่อพุทธางกูร ที่ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อมา

การนับว่าเป็นอาณาจักรอย่างแท้จริงมาจากการครอบครองแผ่นดินในอำนาจกว้างไกล ใต้จดมลายู ตะวันออกจดกัมพูชา เหนือจดล้านนา มิใช่แค่ 4-5 เมืองรวมตัวกันอย่างสุโขทัย

ผมชอบประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยามากเป็นพิเศษ นำมาเขียนนิราศเรื่องยาวหลายเรื่อง ..
.. โคลงนิราศเพรงกาล
.. โคลงชั่วฟ้าดินดับ
.. กลอนสายธารแห่งกาลเวลา

 

โดย: สดายุ... 27 มกราคม 2559 21:52:05 น.  

 

สดายุ..

มินตราจะใช้คำว่า"ออเซาะ" แต่สะกดผิดแล้วไม่ตรวจดูความเรียบร้อย....
เลยไม่มีกวีไหนแต่งกลอน"แด่มินตรา"ให้...

เหมือนกันค่ะ ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ไทยของมินตรา ก็เริ่มจาก..ในสมัยอยุธยาตอนชาวอารยันจากเปอร์เซีย
เข้ามาลงทุน สามพันตำลึงเพื่อซื้อ ที่ดินตั้งรกรากในอยุธยา แล้วรับจ้างเป็นตำรวจวัง และ เดินเรือค้าขายระหว่าง จีน และ ยุโรป บนเส้นทางสายไหม
แล้วนำศาสนาอิสลามเข้าสยาม เป็นจุฬาราชมนตรีคนแรก





 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 28 มกราคม 2559 1:42:04 น.  

 

มินตรา ..

ตอนแรกผมเข้าใจผิดคิดว่า เช็คอะหมัด เข้ามาในยุคพระเจ้าปราสาททอง .. แต่วิกิพีเดียกลับบอกว่า ..

"... ปลายแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เฉกอะหมัดและบริวารได้เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา ตั้งบ้านเรือนและห้างร้านค้าขาย อยู่ที่ตำบลท่ากายี ท่านค้าขายจนกระทั่งมีฐานะเป็นเศรษฐีใหญ่ในกรุงศรีอยุธยา ท่านสมรสกับท่านเชย มีบุตร 2 คนและธิดา 1 คน ..."

เพียงแต่ลูกหลานสาวๆหน้าตาแบบแขกนั้นสวยก็จริงแต่ไม่เคยนึกจะเอามาเป็นนางเอกในเรื่องที่เขียน .. อีกทั้งเป็นมุสลิมด้วย เลย 2 เด้ง 555

ลูกหลานขอมเลยได้เป็นนางเอกแทน ..

 

โดย: สดายุ... 28 มกราคม 2559 20:06:55 น.  

 



สดายุ !

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 37.59.6.32 28 มกราคม 2559 20:29:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.